Book,Page,LineNumber,Text 46,0032,001,"พระศาสดา เมื่อจะทรงอุปถัมภ์เธอ จึงตรัสว่า "" ภิกษุ เธอ " 46,0032,002,บวชในศาสนาอันเป็นนิยยานิกะเห็นปานนี้ ไม่ยังชนเหล่าอื่นให้รู้จัก 46,0032,003,"ตนอย่างนี้ว่า "" เป็นผู้มักน้อย,"" ว่า "" เป็นผู้สันโดษ, "" ว่า "" เป็นผู้สงัด, """ 46,0032,004,"ว่า "" เป็นผู้ไม่คลุกคลี, "" ว่า "" เป็นผู้ปรารภความเพียร, "" ( กลับ ) ยังชน" 46,0032,005,"เหล่าอื่นให้รู้จักตนว่า "" เป็นผู้ละความเพียร, "" เพราะเหตุไร ? ใน" 46,0032,006,ครั้งก่อน เธอได้เป็นผู้มีความเพียรแล้วมิใช่หรือ ? ชนเป็นอันมาก 46,0032,007,อาศัยความเพียรอันเธอผู้เดียวทำ จึงได้น้ำที่ควรดื่ม ในทางกันดาร 46,0032,008,"เพราะทะเลทราย ได้รับความสุขแล้ว, บัดนี้ เพราะเหตุไร เธอจึงละ" 46,0032,009,"ความเพียร ? "" ภิกษุนั้น ได้เป็นผู้อันพระศาสดาทรงอุปถัมภ์ด้วยพระ" 46,0032,010,ดำรัสมีประมาณเท่านี้. ลำดับนั้น พระศาสดา อันภิกษุทั้งหลายทูลถาม 46,0032,011,แล้ว จึงทรงนำอดีตนิทานมา ( ตรัสว่า ):- 46,0032,012,[๔๙๑] ในอดีตกาล พระโพธิสัตว์ เป็นหัวหน้าพ่อค้าเกวียน 46,0032,013,ในกรุงพารณสี เที่ยวทำการค้าขายด้วยเกวียน ๕๐๐ เล่ม ถึงทะเล 46,0032,014,ทรายอันกันดารแห่งหนึ่ง. อันไกลตั้ง ๖๐ โยชน์. ก็ในทางกันดารนั้น 46,0032,015,ทรายละเอียดอันบุคคลกำด้วยกำมือแล้ว ย่อมไม่ติดอยู่ในมือ. และ 46,0032,016,"ตั้งแต่เวลาพระอาทิตย์ขึ้น ร้อนเหมือนกองถ่านเพลิง, อันใคร ๆ ไม่" 46,0032,017,อาจจะเหยียบได้. เพราะเหตุนั้น พวกพ่อค้า เมื่อพากันเดินสู่ทาง 46,0032,018,กันดารนั้น จึงเอาเกวียนบรรทุกสิ่งของต่าง ๆ มีฟืน น้ำ น้ำมัน และ 46,0032,019,ข้าวสารเป็นต้นไปในกลางคืนเท่านั้น ในเวลาอรุณขึ้น จัดการวงเกวียน 46,0032,020,ทำปะรำไว้เบื้องบนแล้วนั่งพัก ครั้นพระอาทิตย์อัสดงคตแล้ว ก็พา 46,0032,021, 46,0032,022,๑. มรุ เป็นชื่อของเทพดา และของทราย แต่ที่นี้เป็นชื่อของทะเลทราย.