Book,Page,LineNumber,Text
34,0010,001,ตกรดอยู่บ่อย ๆ ย่อมงอกงามในป่าฉะนั้น.
34,0010,002,บทว่า ทุรจฺจยํ เป็นต้น ความว่า ก็บุคคลใด ย่อมข่ม คือ
34,0010,003,ย่อมครอบงำตัณหานั่น คือมีประการที่ข้าพเจ้ากล่าวแล้ว ชื่อว่ายากที่
34,0010,004,"ใครจะล่วงได้ เพราะเป็นของยากจะก้าวล่วงคือละได้, ความโศก"
34,0010,005,ทั้งหลายมีวัฏฏะเป็นมูล ย่อมตกไปจากบุคคลนั้น; คือไม่ตั้งอยู่ได้
34,0010,006,เหมือนหยาดน้ำตกไปบนใบบัว คือบนใบดอกปทุม ไม่ติดอยู่ได้ฉะนั้น.
34,0010,007,หลายบทว่า ตํ โว วทามิ คือ เพราะเหตุนั้น เราขอกล่าวกะ
34,0010,008,ท่านทั้งหลาย.
34,0010,009,"สองบทว่า ภทฺทํ โว ความว่า ความเจริญจงมีแก่ท่านทั้งหลาย,"
34,0010,010,อธิบายว่า ท่านทั้งหลาย อย่าได้ถึงความพินาศ ดุจกปิลภิกษุรูปนี้.
34,0010,011,บทว่า มูลํ เป็นต้น ความว่า ท่านทั้งหลายจงขุดรากแห่งตัณหา
34,0010,012,อันเป็นไปในทวาร ๖ นี้ ด้วยญาณอันสัมปยุตด้วยพระอรหัตตมรรค.
34,0010,013,"ถามว่า ""ขุดรากแห่งตัณหานั้น เหมือนอะไร ? แก้ว่า ""เหมือนผู้ต้อง"
34,0010,014,"การแฝก ขุดหญ้าคมบางฉะนั้น."" อธิบายว่าบุรุษผู้ต้องการแฝก"
34,0010,015,ย่อมขุดหญ้าคมบางด้วยจอบใหญ่ฉันใด; ท่านทั้งหลาย จงขุดรากแห่ง
34,0010,016,ตัณหานั้นเสีย ฉันนั้น.
34,0010,017,สองบาทคาถา๑ว่า มา โว นฬํว โสโตว มาโร ภญฺชิ ปุนปฺปุนํ
34,0010,018,ความว่า กิเลสมาร มรณมาร และเทวบุตรมาร จงอย่าระราน
34,0010,019,ท่านทั้งหลายบ่อย ๆ เหมือนกระแสน้ำพัดมาโดยกำลังแรง ระรานไม้อ้อ
34,0010,020,ซึ่งเกิดอยู่ริมกระแสน้ำ ฉะนั้น.
34,0010,021,
34,0010,022,๑. กึ่งพระคาถาสุดท้าย.