Book,Page,LineNumber,Text 07,0040,001,สักกะผู้บิดา เราได้สงัดจากกามทั้งหลาย สงัดจากอกุศลธรรมทั้งหลาย 07,0040,002,แล้วเขาไปถึงพร้อมบรรลุปฐมฌาน วิตกวิจาร มีปีติสุขและสุขเกิดแต่วิเวก 07,0040,003,หรือสมาธินั้นจะพึงเป็นหนทางเพื่อจะตรัสรู้. 07,0040,004,ครั้งนั้น สตานุสารีวิญญาณ วิญญาณไปตามสติก็ได้เกิดมีแด่พระ 07,0040,005,มหาบุรุษเจ้าว่า สมาธินั้นแลเป็นหนทางเพื่อจะตรัสรู้ เรากลัวแต่สุขที่ 07,0040,006,เว้นจากกามทั้งหลาย เว้นอกุศลธรรมทั้งหลายนั้นหรือ เราไม่กลัวแต่สุข 07,0040,007,อันนิราศจากกามและอกุศลธรรมนั้นดอก ก็แต่ความสุขนั้น อันบุคคลมี 07,0040,008,กายหิวอ่อนเกินประมาณอยู่อย่างนี้ ไม่ทำง่ายเพื่อจะได้ เมื่อบุคคลมี 07,0040,009,กายถึงซึ่งความบอบช้ำหิวอ่อนนักอยู่อย่างนี้แล้ว ไม่ได้บรรลุความสุข 07,0040,010,นั้นได้ง่ายเลย ไฉนหนอเราพึงกลืนกินซึ่งอาหารหยาบ คือข้าวสุก 07,0040,011,และกุมมาสเถิด แต่นั้นพระมหาบุรุษก็สละทุกรกิริยานั้นเสีย เสวย 07,0040,012,พระอาหารหยาบข้าวสุกและกุมมาสตามปกติเหมือนแต่ก่อนนั้น. 07,0040,013,ครั้งนั้น ภิกษุทั้ง ๕ ซึ่งมีนามบัญญัติสมัญญาว่าเบญจวัคคีย์ 07,0040,014,หวังต่อคุณพิเศษทางอุตริมนุสสธรรมแต่พระมหาบุรุษเจ้าเป็นเบื้องหน้า 07,0040,015,มาบำรุงปฏิบัติพระองค์อยู่เนืองนิตย์ ด้วยความประสงค์จำนงจิตต่อ 07,0040,016,อลมริยญาณทัสสนะวิเศษ ซึ่งพระโพธิสัตว์เจ้าจะได้ตรัสรู้แล้วประทาน 07,0040,017,แก่ตน ครั้นเห็นพระมหาบุรุษเสวยพระอาหารหยาบฉะนั้น ก็เบือน 07,0040,018,จิตคิดเห็นว่า พระองค์ทรงมักมากคลายเสียจากความเพียรหันเวียนมา 07,0040,019,เพื่อฟุ่มเฟือยนักแล้ว จึงพร้อมกันทั้ง ๕ หลีกไปเสียจากพระมหา- 07,0040,020,บุรุษโพธิสัตว์เจ้านั้น ไม่อาลัย. ให้บัณฑิตพึงสันนิษฐานในที่นี้ว่า ซึ่ง 07,0040,021,ภิกษุเบญจวัคคีย์ได้มาปฏิบัติพระองค์อยู่แล้ว หลีกไป ณ ภายหลังฉะนี้