Book,Page,LineNumber,Text 41,0033,001,ทธิวาหนะ กราบทูลความที่ตนเป็นคนเฝ้าพระอุทยาน แล้วพรรณนา 41,0033,002,อานุภาพของตน. พระราชารับสั่งให้เขาอยู่ในสำนักของคนเฝ้าพระ 41,0033,003,อุทยานของพระองค์. จำเดิมแต่นั้นมา ชนทั้งสองก็ (ช่วยกัน) 41,0033,004,บำรุงพระอุทยาน. คนเฝ้าพระอุทยานผู้มาใหม่ ทำดอกไม้อันมิใช่ 41,0033,005,ฤดูกาลให้บาน ทำผลให้อันมิใช่ฤดูกาลให้เผล็ดผล ได้ทำพระอุทยาน 41,0033,006,ให้เป็นรมณียสถานแล้ว. พระราชาก็โปรดปราน จึงปลดคนเฝ้าพระ 41,0033,007,อุทยานคนเก่าออกแล้ว ได้พระราชาทานพระอุทาน (ให้เป็นหน้าที่) 41,0033,008,แก่เขาผู้เดียว. เขาจึงปลูกสะเดาและเถาบอระเพ็ดล้อมต้นมะม่วง สะเดา 41,0033,009,และเถาบอระเพ็ด ก็งอกงามขึ้นโดยลำดับ. รากและกิ่งของมะม่วง 41,0033,010,เกี่ยวพันกับรากและกิ่ง (ของสะเดาและเถาบอระเพ็ด) เพราะการระคน 41,0033,011,ด้วยของมีรสไม่อร่อยนั้น มะม่วงซึ่งเป็นผลไม้มีรสอร่อยถึงเพียงนั้น 41,0033,012,จึงกลายเป็นขม มีสรคล้ายในสะเดา. คนเฝ้าพระอุทยาน ทราบว่า 41,0033,013,ผลมะม่วงขมแล้ว ก็หนีไป. พระราชาเสด็จไปสู่พระอุทยาน เสวย 41,0033,014,ผลมะม่วง ไม่อาจจะทรงกลืนเยื่อมะม่วง ซึ่งเป็นดุจการสะเดาได้ 41,0033,015,"ทรงขากถ่มเสียแล้ว ตรัสถามพระโพธิสัตว์ว่า ""บัณฑิต ต้นไม้นี้" 41,0033,016,"ไม่มีความเสื่อมจากการบริหารเดิม, แม้เมื่อเป็นเช่นนั้น ผลของมัน" 41,0033,017,"ก็ยังกลับขมไปได้, เหตุอะไรหนอ ?"" พระโพธิสัตว์เมื่อจะทูลเหตุ" 41,0033,018,แห่งการเป็นดังนั้น จึงทูลว่า 41,0033,019,"[๒๘] ""ข้าแต่พระเจ้าทธิวาหนะ มะม่วงของ" 41,0033,020,"พระองค์ มีต้นสะเดาแวดล้อม, รากเกี่ยวพัน" 41,0033,021,"ราก กิ่งเกี่ยวพันกิ่ง, เพราะเหตุที่อยู่ร่วมกัน"