ID
stringlengths 9
13
| Domain
stringclasses 4
values | Instruction
stringlengths 9
894
| Input
stringlengths 19
65.5k
⌀ | Output
stringlengths 36
31.6k
| Tags
stringlengths 10
772
⌀ | Task_type
stringclasses 7
values | License
stringclasses 2
values |
---|---|---|---|---|---|---|---|
Retail_51082 | Retail | ในธุรกิจค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภค วิทยาศาสตร์ข้อมูลช่วยให้สามารถคาดการณ์สิ่งใดได้อย่างแม่นยำอย่างเหลือเชื่อ | คุณทายได้ไหมว่าพรุ่งนี้ลูกค้าของคุณจะซื้อสินค้าอะไร? เรามีคำตอบ ในขณะที่ผู้ค้าปลีกยังคงเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในด้านประสิทธิภาพของวิทยาศาสตร์ข้อมูลเรื่อยๆ พวกเขาก็มาถึงจุดที่สามารถคาดการณ์ได้อย่างแม่นยำสูงว่า ผู้ซื้อจะมีพฤติกรรมอย่างไรในอนาคต? ในบทความนี้ วีเจย์ บาลาจี มาดเฮสวารัน จาก dunnhumby จะมาตามหาถึงความหมายที่แท้จริงและวิธีที่ผู้ค้าปลีกสามารถเปลี่ยนการมองการณ์ไกลให้กลายเป็นความได้เปรียบในการแข่งขันที่แท้จริงได้อย่างไร? ตั้งแต่การอ่านลายมือไปจนถึงโหราศาสตร์ ตราบใดที่เรามีความสามารถในการคิดโดยใช้ปัญญา มนุษย์ก็ยังคงหมกมุ่นอยู่กับการพยายามทำนายอนาคต ในท้ายที่สุดแล้ว มีใครบ้างจะไม่อยากรู้ว่างวดต่อไปเลขรางวัลลอตเตอรีเบอร์อะไรที่จะออก หรือหากมีใครสามารถบอกได้ว่าการตัดสินใจแบบนี้จะให้ผลออกมาเป็นอย่างไร? เราทุกคนคงไม่ปฏิเสธว่าอยากรู้ แนวคิดที่ว่าเราสามารถคาดการณ์ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในวันพรุ่งนี้นั้นเป็นเรื่องที่น่าสนใจอย่างมาก โดยเริ่มต้นจากความโด่งดังของภาพยนตร์ยอดนิยมระดับบล็อกบัสเตอร์อย่างเรื่อง เจาะเวลาหาอดีต (Back to the Future) และ หน่วยสกัดอาชญากรรมล่าอนาคต (Minority Report) แม้ว่าการสร้างรถยนต์ DeLoreans ที่พาพระเอกเดินทางข้ามเวลานั้น อาจจะเป็นเรื่องที่ยังห่างไกลจากความจริงก็ตาม แต่ความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องในเรื่องความสามารถของมนุษย์ที่คิดค้นวิธีประมวลผลและทำความเข้าใจข้อมูลขนาดมหึมาหมายความว่า เรากำลังอยู่ในยุคที่การคาดการณ์เรื่องอนาคตเป็นไปได้อย่างแท้จริง ในธุรกิจค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภค (grocery retail) วิทยาศาสตร์ข้อมูลช่วยให้เราสามารถคาดการณ์พฤติกรรมของผู้ซื้อได้อย่างแม่นยำอย่างเหลือเชื่อ ด้วยระดับความถูกต้องที่สูงมากจนเราสามารถบอกได้ว่า จะมีคนจะซื้อสินค้าอะไรในห้างร้านของเรา และถึงขนาดบอกได้ว่าจะซื้อที่สาขาไหนในช่วงสี่สัปดาห์ข้างหน้า นี่ไม่ใช่การคาดหมายถึงอนาคตหรือเป็นความเพ้อฝันลมๆแล้งๆ แต่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้จริง และเป็นสิ่งที่ dunnhumby ให้คำปรึกษาและคอยช่วยผู้ค้าปลีกทั่วโลกในทุกๆ วัน โดยใช้การวิเคราะห์ข้อมูลการซื้อขายและความภักดีในแบรนด์ของลูกค้าประกอบกันควบคู่ไปกับการใช้อัลกอริธึมในการคาดการณ์และประเมินผลที่มีความสลับซับซ้อน สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นแน่นอนว่าก็จะมีคำถามตามมาว่า “แล้วจะเป็นอย่างไรต่อไป?” ความสามารถในการคาดการณ์ล่วงหน้าได้นั้นจะช่วยให้เราทำอะไรต่อได้บ้าง? ผมคิดว่าคำตอบสำหรับคำถามดังกล่าวจะชัดเจนมากขึ้น เมื่อเราพิจารณาถึงบทบาทหน้าที่และความรับผิดชอบทั่วไปของประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด (CMO) ในอุตสาหกรรมห้างค้าปลีก แม้ว่าสถานการณ์ของแต่ละบริษัทจะมีความเฉพาะเจาะจงที่แตกต่างกันไปในแต่ละบริษัท แต่ประธานเจ้าหน้าที่ฝายการตลาดส่วนใหญ่มีหน้าที่หลักๆ ดังต่อไปนี้: วิทยาศาสตร์ข้อมูล (หรือขยายความได้ว่าการทำนายพฤติกรรมของผู้ซื้อ) สามารถส่งผลกระทบอย่างมากต่อการบรรลุเป้าประสงค์ในหน้าที่การงานของประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดเหล่านั้น อาทิ การระบุและการได้มาซึ่งข้อมูล จากมุมมองของวิทยาศาสตร์ข้อมูล การได้มาซึ่งข้อมูลนั้นมีความยากลำบากกว่าอยู่หน่อย แน่นอนว่าผู้ค้าปลีกจะไม่มีทางมีข้อมูลเชิงลึก (insight) เกี่ยวกับผู้ซื้อที่ยังไม่ได้ซื้อของหรือเป็นลูกค้าของเขา แต่ในขณะเดียวกันข้อมูลจากบุคคลที่สามสามารถเติมเต็ม insight ที่แหว่งไปในจุดนี้ได้มากมาย ที่สำคัญกว่านั้นก็คือ ในบางครั้งข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับผู้ซื้อที่มีอยู่ อาจมีประโยชน์อย่างมากในแง่ของการช่วยให้ผู้ค้าปลีกเข้าใจได้ว่าลูกค้าประเภทไหนที่ “ใช่” เพื่อทำให้เขากลายเป็นลูกค้าประจำของเราให้ได้ การแบ่ง segment ข้อมูลผู้ซื้อ (กระบวนการแบ่งฐานผู้ซื้อของคุณออกเป็นกลุ่มย่อยๆ) – ช่วยให้คุณสามารถจัดหมวดหมู่ผู้ซื้อตามมูลค่าที่พวกเขาพึงมีต่อธุรกิจของคุณ ด้วยการเรียนรู้ว่าผู้ซื้อที่มีมูลค่าสูงมีพฤติกรรมอย่างไร และความต้องการของพวกเขาคืออะไร ช่วยให้ผู้ค้าปลีกสามารถเข้าใจและเรียนรู้ว่าพวกเขาต้องทำสิ่งใดให้ดีขึ้น เพื่อดึงดูดให้เข้ามาซื้อของเพิ่มมากขึ้น โปรแกรมรีวอร์ดเพื่อมอบสิทธิประโยชน์แก่ผู้ซื้อและรักษาความภักดีของลูกค้า อะไรที่ทำให้ผู้คนภักดีต่อร้านค้าได้จริงๆ? ทำไมผู้ซื้อจึงมีพฤติกรรมบางอย่างในอดีต? อะไรทำให้ลูกค้าหยุดซื้อของที่ร้าน? วิทยาศาสตร์ข้อมูลสามารถตอบคำถามเหล่านี้ได้ทั้งหมด ทำให้ผู้ค้าปลีกได้รับข้อมูลเชิงลึก (insight) ที่พวกเขาต้องการเพื่อสร้างกลยุทธ์การมีส่วนร่วมของลูกค้าในระดับสูง ซึ่งช่วยให้ลูกค้ารู้สึกว่าพวกเขากำลังได้รับความคุ้มค่ามากขึ้นสำหรับเงินที่จ่ายไป นั่นอาจหมายถึง การเสนอโปรโมชั่นที่ดีขึ้นหรืออาจเกี่ยวกับการปรับปรุงการจัดหมวดหมู่สินค้าเพื่อให้โดนใจลูกค้า สิ่งสำคัญคือเมื่อมองย้อนกลับไปในอดีตผู้ค้าปลีกจะมีแนวคิดที่ชัดเจนมากขึ้นว่าพวกเขาควรตอบสนองอย่างไรในอนาคต จูงใจลูกค้าเพื่อสร้างยอดขายที่เพิ่มขึ้น (upsell) และเพิ่มตัวเลือกในหมวดสินค้าที่เกี่ยวข้อง (cross sell) ลูกค้าห้างค้าปลีกส่วนใหญ่แทบจะไม่ได้ใช้จ่ายกับร้านค้าเต็มวงเงินที่วางแผนไว้ ซึ่งหมายความว่ายังคงมียอดเงินที่อยู่ในกระเป๋าลูกค้าที่ไม่ได้ถูกใช้และเป็นยอดเงินที่สามารถเพิ่มยอดการจับจ่ายใช้สอยกับทางร้านค้าได้ จากประสบการณ์ของผมที่มักพบเจอในประเด็นนี้เกิดจาก ผู้ซื้อไม่สามารถหาสินค้าที่เขาต้องการได้ อาจหาเพราะไม่เจอ หรือร้านค้าไม่ได้ตั้งอยู่ในละแวกที่สะดวกสำหรับการจับจ่ายใช้สอยในปัจจุบัน การตรวจสอบให้แน่ใจว่าเรามีรายการสินค้าที่ครบถ้วนพร้อมสำหรับให้ผู้ซื้อเลือกหาและในสถานที่ตั้งที่เหมาะสม เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่วิทยาศาสตร์ข้อมูลสามารถทำได้อย่างยอดเยี่ยม เช่นเดียวกับความสามารถในการช่วยระบุรายการสินค้าที่ควรจะเน้นเป็นพิเศษในแคมเปญสื่อของห้างค้าปลีก หากคุณทราบข้อเท็จจริงว่าปัญหาไม่ได้เกิดจากฝั่งคุณ แต่อยู่ที่การขาดการตระหนักรู้ของฝั่งผู้ซื้อ สื่อในห้างค้าปลีกที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลจะนำเสนอวิธีการที่มีประสิทธิภาพสูงในการสร้างความตระหนักรู้และโน้มน้าวการตัดสินใจซื้อได้ดี ใจความสำคัญของทั้ง 3 ประเด็นที่กล่าวมานี้คือ ข้อมูลจะให้ความสามารถในการทดลอง ทดสอบ และเรียนรู้ ด้วยการปรับเปลี่ยนเพียงเล็กน้อยในข้อเสนอและทดลองใช้กับผู้ซื้อกลุ่มย่อยๆ ก่อนเพื่อดูผล จะช่วยให้ผู้ค้าปลีกสามารถคาดการณ์ได้ว่าการตัดสินใจในอนาคตของพวกเขาจะส่งผลเป็นอย่างไร ก่อนที่จะเปิดตัวสู่ลูกค้ากลุ่มที่กว้างขึ้น ความจริงที่เห็นได้ชัดคือ ไม่ใช่ทุกห้างค้าปลีกที่จะมีวิธีการตั้งค่าให้จัดการข้อมูลในลักษณะนี้ในปัจจุบัน ด้วยความกลัวว่า ข้อมูลของลูกค้าจะสูญหายหรือถูกเจาะข้อมูลซึ่งเป็นประเด็นที่ค้างคามานานแล้ว