Book,Page,LineNumber,Text 10,0007,001,ทำหน้าที่คนละอย่าง คือวิภัตตินาม ก็ทำหน้าที่แจกนามศัพท์ เพื่อเป็น 10,0007,002,เครื่องหมายให้รู้ลิงค์ วจนะ การันต์ และอายตนิบาต คือคำต่อเชื่อม 10,0007,003,นามศัพท์ ออกสำเนียงคำแปลตามหมวดของวิภัตติ. ส่วนวิภัตติอาขยาต 10,0007,004,ก็ทำหน้าที่แจกมูลศัพท์ฝ่ายกิริยาออกเป็นส่วน ๆ เพื่อเป็นเครื่องหมาย 10,0007,005,ให้รู้กาล บท วจนะ และบุรุษ ซึ่งแล้วแต่วิภัตติจะระบุถึง. วิภัตติใน 10,0007,006,อาขยาตนี้ ท่านจำแนกไว้เป็นหมวดไว้ ๘ หมวด คือ วัตตมานา ๑ 10,0007,007,ปัญจมี ๑ สัตตมี ๑ ปโรกขา ๑ หิยัตตนี ๑ อัชชัตตนี ๑ ภวิสสันติ ๑ 10,0007,008,กาลาติปัตติ ๑. 10,0007,009,ความหมายของชื่อวิภัตติ 10,0007,010,วิภัตติทั้ง ๘ หมวดตามที่กล่าวแล้วนี้ เมื่อเพ่งตามชื่อแห่งวิภัตติ 10,0007,011,หมวดนั้น ก็เห็นได้ว่า ต่างหมวดต่างก็มีความหมายประจำแตกต่างไป 10,0007,012,คนละอย่าง หาเหมือนกันไม่ แต่ความหมายของชื่อวิภัตติเหล่านั้น 10,0007,013,ท่านผู้รจนาปกรณ์นี้ มุ่งหนักไปในทางให้เป็นความหมายของกาลมาก 10,0007,014,กว่าอย่างอื่น เพราะฉะนั้น ชื่อของวิภัตติเหล่านั้นแต่ละหมวดจึงบ่ง 10,0007,015,ให้ทราบถึงกาลไปในตัวด้วย. ซึ่งเราจะทราบได้ตามชื่อของวิภัตติ 10,0007,016,"นั้น ๆ เช่น วัตตมานา แปลว่า ""เป็นไปอยู่"" ตามความหมาย" 10,0007,017,ก็เพื่อให้เป็นเครื่องบอกปัจจุบันกาล เพราะเพ่งถึงสิ่งที่เกิดขึ้นจำเพาะ 10,0007,018,"หน้า. ส่วน ปัญจมี ซึ่งแปลว่า ""ที่ ๕"" สัตตมี ซึ่งแปลว่า" 10,0007,019,"""ที่ ๗"" เป็นกาลที่แฝงอยู่ในระหว่าง เพราะตามคำแปลก็ไม่บ่งชัด" 10,0007,020,ลงไปว่าเป็นกาลอะไร ซึ่งในคัมภีร์มูลกัจจายน์ท่านเรียกว่า อนุตกาล 10,0007,021,"แปลว่า ""กาลที่กล่าวแน่ลงไปยังไม่ได้"" คือไม่แน่ว่า จะจัดลงใน"