Book,Page,LineNumber,Text 04,0042,001,ต้อนรับปราศรัยกับเราอย่างเบิกบาน แต่ในครั้งนี้ ท่านเฉยเสีย มัว 04,0042,002,สั่งบ่าวให้หุงข้าวทำกับข้าวของกินอย่างชุลมุน ชะรอยจะมีการสมรส 04,0042,003,หรือบูชามหายัญ หรือเชิญเสด็จพระเจ้าพิมพิสารกับพลนิกายมาเลี้ยง 04,0042,004,ในวันพรุ่ง. ฝ่ายราชคหกเศรษฐีสั่งการเสร็จแล้ว มาต้องรับอนาถ- 04,0042,005,ปิณฑิกะตายเคย. อนาถปิณฑิกะจึงยกเอาการที่คาดคะเณนั้นขึ้นถาม. 04,0042,006,ราชคหกเศรษฐีบอกว่า มิได้ปรารภจะทำการสมรสหรือเชิญเสด็จ 04,0042,007,พระเจ้าพิมพิสารมาเลี้ยง แต่เรียกว่าทำมหายัญได้อยู่ คือได้นิมนต์ 04,0042,008,พระภิกษุสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข เพื่อฉันในวันพรุ่ง. อนาถ- 04,0042,009,ปิณฑิกะ ได้ยินเสียงออกพระนามพระพุทธเจ้าตกตลึง ย้อนถามให้ 04,0042,010,ราชคหกเศรษฐีปฏิญญาว่า ได้กล่าวออกพระนามพระพุทธเจ้าถึงสาม 04,0042,011,ครั้ง แล้วพูดออกมาว่า แม้เพียงเสียงว่าพระพุทธเจ้าเท่านี้ ก็ยังยาก 04,0042,012,ที่จะได้ฟังในโลก แต่นั้นใคร่จะได้เฝ้าพระศาสดา แต่ราชคหกเศรษฐี 04,0042,013,ห้ามว่า ไม่เป็นเวลาที่สมควรจะเฝ้า. พอรุ่งขึ้น ก่อนภัตตกาล อนาถ- 04,0042,014,ปิณฑิกะรีบไปเฝ้าพระศาสดา ณ สีตวัน ได้ฟังอนุปุพพีกถาและจตุรา- 04,0042,015,ริยสัจแล้วได้ธรรมจักษุ ที่ท่านว่าบรรลุพระโสดาปัตติผล กราบทูล 04,0042,016,ประกาศตนเป็นอุบาสกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นสรณะ 04,0042,017,ตลอดชีวิต. 04,0042,018,(ทรงไว้ที่ค้นได้เพียงเท่านี้.)