และการเพิกเฉยกำลังส่งผลลบต่อธุรกิจที่รุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ในหลายภูมิภาค ยิ่งไปกว่านั้นถึงแม้ว่าจะมีการประยุกต์ใช้การตัดสินใจแบบ “เรียลไทม์” ในห้างค้าปลีกเพิ่มขึ้น แต่ธุรกิจห้างค้าปลีกส่วนใหญ่ไม่มีโครงสร้างพื้นฐานในการดำเนินงานที่จำเป็นต่อการดำเนินการดังกล่าว ซึ่งปัญหาหลักๆ ก็คือต้องใช้เงินลงทุนที่สูงในการติดตั้งทางเทคนิคและระบบเก่าที่ล้าหลังที่กลายเป็นอุปสรรคใหญ่ อย่างไรก็ตาม แม้ว่ามันอาจจะไม่ใช่เรื่องง่าย แต่โอกาสในการใช้วิทยาศาสตร์ข้อมูลเพื่อการคาดการณ์และเพื่อสร้างธุรกิจค้าปลีกที่ดีขึ้นและยั่งยืนมากขึ้นยังคงมีอยู่ เนื่องจากข้อดีของความสามารถในการวิเคราะห์และเข้าใจข้อมูลและระบบอัตโนมัติที่เพิ่มขึ้น ช่วยให้นักวิทยาศาสตร์ด้านข้อมูลสามารถส่งมอบคุณค่าที่มากขึ้นให้กับองค์กรที่พวกเขาทำงานด้วย ความก้าวหน้าในเรื่องปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning) จะช่วยพวกเขาให้ได้ไปต่ออีกไกล โดยผู้ค้าปลีกจะสามารถตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาดและรวดเร็วยิ่งขึ้นโดยใช้วิธีการเอาชนะใจลูกค้าและรักษาฐานลูกค้าเก่าให้ดีกว่าเดิม สิ่งที่ดีที่สุดคือให้ข้อมูลเป็นตัวนำทางเรา ช่วยให้เราทำได้เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดสำหรับผู้ซื้อทุกคน ซึ่งข้อมูลจะบอกเราทุกสิ่งอย่างที่เราต้องรู้เกี่ยวกับวิธีสร้างแรงกระตุ้น สร้างการมีส่วนร่วม ตอบสนองความต้องการ และสร้างความสุขให้พวกเขา และหากเราสามารถสร้างมูลค่าที่ยั่งยืนให้กับผู้ซื้อได้ เราก็สามารถสร้างมูลค่าที่ยั่งยืนให้กับผู้ค้าปลีกได้เช่นกัน | ในธุรกิจค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภค วิทยาศาสตร์ข้อมูลช่วยให้สามารถคาดการณ์พฤติกรรมของผู้ซื้อได้อย่างแม่นยำอย่างเหลือเชื่อ ด้วยระดับความถูกต้องที่สูงมากจนเราสามารถบอกได้ว่า จะมีคนจะซื้อสินค้าอะไรในห้างร้าน และถึงขนาดบอกได้ว่าจะซื้อที่สาขาไหนในช่วงสี่สัปดาห์ข้างหน้า
นี่ไม่ใช่การคาดหมายถึงอนาคตหรือเป็นความเพ้อฝันลมๆ แล้งๆ แต่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้จริง และเป็นสิ่งที่ dunnhumby ให้คำปรึกษาและคอยช่วยผู้ค้าปลีกทั่วโลกในทุกๆ วัน โดยใช้การวิเคราะห์ข้อมูลการซื้อขายและความภักดีในแบรนด์ของลูกค้าประกอบกันควบคู่ไปกับการใช้อัลกอริธึมในการคาดการณ์และประเมินผลที่มีความสลับซับซ้อน | null | Closed QA | cc-by-nc-4.0 |
Retail_51099 | Retail | ช่วยสรุปเรื่อง "5 ปัจจัยที่มีผลต่ออนาคตร้านวัสดุก่อสร้าง" ให้หน่อยค่ะ | 1. ทำเลต้องดี ไม่ว่ายุคไหนก็เป็นเรื่องที่เน้นย้ำมาก ๆ ว่ามันสำคัญที่สุดของอนาคตร้านวัสดุก่อสร้าง ว่าจะรอดหรือไม่รอด … เพราะการจะเปิดร้านวัสดุก่อสร้างนั้น จะต้องมีทำเลที่ดีตั้งแต่แรก ถึงจะมีลูกค้าแวะเวียนมาที่ร้านอย่างไม่ขาดสาย เรามาดูตัวอย่างทำเลที่ดีกันค่ะ ติดถนนใหญ่ โดยคุณจะต้องพิจารณาจากตำแหน่งที่ตั้งที่ลูกค้ามองเห็นร้านได้อย่างชัดเจน เพื่อจะได้มีลูกค้าทั้งขาจรและขาประจำเข้ามาในร้าน การเดินทางสะดวก จะต้องอยู่ในย่านที่เดินทางไปถึงง่ายและสะดวก เพราะต้องมีรถขนส่งวิ่งเข้า-ออก อยู่ประจำ มีที่จอดรถที่กว้างขวาง ที่จอดรถต้องมีความกว้างขวาง รองรับทั้งรถขนส่ง และรถของลูกค้า เพราะลูกค้าส่วนใหญ่ที่มาซื้อร้านวัสดุก่อสร้าง จะต้องมีรถเพื่อมาขนของกลับไป และต้องซื้อหลายอย่างด้วยกัน มีป้ายสัญลักษณ์ คุณควรทำป้ายให้ชัดเจนว่าคุณเปิดร้านวัสดุก่อสร้าง เพื่อให้ผู้คนมองเห็นแล้วรู้ว่ามีร้านของคุณอยู่ และร้านของคุณกำลังขายอะไร หากคนที่ต้องการค้นหาร้านก่อสร้าง จะได้เข้ามาซื้อได้แบบไม่ลังเล ขนาดของร้านมีความสัมพันธ์กับตลาด ตลาดในที่นี้หมายถึง ต้องสัมพันธ์กับกลุ่มเป้าหมายบริเวณนั้น ถ้ากลุ่มเป้าหมายไม่ใหญ่มาก ก็อย่าพึ่งเริ่มเปิดร้านที่ใหญ่ เพราะมีโอกาสจมทุนสูง จำนวนรายการสินค้าที่จะขาย ก็จะต้องมีความพอดีกับขนาดของร้าน โดยแบ่งพื้นที่ไว้เป็นคลังสินค้า และบริเวณจอดรถขนถ่ายสินค้า หลีกเลี่ยงการแข่งขัน ควรเลือกบริเวณที่มีร้านค้าวัสดุก่อสร้างหรือคู่แข่งในพื้นที่ไม่เยอะ ยิ่งคู่แข่งน้อยยิ่งดี เพราะเป็นการหลีกเลี่ยงการแข่งขัน รวมถึงลูกค้าจะได้เข้ามาที่ร้านของเราเป็นตัวเลือกแรก ๆ “ทำเลดี = มีชัยไปกว่าครึ่ง” 2. การบริการต้องเลิศ ยุคสมัยนี้การให้บริการที่ดีมีความสำคัญต่อธุรกิจเป็นอย่างมาก เพราะผู้บริโภคมักจะมีตัวเลือกเยอะแยะมากมาย ถ้าเราบริการได้ไม่ถูกใจเราก็มีโอกาสที่จะเสียลูกค้าไปโดยปริยาย มิหนำซ้ำเกิดการพูดปากต่อปาก หรือเผยแพร่ต่อหากเราบริการได้ไม่ดี ซึ่งจะส่งผลเสียต่อร้านได้นั่นเอง ยิ่งเป็นตลาดร้านอุปกรณ์ก่อสร้างควรโฟกัสไปที่การบริการมากกว่าราคาสินค้า เพราะลูกค้าส่วนมากมักจะมาที่ร้านวัสดุก่อสร้างด้วยปัญหา (ปัญหาที่ว่า คือปัญหาที่พวกเขาต้องการจะแก้ไขหรือทำให้ดีขึ้น เพื่อให้ได้โครงสร้างการก่อสร้างที่มีคุณภาพ) ในการบริการจึงควรมีการจัดหาสินค้าที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า มีคำแนะนำที่ถูกต้องตรงประเด็น แก้ไขได้ตรงจุดกับสิ่งที่ลูกค้าเจอ และยังต้องมาในราคาที่เหมาะสมอีกด้วย ส่วนใหญ่แล้ว ลูกค้ามักมีการเปรียบเทียบราคาระหว่างสินค้าแต่ละตัว รวมถึงราคาของร้านค้าแต่ละร้านด้วย หากร้านของคุณราคาไม่แพงเกินกว่าร้านคู่แข่งและมีบริการขนส่งที่รวดเร็ว ก็น่าจะสามารถทำยอดขายได้ไม่ยากนัก นอกจากนี้ “การให้บริการที่ครบวงจร” ก็นับเป็นกลยุทธ์ที่ควรให้ความสำคัญหากคุณมีทุนมากพอ เพื่อสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง ไม่ว่าจะเป็น การออกแบบ การติดตั้ง การซ่อมแซม ให้บริการตรวจเช็ค ทำความสะอาด เปลี่ยนสุขภัณฑ์ การทาสี การปรับปรุงบ้าน เป็นต้น เนื่องจากปัจจุบันการจะหาช่างซ่อมแซม ตกแต่งบ้านเล็ก ๆ น้อย ๆ นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แม้รายได้ส่วนนี้จะไม่ใช่รายได้หลักและมีสัดส่วนไม่มาก แต่ถือเป็นจุดขายที่น่าจะสร้างความพอใจให้กับลูกค้าและดึงดูดให้ลูกค้ากลับมาซื้อสินค้าและใช้บริการร้านของคุณได้เป็นอย่างดี ซึ่งคุณไม่จำเป็นต้องทำทั้งหมดที่เรากล่าวมาก็ได้ อาจจะหยิบมาบางส่วนเป็นจุดขายหลักของร้านคุณ เพื่อให้ลูกค้าจดจำได้นั่นเอง นอกจากนี้การบริการภายในร้านในเรื่องของการเทคแคร์ลูกค้า, การพูดจาที่ดี, การยิ้มแย้มแจ่มใส ก็มีผลต่อธุรกิจเช่นเดียวกัน ลองอ่านเรื่องเพื่อเทคนิคการบริการที่ดีขึ้น “20 ไอเดียการสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า ที่ควรนำไปทำตาม” “การมีบริการที่ดี = ช่วยให้กิจการไปได้สวย” 3. เงินทุนต้องหนา แน่นอนว่ากิจการร้านวัสดุก่อสร้างจำเป็นต้องใช้เงินหมุนเวียนจำนวนมาก เพราะต้องมีสินค้าคงคลังพร้อมขายตลอดเวลา หากเงินทุนไม่พอก็อาจจะเกิดปัญหาสภาพคล่องและนำไปสู่การเกิดภาวะขาดทุนที่ส่งผลต่ออนาคตร้านวัสดุก่อสร้างได้ ฉะนั้นคุณจะต้องมีเงินทุนไว้มากพอ และควรมีเงินสำรองไว้เผื่อฉุกเฉินด้วย เพราะความไม่แน่นอนเกิดขึ้นได้เสมอ ซึ่งความเสี่ยงของธุรกิจร้านวัสดุก่อสร้างคือ “ค่าใช้จ่ายประจำ” ที่ต้องจ่ายอยู่ตลอดการค้าขาย ไม่ว่าจะเป็น ค่าซื้อของมาเติม, ค่าจ้างพนักงาน, ค่าปรับปรุงร้าน, ค่าปรับปรุงบริการ รวมถึงค่าโฆษณาโปรโมทร้านค้าและทำการตลาด เจ้าของร้านจึงควรมีการบริหารจัดการรายรับ-รายจ่ายที่ดีมากพอสมควร อาจจะต้องมีนักบัญชีเพื่อทำในส่วนนี้โดยเฉพาะ จะได้รู้ว่าควรจัดสรรปันส่วนอย่างไรให้ถูกต้อง รวมถึงการใช้จ่ายในเรื่องของสินค้าคงคลังให้มีประสิทธิภาพ หมั่นตรวจเช็คอย่าให้สินค้าตกค้างในสต๊อกเยอะจนเสื่อมคุณภาพ เพื่อไม่ให้มีการซื้อของไปแล้วต้องทิ้ง