Book,Page,LineNumber,Text 46,0014,001,ด้วยว่า เมื่ออสังวรเกิดขึ้นแล้ว ความที่ทวารเป็นต้นเหตุแห่ง 46,0014,002,อสังวรนั้นย่อมปรากฏ. และอสังวรนั้นพอเกิดขึ้นเท่านั้น ก็ห้ามความ 46,0014,003,ที่ทวารเป็นอาทิ เป็นอุปนิสัยแห่งสังวรทีเดียว ย่อมเป็นไปแล. ก็ใน 46,0014,004,สังวรและอสังวรทั้ง ๒ นี้ ลำดับความเป็นไปแห่งอสังวรทั้งหลายดังนี้ 46,0014,005,"เมื่ออารมณ์มีรูปารมณ์เป็นต้น ไปสู่คลองในปัญจทวาร, เมื่ออกุศล-" 46,0014,006,ชวนะเกิดขึ้นตามปัจจัยแล้วหยั่งลงสู่ภวังค์. ชวนะอันเป็นไปทางมโน- 46,0014,007,ทวาร ทำอารมณ์มีรูปเป็นต้นนั้นนั่นเอง ให้เป็นเครื่องยึดหน่วงแล้ว 46,0014,008,หยั่งลงสู่ภวังค์. ชวนะกำหนดอารมณ์ในทวารนั้นนั่นแล โดยนัย 46,0014,009,"เป็นต้นว่า ""หญิง ชาย"" แล้วกลับลงสู่ภวังค์อีก. ในวาระต่อไป" 46,0014,010,ชวนะย่อมแล่นไปด้วยอำนาจการมีความกำหนัดเป็นต้น. อารมณ์เช่นนั้น 46,0014,011,ย่อมกลับมาสู่คลองแม้อีก. ชวนะเช่นนั้นนั่นแล ก็เกิดขึ้นในรูปารมณ์ 46,0014,012,เป็นอาทิในปัญจทวาร. ท่านหมายเอาชวนะนั้น จึงกล่าวคำเป็นต้นว่า 46,0014,013,"""เมื่อโทษเครื่องทุศีลเป็นต้นเกิดขึ้นแล้วในชวนะ, ครั้นเมื่ออสังวรนั้น" 46,0014,014,"มีอยู่, แม้ทวารก็ย่อมเป็นอันภิกษุไม่คุ้มครองแล้ว. ฉันนั้นเหมือนกัน""" 46,0014,015,พรรณนาความในฝ่ายอสังวรเท่านี้ก่อน. แม้ในฝ่ายสังวร ผู้ศึกษาก็พึง 46,0014,016,"ทราบความโดยนัยนี้แล"" แม้ฎีกาวิสุทธิมรรค ก็พึงตรวจดู." 46,0014,017,[๔๗๘] บุคคลผู้ประกอบด้วยอินทรียสังวร ดังที่พรรณนามานี้ 46,0014,018,ชื่อว่า ย่อมรักษาอินทรีย์ทั้งหลายเพื่อละอกุศลธรรมมีอภิชฌาเป็นต้น. 46,0014,019,เพราะการสำรวมอินทรีย์นั้นของบุคคลนั้น ชื่อว่า ย่อมเผาผลาญอกุศล- 46,0014,020,ธรรมมีอภิชฌาเป็นต้นเหล่านั้น; เหตุนั้น บุคคลจึงควรยังอินทรีย์ 46,0014,021,สังวรให้พร้อมมูล เพื่อละอกุศลธรรมมีอภิชฌาเป็นอาทิ. และอินทรีย์