Book,Page,LineNumber,Text 21,0032,001,กิเลสเครื่องย้อมใจ หรือว่าพระนิพพานนี้เป็นที่ดับราคะ โทสะ โมหะ 21,0032,002,โดยไม่เหลือ หรือว่าพระนิพพานนี้เป็นที่ดับเพลิงกิเลสและกองทุกข์ 21,0032,003,เป็นสุขอย่างยิ่ง ราคะ โทสะ โมหะ ๓ นี้ชื่อว่าเพลิงกิเลส เพราะเกิด 21,0032,004,ขึ้นกับจิต ทำจิตให้เศร้าหมองขุ่นมัวด้วย ทำจิตให้ร้อนกระสับกระส่าย 21,0032,005,ด้วยชาติความเกิด ชราความแก่ มรณะความตาย โสกะความแห้ง 21,0032,006,ใจ ปริเทวะความร่ำไรพร่ำบ่นด้วยวาจา ทุกข์ความเจ็บกาย โทมนัส 21,0032,007,ความเสียใจ อุปยาสความคับแค้นใน ๘ นี้ชื่อว่ากองทุกข์ เพราะ 21,0032,008,เป็นเหตุแห่งความทุกข์ต่าง ๆ ด้วย เป็นตัวทุกข์เหลือทนด้วยเพลิง 21,0032,009,กิเลสมีราคะเป็นต้น กองทุกข์มีชาติเป็นต้นเหล่านี้ มาถึงพระนิพพาน 21,0032,010,แล้ว ย่อมดับสิ้นไปหมดไม่เหลืออยู่ได้ เหตุนั้นพระนิพพานนั้นจึงเป็น 21,0032,011,"สุขอย่างยิ่ง, ให้โยคาพจรกุลบุตรผู้เจริญอุปมานุสติ พึงระลึกถึงคุณ" 21,0032,012,ของพระนิพพานบทใดบทหนึ่งเป็นอารมณ์ โดยนับดังกล่าวมานี้ เมื่อ 21,0032,013,ระลึกถึงคุณของพระนิพพานนั้นอยู่เนื่อง ๆ ร่ำไป จิตก็จะสงบระงับ 21,0032,014,จากราคะ โทสะ โมหะ ตั้งมั่นเป็นขณิกสมาธิและอุปจารสมาธิโดย 21,0032,015,ลำดับ สำเร็จเป็นกามาพจรกุศลบุญราศี. 21,0032,016,วินิจฉัยในอุปสมานุสสติ ยุติแต่เท่านี้. 21,0032,017,จะวินิจฉัยในมรณัสสติต่อไปนี้ โยคาพจรกุลบุตรผู้จะเจริญ 21,0032,018,มรณัสสตินั้น พึงไปยังที่สงัดแล้ว กระทำบริกรรมนึกไปว่า ความตาย 21,0032,019,จักมีแก่เรา เราจักต้องตายดังนี้ หรือนึกว่า ชีวิตของเราจักขาด 21,0032,020,ไปดังนี้ หรือจะนึกว่า เรามีความตายเป็นธรรมดา ล่วงความตายไป 21,0032,021,ไม่ได้ ดังนี้ก็ได้ เมื่อทำบริกรรมนั้น พึงทำในใจนึกด้วยอุบาย อย่าได้