มีเงินทุนเยอะ = ลดโอกาสที่จะเกิดการขาดทุน” 4. ความรู้เกี่ยวกับสินค้าต้องแน่น เจ้าของร้านหรือพนักงานในร้าน ควรจะต้องมีทักษะความรู้เกี่ยวกับสินค้าที่วางจำหน่ายภายในร้านพอสมควร เพราะบางครั้งลูกค้ามาหาสินค้าบางอย่าง แต่พวกเขาอาจจะเรียกไม่ถูกว่ามันคืออะไร หรือไม่ลูกค้าก็อาจจะหยิบตัวอย่างสินค้าจากที่บ้านมา ดังนั้นคนที่ขายสินค้าในร้านจะต้องรู้ทันทีว่าสิ่งที่ลูกค้าต้องการนั้นคืออะไร หรือมันสามารถใช้วัสดุก่อสร้างชิ้นไหนทดแทนได้บ้าง โดยแหล่งความรู้ที่นำมาใช้ก็อาจจะต้องอาศัยประสบการณ์ของผู้ประกอบการเอง, จากการพูดคุยกับลูกค้า, จากการศึกษาในอินเทอร์เน็ต, ศึกษาในคู่มือสินค้านั้น ๆ ซึ่งก็ต้องเรียนรู้เยอะมาก ๆ เลยทีเดียวค่ะ ขณะเดียวกันคุณจำเป็นต้องพิจารณาคัดเลือกพนักงานขายสินค้า และคนขับรถขนส่งสินค้าที่มีทักษะความสามารถที่ดีด้วย เพื่อลดความเสี่ยงจากความเสียหายในขณะขนส่งสินค้าเมื่อถึงมือลูกค้า อีกทั้งยังต้องมีการประเมินคู่แข่งด้วย โดยจะต้องประเมินครอบคลุมทั้ง 4 ด้านนี้ ได้แก่ ความสามารถทางการผลิต คุณภาพสินค้า คุณภาพการให้บริการ ความสามารถในการจัดส่ง เมื่อประเมินแล้ว ก็นำมาวิเคราะห์ว่ามีข้อไหนที่เขาได้เปรียบเรา มีข้อไหนที่เขาเสียเปรียบเรา แล้วเราควรพัฒนาไปในทิศทางไหน เพื่อที่จะได้ปรับปรุงร้านของตัวเองให้ตอบสนองลูกค้ามากที่สุดค่ะ “มีความรู้และประสบการณ์ที่มากพอ = จะช่วยให้ร้านมีประสิทธิภาพ มีความน่าเชื่อถือ ลูกค้ามั่นใจที่จะมาซื้อสินค้าร้านเรา” 5. ต้องสร้างเครือข่ายเพื่อการเติบโต
การสร้างเครือข่าย สามารถสร้างได้ด้วยการเป็นพันธมิตรคู่ค้ากับ 4 พันธมิตรหลัก นั่นก็คือ ตัวแทนจำหน่ายของผู้ผลิตวัสดุก่อสร้างรายใหญ่ เพื่อจะได้สินค้าที่ถูกกว่า หลากหลายมากกว่า และมีข่าวสารอะไรเกี่ยวกับวงการธุรกิจก่อสร้าง เขาจะได้นำมาแบ่งปันให้กับเราได้ ร้านค้าวัสดุก่อสร้างรายอื่น อาจจะมองว่าพวกเขาเป็นคู่แข่ง แต่การทำพันธมิตรไว้ก็ไม่เสียหาย เพราะพวกเขาอาจจะช่วยเหลือคุณได้ในบางเรื่อง อาศัยการเกื้อกูลกัน เช่น วัสดุก่อสร้างบางอย่าง เราไม่ได้สต๊อกไว้ก็สามารถซื้อจากพวกเขามาจำหน่ายตอได้ หรืออาจจะแนะนำไปที่ร้านของพวกเขาเลย แล้วไปตกลงกันว่า ‘สินค้าตัวนี้ ผมไม่มี ผมจะแนะนำลูกค้าไปที่ร้านของคุณนะ’ ถ้าเขาเห็นน้ำใจของคุณและเขามีจิตใจที่ดีเช่นกันในการค้าขาย เมื่อสินค้าตัวไหนที่เขาไม่มี เขาจะแนะนำมาที่ร้านของคุณอย่างแน่นอน ร้านค้าวัสดุก่อสร้างรายย่อย สินค้าบางรายการที่ร้านของคุณจัดซื้อไว้ในสต๊อกจำนวนมาก แล้วคาดว่าจะมาสามารถขายออกไปได้ในเวลาที่สมควร คุณก็สามารถนำไปขายต่อในราคาส่ง กับร้านวัสดุก่อสร้างรายย่อยได้ เพื่อเป็นการกระจายสินค้า และช่วยให้ร้านรายย่อยมีสต๊อกสินค้าเอาไว้ขายอีกด้วย บรรดาช่างรับเหมาก่อสร้าง ผูกมิตร, พูดคุยแลกเปลี่ยน, สร้างความคุ้นเคยกับช่างรับเหมาก่อสร้างเอาไว้ เพื่อที่เขาจะได้รู้สึกว่าร้านของคุณเป็นกันเองและน่าเข้าหา เมื่อพวกเขามีงานเข้ามา ร้านแรกที่นึกถึงจะเป็นร้านของคุณ แล้วคุณก็จะมีลูกค้าประจำที่แวะเวียนมาที่ร้านของคุณ เป็นการสร้างโอกาสทางธุรกิจที่ดีเยี่ยมเลยแหละ “มีเครือข่ายที่ดี = ทำให้กิจการของร้านเติบโตและสร้างผลกำไรมากขึ้นได้ในอนาคต” | 5 ปัจจัยที่มีผลต่ออนาคตร้านวัสดุก่อสร้าง
1. ทำเลต้องดี ร้านวัสดุก่อสร้างต้องติดถนนใหญ่ อยู่ในย่านที่เดินทางไปถึงง่ายและสะดวก ที่จอดรถต้องกว้างขวาง ทำป้ายให้ชัดเจนเพื่อให้ผู้คนมองเห็นแล้วรู้ว่ามีร้านอยู่ ขนาดของร้านมีความสัมพันธ์กับกลุ่มเป้าหมาย และควรเลือกบริเวณที่มีคู่แข่งในพื้นที่น้อย
2. การบริการต้องเลิศ ควรโฟกัสที่การบริการมากกว่าราคาสินค้า ควรจัดหาสินค้าที่ดีที่สุดให้ลูกค้า มีคำแนะนำที่ถูกต้องตรงประเด็น แก้ไขได้ตรงจุดกับสิ่งที่ลูกค้าเจอ และต้องมาในราคาที่เหมาะสม และให้บริการครบวงจร เพื่อสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง
3. เงินทุนต้องหนา ต้องใช้เงินหมุนเวียนจำนวนมาก เพราะต้องมีสินค้าคงคลังพร้อมขายตลอดเวลา ควรมีเงินสำรองไว้เผื่อฉุกเฉิน มีการบริหารจัดการรายรับ-รายจ่ายที่ดีพอสมควร และการใช้จ่ายสินค้าคงคลังต้องมีประสิทธิภาพ หมั่นตรวจเช็คสินค้าไม่ให้ตกค้างในสต๊อก
4. ความรู้เกี่ยวกับสินค้าต้องแน่น มีทักษะความรู้เกี่ยวกับสินค้าจากแหล่งความรู้ที่ต้องอาศัยประสบการณ์, การพูดคุยกับลูกค้า, การศึกษาในอินเทอร์เน็ต และคู่มือสินค้า รวมทั้งประเมินคู่แข่งและพิจารณาคัดเลือกพนักงานขายสินค้าและคนขับรถขนส่งสินค้าที่มีทักษะความสามารถที่ดีเพื่อลดความเสียหาย
5. ต้องสร้างเครือข่ายเพื่อการเติบโตกับ 4 พันธมิตรหลัก คือ ตัวแทนจำหน่าย, ร้านค้าวัสดุก่อสร้างรายอื่น, ร้านค้าวัสดุก่อสร้างรายย่อย และช่างรับเหมาก่อสร้าง | null | Summarization | cc-by-nc-4.0 |
Retail_51100 | Retail | การเปิดร้านขายสินค้าสัตว์เลี้ยงควรคำนึงถึงเรื่องใดบ้าง | null | ในการเปิดร้านขายสินค้าสัตว์เลี้ยงควรคำนึงถึงความแตกต่างจากคู่แข่ง และให้ลูกค้าได้รับความพึงพอใจดังนี้
1. การตกแต่งร้าน
ต้องตกแต่งร้านให้สะดุดตา และมีเอกลักษณ์เฉพาะ เช่น ทาสีผนังอาคารเป็นรูปสัตว์, จำลองรูปสุนัขหรือแมวไว้หน้าร้าน, ตกแต่งด้วยมาสคอต ตุ๊กตา หรือรูปปั้นที่หน้าร้าน ฯลฯ
2. ชั้นวางสินค้าที่ตอบโจทย์
มีชั้นวางสินค้าสวยดูดีเข้ากับสินค้าที่นำมาขาย จะทำให้สินค้าน่ามอง นอกจากนี้การมีอาหารสัตว์ที่หลากหลายตั้งแต่แรก จะทำดูน่าเข้าไปซื้อมากยิ่งขึ้น
3. อาหารสัตว์หลากหลาย
อาหารสัตว์ที่นำมาขาย ควรมีหลายยี่ห้อ เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภค ปกติแล้วเราก็อาจพบเห็นยี่ห้อต่างๆ ที่เคยเห็นแล้วทั่วไปอยู่ตามท้องตลาดหรือร้านขายสินค้าสัตว์เลี้ยงเจ้าอื่น ต้องหาอาหารสัตว์บางยี่ห้อที่หาไม่ได้ง่ายๆ แบบทั่วไป
4. อุปกรณ์ตามเทรนด์
อุปกรณ์ที่นำมาขาย ควรมีความหลากหลาย โดดเด่น และตามสมัยอยู่เสมอ ทำให้ร้านน่าเดินเลือกซื้อของมากยิ่งขึ้น เพราะคนที่เลี้ยงสัตว์ มักจะมองหาสิ่งที่น่ารักๆ ไปให้สัตว์เลี้ยงของตัวเอง เช่น ของเล่นสำหรับแมวในลักษณะต่างๆ
5. บริการของร้านน่าประทับใจ
บริการของพนักงานหรือเจ้าของร้านเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ต่อให้สินค้ามีให้เลือกอย่างหลากหลาย หรือมีสินค้าที่คุณภาพมากแค่ไหน แต่ถ้าลูกค้าได้รับบริการที่แย่ ก็จะสร้างประสบการณ์จากร้านที่ไม่ดีตามไปด้วย ซึ่งมีตั้งแต่กาพูดจาไพเราะ, แนะนำเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงที่เป็นประโยชน์ต่อลูกค้า หรือการบริการอื่นๆ ที่สร้างความประทับใจแก่ลูกค้า
6. ใส่ใจรายละเอียดเล็กๆ น้อย ๆ
- ถุงใส่ของ ควรผลิตถุงมาใหม่เพื่อเป็นเอกลักษณ์ของร้าน หรือติดโลโก้แบรนด์ของร้านเข้าไปด้วย เพราะจะทำให้ร้านดูน่าซื้อมากขึ้นไปอีก ทั้งยังช่วยโปรโมทและสร้างการจดจำให้ร้านไปในตัวอีกด้วย
- นามบัตรของร้าน ควรจะมีนามบัตรของร้านไว้เพื่อมอบให้กับลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าติดต่อกลับเมื่อต้องการความช่วยเหลือ และให้ลูกค้าได้ติดตามข่าวสารเกี่ยวกับอาหารสัตว์, อุปกรณ์เกี่ยวกับสัตว์ ตัวอย่างข้อมูลที่ใส่ลงไปในนามบัตร เช่น ชื่อร้าน
เบอร์โทรร้าน Line@ Facebook และโซเชียลมีเดียอื่น ๆ ที่อยู่หรือ Google Map | null | Open QA | cc-by-nc-4.0 |
