Book,Page,LineNumber,Text 37,0012,001,"ของผู้อื่นด้วยการขโมยบ้างเป็นต้น, ผลอันยิ่งกว่านั้นคือความรื่นเริง" 37,0012,002,บันเทิงใจในสวรรค์อันล้วนแต่เป็นทิพย์ ที่เรียกกันว่าสวรรค์สมบัติ 37,0012,003,ตนก็จะต้องได้รับในเมื่อมีศีลสมาธิบริบูรณ์ และผลประโยชน์อย่างสูง 37,0012,004,สุดคือพระนิพพานสมบัติ ตนก็จะต้องเข้าถึงในเมื่อมีปัญญาเต็มรอบ 37,0012,005,ครบถ้วน เป็นอันว่าผู้มีขันติย่อมได้ประสบสุขสมบัติ ๓ อย่าง อย่างใด 37,0012,006,อย่างหนึ่ง คือ มนุษย์สมบัติ สวรรค์สมบัติ และนิพพานสมบัติ 37,0012,007,โดยสมควรแก่กำลังแห่งการปฏิบัติของตน. 37,0012,008,เพราะฉะนั้น ท่านสาธุชนผู้หวังความสุขความเจริญ ควรอบรม 37,0012,009,ขันติธรรมให้เกิดมีขึ้นในตน แต่นั้นก็จักได้รับผลกล่าวคือประโยชน์ ๓ 37,0012,010,ตามที่แสดงมา แม้จะไม่ได้ครบทั้ง ๓ ได้เพียงแต่อย่างเดียวหรือสอง 37,0012,011,อย่างก็ยังนับว่าเป็นการดี เมื่อได้เช่นนี้ก็จะสมกันกับกระทู้ธรรมภาษิต 37,0012,012,ที่ได้ลิขิตไว้เป็นนิกเขปบท ณ เบื้องต้นนั้นว่า 37,0012,013,อตฺตโน จ ปเรสฺจ อตฺถาวโห ว ขนฺติโก 37,0012,014,สคฺคโมกฺขคมํ มคฺคํ อารุฬฺโห โหติ ขนฺติโก 37,0012,015,แปลว่า ผู้มีขันติย่อมนำประโยชน์มาทั้งแก่ตนทั้งแก่ผู้อื่น ผู้มี 37,0012,016,ขันติชื่อว่าเป็นผู้ขึ้นสู่ทางเป็นที่ไปสวรรค์และนิพพานดังนี้ ซึ่งมีอรรถา- 37,0012,017,ธิบายดังบรรยายมา ด้วยประการฉะนี้. 37,0012,018,ข้อสังเกต 37,0012,019,เมื่อนักเรียนสังเกตดูตัวอย่างสังเขปที่เขียนมานี้ ก็จะเห็นได้ว่า 37,0012,020,กระทู้ตั้งเป็นส่วนสำคัญ คำพูดต่าง ๆ เราจะต้องอยู่ในกรอบขอบเขต 37,0012,021,ของกระทู้ตั้ง โดยเฉพาะประโยคคือคาถา คือเบื้องหน้ากระทู้ที่อ้างมา