Book,Page,LineNumber,Text 05,0004,001,ชนมายุกาลแห่งเราถึง ๘๐ ปีเข้านี่แล้ว กายแห่งพระตถาคตย่อม 05,0004,002,เป็นประหนึ่งเกวียนชำรุดที่ซ่อมแซมด้วยไม้ไผ่ มิใช่สัมภาระเกวียน 05,0004,003,ฉะนั้น. 05,0004,004,ดูก่อนอานนท์ สมัยใด พระตถาคตเจ้าเข้าไปถึงซึ่งเจโตสมาธิ 05,0004,005,ความตั้งเสมอแห่งจิตไม่มีนิมิต เพราะไม่ทำในใจซึ่งนิมิตทั้งหลาย 05,0004,006,ทั้งปวง เพราะดับแห่งเวทนาบางเหล่าแล้วแลอยู่เมื่อใด พระตถาคต 05,0004,007,เข้าอนิมิตตเจโตสมาธิ หยุดยั้งอยู่ด้วยอนิมิตตสมาธิแล้ว กายแห่ง 05,0004,008,พระตถาคต ย่อมมีผาสุกสบายในสมัยนั้น. 05,0004,009,"""ดูก่อนอานนท์ เพราะเหตุอนิมิตตสมาธิวิหาร เป็นเหตุให้กาย" 05,0004,010,มีความผาสุกนั้น ท่านทั้งหลายจงมีตนเป็นเกะเป็นที่พึ่ง ใช่บุคคลมีสิ่ง 05,0004,011,"อื่นเป็นที่พึ่ง คือมีธรรมเป็นเกาะเป็นที่พึ่งอยู่ทุกอิริยาบถเถิด."" ตรัส" 05,0004,012,ดังนี้แล้ว ทรงแสดงซึ่งข้อว่ามีตนมีธรรมเป็นที่พึ่งนั้น ด้วยสามารถ 05,0004,013,ประกอบในสติปัฏฐานทั้ง ๔ สั่งสอนภิกษุสงฆ์ในเอกายนมรรค คือ 05,0004,014,สติปัฏฐานภาวนาและปกิรณกเทศนา ตามสมควรแก่อุปปัตตินั้น ๆ 05,0004,015,เสด็จสำราญพระอิริยาบถ บำเพ็ญพุทธกิจ ณ บ้านเวฬุวคาม จนกาล 05,0004,016,ล่วงไปถึงเดือนที่ ๓ แห่งฤดูเหมันต์ ซึ่งพระอรรถกถาจารย์กำหนดว่า 05,0004,017,มาฆบุรณมีสมัยเป็นวันปลงอายุสังขาร ณ ปาวาลเจติยสถาน ดังนี้นั้น. 05,0004,018,ในพระบาลีก็มิได้มีนิยมกาลว่า เป็นฤดู เดือน ปักษ์ ดิถี อันใด 05,0004,019,กล่าวได้แต่โดยเป็นสมัยติดต่อกันฉะนี้ว่า ครั้งนั้น เป็นเวลาเช้า 05,0004,020,สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงถือเอาบาตรและจีวรแล้ว เสด็จโจร