Retail_51103 | Retail | การจัดชั้นวางสินค้าตามฮวงจุ้ย ชั้นวางฝั่งขวา ควรเป็นสินค้าประเภทใด | การเปิดร้านค้านั้น นอกจากจะมีแนวคิดทางธุรกิจและการตลาดที่ดีแล้ว การเปิดร้านค้านั้น นอกจากจะมีแนวคิดทางธุรกิจและการตลาดที่ดีแล้ว เรื่องของ “ฮวงจุ้ยร้านค้า” ก็เป็นสิ่งที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งสำหรับการเปิดกิจการของคนไทยที่มีความเชื่อในเรื่องนี้ เพราะเมื่อเราปฏิบัติตามแล้วรู้สึกสบายใจ ก็จะทำให้ความเป็นมงคลเหล่านี้ เรียกลูกค้า เรียกทรัพย์เข้ามาได้ เรื่องของ “ฮวงจุ้ยร้านค้า” ก็เป็นสิ่งที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งสำหรับการเปิดกิจการของคนไทยที่มีความเชื่อในเรื่องนี้ เพราะเมื่อเราปฏิบัติตามแล้วรู้สึกสบายใจ ก็จะทำให้ความเป็นมงคลเหล่านี้ เรียกลูกค้า เรียกทรัพย์เข้ามาได้ PN Storetailer จะพาทุก ๆ ท่านที่กำลังเปิดร้านค้า ไปรู้จักกับเกร็ดความรู้เล็ก ๆ น้อย ๆ ในการนำไปตกแต่งร้านตามฮวงจุ้ย เพื่อเสริมความรุ่งเรืองของร้านค้ากันค่ะ PN Storetailer จะพาทุก ๆ ท่านที่กำลังเปิดร้านค้า ไปรู้จักกับเกร็ดความรู้เล็ก ๆ น้อย ๆ ในการนำไปตกแต่งร้านตามฮวงจุ้ย เพื่อเสริมความรุ่งเรืองของร้านค้ากันค่ะ เลือกเรื่องที่จะอ่านเลย ☟ เลือกเรื่องที่จะอ่านเลย ☟ ฮวงจุ้ยร้านค้า มีความสำคัญอย่างไร? ปรับฮวงจุ้ยร้านค้า 8 ทิศ การจัดชั้นวางสินค้าตามฮวงจุ้ย ตกแต่งของมงคลตามฮวงจุ้ย 1. ฮวงจุ้ยร้านค้า มีความสำคัญอย่างไร? 1. ฮวงจุ้ยร้านค้า มีความสำคัญอย่างไร? ฮวงจุ้ย แปลตามภาษาจีนจะหมายถึง ลมและน้ำ ซึ่งมันคือ ศาสตร์อย่างหนึ่งของชาวจีน เกี่ยวกับการอยู่อาศัย ที่ต้องปรับให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมและธรรมชาติ เพื่อเสริมให้ชีวิตดีขึ้น ฮวงจุ้ย แปลตามภาษาจีนจะหมายถึง ลมและน้ำ ซึ่งมันคือ ศาสตร์อย่างหนึ่งของชาวจีน เกี่ยวกับการอยู่อาศัย ที่ต้องปรับให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมและธรรมชาติ เพื่อเสริมให้ชีวิตดีขึ้น ซึ่งสามารถนำหลักการนี้ มาใช้ได้กับสถานที่ต่าง ๆ ที่เราอยู่อาศัยกัน ไม่ว่าจะเป็น บ้านเรือน, ร้านค้า, คอนโด และที่อื่น ๆ ด้วยนะคะ ซึ่งสามารถนำหลักการนี้ มาใช้ได้กับสถานที่ต่าง ๆ ที่เราอยู่อาศัยกัน ไม่ว่าจะเป็น บ้านเรือน, ร้านค้า, คอนโด และที่อื่น ๆ ด้วยนะคะ และถ้าหากพูดถึงความสำคัญของฮวงจุ้ยร้านค้านั้น หากมีการปรับและตกแต่งร้านตามหลักฮวงจุ้ย จะส่งเสริมให้กิจการเจริญรุ่งเรือง คนในร้านมีสุขภาพดี สงบสุข ส่งผลให้เงินทองไหลมาเทมา และกิจการเติบโตไปได้อย่างราบรื่น และถ้าหากพูดถึงความสำคัญของฮวงจุ้ยร้านค้านั้น หากมีการปรับและตกแต่งร้านตามหลักฮวงจุ้ย จะส่งเสริมให้กิจการเจริญรุ่งเรือง คนในร้านมีสุขภาพดี สงบสุข ส่งผลให้เงินทองไหลมาเทมา และกิจการเติบโตไปได้อย่างราบรื่น เพราะเป็นความเชื่อตามหลักธรรมชาติ ช่วยให้สิ่งของในร้านอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม และได้รับประโยชน์จากพลังงานดี ๆ รอบตัว อีกทั้งยังช่วยให้เราได้ปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อม เพื่อขจัดพลังงานที่เป็นผลร้ายหรือเป็นภัยให้ออกไปจากร้านอีกด้วยค่ะ เพราะเป็นความเชื่อตามหลักธรรมชาติ ช่วยให้สิ่งของในร้านอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม และได้รับประโยชน์จากพลังงานดี ๆ รอบตัว อีกทั้งยังช่วยให้เราได้ปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อม เพื่อขจัดพลังงานที่เป็นผลร้ายหรือเป็นภัยให้ออกไปจากร้านอีกด้วยค่ะ และถ้าใครที่อยากอ่านเกี่ยวกับสีมงคลเสริมความร่ำรวยให้ร้านค้า คลิกอ่านได้ที่ ☛ แชร์ทริคเปิดร้านให้ค้าขายร่ำรวย ด้วยสีร้านค้าถูกโฉลกตามวันเกิด 2. ปรับฮวงจุ้ยร้านค้า 8 ทิศ 2. ปรับฮวงจุ้ยร้านค้า 8 ทิศ การเสริมพลังต่าง ๆ ให้กับแต่ละทิศ จะช่วยให้ร้านค้าบริเวณนั้นมีแต่พลังงานที่ดี ซึ่งจะทำให้เปิดทางลูกค้า กระตุ้นพลัง โชคลาภ ให้ไหลเวียนเข้ามาสู่ร้านค้าของเราได้ ทิศเหนือ ทิศเหนือ ทิศเหนือ เป็นทิศหลักของธาตุน้ำ ควรกระตุ้นพลังงานด้วยการใช้ธาตุไม้ เพื่อมารับพลังจากธาตุน้ำ เช่น รูปภาพธรรมชาติที่มีสีเขียว ต้นไม้สีเขียว หรือโมบายที่ทำจากไม้ เป็นทิศหลักของธาตุน้ำ ควรกระตุ้นพลังงานด้วยการใช้ธาตุไม้ เพื่อมารับพลังจากธาตุน้ำ เช่น รูปภาพธรรมชาติที่มีสีเขียว ต้นไม้สีเขียว หรือโมบายที่ทำจากไม้ ตัวอย่างฮวงจุ้ยร้านค้าที่ตกแต่งด้วยต้นไม้ในทิศเหนือ ตัวอย่างฮวงจุ้ยร้านค้าที่ตกแต่งด้วยต้นไม้ในทิศเหนือ ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ และ ทิศตะวันตกเฉียงใต้ ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ และ ทิศตะวันตกเฉียงใต้ เป็นทิศหลักของธาตุดิน ควรกระตุ้นพลังงานด้วยการใช้ธาตุทอง เพื่อมารับพลังจากธาตุดินด้วยการเน้นการตกแต่งร้านด้วยวัตถุสีขาว สีเงิน สีทอง วัตถุทรงกลมและวัตถุที่ทำจากโลหะ เช่น โคมไฟสีขาว, แจกันโลหะ, ของติดผนังต่าง ๆ เป็นทิศหลักของธาตุดิน ควรกระตุ้นพลังงานด้วยการใช้ธาตุทอง เพื่อมารับพลังจากธาตุดินด้วยการเน้นการตกแต่งร้านด้วยวัตถุสีขาว สีเงิน สีทอง วัตถุทรงกลมและวัตถุที่ทำจากโลหะ เช่น โคมไฟสีขาว, แจกันโลหะ, ของติดผนังต่าง ๆ ตัวอย่างของที่ควรนำมาตกแต่งในทิศตะวันออกเฉียงเหนือและทิศตะวันตกเฉียงใต้ ตัวอย่างของที่ควรนำมาตกแต่งในทิศตะวันออกเฉียงเหนือและทิศตะวันตกเฉียงใต้ ทิศตะวันออก และ ทิศตะวันออกเฉียงใต้ ทิศตะวันออก และ ทิศตะวันออกเฉียงใต้ เป็นทิศหลักของธาตุไม้ ควรกระตุ้นพลังงานด้วยการใช้ธาตุไฟ เพื่อมารับพลังจากธาตุไม้ โดยการเน้นสีแดง สีชมพู สีส้ม ใช้วัตถุทรงสามเหลี่ยม และโมบายหรือริบบิ้นสีแดง เป็นทิศหลักของธาตุไม้ ควรกระตุ้นพลังงานด้วยการใช้ธาตุไฟ เพื่อมารับพลังจากธาตุไม้ โดยการเน้นสีแดง สีชมพู สีส้ม ใช้วัตถุทรงสามเหลี่ยม และโมบายหรือริบบิ้นสีแดง ตัวอย่างของที่ควรนำมาตกแต่งทิศตะวันออกและทิศตะวันออกเฉียงใต้ ตัวอย่างของที่ควรนำมาตกแต่งทิศตะวันออกและทิศตะวันออกเฉียงใต้ ทิศใต้ ทิศใต้ เป็นทิศหลักของธาตุไฟ ควรกระตุ้นพลังงานด้วยการใช้ธาตุดิน เพื่อมารับพลังงานของธาตุไฟ โดยการเน้นสีแดง ชมพู หรือส้ม ใช้วัตถุที่เป็นทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส และของตกแต่งที่ทำจากดินเผา เป็นทิศหลักของธาตุไฟ ควรกระตุ้นพลังงานด้วยการใช้ธาตุดิน เพื่อมารับพลังงานของธาตุไฟ โดยการเน้นสีแดง ชมพู หรือส้ม ใช้วัตถุที่เป็นทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส และของตกแต่งที่ทำจากดินเผา ตัวอย่างของที่นำมาตกแต่งทิศใต้ ตัวอย่างของที่นำมาตกแต่งทิศใต้ ทิศตะวันตก และ ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ทิศตะวันตก และ ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ เป็นทิศหลักของธาตุทอง ควรกระตุ้นด้วยการใช้ธาตุธาตุน้ำ เพื่อมารับพลังงานของธาตุทอง โดยการใช้วัตถุที่เป็นทรงคลื่น โมบายริบบิ้นสีฟ้า เน้นสีน้ำเงิน สีฟ้า สีดำ หรืออาจจะใช้น้ำพุ น้ำตก น้ำที่เคลื่อนไหว เป็นทิศหลักของธาตุทอง ควรกระตุ้นด้วยการใช้ธาตุธาตุน้ำ เพื่อมารับพลังงานของธาตุทอง โดยการใช้วัตถุที่เป็นทรงคลื่น โมบายริบบิ้นสีฟ้า เน้นสีน้ำเงิน สีฟ้า สีดำ หรืออาจจะใช้น้ำพุ น้ำตก น้ำที่เคลื่อนไหว ตัวอย่างของที่นำมาตกแต่งทิศตะวันตกและทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ตัวอย่างของที่นำมาตกแต่งทิศตะวันตกและทิศตะวันตกเฉียงเหนือ 3. การจัดชั้นวางสินค้าตามฮวงจุ้ย 3. การจัดชั้นวางสินค้าตามฮวงจุ้ย ตำแหน่งของ ชั้นวางสินค้า ก็มีส่วนในการช่วยให้ฮวงจุ้ยร้านค้าดีขึ้นเช่นกัน หากมันวางในตำแหน่งที่ถูกต้องและมีประเภทสินค้าที่ตรงกับฮวงจุ้ย จะทำให้ร้านของคุณขายดีมากยิ่งขึ้น (ซึ่งจริง ๆ มันก็ค่อนข้างตรงกับหลักการทางวิทยาศาสตร์และจิตวิทยาบางส่วนเหมือนกันนะคะ) หากคุณเดินเข้าไปทางหน้าร้าน .. ฝั่งของชั้นวางสินค้าจะเป็นดังนี้ ตำแหน่งของ ชั้นวางสินค้า ก็มีส่วนในการช่วยให้ฮวงจุ้ยร้านค้าดีขึ้นเช่นกัน