Book,Page,LineNumber,Text
33,0037,001,๓. พูดล้อเล่นตรง ๆ หรือ อ้อม แก่ผู้ใดก็ตาม ต้องทุพภาสิต
33,0037,002,(มีเฉพาะในสิกขาบทนี้แห่งเดียว).
33,0037,003,สิกขาบทที่ ๓ ส่อเสียด.
33,0037,004,การพูดยุให้เขาแตกกัน เขาจะแตกหรือไม่แตกก็ตาม ปรับโทษ
33,0037,005,ดังนี้ :-
33,0037,006,๑. พูดยุภิกษุต่อภิกษุให้แตกกัน ต้องปาจิตตีย์.
33,0037,007,๒. พูดยุภิกษุ กับ อนุสัมบัน หรืออนุสัมบันทั้ง ๒ ฝ่าย ให้
33,0037,008,แตกกัน ต้องทุกกฏ.
33,0037,009,๓. พูดยุยงซึ่งใครก็ตามด้วยคำเท็จ ควรปรับปาจิตตีย์ ด้วยมุสาวาท-
33,0037,010,สิกขาบท.
33,0037,011,อนึ่ง พูดให้แตกกัน อาจถึงสังฆาทิเสสได้.
33,0037,012,สิกขาบทที่ ๔ สอนธรรมแก่อนุปสัมบัน.
33,0037,013,๑. อนุปสัมบัน ในสิกขาบทนี้ หมายถึงผู้หญิงและผู้ชาย นอก
33,0037,014,จากภิกษุ.
33,0037,015,๒. ธรรม ในสิกขาบทนี้ หมายถึงพุทธภาษิต สาวกภาษิต
33,0037,016,อิสิภาษิต และเทวดาภาษิต.
33,0037,017,ว่าขึ้นพร้อมกัน จบลงพร้อมกัน ชื่อว่า ให้กล่าวโดยบท.
33,0037,018,ภิกษุนำขึ้น อนุปสัมบันว่ารับพร้อมกันจนจบ ชื่อว่า ให้กล่าว
33,0037,019,โดยอนุบท.
33,0037,020,ในบทเดียวกัน ว่าขึ้นอักษรร่วมกันบ้าง ไม่ร่วมบ้าง ชื่อว่า ให้
33,0037,021,กล่าวโดยอนุอักขระ.