Book,Page,LineNumber,Text 30,0020,001,ต. ย่อมไม่ชื่อว่าเป็นบุรพการี และกตัญญูกตเวทีของกันและกัน 30,0020,002,เพราะไม่ได้ทำถูกต้องตามหน้าที่ทั้งสองฝ่าย การกระทำนี้นับว่าเป็น 30,0020,003,พาณิชยการอย่างหนึ่งซึ่งแลกประโยชน์กัน อันผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นบุรพ- 30,0020,004,การีของเขาได้ ก็เพราะทำโดยไม่หวังผลประโยชน์ตอบแทน ทำโดย 30,0020,005,มุ่งเฉลี่ยความสุขให้ผู้อื่น ส่วนผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นกตัญญูกตเวทีนั้น ก็ 30,0020,006,ต้องทำโดยรู้สึกว่าท่านเป็นผู้มีอุปการะแก่ตนแล้ว และทำปฏิการะตอบ 30,0020,007,ไม่ทำเพราะเหตุความจำเป็น เช่นกู้หนี้ยืมสินแล้ว จำเป็นต้องเสีย 30,0020,008,ดอกเบี้ยฉะนั้น. 30,0020,009,๒๔๖๕ 30,0020,010,ถ. ถ้าต้องการจะเป็นคนกตัญญูกตเวที จะต้องทำอย่างไร ? 30,0020,011,จงอธิบายพอเป็นตัวอย่างแห่งการปฏิบัติ. 30,0020,012,ต. ต้องทำอย่างนี้ คือ บุคคลทั้งหลายที่เกิดมาในโลก เบื้อง 30,0020,013,ต้นจำต้องได้รับอุปถัมภ์บำรุงจากบุรพชนก่อน มีมารดาบิดาเป็น 30,0020,014,ต้น ครั้นต่อมาตนเจริญขึ้นแล้ว ระลึกถึงอุปการะ คือตอบแทนฉลอง 30,0020,015,พระเดชพระคุณท่าน ได้ชื่อว่าเป็นผู้กตัญญูกตเวที แปลว่า รู้อุปการะ- 30,0020,016,คุณที่ท่านทำแล้วและตอบแทนอุปการะของท่าน. 30,0020,017,อนึ่ง ในทางครอบครัว มารดาบิดาได้อุปการะคือได้เลี้ยงด 30,0020,018,ูและทำนุบำรุงบุตรธิดามาก่อน จึงได้ชื่อว่าเป็นบุรพการีของบุตรและ 30,0020,019,ธิดา ฝ่ายบุตรและธิดาเมื่อได้รับอุปการะเช่นนั้นแล้วไม่ลืมเสีย เอา 30,0020,020,ธุระของมารดาบิดา ได้ชื่อว่ากตัญญูกตเวที.