Book,Page,LineNumber,Text
11,0009,001,บทอื่นมาเป็นประธาน กล่าวอย่างง่ายอื่น ใช้กิริยาเป็นนามนั่นเอง
11,0009,002,เช่น กรณํ (ความทำ) านํ (ความยืน) นิสชฺชา (ความนั่ง)
11,0009,003,เป็นต้น. ส่วนกิตก์ที่สำเร็จรูปเป็นคุณนาม จะใช้ตามลำพังตัวเองไม่ได้
11,0009,004,อย่างเดียวกับคุณนามโดยกำเนิดเหมือนกัน ต้องอาศัยมีตัวนามอื่น
11,0009,005,เป็นตัวประธาน เช่น การโก (ผู้ทำ) ปาปการี (ผู้ทำซึ่งบาปโดยปกติ)
11,0009,006,อนุสาสโก (ผู้ตามสอน) เป็นต้น. ศัพท์เหล่านี้ ล้วนต้องมีนามนาม
11,0009,007,บทอื่นเป็นประธานสิ้น เช่น ชโน (ชน) ปุคฺคโล (บุคคล) เป็นต้น
11,0009,008,จะยกขึ้นแปลลอย ๆ หาได้ไม่. ในนามกิกต์นี้ท่านจัดเป็นสาธนะ และ
11,0009,009,สาธนะนั้น ล้วนหมายรู้ด้วยปัจจัย เพื่อให้มีเนื้อความแปลกกัน ดัง
11,0009,010,จะได้อธิบายต่อไป.
11,0009,011,สาธนะ
11,0009,012,"คำว่า สาธนะ นี้ ท่านแปลว่า ""ศัพท์ที่ท่านให้เสร็จมาแต่รูป"
11,0009,013,"วิเคราะห์"" หมายความว่า รูปสำเร็จมาจากการตั้งวิเคราะห์ คำ"
11,0009,014,ว่า วิเคราะห์ ก็หมายความว่า การแยกหรือกระจายศัพท์ออกให้เห็น
11,0009,015,ส่วนต่าง ๆ ของศัพท์ที่เป็นสาธนะ เช่นศัพท์ว่า คติ (ภูมิเป็นที่ไป)
11,0009,016,"ย่อมสำเร็จมาจากรูปวิเคราะห์ว่า "" คจฺฉาติ เอตฺถา-ติ"" เพราะฉะนั้น"
11,0009,017,คติ จึงเป็นตัวสาธนะ และคจฺฉนฺติ เอตฺถา-ติ เป็นรูปวิเคราะห์ เมื่อจะ
11,0009,018,เรียงให้เต็มทั้งรูปวิเคราะห์และสาธนะก็ต้องว่า คจฺฉนฺติ เอตฺถา-ติ คติ
11,0009,019,ในรูปวิเคราะห์นั่นเอง ย่อมเป็นเครื่องส่องให้ทราบสาธนะไปในตัว เช่น
11,0009,020,ในที่นี้ คำว่า เอตฺถ (ในภูมินั่น) เป็นสัตตมีวิภัตติ บ่งถึงสถานที่ ก็