Book,Page,LineNumber,Text 33,0048,001,"จักหุงข้าวสวย, ก็จักเพียงพอเพียงมื้อเดียวเท่านั้น; ฉันจักหุงต้มอะไร " 33,0048,002,ล่ะ ? นาย. 33,0048,003,"เศรษฐี. ปัจจัยอย่างอื่นของพวกเราไม่มี, พวกเราต่อบริโภค" 33,0048,004,ข้าวสวยแล้วก็จักตาย; หล่อนจงหุงข้าวสวยนั่นแหละ. 33,0048,005,ภรรยาแห่งเศรษฐีนั้น หุงข้างสวยแล้ว แบ่งให้เป็น ๕ ส่วน 33,0048,006,คดข้าวสวยหนึ่งวางไว้ข้างหน้าของเศรษฐี. 33,0048,007,[เศรษฐีถวายภัตรแก่พระปัจเจกพุทธเจ้า] 33,0048,008,ในขณะนั้น พระปัจเจกพุทธเจ้าองค์หนึ่งที่ภูเขาคันธมาทน์ ออก 33,0048,009,จากสมบัติ. ทราบว่า ในภายในสมาบัติ ความหิวย่อมไม่เบียดเบียน 33,0048,010,"เพราะผลแห่งสมาบัติ, แต่ว่า เมื่อพระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลายออก" 33,0048,011,จากสมาบัติแล้ว ความหิวมีกำลังย่อมเกิดขึ้น เป็นราวกะว่าเผาพื้นท้อง 33,0048,012,อยู่; เพราะฉะนั้น พระปัจเจกพุทธเจ้าเหล่านั้น ตรวจดูฐานะที่จะได้ 33,0048,013,(อาหาร) แล้ว จึงไป. 33,0048,014,ก็ในวันนั้น ชนทั้งหลาย ถวายทานแก่พระปัจเจกพุทธเจ้า 33,0048,015,เหล่านั้นแล้ว ย่อมได้สมาบัติ บรรดาสมบัติมีตำแหน่งเสนาบดีเป็นต้น 33,0048,016,อย่างใดอย่างหนึ่ง; เพราะฉะนั้น พระปัจเจกพุทธเจ้าแม้นั้น ตรวจ 33,0048,017,"ดูอยู่ทิพยจักษุ ดำริว่า ฉาตกภัย เกิดขึ้นแล้วในชมพูทวีปทั้งสิ้น," 33,0048,018,และในเรือนเศรษฐี เขาหุงข้าวสุกอันสำเร็จด้วยข้าวสารทะนานหนึ่ง 33,0048,019,เท่านั้นเพื่อคน ๕ คน; ชนเหล่านั้นจักมีศรัทธา หรืออาจเพื่อจะ 33,0048,020, 33,0048,021,๑. แปลหักประโยคกรรมเป็นประโยคกัตตุ.