Book,Page,LineNumber,Text 03,009,001,๕ พระองค์ ยกจตุรงคินีเสนาออกจากนคร ไปสร้างพระนาครในดง 03,009,002,"ไม้สักกะประเทศหิมพานต์ ในที่อยู่แห่งกบิลดาบส, จึงขนานนาม" 03,009,003,พระนครที่สร้างใหม่ ให้ต้องกับที่อยู่ของดาบสว่า ' กบิลพัสดุ์ ' แล้ว 03,009,004,สมสู่เป็นคู่กันเอง เว้นแต่พระเชฏฐภคินี สืบศากยวงศ์ลงมา. ฝ่าย 03,009,005,พระเชฏฐภคินี ภายหลังมีพระหฤทัยปฏิพัทธ์กับพรเจ้ากรุงเทวทหะ 03,009,006,ได้สมสู่ด้วยกันแล้ว ตั้งโกลิยวงศ์สืบมา. 03,009,007,ได้ความตามตำนานนี้ว่า สักกชนบทแบ่งเป็นหลายพระนคร 03,009,008,ที่ปรากฏชัดในตำนาน ๓ นคร คือ นครเดิมของพระเจ้าโอกกาก- 03,009,009,ราช ๑ นครกบิลพัสดุ์ ๑ นครเทวทหะ ๑ แต่น่าจะเห็นว่าศากย- 03,009,010,กุมารเหล่านั้น ไม่ได้สร้างนครกบิลพัสดุ์ตำบลเดียว คงสร้างอีก ๓ 03,009,011,"นคร ต่างคู่ต่างอยู่ครองนครแห่งหนึ่ง, แต่ในตำนานเล่าแคบไป" 03,009,012,โดยนัยนี้ น่าจะมีถึง ๖ พระนคร แต่ไม่ปรากฏชื่อ. ( บางทีจะเป็น 03,009,013,รามคามอีกสักแห่งหนึ่ง แต่ในมหาปรินิพพานสูตร เรียกว่าพวก 03,009,014,โกลิยะ ). 03,009,015,"นครเหล่านี้ มีวิธีปกครองอย่างไร ไม่ได้กล่าวชัด, แต่สันนิษ-" 03,009,016,ฐานตามประเพณี ชนบทเช่นนี้ปกครองโดยสามัคคีธรรมเหมือนธรรม- 03,009,017,เนียมในแว่นแคว้นวัชชีและแว่นแคว้นมัลละ ในแว่นแคว้นวัชชี 03,009,018,มีเจ้าวงศ์หนึ่งเรียกว่า ' ลิจฉวี ' ในแว่นแคว้นมัลละ มีเจ้าวงศ์หนึ่ง 03,009,019,เรียกว่า ' มัลละ ' เป็นผู้ปกครอง; แต่ในแว่นแคว้นมัลละมี ๒ นคร 03,009,020,คือ กุสินารา ๑ ปาวา ๑. ในวงศ์เจ้าทั้งสองนั้น ไม่ได้เรียกผู้ใด