Book,Page,LineNumber,Text 33,0015,001,"กราบทูลอีกว่า ""พระเจ้าข้า ขึ้นชื่อว่าตัณหานี้หยาบหนอ"" จึงตรัส" 33,0015,002,"ว่า ""อย่างนั้น ภิกษุทั้งหลาย ขึ้นชื่อว่าตัณหาของสัตว์เหล่านี้หยาบ; " 33,0015,003,สนิมตั้งขึ้นแต่เหล็ก ย่อมกัดเหล็กนั่นเอง ย่อมให้เหล็กพินาศไป ทำ 33,0015,004,ให้เป็นของใช้สอยไม่ได้ ฉันใด; ตัณหานี้ (ก็) ฉันนั้นเหมือนกัน 33,0015,005,เกิดขึ้นภายในของสัตว์เหล่านี้แล้ว ย่อมให้สัตว์เหล่านั้นเกิดในอบายมี 33,0015,006,"นรกเป็นต้น ให้ถึงความพินาศ"" ดังนี้แล้ว จึงตรัสพระคาถานี้ว่า :-" 33,0015,007,"""สนิมตั้งขึ้นแต่เหล็ก ครั้นตั้งขึ้นแต่เหล็กแล้ว" 33,0015,008,ย่อมกัดเหล็กนั่นเอง ฉันใด; กรรมทั้งหลายของ 33,0015,009,ตน ย่อมนำบุคคลผู้มักประพฤติล่วงปัญญาชื่อว่า 33,0015,010,"โธนา ไปสู่ทุคติ ฉันนั้น."" " 33,0015,011,[แก้อรรถ] 33,0015,012,บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อยสา คือแต่เหล็ก. บทว่า สมุฏฺ€าย 33,0015,013,คือตั้งขึ้นแล้ว. บทว่า ตทุฏฺ€าย คือครั้นตั้งขึ้นแต่เหล็กนั้น. 33,0015,014,ในบทว่า อติโธนาจารินํ ปัจจัยพึงทราบวินิจฉัยดังนี้ :- 33,0015,015,"ปัญญาเป็นเครื่องพิจารณาปัจจัย ๔ ว่า ""การบริโภคนี้ เป็น" 33,0015,016,"ประโยชน์ด้วยปัจจัยเหล่านี้"" แล้วบริโภค พระผู้มีพระภาคตรัสว่าโธนา," 33,0015,017,ุบุคคลประพฤติก้าวล่วงปัญญาชื่อว่าโธนานั้น ชื่อว่า อติโธนาจารี. 33,0015,018,"พระผู้มีพระภาคตรัสเป็นคำอธิบายไว้ดังนี้ ""สนิมเกิดขึ้นแต่เหล็ก" 33,0015,019,ตั้งขึ้นแต่เหล็ก ย่อมกัดเหล็กนั่นเอง ฉันใด; กรรมทั้งหลายของตน 33,0015,020,คือกรรมเหล่านั้นชื่อว่าเป็นของตนนั่นแหละ เพราะตั้งขึ้นในตน ย่อม 33,0015,021, 33,0015,022,๑. อยสาว=อยสา+อิว-ฉันใด.