Book,Page,LineNumber,Text 06,0022,001,แต่ก็ไม่มีใครกล้าถอนตรง ๆ เพราะเกรงจะไม่สม่ำเสมอกัน ซ้ำพระ 06,0022,002,ธรรมสังคาหกาจารย์ทั้งหลายห้ามเสีย เมื่อครั้งทำประถมสังคายนาด้วย. 06,0022,003,แม้อย่างนั้น ภิกษุทั้งหลายก็ได้ถอนข้อที่ตนเห็นว่าเล็กน้อยเสีย แต่ 06,0022,004,ได้ถอนโดยทางอ้อม คือไม่ตั้งใจรักษา ทนต้องอาบัติเอา. ข้าพเจ้า 06,0022,005,ตรองหาอุบายจะเรียงพระวินัย แก้ความฟั่นเฝือของสิกขาบททั้งหลาย 06,0022,006,เสีย เพื่อบำรุงความศึกษาและความปฏิบัติของภิกษุทั้งหลายให้ดีขึ้น 06,0022,007,มาคำนึงถึงท่านจัดสิกขาในฝ่ายศีลเป็น ๒ คือ อาทิพรหมจริยกาสกขา 06,0022,008,และอภิสมาจาริกาสิกขา แล้วนำมาเทียบกับสิกขาบทมาในพระปกติโมกข์ 06,0022,009,และนอกจากนั้น ได้พบว่าลงรอยกัน จึงได้ลงสันนิษฐานว่า จักแต่ง 06,0022,010,พรรณนาตามกระทู้ข้างต้น จัดเอาสิกขาบทมาในพระปาติโมกข์ เป็น 06,0022,011,พุทธอาณาที่จะต้องรักษาไว้เป็นหลัก จัดเอาสิกขาบทนอกจากนั้นเป็น 06,0022,012,อภิสมาจาร คือ ขนบธรรมเนียมของภิกษุที่จะพึงรักษาตามสามารถ. แม้ 06,0022,013,จะขาดตกบกพร่องบ้าง ก็ไม่ถึงกับเสียความเคร่งหรือเป็นอลัชชีดอก 06,0022,014,แต่ภิกษุที่สมมติว่าเป็นพระอริยบุคคลแล้ว ยังต้องอาบัติเหมือนกัน. 06,0022,015,จะขอสาธกความนั้นด้วยบาลีในพระสูตรหนึ่ง ซึ่งแปลเอาแต่ใจความ 06,0022,016,"ตามที่ต้องการ ดังนี้ ""ภิกษุทั้งหลาย สิกขาบท ๑๕๐ ถ้วนนี้ ย่อมมาสู่" 06,0022,017,อุทเทส [คือความสวดในท่ามกลางสงฆ์]ทุกกึ่งเดือน ที่กุลบุตรทั้งหลาย 06,0022,018,ผู้ปรารถนาประโยชน์ศึกษากันอยู่. ภิกษุทั้งหลาย สิกขานี้มี ๓ 06,0022,019,ที่สิกขาบททั้งปวงนั้นย่อมรวมกันอยู่. สิกขา ๓ นั้น คืออะไรบ้าง. 06,0022,020,สิกขา ๓ นั้น คือ อธิสีลสิกขา อธิจิตตสิกขา อธิปัญญาสิกขา. ภิกษุ 06,0022,021,ทั้งหลาย นี้แล สิกขา ๓ ที่สิกขาบททั้งปวงนั้นรวมกันอยู่. ภิกษุทั้งหลาย