Book,Page,LineNumber,Text
39,0033,001,นารทะจึงเหยียบเข้าที่ชฎา เทวละตื่นขึ้นก็โกรธ บ่นพึมพำใหญ่ นารทะก็
39,0033,002,เข้าขอขมาโทษบอกว่าไม่ได้แกล้ง เมื่อจบเรื่องแล้วก็เข้านอน เทวละนึกว่า
39,0033,003,เรานอนท่านี้เคยถูกเหยียบศีรษะ จึงหันศีรษะมาเสียทางเท้า ฝ่ายนารทะทำ
39,0033,004,ความเข้าใจไว้อย่างเดิม ครั้นตื่นขึ้นจะออกมา กะว่าเมื่อคราวแรก ทางนี้
39,0033,005,เป็นศีรษะ จึงค่อยเลี่ยงไปออกทางเท้า เพื่อไม่ให้ถูกศีรษะ ไพล่ไปเหยียบ
39,0033,006,เอาคอเข้าอีก เพราะไม่ทราบว่าเทวละหันศีรษะมาทางนี้เมื่อไร จึงเป็นได้
39,0033,007,อย่างนี้ เทวละก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ หาว่านารทะแกล้ง นารทะก็เข้า
39,0033,008,ขอขมาโทษบอกว่าไม่ได้แกล้ง เทวละไม่ฟังคำ คงหาว่าแกล้งอยู่นั่นแล
39,0033,009,แล้วพูดว่าจะแช่ง นารทะก็บอกว่าอย่างแช่งเลย ข้าพเจ้าไม่ได้แล้ง เธอก็
39,0033,010,มิได้เชื่อถือถ้อยคำของนารทะนั้น ยังขืนแช่งนารทะด้วยคาถาว่า :-
39,0033,011,[ ๒๕ ] สหสฺสรํสิ สตเตโช พระอาทิตย์มีรัศมีตั้งพัน มีเดชตั้ง
39,0033,012,สุริโย ตมวิโนทโน ร้อย เป็นผู้บรรเทาเสียซึ่งความมืด
39,0033,013,ปาโต อุทยนฺเต สุริเย เมื่อพระอาทิตย์อุทัยขึ้นแต่เช้า
39,0033,014,มุทฺธา เต ผลตุ สตฺตธา. ขอศีรษะของท่าน จงแตกเป็น ๗ เสี่ยง.
39,0033,015,เมื่อเทวลดาบสกล่าวแช่งดังนั้นแล้ว นารทดาบสกล่าวว่า ท่าน
39,0033,016,อาจารย์ ข้าพเจ้าไม่มีความผิดเลย เมื่อข้าพเจ้าพูดยังไม่ทันขาดคำ
39,0033,017,ท่านก็แช่งแล้ว เอาเถอะผู้ใดผิด ศีรษะของผู้นั้นจงแตกเถิด ศีรษะ
39,0033,018,ของผู้ไม่มีความผิดอย่าแตกเลย แล้วได้กล่าวแช่งเป็นคาถาเหมือนเทวล-
39,0033,019,ดาบสแช่งนั้น.
39,0033,020,
39,0033,021,๒๕. ธมฺ. ๑/๓๘-๓๙