หากมันวางในตำแหน่งที่ถูกต้องและมีประเภทสินค้าที่ตรงกับฮวงจุ้ย จะทำให้ร้านของคุณขายดีมากยิ่งขึ้น (ซึ่ง จริง ๆ มันก็ค่อนข้างตรงกับหลักการทางวิทยาศาสตร์และจิตวิทยาบางส่วนเหมือนกันนะคะ) หากคุณเดินเข้าไปทางหน้าร้าน .. ฝั่งของชั้นวางสินค้าจะเป็นดังนี้ ชั้นวางฝั่งขวา ชั้นวางฝั่งขวา ชั้นวางฝั่งขวา ควรเป็นสินค้าประเภทที่ขายดีแบบ Hot sale ประจำร้าน สินค้าใหม่ ๆ ที่มาตามช่วงเทศกาล เพราะเป็นจุดที่มีพลังงานไหลเวียนมากที่สุดในร้าน ตามหลักของฮวงจุ้ยนั่นเองค่ะ (แต่ถ้าพูดตามหลักวิทยาศาสตร์นั้น ฝั่งขวาจะเป็นฝั่งที่ผู้คนจะหันไปมองก่อนอันดับแรกตามสัญชาตญาณ จึงควรนำสินค้าขายดีมาตรงนี้ค่ะ) เช่น ถ้าร้านค้าของคุณเป็นร้าน Pet Shop สินค้าบริเวณนี้ก็อาจจะเป็น สินค้ามาใหม่หรือสินค้าที่ผู้คนนิยมมาก ๆ มาไว้โซนนี้ เพื่อให้ลูกค้าได้แวะชมก่อนที่จะเดินไปบริเวณอื่น ควรเป็นสินค้าประเภทที่ขายดีแบบ Hot sale ประจำร้าน สินค้าใหม่ ๆ ที่มาตามช่วงเทศกาล เพราะเป็นจุดที่มีพลังงานไหลเวียนมากที่สุดในร้าน ตามหลักของฮวงจุ้ยนั่นเองค่ะ (แต่ถ้าพูดตามหลักวิทยาศาสตร์นั้น ฝั่งขวาจะเป็นฝั่งที่ผู้คนจะหันไปมองก่อนอันดับแรกตามสัญชาตญาณ จึงควรนำสินค้าขายดีมาตรงนี้ค่ะ) เช่น ถ้าร้านค้าของคุณเป็นร้าน Pet Shop สินค้าบริเวณนี้ก็อาจจะเป็น สินค้ามาใหม่หรือสินค้าที่ผู้คนนิยมมาก ๆ มาไว้โซนนี้ เพื่อให้ลูกค้าได้แวะชมก่อนที่จะเดินไปบริเวณอื่น ตัวอย่างสินค้าบนชั้นวางฝั่งขวา ตัวอย่างสินค้าบนชั้นวางฝั่งขวา ชั้นวางด้านหน้า ชั้นวางด้านหน้า ในส่วนของหน้าร้าน เป็นส่วนที่ผู้คนมองเห็นได้ง่าย ควรจัดวางเป็นสินค้าที่โดดเด่นมากที่สุดในร้าน หรือสินค้าที่ลูกค้ารู้จักกันดีอยู่แล้ว เพื่อแสดงให้เห็นถึงเอกลักษณ์ของร้าน เช่น ทำป้ายแบรนด์สินค้าให้โดดเด่น เพื่อให้รู้ว่ามีสินค้าตัวนี้อยู่ในร้าน ในส่วนของหน้าร้าน เป็นส่วนที่ผู้คนมองเห็นได้ง่าย ควรจัดวางเป็นสินค้าที่โดดเด่นมากที่สุดในร้าน หรือสินค้าที่ลูกค้ารู้จักกันดีอยู่แล้ว เพื่อแสดงให้เห็นถึงเอกลักษณ์ของร้าน เช่น ทำป้ายแบรนด์สินค้าให้โดดเด่น เพื่อให้รู้ว่ามีสินค้าตัวนี้อยู่ในร้าน ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณเปิดร้านวัสดุก่อสร้าง คุณอาจจะจัดวางซุ้มสินค้าแบรนด์ดังติดไว้ด้านหน้า อย่างภาพที่เรานำมาให้ดูนั่นเองค่ะ ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณเปิดร้านวัสดุก่อสร้าง คุณอาจจะจัดวางซุ้มสินค้าแบรนด์ดังติดไว้ด้านหน้า อย่างภาพที่เรานำมาให้ดูนั่นเองค่ะ ชั้นวางที่มีป้ายแบรนด์สินค้าด้านหน้า ชั้นวางที่มีป้ายแบรนด์สินค้าด้านหน้า ชั้นวางที่มีป้ายแบรนด์สินค้าด้านหน้า ชั้นวางฝั่งซ้าย ชั้นวางฝั่งซ้าย ชั้นวางฝั่งซ้าย ทางฝั่งซ้ายควรจัดชั้นวางด้วยสินค้าที่ขายได้น้อย เพราะฝั่งนี้มีกระแสการไหลเวียนของพลังงานที่ค่อนข้างนิ่ง ทางฝั่งซ้ายควรจัดชั้นวางด้วยสินค้าที่ขายได้น้อย เพราะฝั่งนี้มีกระแสการไหลเวียนของพลังงานที่ค่อนข้างนิ่ง ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณเปิดร้านเครื่องสำอางหรือร้านที่เป็นสินค้าบิวตี้ ควรจะนำสินค้าที่ค้างสต๊อกเยอะ ๆ มาวางตรงนี้ และทำโปรโมชั่นเซลล์เยอะ ๆ เพื่อที่จะกระตุ้นให้เกิดพลังงานการไหลเวียนของมุมนั้นด้วย ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณเปิดร้านเครื่องสำอางหรือร้านที่เป็นสินค้าบิวตี้ ควรจะนำสินค้าที่ค้างสต๊อกเยอะ ๆ มาวางตรงนี้ และทำโปรโมชั่นเซลล์เยอะ ๆ เพื่อที่จะกระตุ้นให้เกิดพลังงานการไหลเวียนของมุมนั้นด้วย ตัวอย่างสินค้าในร้านบิวตี้ช็อป ตัวอย่างสินค้าในร้านบิวตี้ช็อป ชั้นวางด้านหลัง ชั้นวางด้านหลัง เป็นส่วนที่อยู่ด้านหลังร้าน จะอยู่ด้านในสุด หากคุณเปิดร้านใหญ่ ๆ ส่วนนี้ จะเป็นส่วนที่เอาใช้สต๊อกสินค้า หรือวางสินค้าที่มีน้ำหนักเยอะ ๆ เป็นส่วนที่อยู่ด้านหลังร้าน จะอยู่ด้านในสุด หากคุณเปิดร้านใหญ่ ๆ ส่วนนี้ จะเป็นส่วนที่เอาใช้สต๊อกสินค้า หรือวางสินค้าที่มีน้ำหนักเยอะ ๆ อ่านบทความเพิ่มเติม : อ่านบทความเพิ่มเติม : แชร์ทริคเปิดร้านให้ค้าขายร่ำรวย ด้วยสีร้านค้าถูกโฉลกตามวันเกิด 7 ข้อที่ไม่ควรทำ!! สำหรับการ “ตั้งชื่อร้าน” 4. ตกแต่งของมงคลตามฮวงจุ้ย 4. ตกแต่งของมงคลตามฮวงจุ้ย นอกจากจะปรับทิศทางต่าง ๆ แล้ว การตกแต่งด้วยของมงคล ก็ช่วยส่งเสริมพลังดี ๆ ตามหลักฮวงจุ้ยให้ร้านค้าของคุณเช่นกัน นอกจากจะปรับทิศทางต่าง ๆ แล้ว การตกแต่งด้วยของมงคล ก็ช่วยส่งเสริมพลังดี ๆ ตามหลักฮวงจุ้ยให้ร้านค้าของคุณเช่นกัน เราจึงขอแนะนำตัวอย่างเครื่องรางมงคลที่ควรนำมาตกแต่ง ตามความเชื่อของชาวจีนดังนี้ค่ะ เราจึงขอแนะนำตัวอย่างเครื่องรางมงคลที่ควรนำมาตกแต่ง ตามความเชื่อของชาวจีนดังนี้ค่ะ กิเลน กิเลน กิเลนสามารถดูดซับพลังงานดีเข้ามาได้ อีกทั้งหลายตัวยังมีเหรียญอยู่ในปากและมีทรัพย์สมบัติอยู่ที่อุ้งเท้า เป็นเหตุให้คนเชื่อว่าช่วยนำความมั่งคั่งร่ำรวยมาสู่ผู้คนได้ กิเลนสามารถดูดซับพลังงานดีเข้ามาได้ อีกทั้งหลายตัวยังมีเหรียญอยู่ในปากและมีทรัพย์สมบัติอยู่ที่อุ้งเท้า เป็นเหตุให้คนเชื่อว่าช่วยนำความมั่งคั่งร่ำรวยมาสู่ผู้คนได้ บริเวณที่ควรวาง : ใกล้ประตูหน้าร้าน โดยหันหน้าเข้าหาบริเวณที่มีคนอยู่เป็นประจำ อาจจะวางไว้ด้านชั้นด้านหลังเคาน์เตอร์คิดเงิน ซึ่งเป็นบริเวณที่ผู้คนต้องเดินมาจ่ายเงินอยู่เสมอก็ได้ค่ะ บริเวณที่ควรวาง : ใกล้ประตูหน้าร้าน โดยหันหน้าเข้าหาบริเวณที่มีคนอยู่เป็นประจำ อาจจะวางไว้ด้านชั้นด้านหลังเคาน์เตอร์คิดเงิน ซึ่งเป็นบริเวณที่ผู้คนต้องเดินมาจ่ายเงินอยู่เสมอก็ได้ค่ะ ภาพ กิเลน by : JadeiteRoom ภาพ กิเลน by : JadeiteRoom JadeiteRoom ปี่เซียะ ปี่เซียะ ปี่เซียะ วัตถุมงคลยอดฮิตของทั้งคนจีนและคนไทย ที่ปัจจุบันนิยมนำมาใส่เป็นเครื่องรางบนข้อแขน และหากนำมาบูชาไว้ที่ร้านค้า จะช่วยให้เงินทองไหลมาเทมา ทำมาค้าขายเจริญรุ่งเรือง วัตถุมงคลยอดฮิตของทั้งคนจีนและคนไทย ที่ปัจจุบันนิยมนำมาใส่เป็นเครื่องรางบนข้อแขน และหากนำมาบูชาไว้ที่ร้านค้า จะช่วยให้เงินทองไหลมาเทมา ทำมาค้าขายเจริญรุ่งเรือง บริเวณที่ควรวาง : ตั้งในบริเวณที่สามารถมองเห็นได้ชัด หันหน้าเข้าหาประตู ไม่ควรอยู่ต่ำเกินแต่ก็ไม่ควรอยู่สูงกว่าพระด้วย ตั้งแยกไม่โดยไม่รวมของมงคลอย่างอื่น และทิศที่ดีที่สุดคือ ทิศตะวันออกหรือทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ควรมีน้ำเปล่าวางไว้ 1 แก้วด้วยนะคะ บริเวณที่ควรวาง : ตั้งในบริเวณที่สามารถมองเห็นได้ชัด หันหน้าเข้าหาประตู ไม่ควรอยู่ต่ำเกินแต่ก็ไม่ควรอยู่สูงกว่าพระด้วย ตั้งแยกไม่โดยไม่รวมของมงคลอย่างอื่น และทิศที่ดีที่สุดคือ ทิศตะวันออกหรือทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ควรมีน้ำเปล่าวางไว้ 1 แก้วด้วยนะคะ มังกร มังกร สัตว์ในตำนานความเชื่อชาวจีน ที่จะช่วยเสริมเรื่องความมั่งคั่ง พลังอำนาจ และความโชคดี หากคุณนำมังกรมาประดับไว้ที่ร้าน มังกรจะช่วยสื่อถึงความร่ำรวย แข็งแกร่ง และเกรียงไกรให้กับคุณได้ค่ะ สัตว์ในตำนานความเชื่อชาวจีน ที่จะช่วยเสริมเรื่องความมั่งคั่ง พลังอำนาจ และความโชคดี หากคุณนำมังกรมาประดับไว้ที่ร้าน มังกรจะช่วยสื่อถึงความร่ำรวย แข็งแกร่ง และเกรียงไกรให้กับคุณได้ค่ะ บริเวณที่ควรวาง : ทิศตะวันออกหรือทางด้านขวาของร้านค้า (มองจากด้านนอก) เพราะจะเสริมพลังงานดี ๆ ที่อยู่ชั้นวางฝั่งขวาด้วย และถ้าร้านของใครวางน้ำตกหรือน้ำพุประดับไว้ทางทิศตะวันตกตามคำแนะนำของเราในเรื่องฮวงจุ้ย 8 ทิศแล้ว หากคุณวางมังกรให้อยู่ทิศตะวันออกด้วย จะยิ่งช่วยให้รับส่งพลังงานกันได้มากกว่าเดิม เพราะมังกรชอบน้ำ จึงควรหันหน้าเข้าหาน้ำซึ่งอยู่ฝั่งตะวันตกพอดีนั่นเองค่ะ บริเวณที่ควรวาง : ทิศตะวันออกหรือทางด้านขวาของร้านค้า (มองจากด้านนอก) เพราะจะเสริมพลังงานดี ๆ ที่อยู่ชั้นวางฝั่งขวาด้วย และถ้าร้านของใครวางน้ำตกหรือน้ำพุประดับไว้ทางทิศตะวันตกตามคำแนะนำของเราในเรื่องฮวงจุ้ย 8 ทิศแล้ว หากคุณวางมังกรให้อยู่ทิศตะวันออกด้วย จะยิ่งช่วยให้รับส่งพลังงานกันได้มากกว่าเดิม เพราะมังกรชอบน้ำ จึงควรหันหน้าเข้าหาน้ำซึ่งอยู่ฝั่งตะวันตกพอดีนั่นเองค่ะ เซียมซู เซียมซู เซียมซู เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า คางคกสามขาคาบเหรียญ เครื่องรางมงคลที่ช่วยเสริมโชคลาภ ความมั่งคั่งร่ำรวย ช่วยนำเงินทองและรายได้เข้ามาสู่ผู้คนและร้านค้า เซียมซู เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า คางคกสามขาคาบเหรียญ เครื่องรางมงคลที่ช่วยเสริมโชคลาภ ความมั่งคั่งร่ำรวย ช่วยนำเงินทองและรายได้เข้ามาสู่ผู้คนและร้านค้า บริเวณที่ควรวาง : ประดับไว้บริเวณหน้าประตูร้านค้า เพื่อให้เซียมซูช่วยดูดเงินทองและโชคลาภจากด้านนอกเข้ามาสู่ร้านค้าด้านใน แต่มีข้อแม้ว่าห้ามวางบนพื้นเด็ดขาดนะคะ บริเวณที่ควรวาง : ประดับไว้บริเวณหน้าประตูร้านค้า เพื่อให้เซียมซูช่วยดูดเงินทองและโชคลาภจากด้านนอกเข้ามาสู่ร้านค้าด้านใน แต่มีข้อแม้ว่าห้ามวางบนพื้นเด็ดขาดนะคะ ภาพ เซียมซู by : zensationuk ภาพ เซียมซู by : zensationuk ตุ๊กตาแมวกวัก ตุ๊กตาแมวกวัก เจ้าแมวกวัก เห็นได้ทั่วไปตามร้านค้าต่าง ๆ เพราะแมวเป็นสัตว์ที่ดูอ่อนโยน ให้ความรู้สึกยินดีต้อนรับ กวักลูกค้าเข้ามาในร้าน เสริมความเป็นศิริมงคล ช่วยดูดพลังงานดี ๆ เข้ามาในร้านค้า และนำโชคลาภ เงินทอง ช่วยให้ค้าขายคล่อง กิจการเจริญรุ่งเรือง เจ้าแมวกวัก เห็นได้ทั่วไปตามร้านค้าต่าง ๆ เพราะแมวเป็นสัตว์ที่ดูอ่อนโยน ให้ความรู้สึกยินดีต้อนรับ กวักลูกค้าเข้ามาในร้าน เสริมความเป็นศิริมงคล ช่วยดูดพลังงานดี ๆ เข้ามาในร้านค้า และนำโชคลาภ เงินทอง ช่วยให้ค้าขายคล่อง กิจการเจริญรุ่งเรือง บริเวณที่ควรวาง : ทิศตะวันออกเฉียงใต้หรือทางเข้าร้าน เน้นว่าจะต้องเป็นบริเวณที่สว่าง อากาศถ่ายเท มีผู้คนและมีการเคลื่อนไหวบ่อย ๆ เราจึงขอแนะนำว่า ให้ตั้งไว้ตรงเคาน์เตอร์คิดเงินก็ได้ค่ะ บริเวณที่ควรวาง : ทิศตะวันออกเฉียงใต้หรือทางเข้าร้าน เน้นว่าจะต้องเป็นบริเวณที่สว่าง อากาศถ่ายเท มีผู้คนและมีการเคลื่อนไหวบ่อย ๆ เราจึงขอแนะนำว่า ให้ตั้งไว้ตรงเคาน์เตอร์คิดเงินก็ได้ค่ะ ✔สรุป ✔สรุป ฮวงจุ้ยร้านค้า เป็นสิ่งที่จะมาช่วยเสริมความเป็นศิริมงคล ให้ร้านค้าของคุณมีโชคลาภ เรียกลูกค้าให้หลั่งไหลเข้ามา เพิ่มพูนทรัพย์สินเงินทองได้ ฮวงจุ้ยร้านค้า เป็นสิ่งที่จะมาช่วยเสริมความเป็นศิริมงคล ให้ร้านค้าของคุณมีโชคลาภ เรียกลูกค้าให้หลั่งไหลเข้ามา เพิ่มพูนทรัพย์สินเงินทองได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นคุณต้องหมั่นรักษาความสะอาด และดูแลทั้งเครื่องรางที่นำมาประดับ รวมถึงดูแลร้านค้า ให้น่าเข้ามาจับจ่ายใช้สอยอยู่เสมอ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นคุณต้องหมั่นรักษาความสะอาด และดูแลทั้งเครื่องรางที่นำมาประดับ รวมถึงดูแลร้านค้า ให้น่าเข้ามาจับจ่ายใช้สอยอยู่เสมอ และที่สำคัญควรมีบริการที่ดี มีสินค้าที่มีคุณภาพ จะยิ่งช่วยให้ร้านค้าของคุณขายดิบขายดีมากยิ่งขึ้นไปอีกหลายเท่าเลยแหละ และที่สำคัญควรมีบริการที่ดี มีสินค้าที่มีคุณภาพ จะยิ่งช่วยให้ร้านค้าของคุณขายดิบขายดีมากยิ่งขึ้นไปอีกหลายเท่าเลยแหละ และติดตามบทความอื่น ๆ จาก PN Storetailer กันด้วยนะคะ และติดตามบทความอื่น ๆ จาก PN Storetailer กันด้วยนะคะ References : : ifengshui officemate th.wikipedia sanook siamkane kapook ความรู้ร้านค้าปลีก บทความแนะนำ บทความแนะนำ บอกต่อ 9 เคล็ดลับการออกแบบร้านค้าปลีกให้ดึงดูดลูกค้า ตั้งแต่เริ่มต้นไปจนถึงกระบวนการสุดท้าย ต้องออกแบบอย่างไรบ้าง? .. ลูกค้าถึงจะอยากเดินเข้ามาช้อปในร้านของคุณ 01 เม.ย. “เคาน์เตอร์แคชเชียร์ ” เป็นบริเวณที่คุณจะได้มีปฏิสัมพันธ์และมีการพูดคุยกับลูกค้ามากที่สุด คุณสามารถสร้างความแตกต่างให้ร้านค้าได้ด้วย "การบริการลูกค้า" ในจุดนี้ | การจัดชั้นวางสินค้าตามฮวงจุ้ย ชั้นวางฝั่งขวา ควรเป็นสินค้าประเภทที่ขายดีแบบ Hot sale ประจำร้าน สินค้าใหม่ ๆ ที่มาตามช่วงเทศกาล เพราะเป็นจุดที่มีพลังงานไหลเวียนมากที่สุดในร้าน ตามหลักของฮวงจุ้ยนั่นเอง (แต่ถ้าพูดตามหลักวิทยาศาสตร์นั้น ฝั่งขวาจะเป็นฝั่งที่ผู้คนจะหันไปมองก่อนอันดับแรกตามสัญชาตญาณ จึงควรนำสินค้าขายดีมาตรงนี้) เช่น ถ้าร้านค้าของตัวเองเป็นร้าน Pet Shop สินค้าบริเวณนี้ก็อาจจะเป็น สินค้ามาใหม่หรือสินค้าที่ผู้คนนิยมมาก ๆ มาไว้โซนนี้ เพื่อให้ลูกค้าได้แวะชมก่อนที่จะเดินไปบริเวณอื่น | null | Closed QA | cc-by-nc-4.0 |
Retail_51115 | Retail | ระบบ POS คืออะไร | null | Point of Sale System หรือ ระบบ POS คือ ระบบที่ใช้บริหารจัดการการขายหน้าร้านค้าปลีก สามารถใช้คิดเงินค่าสินค้า, เก็บข้อมูลยอดขาย, เช็คสต็อกสินค้าและตัดสต็อกสินค้า, ดูว่าสินค้าตัวไหนขายดี จนสามารถวางแผนโปรโมชั่นได้ Point of Sale System หรือ ระบบ POS คือ ระบบที่ใช้บริหารจัดการการขายหน้าร้านค้าปลีก สามารถใช้คิดเงินค่าสินค้า, เก็บข้อมูลยอดขาย, เช็คสต็อกสินค้าและตัดสต็อกสินค้า, ดูว่าสินค้าตัวไหนขายดี จนสามารถวางแผนโปรโมชั่นได้ ประโยชน์ของระบบ POS โดยระบบ POS นั้น เป็นเครื่องมือที่มีความสำคัญกับร้านค้าปลีกและเจ้าของธุรกิจมาก ๆ เพราะมันสามารถช่วยอำนวยความสะดวกให้คุณหลายอย่างเลย ไม่ว่าจะเป็น โดยระบบ POS นั้น เป็นเครื่องมือที่มีความสำคัญกับร้านค้าปลีกและเจ้าของธุรกิจมาก ๆ เพราะมันสามารถช่วยอำนวยความสะดวกให้คุณหลายอย่างเลย ไม่ว่าจะเป็น ในการคำนวณราคาสินค้า รวมถึงคำนวณระบบสต็อกที่ต้องใช้ความละเอียดรอบคอบ ก็ต้องมีบ้างที่คนเราจะคำนวณข้อมูลผิดพลาด ซึ่ง ระบบ POS จะมาช่วยตรงจุดนี้ได้ ช่วยบันทึกข้อมูลต่าง ๆ ทั้งข้อมูลของสมาชิก ยอดซื้อสะสม ของลูกค้าที่มาใช้บริการในแต่ละวัน รวมถึงจำนวนสินค้าคงคลัง คุณจะรู้ว่าสินค้าไหนขายดี สินค้าไหนขายไม่ออก สะดวกต่อการทำบัญชี จัดการพนักงาน | null | Open QA | cc-by-nc-4.0 |
Retail_51117 | Retail | Planogram คืออะไร | ก. แผนภาพที่เป็นภาพวาดโดยละเอียดของเค้าโครงร้านค้า ซึ่งจะเน้นเป็นพิเศษไปที่การจัดวางผลิตภัณฑ์บนชั้นวางสินค้า
ข. การระบุจุดที่ลูกค้าจะให้ความสนใจมากที่สุดในร้าน
ค. การเพิ่มพื้นที่ร้านค้าให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ง. การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนจะเปิดร้าน | ข้อที่ถูกต้องคือ ก. เพราะว่า เพราะ Planogram คือ แผนภาพที่เป็นภาพวาดโดยละเอียดของเค้าโครงร้านค้า ซึ่งจะเน้นเป็นพิเศษไปที่การจัดวางผลิตภัณฑ์บนชั้นวางสินค้า โดยภาพวาด Planogram จะแสดงให้เห็นภาพรายละเอียดเกี่ยวกับการจัดวางสินค้าทุกชิ้นในร้านค้าปลีก
ความซับซ้อนของ Planogram อาจแตกต่างกันไปตามขนาดของร้านค้า ประเภทของร้านค้า ซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการสร้างแผนภาพ และความต้องการของเจ้าของร้านแต่ละคน โดยหลัก ๆ จะมีแผนผังที่เกี่ยวข้องกันตามนี้
- Planogram
- แผนผังชั้นวางสินค้า
- แผนผังร้านค้า
ซึ่งแพลนโนแกรมจะเป็นองค์ประกอบเดียวในบรรดาแผนผังเหล่านี้ ที่เกี่ยวกับการขายสินค้าโดยตรง รวมถึงทำให้ภาพร้านค้าชัดเจน สินค้าจัดเรียงชัดเจน และครอบคลุมทุกอย่างในร้านมากขึ้น Planogram คือ สิ่งที่มีประโยชน์อย่างมากสำหรับร้านสะดวกซื้อหรือร้านขายของชำ ที่มีหมวดหมู่สินค้าจำนวนมาก ที่จะต้องเติมสินค้าเข้าไปตลอด | null | Multiple choice | cc-by-nc-4.0 |
