Book,Page,LineNumber,Text 11,0032,001,วิมุตติสุข ๗ วัน ทรงเปล่งอุทาน ณ ที่นั้นว่า ความสงัดเป็นสุขของ 11,0032,002,บุคคลมีธรรมอันได้สดับแล้ว ยินดีอยู่ในที่สงัด รู้เห็นสังขารทั้งปวง 11,0032,003,ตามเป็นจริงอย่างไร ความเป็นคนไม่มีความเบียดเบียนต่าง ๆ คือ 11,0032,004,ความสำรวมในสัตว์ทั้งหลาย และความเป็นคนมีความกำหนัดไป 11,0032,005,ปราศจากสันดานแล้ว คือ ความล่วงกามทั้งหลายเสียได้ด้วยประการ 11,0032,006,ทั้งปวง เป็นสุขในโลก ความนำอัสมิมานะ คือ ความถือว่าตัวตนให้ 11,0032,007,"หมดได้นี้ เป็นสุขอย่างยิ่ง, ครั้นล่วง ๗ วันแล้ว เสด็จออกจากร่มไม้" 11,0032,008,มุจลินท์ไปยังไม้เกตซึ่งได้นามว่า ราชายตนะ ทรงนั่งเสวยวิมุตติสุข 11,0032,009,๗ วัน สมัยนั้นพาณิชสองคน ชื่อตปุสสะ ๑ ภัลลิกะ ๑ เดินทาง 11,0032,010,ไกลมาจากอุกกลชนบทถึงที่นั้น ได้เห็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประทับ 11,0032,011,อยู่ภายใต้ต้นไม้ราชายตนะ จึงนำสัตตุผง สัตตุก้อน ซึ่งเป็นเสบียง 11,0032,012,สำหรับเดินทางเข้าไปถวายแล้ว ยืน ณ ที่สมควรส่วนข้างหนึ่ง พระองค์ 11,0032,013,ทรงรับแล้วเสวยเสร็จแล้ว พาณิชสองคนนั้นกราบทูลแสดงตนเป็น 11,0032,014,อุบาสก อ้างพระองค์กับทั้งพระธรรมเป็นที่ระลึกตลอดชีวิต เป็นปฐม- 11,0032,015,อุบาสกขึ้นในพระพุทธกาล แล้วหลีกไป. 11,0032,016,ครั้นล่วง ๗ วันแล้ว เสด็จออกจาร่มไม้ราชายตนะ เสด็จ 11,0032,017,กลับไปประทับภายใต้ร่มไม้อชปาลนิโครธอีก พระองค์ดำริถึงธรรมที่ 11,0032,018,พระองค์ได้ตรัสรู้แล้ว ว่าเป็นของลึก ยากที่บุคคลผู้ยินดีในอาลัยจะ 11,0032,019,ตรัสรู้ตามได้ แต่อาศัยพระกรุณาในหมู่สัตว์จึงพิจารณาดูว่า จะมีผู้รู้ 11,0032,020,ทั่วถึงธรรมนั้นบ้างหรือไม่ ก็ทรงทราบด้วยพระปัญญาว่า บุคคลที่มี 11,0032,021,กิเลสน้อยเบาบางก็มี กิเลสหนาก็มี มีอินทรีย์คือศรัทธาความเพียร