Book,Page,LineNumber,Text 21,0002,001,ความแก่ เจ็บ ตายเป็นธรรมดา ไม่ล่วงพ้นความแก่ เจ็บ ตายไปได้ และ 21,0002,002,จะต้องวิโยคพลัดพรากจากสัตว์และสังขาร สิ่งของที่รักใคร่ และมีกรรม 21,0002,003,คือบุญบาปที่ตนทำไว้เป็นของ ๆ ตน เป็นต้นฉะนี้จนละนีวรณูปกิเลส 21,0002,004,ได้ ขณะหนึ่งครู่หนึ่งก็ดี ก็จัดเป็นสมถภาวนา. อนึ่ง ในสติปัฏฐาน 21,0002,005,ทั้ง ๔ คือ กายานุปัสสนา ปัญญาพิจารณาตามเห็นซึ่งกาย โดยบรรพ 21,0002,006,๑๔ ข้อ คือ กำหนดรู้ลมหายใจเข้าออกยาวสั่นหยาบละเอียดเป็นต้น 21,0002,007,เรียกว่าอานาปานบรรพข้อ ๑ คือ กำหนดรู้ อิริยาบถ ๔ ยืน เดิน นั่ง 21,0002,008,นอน ว่า สำเร็จเป็นไปได้ เพราะลมและจิตที่คิด เรียกว่าอิริยาปถ- 21,0002,009,บรรพข้อ ๑ กำหนดรู้รอบคอบในวิการของกาย มีก้าวไปข้างหน้าและ 21,0002,010,ถอยกลับมาข้างหลังเป็นต้น ทุกขณะวิการของกายมิได้ลุ่มหลง เรียกว่า 21,0002,011,สัมปชัญญบรรพข้อ ๑ กำหนดพิจารณากายตน และกายผู้อื่นโดยความ 21,0002,012,เป็นของปฏิกูลไม่งามไม่สะอาด เต็มไปด้วยอสุภะเป็นของไม่งามเน่า 21,0002,013,เกลียด ๓๑ ส่วน มีผมขนเล็บฟันหนังเป็นต้น เรียกว่าปฏิกูลบรรพข้อ ๑ 21,0002,014,พิจารณากายตนและกายผู้อื่นโดยธาตุ ๔ คือสิ่งแข็งกระด้าง กำหนดว่า 21,0002,015,เป็นธาตุดิน สิ่งที่อ่อนที่เหลวซึมซาบไปในดิน ทำให้ดินเหนียวติดกัน 21,0002,016,เป็นก้อนอยู่ได้ กำหนดว่าเป็นธาตุน้ำ สิ่งที่ทำดินและน้ำนั้นให้อุ่นให้ 21,0002,017,ร้อนไห้แห่งเกรียมไปเป็นต้นกำหนดว่าเป็นธาตุไฟ สิ่งที่อุปถัมภ์อุดหนุน 21,0002,018,พยุงดินและน้ำไว้ และทำให้ไหวติงไปมาได้ และรักษาไฟไว้มิให้ดับไป 21,0002,019,ได้ กำหนดว่าเป็นธาตุลม เรียกว่าธาตุบรรพข้อ ๑ อนึ่งเมื่อได้เห็นอสุภ 21,0002,020,๙ อย่าง คือซากศพที่เขาทิ้งไว้ในต่าง ๆ มีป่าช้าเป็นต้น อันตายแล้ววัน 21,0002,021,หนึ่งหรือ ๒ วัน ๓ วัน ขึ้นพองมีสีเขียวและมีบุพโพไหลออกอยู่ ๑ คือ 21,0002,022,ซากศพที่เขาทิ้งไว้ อันสัตว์ทั้งหลายมีสุนัขเป็นต้นกัดกินแล้ว ๑ คือซาก