Retail_51139 | Retail | การตั้งชื่อร้านแบบแผสมคำสำหรับธุรกิจเปิดร้านขายเครื่องสำอางทำอย่างไร ? | เถ้าแก่คนไหนกำลังเริ่มต้นทำธุรกิจเปิดร้านขายเครื่องสำอาง เมื่อมีแพลน, มีงบประมาณ, และมีทำเลเปิดร้านเรียบร้อยแล้ว เถ้าแก่คนไหนกำลังเริ่มต้นทำธุรกิจเปิดร้านขายเครื่องสำอาง เมื่อมีแพลน, มีงบประมาณ, และมีทำเลเปิดร้านเรียบร้อยแล้ว แต่สิ่งที่ขาดคือเรื่องที่เหมือนจะง่ายที่สุดแต่กลับกลายเป็นว่า “คิดไม่ออก” เลยทำให้มันยากที่สุดนั่นก็คือ การตั้งชื่อร้าน แต่สิ่งที่ขาดคือเรื่องที่เหมือนจะง่ายที่สุดแต่กลับกลายเป็นว่า “คิดไม่ออก” เลยทำให้มันยากที่สุดนั่นก็คือ งานนี้ PN Storetailer เข้าใจผู้ประกอบการหลาย ๆ ท่านถึงประเด็นนี้ดีค่ะ เราก็เลยจะมารวบรวม “ไอเดียการตั้งชื่อร้านเครื่องสำอาง” กว่า 300 ไอเดีย เพื่อให้ทุกคนได้นำไปสร้างสรรค์ต่อยอดในการสร้างแบรนด์ให้แก่ธุรกิจความงามของตนเอง งานนี้ เข้าใจผู้ประกอบการหลาย ๆ ท่านถึงประเด็นนี้ดีค่ะ เราก็เลยจะมารวบรวม “ไอเดียการตั้งชื่อร้านเครื่องสำอาง” เพื่อให้ทุกคนได้นำไปสร้างสรรค์ต่อยอดในการสร้างแบรนด์ให้แก่ธุรกิจความงามของตนเอง (หรือจะนำไปใช้กับธุรกิจอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ร้านเครื่องสำอางก็ได้เหมือนกันนะ) แล้วจะมีชื่อไหนที่โดนใจคุณบ้างมั้ยนะ? ตามมาดูกันค่ะ แล้วจะมีชื่อไหนที่โดนใจคุณบ้างมั้ยนะ? ตามมาดูกันค่ะ เลือกเรื่องที่จะอ่านเลย ☟ ตั้งชื่อร้านแบบคำเดี่ยว ๆ ตั้งชื่อร้านแบบคำเดี่ยว ๆ ชื่อที่เรานำมาเป็นตัวอย่างและไอเดียให้กับคุณ มีหลากหลายภาษาด้วยกัน โดยเราจะเน้นไปที่คำที่แปลว่า “สวย” เพราะการที่เปิดร้านเครื่องสำอาง มันคือความสวยความงาม และเราจะเห็นได้ว่าประเทศไทย ร้านเครื่องสำอางส่วนใหญ่ใช้คำว่า Beauty กันเยอะมาก เราก็เลยอยากนำเสนอคำที่แตกต่างจากคำนี้บ้าง ชื่อที่เรานำมาเป็นตัวอย่างและไอเดียให้กับคุณ มีหลากหลายภาษาด้วยกัน โดยเราจะเน้นไปที่คำที่แปลว่า “สวย” เพราะการที่เปิดร้านเครื่องสำอาง มันคือความสวยความงาม และเราจะเห็นได้ว่าประเทศไทย ร้านเครื่องสำอางส่วนใหญ่ใช้คำว่า Beauty กันเยอะมาก เราก็เลยอยากนำเสนอคำที่แตกต่างจากคำนี้บ้าง (อาจจะมีคำแปลที่เป็นความหมายอื่น เช่น สดใส, แวววาว, ผุดผ่อง, น่ารัก, เครื่องสำอาง ปะปนกันไปด้วยนะคะ เพื่อให้ได้คำที่หลากหลายมากขึ้น) (อาจจะมีคำแปลที่เป็นความหมายอื่น เช่น สดใส, แวววาว, ผุดผ่อง, น่ารัก, เครื่องสำอาง ปะปนกันไปด้วยนะคะ เพื่อให้ได้คำที่หลากหลายมากขึ้น) ซึ่งเราคัดมาเฉพาะชื่อที่มีคำสละสลวย โดยจะสามารถอ่านได้ทั้งภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และภาษาอื่น ๆ ได้อีกด้วย ฉะนั้นคุณจะสามารถใช้คำเหล่านี้ในการตั้งชื่อร้านเครื่องสำอางเพื่อสร้างแบรนด์ของคุณได้เลยค่ะ ซึ่งเราคัดมาเฉพาะชื่อที่มีคำสละสลวย โดยจะสามารถอ่านได้ทั้งภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และภาษาอื่น ๆ ได้อีกด้วย ฉะนั้นคุณจะสามารถใช้คำเหล่านี้ในการตั้งชื่อร้านเครื่องสำอางเพื่อสร้างแบรนด์ของคุณได้เลยค่ะ 1. ภาษาต่างประเทศ 1. ภาษาต่างประเทศ A A Alinda (อลินดา) ภาษาอังกฤษ แปลว่า สวย ภาษาอังกฤษ แปลว่า สวย Anilka (อนิกา) ภาษาสแกนดิเนเวียน แปลว่า งดงาม, สง่างาม ภาษาสแกนดิเนเวียน แปลว่า งดงาม, สง่างาม Anona (อโณณา) ภาษาอังกฤษ แปลว่า ชื่นชอบ, งดงาม ภาษาอังกฤษ แปลว่า ชื่นชอบ, งดงาม Attractive (แอทแทร็คทีฟ) ภาษาอังกฤษ แปลว่า สวยเตะตา ภาษาอังกฤษ แปลว่า สวยเตะตา Angelic (แองเจลิค) ภาษาอังกฤษ แปลว่า ความงามเหนือมนุษย์ ประหนึ่งนางฟ้านางสวรรค์ ภาษาอังกฤษ แปลว่า ความงามเหนือมนุษย์ ประหนึ่งนางฟ้านางสวรรค์ Alluring (เอิลริ่ง) ภาษาอังกฤษ แปลว่า มีเสน่ห์ ใช้อธิบายสิ่งที่ยั่วยวน ดึงดูดใจอย่างอธิบายไม่ถูก สามารถใช้กับคนหรือสิ่งของก็ได้ ภาษาอังกฤษ แปลว่า มีเสน่ห์ ใช้อธิบายสิ่งที่ยั่วยวน ดึงดูดใจอย่างอธิบายไม่ถูก สามารถใช้กับคนหรือสิ่งของก็ได้ Adorable (อะดอราเบิล) ภาษาอังกฤษ แปลว่า น่ารักน่าเอ็นดู ขั้นกว่าของคำว่า Cute ภาษาอังกฤษ แปลว่า น่ารักน่าเอ็นดู ขั้นกว่าของคำว่า Cute Appealing (อะพีลลิ่ง) ภาษาอังกฤษ แปลว่า สวยน่ามอง, สวยยั่วยวนใจ ภาษาอังกฤษ แปลว่า สวยน่ามอง, สวยยั่วยวนใจ Amazeballs (อเมซบอลส์) ภาษาอังกฤษ แปลว่า ตะลึงพึงเพริด, ตะลึงงัน ถ้าใช้กับความสวย ก็จะสวยแบบตกตะลึง ภาษาอังกฤษ แปลว่า ตะลึงพึงเพริด, ตะลึงงัน ถ้าใช้กับความสวย ก็จะสวยแบบตกตะลึง Adorn (อะดอร์น) ภาษาอังกฤษ แปลว่า ประดับ , ตกแต่ง, ทำให้น่าสนใจหรือสวยขึ้น ภาษาอังกฤษ แปลว่า ประดับ , ตกแต่ง, ทำให้น่าสนใจหรือสวยขึ้น Aphrodite (อะโฟไดท์) ภาษาอังกฤษ แปลว่า เทพเจ้าแห่งความรักและความสวยงามของกรีก ภาษาอังกฤษ แปลว่า เทพเจ้าแห่งความรักและความสวยงามของกรีก B B Beau (โบ) ภาษาฝรั่งเศส แปลว่า ดูดี, น่ามอง ภาษาฝรั่งเศส แปลว่า ดูดี, น่ามอง Bonita (โบนิตา) ภาษาสแปนิช แปลว่า สวย, น่ารัก ภาษาสแปนิช แปลว่า สวย, น่ารัก Bonny, Bonnie (บอนนี่) ภาษาอังกฤษ แปลว่า น่ารัก ภาษาอังกฤษ แปลว่า น่ารัก Belle, Bella (เบล, เบลล่า) ภาษาอังกฤษ, อิตาเลียน แปลว่า หญิงงาม, สาวสวย ภาษาฝรั่งเศส แปลว่า น่ารัก ภาษาอังกฤษ, อิตาเลียน แปลว่า หญิงงาม, สาวสวย ภาษาฝรั่งเศส แปลว่า น่ารัก Beauteous (บิวเทียส,บิวทิเอียส) ภาษาอังกฤษ แปลว่า สวยงาม, น่ามอง ภาษาอังกฤษ แปลว่า สวยงาม, น่ามอง Brilliant (บริลเลียนท์) ภาษาอังกฤษ แปลว่า งดงาม, สวยงาม, พริ้งพราย, แพรวพราว, โชติช่วง, แวววาว ภาษาอังกฤษ แปลว่า งดงาม, สวยงาม, พริ้งพราย, แพรวพราว, โชติช่วง, แวววาว C C Chana (ชนา) ภาษาอเมริกัน, ฮิบรู แปลว่า นิ่มนวล, สง่า ภาษาอเมริกัน, ฮิบรู แปลว่า นิ่มนวล, สง่า Charissa (ชาริสสา) ภาษากรีก, อเมริกัน แปลว่า ความงาม, ความรัก ภาษากรีก, อเมริกัน แปลว่า ความงาม, ความรัก Candice (แคนดิซ) ภาษากรีก, อเมริกัน แปลว่า พร่างพราว, แวววับ ภาษาฝรั่งเศส แปลว่า ขาวแจ่มจ้า, เจิดจรัส ภาษากรีก, อเมริกัน แปลว่า พร่างพราว, แวววับ ภาษาฝรั่งเศส แปลว่า ขาวแจ่มจ้า, เจิดจรัส Charming (ชาร์มมิ่ง) ภาษาอังกฤษ แปลว่า คนที่ดูดี มีเสน่ห์ เหมือนมีมนต์สะกด ภาษาอังกฤษ แปลว่า คนที่ดูดี มีเสน่ห์ เหมือนมีมนต์สะกด Classy (คลาสซี่) ภาษาอังกฤษ แปลว่า สวยแบบมีคลาส, สวยแบบดูดีมีระดับ ภาษาอังกฤษ แปลว่า สวยแบบมีคลาส, สวยแบบดูดีมีระดับ Captivating (แคปทิเวติ้ง) ภาษาอังกฤษ แปลว่า ความสวยที่จับใจ ใช้อธิบายคนหรือสิ่งของที่ทำให้เราหลงใหลจนควบคุมตัวเองไม่ได้ ภาษาอังกฤษ แปลว่า ความสวยที่จับใจ ใช้อธิบายคนหรือสิ่งของที่ทำให้เราหลงใหลจนควบคุมตัวเองไม่ได้ Comely (คัมลี่) ภาษาอังกฤษ แปลว่า งดงาม, โสภณ, หน้าตาดี, อย่างน่ารัก ภาษาอังกฤษ แปลว่า งดงาม, โสภณ, หน้าตาดี, อย่างน่ารัก Cosmesis (คอสเมซิส) ภาษาอังกฤษ แปลว่า ความสวยงาม (เป็นศัพท์ทางการแพทย์) ภาษาอังกฤษ แปลว่า ความสวยงาม (เป็นศัพท์ทางการแพทย์) Chic (ชิค) ภาษาอังกฤษ แปลว่า ความสวยงามทันสมัย ภาษาอังกฤษ แปลว่า ความสวยงามทันสมัย Comeliness (คัมลิเนส) ภาษาอังกฤษ แปลว่า ความงดงาม, ความสง่างาม ภาษาอังกฤษ แปลว่า ความงดงาม, ความสง่างาม D D Davin (ดาวิน) ภาษาสแกนดิเนเวียน แปลว่า เปล่งประกาย ภาษาสแกนดิเนเวียน แปลว่า เปล่งประกาย Darin (ดาริน) ภาษาอังกฤษ, อเมริกัน แปลว่า ดี, เยี่ยม ภาษาอังกฤษ, อเมริกัน แปลว่า ดี, เยี่ยม Dazzling (แดซซลิง) ภาษาอังกฤษ แปลว่า สวยเปล่งประกาย, สวยแบบมีออร่า ภาษาอังกฤษ แปลว่า