Book,Page,LineNumber,Text 22,0012,001,[ แก้อรรถ ] 22,0012,002,"เนื้อความแห่งพระคาถานั้นว่า "" คนผู้ยินดีในอกุศลกรรม มี" 22,0012,003,"กายทุจริตเป็นต้น ชื่อว่าปาปมิตร, คนผู้ชักนำในเหตุอันไม่สมควร มี" 22,0012,004,การตัดช่องเป็นต้นก็ดี อันต่างโดยการแสวงหาไม่ควร ๒๑ อย่างก็ดี 22,0012,005,ชื่อว่าบุรุษต่ำช้า. อนึ่ง ชน ๒ จำพวกนั้น ชื่อว่าเป็นทั้งปาปมิตร 22,0012,006,ทั้งบุรุษต่ำช้า; บุคคลไม่ควรคบ คือไม่ควรนั่งใกล้เขาเหล่านั้น; ฝ่าย 22,0012,007,"ชนผู้ผิดตรงกันข้าม ชื่อว่าเป็นกัลยาณมิตร ทั้งสัตบุรุษ, บุคคลควร" 22,0012,008,คบ คือควรนั่งใกล้ท่านเหล่านั้น. 22,0012,009,ในเวลาจบเทศนา ชนเป็นอันมาก บรรลุอริยผลทั้งหลาย มี 22,0012,010,โสดาปัตติผลเป็นต้นแล้ว. 22,0012,011,[ พระศาสดาตรัสสั่งให้ลงพรหมทัณฑ์พระฉันนะ ] 22,0012,012,ฝ่ายพระฉันนเถระ แม้ได้ฟังพระโอวาทแล้ว ก็ยังด่าขู่พวกภิกษุ 22,0012,013,อยู่อีกเหมือนนัยก่อนนั่นเอง. แม้พวกภิกษุก็กราบทูลแด่พระศาสดา 22,0012,014,"อีก. พระศาสดาตรัสว่า "" ภิกษุทั้งหลาย เมื่อเรายังมีชีวิตอยู่ พวก" 22,0012,015,เธอจักไม่อาจ เพื่อให้ฉันนะสำเหนียกได้. แต่เมื่อเราปรินิพพานแล้ว 22,0012,016,"จึงจักอาจ "" ดังนี้แล้ว, เมื่อพระอานนท์ทูลถาม ในเวลาจวนจะ" 22,0012,017,"เสด็จปรินิพพานว่า "" พระเจ้าข้า อันพวกข้าพระองค์จะพึงปฏิบัติใน" 22,0012,018,"พระฉันนเถระอย่างไร ? จึงตรัสบังคับว่า "" อานนท์ พวกเธอพึงลง" 22,0012,019,"พรหมทัณฑ์แก่ฉันนภิกษุเถิด. """ 22,0012,020, 22,0012,021,๑. ปรมัตถโชติก หน้า ๒๖๕.