Book,Page,LineNumber,Text 42,0046,001,ในที่นั้น เลี้ยงชีวิตด้วยผลไม้น้อยใหญ่. เมื่อพาวรีพราหมณ์กำลัง 42,0046,002,อยู่ในที่นั้น พระศาสดาของเราทั้งหลายทรงอุบัติแล้วในโลก. ต่อ 42,0046,003,มา พาวรีพราหมณ์สดับการอุบัติของพระพุทธเจ้า จึงส่งอันเตวาสิก 42,0046,004,ผู้ใหญ่ ๑๖ คน พร้อมด้วยบริวารทั้งหมดไป โดยนัยก่อนนั้นแล. 42,0046,005,อันเตวาสิกเหล่านั้นไปแล้ว ฟังเทศนาของพระศาสดา บรรลุพระ 42,0046,006,อรหัตพร้อมด้วยปฏิสัมภิทาทั้งหลาย ได้เป็นเอหิภิกขุ เว้นแต่มาณพ 42,0046,007,ชื่อปิงคิยะ โดยนัยแห่งคำที่ท่านกล่าวแล้ว ในปารายนวรรค ในที่สุด 42,0046,008,แห่งสุตตนิบาต. ก็ปิงคิยมาณพนั้นเป็นหลานของพาวรีพราหมณ์ นับ 42,0046,009,"เนื่องในอันเตวาสิกผู้ใหญ่ ๑๖ คน คิดว่า "" ลุงของเราไม่ได้ฟังเทศนา" 42,0046,010,"อันวิจิตรเห็นปานนี้"" เพราะความฟุ้งซ่านด้วยอำนาจความห่วงใยนั้น" 42,0046,011,จึงไม่อาจบรรลุพระอรหัตได้ เป็น (เพียง) พระอนาคามีและเอหิ- 42,0046,012,ภิกขุ แล้วกลับมาบอกการอุบัติของพระพุทธเจ้าแก่พาวรีพราหมณ์ 42,0046,013,แล้ว นั่งพรรณนาพระคุณของพระศาสดา. แม้พาวรีพราหมณ์ก็นั่ง 42,0046,014,ฟังคำพรรณนาพระคุณนั้นอยู่เหมือนกัน. ขณะนั้นเอง พระศาสดา 42,0046,015,ทรงทราบความแก่กล้าแห่งญาณของท่านทั้ง ๒ นั้น ประทับยืนอู่ 42,0046,016,ณ กรุงสาวัตถีนั่นเอง ทรงเปล่งโอภาส (รัศมี) ดุจของคำไปแล้ว. 42,0046,017,"พระปิงคิยะเห็นโอภาส คิดว่า "" นี้อะไร ? "" เมื่อเหลียวไปดูแลเห็น" 42,0046,018,"พระศาสดา เป็นดังประทับยืนอยู่ตรงหน้าของตน จึงกล่าวว่า ""พระ" 42,0046,019,"ศาสดาเสด็จมาแล้ว."" พาวรีพราหมณ์ลุกจากอาสนะแล้ว ได้ยืน" 42,0046,020,ประคองอัญชลี. พระศาสดาทรงแผ่โอภาสแสดงพระองค์แก่พาวรี 42,0046,021,พราหมณ์ ทรงแสดงธรรมอันเป็นสัปปายะแก่ท่านทั้ง ๒ นั้นแล้ว.