Book,Page,LineNumber,Text 34,0049,001,แผ่พรหมวิหารธรรมไปในบุตร คือปรารถนาให้บุตรได้รับสุขเสมอไป. 34,0049,002,"คิดช่วยเหลือบุตรให้พ้นทุกข์ในคราวบุตรมีความทุกข์, พลอยยินดีชื่นชม " 34,0049,003,"ในคราวบุตรพ้นทุกข์ หรือได้มีลาภ ยศ สรรเสริญ สุข, วางเฉยใน" 34,0049,004,คราวบุตรมั่นคงอยู่ในสุข. อนึ่ง มารดาชื่อว่าเป็นบุรพาจารย์ของบุตร 34,0049,005,เพราะเป็นผู้สอนก่อนกว่าอาจารย์อื่น คือสอนให้นั่ง ให้ยืน ให้เดิน 34,0049,006,ให้พูด ให้นุ่งห่ม เป็นต้น. เพราะฉะนั้น บุตรที่เป็นสัตบุรุษคือคนดี 34,0049,007,จึงสำนึกในพระคุณ และตอบแทนพระคุณมารดาบิดา ด้วยการปฏิบัติ 34,0049,008,บำรุงให้ท่านเป็นสุข จนสุดความสามารถของตน. หลักการอุปัฏฐาก 34,0049,009,มารดาบิดา ๕ ประการ คือ ๑. เลี้ยงดูให้ท่านเป็นสุข ๒. ทำกิจของ 34,0049,010,ท่าน ๓. ดำรงวงศ์สกุล ๔. ประพฤติตนให้สมควรรับรักษาทรัพย์มรดก 34,0049,011,ไว้ได้ ๕. เมื่อท่านล่วงลับไปทำบุญอุทิศให้. 34,0049,012,อธิบายชื่อหมวดธรรม 34,0049,013,ทาน ปัพพัชชา มาตาปิตุอุปัฏฐาน ๓ อย่างนี้ รวมเรียกว่า 34,0049,014,สัปปุริสบัญญัติ แปลว่า ข้อที่ท่านบุรุษตั้งไว้ หรือเรียกว่า ปัณฑิต- 34,0049,015,บัญญัติ แปลว่า ข้อที่บัณฑิตตั้งไว้ หมายความว่า ไม่ใช่พระพุทธเจ้า 34,0049,016,ทรงตั้งขึ้น แต่เป็นสัตบุรุษคือคนดีและบัณฑิตคือคนฉลาดตั้งไว้ก่อนแล้ว 34,0049,017,พระพุทธเจ้าทรงเห็นว่าเป็นข้อที่ดีจึงทรงนำมาแสดงอีก เพราะเป็นข้อที่ 34,0049,018,ทุกคนควรปฏิบัติให้เกี่ยวเนื่อง ดังต่อไปนี้ :- 34,0049,019,ในเบื้องต้นคนเราไม่ควรเห็นแก่ตัว คือไม่มุ่งความสุขแก่ตนคน 34,0049,020,เดียว เพราะตนคนเดียวอยู่ในโลกนี้ไม่ได้ ต้องอาศัยทานที่คนอื่นให้มา 34,0049,021,ก่อน ฉะนั้น เมื่อถึงเวลาตนต้องให้ทานแก่ผู้อื่นเพื่อเปลื้องหนี้บุญคุณบ้าง 34,0049,022,ต้องให้ทานเพื่อช่วยเหลือและผูกมิตรไมตรีกับผู้อื่นบ้าง เมื่อต่างคนต่างให้