Book,Page,LineNumber,Text 33,0044,001,น้ำมัน น้ำผึ้ง และน้ำอ้อยเป็นต้น หรือด้วยวัตถุมีผ้าเครื่องปกปิด 33,0044,002,เงินและทองเป็นต้น ชนทั้งหลาย ย่อมนำกลุ่มด้ายออกจากปาก 33,0044,003,ของแพะเหล่านั้น. เนยใส น้ำมัน น้ำผึ้ง น้ำอ้อย ผ้าเครื่องปกปิด 33,0044,004,เงินและทอง ย่อมไหลออกจากปากแพะแม้ตัวหนึ่ง ก็เป็นของเพียง 33,0044,005,พอแก่ชาวชมพูทวีป. จำเดิมแต่นั้นมา เศรษฐีนั้น จึงปรากฏว่า 33,0044,006,เมณฑกเศรษฐี. 33,0044,007,[บุรพกรรมของท่านเศรษฐี] 33,0044,008,ถามว่า ก็บุรพกรรมของเศรษฐีนั้น เป็นอย่างไร ? แก้ว่า 33,0044,009,ได้ยินว่า ในกาลแห่งพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่าวิปัสสี เศรษฐีนั้น 33,0044,010,เป็นหลานของกุฎุมพีชื่ออวโรชะ ได้มีชื่อว่า อวโรชะ ซึ่งมีชื่อ 33,0044,011,พ้องกับลุง. ครั้งนั้น ลุงของเขาปรารภเพื่อจะสร้างคันธกุฎี เพื่อ 33,0044,012,"พระศาสดา. เขาไปสู่สำนักของลุงแล้ว กล่าวว่า ""ลุง เราแม้ทั้ง ๒" 33,0044,013,"จงสร้างรวมกันทีเดียว"" ในเวลาที่ถูกลุงนั้น ห้ามว่า ""เราคนเดียวเท่า" 33,0044,014,"นั้นจักสร้างไม่ให้สาธารณ์กับด้วยชนเหล่าอื่น"" จึงคิดว่า ""เมื่อ" 33,0044,015,"ลุงสร้างคันธกุฎีในที่นี้แล้ว, เราควรได้ศาลารายในที่นี้"" จึงให้" 33,0044,016,"คนนำเครื่องไม้มาจากป่า ให้ทำเสาอย่างนี้ คือ ""เสาต้นหนึ่ง บุด้วย" 33,0044,017,"ทองคำ, ต้นหนึ่ง บุด้วยเงิน, ต้นหนึ่ง บุด้วยแก้วมณี"" ให้" 33,0044,018,ทำขื่อ พรึง บานประตู บานหน้าต่าง กลอน เครื่องมุงแล 33,0044,019,อิฐแม้ทั้งหมด บุด้วยวัตถุมีทองคำเป็นต้นเทียว ให้ทำศาลาราย 33,0044,020,สำเร็จด้วยรตนะ ๗ ประการ แด่พระตถาคตในที่ตรงหน้าพระคันธกุฎี 33,0044,021,ในเบื้องบนแห่งศาลารายนั้น ได้มีจอมยอด ๓ ยอด อันสำเร็จแล้ว