Book,Page,LineNumber,Text 21,0044,001,ไปข้างไหน คงจะมีอยู่เป็นแท้ แต่ทว่าปัญญาท่านน้อยจึงกำหนดไม่ได้ 21,0044,002,เมื่อตักเตือนตนดังนี้แล้ว พึงตั้งสติกำหนดที่ลมมากระทบ ครั้นจับลม 21,0044,003,อันมากระทบเป็นปรกติได้แล้ว พึงมนสิการซึ่งลมนั้นง แท้จริงลมอัสสาสะ 21,0044,004,ปัสสาสะนั้น ถ้าคนมีนาสิกยาว ลมกระทบกระพุ้งจมูก ถ้าคนมีนาสิกาสั้น 21,0044,005,ลมกระทบริมปลายปากเบื้องบน เหตุดังนั้น ให้โยคาพจรกุลบุตร 21,0044,006,เอาสติคอยกำหนดซึ่งลมว่าจะมากระทบซึ่งที่อันนี้ ดุจบุรุษไถนาด้วยโค 21,0044,007,แล้วปล่อยโคให้ไปเที่ยวกินหญ้ากินน้ำ ส่วนตนนั้นก็เข้านั่งอยู่ใต้ร่มไม้ 21,0044,008,เพื่อระงับกระวนกระวาย ฝ่ายโคนั้นก็เข้าไปยังป่าชัฏด้วยกำลังเร็ว บุรุษ 21,0044,009,ไถนานั้นปรารถนาจะจับโคมาเทียมแอกไถนาต้องไปอีก จะได้ตามรอยเท้า 21,0044,010,โคไปในป่าชัฏหามิได้ ถือเชือกและปฏักแล้ว ก็ตรงไปยังประเทศที่โค 21,0044,011,เคยลง นั่งคอยนอนคอยอยู่ในที่นั้น ฝ่ายโคเที่ยวหาอาหารกินอิ่มแล้ว 21,0044,012,ก็ลงไปยังท่าน้ำ กินน้ำแล้วก็กลับมา เจ้าของโคนั้นเห็นก็จับโคนั้นมาผูก 21,0044,013,ด้วยเชือกแทงด้วยปฏักแล้ว ก็พามาเทียมแอกเข้าไถนาไปอีกเล่า ข้อนี้ 21,0044,014,แลฉันใด โยคาพจรผู้เจริญอานาปานัสสติกัมมัฏฐานนี้ เมื่อลมอัสสาสะ 21,0044,015,ปัสสาสะสูญหายไปแล้ว อย่าพึงไปแสวงหาในที่อื่น พึงถือซึ่งเชือกคือสติ 21,0044,016,ปฏักคือปัญญา ตั้งไว้ซึ่งจิตคอยประจำอยู่ในที่อันลมเคยถูกต้องโดย 21,0044,017,ปรกติ อุตสาหะมนสิการกำหนดไป ไม่ช้าลมนั้นก็จะปรากฏ ดุจโค 21,0044,018,อันลงมาสู่ท่า ลำดับนั้นก็จะจับลมอัสสาสะปัสสาสะได้ ผูกให้มั่นด้วย 21,0044,019,เชือกคือสติ เอามาประกอบเข้าในที่อันลมเคยถูกต้องนั้นแล้ว ก็แทง 21,0044,020,ด้วยปฏักคือปัญญาแล้ว ก็พึงประกอบซึ่งกัมมัฏฐานเนือง ๆ เมื่อ 21,0044,021,โยคาพจรประกอบเนือง ๆ ดังนี้ มิช้าอุคคหนิมิตและปฏิภาคนิมิต ก็