Book,Page,LineNumber,Text 21,0048,001,กรุณาจิตไปในสัตว์ไม่มีประมาณ พึงบริกรรมว่า สัตว์ทั้งหลายทั้ง 21,0048,002,สิ้นจงพ้นจากทุกข์เทอญ. เมื่อโยคาพจรกุลบุตรทำบริกรรมนึกอยู่ดังนี้ 21,0048,003,เนือง ๆ ร่ำไปไม่หยุด ก็จะมละเสียได้ซึ่งวิเหสาความเบียดเบียนสัตว์ 21,0048,004,นีวรณธรรมก็จะสงบระงับไปจากจิต จิตก็จะตั้งมั่นเป็นขณิกสมาธิ 21,0048,005,และอุปจารสมาธิและอัปปนาสมาธิโดยลำดับ สำเร็จเป็นกามาพจรกุศล 21,0048,006,และอรูปาพจรกุศล. กรุณาพรหมวิหาร ยุติแต่เท่านี้. 21,0048,007,จะอธิบายในมุทิตาพรหมวิหารต่อไปว่า เมื่อโยคาพจรกุลบุตร 21,0048,008,ได้เห็นหรือได้ยินซึ่งมนุษย์หรือสัตว์เป็นที่เป็นสุขสบาย เจริญอยู่ในสมบัติ 21,0048,009,ของตน ๆแล้ว พึงทำจิตให้ชื่นชมยินดีในสุขสมบัติของมนุษย์และสัตว์ 21,0048,010,เหล่านั้น แผ่มุทิตาจิตไปว่า สัตว์ผู้นี้หนอบริบูรณ์ยิ่งนัก มีสุขสมบัติมาก 21,0048,011,จงเจริญยั่งยืนอยู่ในสุขสมบัติที่ตน ๆ เทอญ. ถ้าจะแผ่มุทิตาจิตไป 21,0048,012,ในสัตว์ไม่มีประมาณ พึงทำบริกรรมนึกว่า สัตว์ทั้งหลายทั้งสิ้น 21,0048,013,จงอย่าเสื่อมวิบัติไปจากสุขสมบัติที่ตนได้แล้วเลย. หรือนึกว่าสัตว์ทั้ง 21,0048,014,หลายทั้งสิ้น จงยั่งยืนอยู่ในสุขสมบัติของตน ๆ เทอญ. เมื่อบริกรรม 21,0048,015,นึกอยู่ดังนี้ร่ำไปไม่หยุด ก็จะมละเสียได้ซึ่งความยินดีในสมบัติของสัตว์ 21,0048,016,อื่น ก็จะได้สำเร็จขณิกสมาธิและอุปจารสมาธิและอัปปนาสมาธิโดย 21,0048,017,ลำดับ. มุทิตาพรหมวิหาร ยุติแต่เท่านี้. 21,0048,018,จะอธิบายในอุเบกขาพรหมวิหารต่อไปว่า โยคาพจรกุลบุตร 21,0048,019,ผู้เจริญอุเบกขาพรหมวิหารนั้น พึงแผ่อุเบกขาไปในหมู่สัตว์ ทำจิต 21,0048,020,ให้เป็นกลาง ๆ อย่าดีใจเสียใจเหตุสุขทุกข์ของสัตว์ทั้งสิ้น บริกรรมนึก 21,0048,021,"ไปว่า สัตว์ทั้งหลายทั้งสิ้นมีกรรมเป็นของ ๆ ตน ""เป็นอยู่เช่นใดก็จง"