Book,Page,LineNumber,Text 06,0023,001,ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้ทำให้บริบูรณ์ในศีล เป็นผู้ทำพอประมาณ 06,0023,002,ในสมาธิ เป็นผู้ทำพอประมาณในปัญญา [คือเป็นโสดาบัน เป็น 06,0023,003,สกทาคามี] บ้างก็มี เป็นผู้ทำให้บริบูรณ์ ทั้งในศีล ทั้งในสมาธิ แต่ 06,0023,004,เป็นผู้ทำพอประมาณในปัญญา [คือเป็นอนาคามี] บ้างก็มี เป็นผู้ทำ 06,0023,005,ให้บริบูรณ์ ทั้งในศีล ทั้งในสมาธิ ทั้งในปัญญา [คือเป็นอรหันต์] 06,0023,006,บ้างก็มี เธอย่อมล่วงสิกขาบทเล็กน้อยบ้าง ย่อมออกจากอาบัติบ้าง. 06,0023,007,เหตุไฉนจึงเป็นอย่างนั้น. ภิกษุทั้งหลาย เหตุว่าไม่มีใครกล่าวความเป็น 06,0023,008,คนอาภัพ [คือไม่อาจบรรลุโลกุตตรธรรม] เพราะเหตุล่วงสิกขาบทนี้. 06,0023,009,ก็แต่ว่าสิกขาบทเหล่าใด เป็นเบื้องต้นแห่งพรหมจรรย์ สมควรแก่ 06,0023,010,พรหมจรรย์ เธอเป็นผู้มีศีลยั่งยืน เป็นผู้มีศีลมั่นคง ในสิกขาบท 06,0023,011,เหล่านั้น สมาทานศึกษาอยู่ในสิกขาบททั้งหลาย. ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุ 06,0023,012,ผู้ทำได้ดีเพียงเอกเทศ ย่อมทำได้ดีเพียงเอกเทศ ผู้ทำให้บริบูรณ์ได้ 06,0023,013,ย่อมทำให้บริบูรณ์ อย่างนี้แล ภิกษุทั้งหลาย เราจึงกล่าวว่าสิกขาบท 06,0023,014,"ทั้งหลายหาเป็นหมันไม่."" พระสูตรนี้มาในวรรคที่ ๔ แห่งทุติยปัณณา-" 06,0023,015,สกะติกนิบาต อังคุตตรนิกาย ขึ้นที่หน้า ๓๐๑ แห่งฉบับพิมพ์ของหลวง 06,0023,016,ผู้ต้องการจงพลิกดูเถิด. ตามพระสูตรนี้ ยังจัดสิกขาบทที่มาในพระ- 06,0023,017,ปาติโมกข์เป็นสำคัญ ที่ว่าเป็นเบื้องต้นแห่งพรหมจรรย์บ้างก็มี เป็น 06,0023,018,สิกขาบทเล็กน้อยบ้างก็มี. ในที่นี้จัดเอาสิกขาบทที่มาในพระปาติโมกข์ 06,0023,019,ทั้งมวลเป็นสิกขาบทสำคัญ ก็กว้างกว่าในพระสูตรอยู่แล้ว. 06,0023,020,สิกขาบทมาในพระปาติโมกข์ 06,0023,021,บาลีพระสูตรซึ่งแปลมาไว้ในที่นี้แสดงว่า สิกขาบทมาในพระ-