Book,Page,LineNumber,Text 23,0049,001,พระสงฆ์ ของพระพุทธเจ้า ผู้เป็นเทพแห่งนระ 23,0049,002,ว่าเป็นสรณะด้วย อหํ อ. ข้าพเจ้า ปาณาติปาตา 23,0049,003,วิรมามิ ขิปฺปํ จ จะงดเว้น จากการยังสัตว์มีลม 23,0049,004,ปราณให้ตกล่วงไปพลันด้วย โลเก อทินฺนํ ปริวชฺชยา- 23,0049,005,มิ จ จะเว้นรอบ ซึ่งวัตถุอันเจ้าของไม่ให้แล้ว ใน 23,0049,006,โลกด้วย อมชฺชโป (โหมิ) จ จะเป็นผู้ไม่ดื่มซึ่ง 23,0049,007,น้ำเมาด้วย โน มุสา ภณามิ จ จะไม่กล่าวเท็จด้วย 23,0049,008,สเกน ทาเรน ตุฏฺโ€ โหมิ จ จะเป็นผู้ยินดีแล้ว 23,0049,009,ด้วยทาระ ผู้เป็นของตนด้วย อิติ ดังนี้ ฯ 23,0049,010,๘. ๓๓/๕ ตั้งแต่ อถ เนสํ กุสลากุสลกมฺมกรเณ มโน 23,0049,011,เป็นต้นไป. 23,0049,012,อถ ครั้งนั้น (สตฺถา) อ. พระศาสดา (วตฺวา) ตรัสแล้วว่า 23,0049,013,มโน อ. ใจ ปุพฺพงฺคโม เป็นสภาพถึงก่อน กุสลากุสลกมฺมกรเณ 23,0049,014,ในการกระทำซึ่งกรรมอันเป็นกุศลและอกุศล (โหติ) ย่อมเป็น มโน 23,0049,015,อ. ใจ เสฏฺโ€ เป็นสภาพประเสริฐที่สุด (กุสลากุสลกมฺมกรเณ) ใน 23,0049,016,การกระทำซึ่งกรรมอันเป็นกุศลและอกุศล (โหติ) ย่อมเป็น หิ 23,0049,017,เพราะว่า กตกมฺมํ อ. กรรมอันบุคคลกระทำแล้ว มเนน ด้วยใจ 23,0049,018,ปสนฺเนน อันผ่องใสแล้ว น วิชหติ ย่อมไม่ละ ปุคฺคลํ ซึ่งบุคคล