Book,Page,LineNumber,Text 32,0046,001,ต. พระองค์ทรงสมบูรณ์ด้วยพระสิริราชสมบัติทุกประการ น่า 32,0046,002,จะเป็นที่ล่อพระทัยอยู่ก็จริง แต่เพราะพระองค์เป็นผู้มีพระบารมีและ 32,0046,003,อินทรีย์อันได้อบรมมา จึงทำให้พระหฤทัยกลับเบื่อหน่ายเสียอีก ทั้ง 32,0046,004,ได้ทอดพระเนตรเห็นเทวทูตทั้ง ๔ คือ คนแก่ คนเจ็บ คนตาย กับ 32,0046,005,เพศบรรพชิต ยิ่งมีพระหฤทัยสังเวชมากขึ้น จึงได้ทรงพระดำริต่อ 32,0046,006,ไปว่า บรรดาสภาวธรรมทั้งปวงย่อมมีของแก้ตรงกันข้าม เช่นมีร้อน 32,0046,007,อย่างนี้มีเย็นแก้ มีมืดแล้วคงมีสว่างแก้ บางที่จะมีทางแก้ทุกข์ ๓ 32,0046,008,อย่างนี้ได้บ้างกระมัง แต่อยู่ในฆราวาสไม่อาจแสวงหาได้ เพราะ 32,0046,009,เพศนี้เป็นที่ตั้งแห่งความคับแค้นและเป็นที่ตั้งแห่งอารมณ์ อันเป็นที่ทำ 32,0046,010,ใจให้เศร้าหมองขุ่นมัว ดุจเป็นทางมาแห่งธุลี บรรพชานี้แลเป็นช่อง 32,0046,011,ฉะนั้น พระองค์จึงได้เสด็จออกทรงผนวชเสีย ดังนี้. 32,0046,012,๑๕/๑๑/๕๙ 32,0046,013,ถ. ปฏิปทาของนักปราชญ์ ที่ยอมสละธรรมที่ชอบ ด้วยมุ่ง 32,0046,014,ผลอย่างหนึ่ง ดูไม่ปรากฏมิใช่หรือ ? เมื่อเช่นนี้ ข้อว่าเสด็จหนีออก 32,0046,015,บรรพชาก็ดี เสด็จออกทั้งที่พระมารดาบิดาทรงกันแสงอยู่ก็ดี ก็เป็น 32,0046,016,ข้อที่กลืนไม่ลงนะซิ ? 32,0046,017,ต. กลืนไม่ลงจริง. แต่หาใช่กลืนไม่ลงเพราะทึกทักเอาว่าเป็น 32,0046,018,การเสพปฏิปทาแห่งนักปราชญ์ ดังสำนวนที่ทำให้เป็นเท่าเป็นทางไว้ 32,0046,019,ในปัญหาไม่ คือกลืนไม่ลงเพราะยังไม่ได้เหตุอันพอ โดยประการอื่น