Book,Page,LineNumber,Text
39,0039,001,ไปได้เพียงนั้น ดังนี้ พอเวลาล่วงเข้าสายัณหสมัย ก็เสด็จกลับคืนเข้า
39,0039,002,พระนคร ได้ทรงสดับคาถานี้ ที่พระนางกิสาโคตมีทรงภาษิตว่า :-
39,0039,003,[ ๒๙ ] นิพฺพุตา นูน สา มาตา พระสัทธัตถะเช่นนี้ พระองค์นี้
39,0039,004,เป็นโอรสของมารดาใด มารดา
39,0039,005,นั้น ดับ ( เข็ญ ) ได้เป็นแน่
39,0039,006,นิพฺพุโต นูน โส ปิตา พระสิทธัตถะเช่นนี้ พระองค์นี้
39,0039,007,เป็นโอรสของบิดาใด บิดานั้น
39,0039,008,ดับ ( เข็ญ ) ได้เป็นแน่
39,0039,009,นิพฺพุตา นูน สา นารี พระสัทธัตถะเช่นนี้ พระองค์ฯี้
39,0039,010,ยสฺสายํ อีทิโส ปติ. เป็นสามีของนารีใด นารีนั้น ดับ
39,0039,011,( เข็ญ ) ได้เป็นแน่.
39,0039,012,พระสัทธัตถราชกุมาร ได้ทรงสดับคาถานั้นแล้ว พอได้เวลา
39,0039,013,ก็เข้าบรรทม ครั้นตื่นบรรทม เห็นเหล่านางบำเรอนอนหลับมีอาการ
39,0039,014,วิปลาส ไม่เป็นที่ตั้งแห่งความยินดีเหมือนก่อน ๆ จึงทรงปลุกนาย
39,0039,015,ฉันน์ให้ไปจูงม้ากันถกะมา ได้นายฉันน์เป็นสหาย ออกมหาภิเนษ-
39,0039,016,กรมณ์ แสวงหาสันติวรบท ทางพระโพธิญาณ สิ้นกาลประมาณ ๖
39,0039,017,ปี เมื่อถึงวิสาขบุรุณมีดิถี ก็ได้บรรลุพระโพธิญาณ ครั้นแล้วทรงเห็น
39,0039,018,ว่าพระธรรมนี้ลุ่มลึก ยากที่สัตว์จะตรัสรู้ตามได้ จึงชักให้ทรงขวนขวาย
39,0039,019,น้อย แต่อาศัยพระมหากรุณาในหมู่สัตว์ ที่เรียกว่าท้าวมหาพรหม
39,0039,020,เชื้อเชิญ แล้วได้เสด็จไปโปรดเวไนยสัตว์ ที่สมควรจะตรัสรู้ได้
39,0039,021,
39,0039,022,๒๙. ธมฺ. ๑/๗๗