สวยเปล่งประกาย, สวยแบบมีออร่า Debonair (เดเบอเนอร์) ภาษาอังกฤษ แปลว่า โก้, มีเสน่ห์, น่ารัก, อ่อนโยน ภาษาอังกฤษ แปลว่า โก้, มีเสน่ห์, น่ารัก, อ่อนโยน Dainty (เด้นท์ตี้) ภาษาอังกฤษ แปลว่า งดงาม, สวยงาม, ประณีต ภาษาอังกฤษ แปลว่า งดงาม, สวยงาม, ประณีต E E Elegant (เอลิแกนต์) ภาษาอังกฤษ แปลว่า โก้เก๋, สวย, พริ้งพราย ภาษาอังกฤษ แปลว่า โก้เก๋, สวย, พริ้งพราย Exquisite (เอคควิสิต) ภาษาอังกฤษ แปลว่า สวยหรู, งดงามวิจิตรแบบศิลปะชั้นสูง ภาษาอังกฤษ แปลว่า สวยหรู, งดงามวิจิตรแบบศิลปะชั้นสูง Eye-catching (อายแคชชิ่ง) ภาษาอังกฤษ แปลว่า สะดุดตา ภาษาอังกฤษ แปลว่า สะดุดตา Empyrean (เอมพีเรียน) ภาษาอังกฤษ แปลว่า สวยงามมาก (ศัพท์ทางวรรณคดี) , เยี่ยมยอด ภาษาอังกฤษ แปลว่า สวยงามมาก (ศัพท์ทางวรรณคดี) , เยี่ยมยอด Enticing (เอนไทซิ่ง) ภาษาอังกฤษ แปลว่า น่าหลงใหล , สวยหยาดเยิ้ม ภาษาอังกฤษ แปลว่า น่าหลงใหล , สวยหยาดเยิ้ม Embellir (เอมเบอลิเออร์) ภาษาฝรั่งเศส แปลว่า เสริมสวย, ทำให้สวย ภาษาฝรั่งเศส แปลว่า เสริมสวย, ทำให้สวย Embellish (เอมเบลลิช) ภาษาอังกฤษ แปลว่า เสริมสวย, ประดับประดา ภาษาอังกฤษ แปลว่า เสริมสวย, ประดับประดา Enjoliver (เอนโจลิเวอร์) ภาษาฝรั่งเศส แปลว่า เสริมสวย, สวยขึ้น, ทำให้สวย ภาษาฝรั่งเศส แปลว่า เสริมสวย, สวยขึ้น, ทำให้สวย Enrich (เอนริช) ภาษาอังกฤษ แปลว่า ทำให้สมบูรณ์, ทำให้งดงาม ภาษาอังกฤษ แปลว่า ทำให้สมบูรณ์, ทำให้งดงาม Esthetician (เอสเตอทิเชียน) ภาษาอังกฤษ แปลว่า ผู้ที่ให้บริการด้านความสวยงามแก่ผู้อื่น ภาษาอังกฤษ แปลว่า ผู้ที่ให้บริการด้านความสวยงามแก่ผู้อื่น Esthete (เอสทีท) ภาษาอังกฤษ แปลว่า ผู้รักความสวยความงาม ภาษาอังกฤษ แปลว่า ผู้รักความสวยความงาม F F Fair (แฟร์) ภาษาอังกฤษ แปลว่า สวยอ่อนหวาน สวยเรียบร้อย สวยกุลสตรี สวยแบบเกิดมาไม่เคยพูดคำหยาบ (เรานึกถึงแอฟ ทักษอรเลยค่ะคำนี้) ภาษาอังกฤษ แปลว่า สวยอ่อนหวาน สวยเรียบร้อย สวยกุลสตรี สวยแบบเกิดมาไม่เคยพูดคำหยาบ (เรานึกถึงแอฟ ทักษอรเลยค่ะคำนี้) Flawless (ฟลาวเลส) ภาษาอังกฤษ แปลว่า สวยแบบไม่มีที่ติ ภาษาอังกฤษ แปลว่า สวยแบบไม่มีที่ติ Fetching (เฟทชิ่ง) ภาษาอังกฤษ แปลว่า สวยน่าดึงดูด ภาษาอังกฤษ แปลว่า สวยน่าดึงดูด Fabulous (แฟบบิวลัส) ภาษาอังกฤษ แปลว่า ดีเลิศ, ยอดเยี่ยม ใช้ชมผู้หญิงที่มีเสน่ห์ดึงดูดใจ ภาษาอังกฤษ แปลว่า ดีเลิศ, ยอดเยี่ยม ใช้ชมผู้หญิงที่มีเสน่ห์ดึงดูดใจ Fine (ไฟน์) ภาษาอังกฤษ แปลว่า ดีเลิศ, สวยงาม, ชวนมอง, วิเศษ ภาษาอังกฤษ แปลว่า ดีเลิศ, สวยงาม, ชวนมอง, วิเศษ Fairyland (แฟรี่แลนด์) ภาษาอังกฤษ แปลว่า แดนสวรรค์,แดนสุขาวดี,แดนที่สวยงามมาก ภาษาอังกฤษ แปลว่า แดนสวรรค์,แดนสุขาวดี,แดนที่สวยงามมาก G G Glam (แกลม) ภาษาอังกฤษ ย่อมาจากคำว่า Glamor แปลว่า น่ามอง, เสน่ห์, ดึงดูดใจ ภาษาอังกฤษ ย่อมาจากคำว่า Glamor แปลว่า น่ามอง, เสน่ห์, ดึงดูดใจ Glamorize (แกลมเมอไรซ์) ภาษาอังกฤษ แปลว่า เย้ายวนใจ , ทำให้ชวนดู ภาษาอังกฤษ แปลว่า เย้ายวนใจ , ทำให้ชวนดู Goodly (กู้ดลี่) ภาษาอังกฤษ แปลว่า ดี, งาม, หน้าตาดี ภาษาอังกฤษ แปลว่า ดี, งาม, หน้าตาดี Gorgeous (กอร์เจิส) ภาษาอังกฤษ แปลว่า พราวแพรว, สวยหรู, สวยตาแตก, สวยอลัง ภาษาอังกฤษ แปลว่า พราวแพรว, สวยหรู, สวยตาแตก, สวยอลัง Gloss (กลอส) ภาษาอังกฤษ แปลว่า แวววาว, เงางาม ภาษาอังกฤษ แปลว่า แวววาว, เงางาม Grooming (กรูมมิ่ง) ภาษาอังกฤษ แปลว่า การเสริมสวย, การดูแลเครื่องแต่งกายและผมเผ้าเรียบร้อย ภาษาอังกฤษ แปลว่า การเสริมสวย, การดูแลเครื่องแต่งกายและผมเผ้าเรียบร้อย H H Head turner (เฮด เทิร์นเนอร์) ภาษาอังกฤษ แปลว่า ใช้เรียกคนที่สวยหรือหล่อ จนคนอื่นต้องเหลียวหลังมอง ภาษาอังกฤษ แปลว่า ใช้เรียกคนที่สวยหรือหล่อ จนคนอื่นต้องเหลียวหลังมอง I I Ideal (ไอเดียล) ภาษาอังกฤษ แปลว่า สวยอย่างกับนางในวรรณคดี ภาษาอังกฤษ แปลว่า สวยอย่างกับนางในวรรณคดี J J Jenine (เจนีน) ภาษาฝรั่งเศส, อเมริกัน, ฮิบรู แปลว่า ความสง่างามของพระเจ้า ภาษาฝรั่งเศส, อเมริกัน, ฮิบรู แปลว่า ความสง่างามของพระเจ้า Jennalee (เจนนาลี) ภาษาเวลส์ แปลว่า กระจ่าง, นวล ภาษาเวลส์ แปลว่า กระจ่าง, นวล Jazzy (แจสซี่) ภาษาอังกฤษ แปลว่า มีชีวิตชีวา ภาษาอังกฤษ แปลว่า มีชีวิตชีวา Jolie (โจลี่) ภาษาฝรั่งเศส แปลว่า สวย, น่ารัก ภาษาฝรั่งเศส แปลว่า สวย, น่ารัก K K Kaelyn (เกลิน) ภาษาอังกฤษ แปลว่า ความงามที่บริสุทธิ์ ภาษาอังกฤษ แปลว่า ความงามที่บริสุทธิ์ Katharine (แคททารีน) ภาษากรีก, อเมริกัน แปลว่า บริสุทธิ์ ภาษากรีก, อเมริกัน แปลว่า บริสุทธิ์ Kosmetiko (คอสเมติโค่) ภาษาฟิลิปปินส์ แปลว่า เครื่องสำอาง ภาษาฟิลิปปินส์ แปลว่า เครื่องสำอาง Kosmetika (คอสเมติก้า) ภาษาเยอรมัน, สวีดิช แปลว่า เครื่องสำอาง ภาษาเยอรมัน, สวีดิช แปลว่า เครื่องสำอาง L L Lina (ลินา) ภาษาอเมริกัน แปลว่า อ่อนโยน, ภาษากรีก แปลว่า สว่าง, ภาษาดัชท์ แปลว่า บริสุทธิ์ ภาษาอเมริกัน แปลว่า อ่อนโยน, ภาษากรีก แปลว่า สว่าง, ภาษาดัชท์ แปลว่า บริสุทธิ์ Legible (เลจิเบิล) ภาษาอังกฤษ แปลว่า สวย, ชัดเจน ภาษาอังกฤษ แปลว่า สวย, ชัดเจน M M Malika (มลิกา, มัลลิกา) ภาษาอราบิค แปลว่า ราชินี, ภาษาอินเดียน แปลว่า ดอกไม้, ภาษาแอฟริกัน แปลว่า เทพธิดา ภาษาอราบิค แปลว่า ราชินี, ภาษาอินเดียน แปลว่า ดอกไม้, ภาษาแอฟริกัน แปลว่า เทพธิดา Malinda (มลินดา) ภาษากรีก, อเมริกัน แปลว่า อ่อนโยน, อ่อนหวาน ภาษากรีก, อเมริกัน แปลว่า อ่อนโยน, อ่อนหวาน Magnificent (แมกนิฟิเซนต์) ภาษาอังกฤษ แปลว่า สวยสง่าดูดีมีราศีจับ ภาษาอังกฤษ แปลว่า สวยสง่าดูดีมีราศีจับ Marvelous (มาเวลลัส) ภาษาอังกฤษ แปลตรงตัวคือ น่าประหลาดใจ น่ามหัศจรรย์ ถ้านำมาอธิบายคน จะหมายถึงคนที่ดึงดูดอย่างน่ามหัศจรรย์ น่าเหลือเชื่อ ใช้อธิบายสิ่งของก็ได้ ภาษาอังกฤษ แปลตรงตัวคือ น่าประหลาดใจ น่ามหัศจรรย์ ถ้านำมาอธิบายคน จะหมายถึงคนที่ดึงดูดอย่างน่ามหัศจรรย์ น่าเหลือเชื่อ ใช้อธิบายสิ่งของก็ได้ N N Neta (เนตรา) ภาษาอเมริกัน, ฮิบรู แปลว่า ความสง่างาม ภาษาอเมริกัน, ฮิบรู แปลว่า ความสง่างาม Nifty (นิฟตี้) ภาษาอังกฤษ แปลว่า ดี, เก๋, สวย ภาษาอังกฤษ แปลว่า ดี, เก๋, สวย O O Outstanding (เอ้าท์ สแตนดิ้ง) ภาษาอังกฤษ แปลว่า สวยโดดเด่นออกมา ภาษาอังกฤษ แปลว่า สวยโดดเด่นออกมา On fleek (ออนฟลีค) ภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นคำสแลงวัยรุ่น แปลว่า สวย, ดี, เลิศ, ทันสมัย ฟีลคล้าย ๆ กับคำว่า เป๊ะมาก, ปังมาก ของภาษาไทยสมัยนี้ ภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นคำสแลงวัยรุ่น แปลว่า สวย, ดี, เลิศ, ทันสมัย ฟีลคล้าย ๆ กับคำว่า เป๊ะมาก, ปังมาก ของภาษาไทยสมัยนี้ P P Pleasant (เพลแซนต์) ภาษาอังกฤษ แปลว่า สนุกสนาน, สวย, เจริญตาเจริญใจ ภาษาอังกฤษ แปลว่า สนุกสนาน, สวย, เจริญตาเจริญใจ Perfect ten (เพอร์เฟ็คเทน) ภาษาอังกฤษ แปลว่า ใช้เรียกคนที่สวยแบบ 10 เต็ม 10 ภาษาอังกฤษ แปลว่า ใช้เรียกคนที่สวยแบบ 10 เต็ม 10 Picturesque (พิคเชอแรสค์) ภาษาอังกฤษ แปลว่า สวยงามเหมือนภาพวาด ภาษาอังกฤษ แปลว่า สวยงามเหมือนภาพวาด Prettify (เพรทเดอฟลาย) ภาษาอังกฤษ แปลว่า เสริมสวย ภาษาอังกฤษ แปลว่า เสริมสวย Prettiness (เพรททิเนส) ภาษาอังกฤษ แปลว่า ความน่ารัก,ความสวย,ความเก๋,ความสละสลวย,ความไพเราะ ภาษาอังกฤษ แปลว่า ความน่ารัก,ความสวย,ความเก๋,ความสละสลวย,ความไพเราะ Q Q Queen (ควีน) ภาษาอังกฤษ แปลว่า ราชินี หรือใช้ชมคนที่สวยมาก สวยแบบควีน ภาษาอังกฤษ แปลว่า ราชินี หรือใช้ชมคนที่สวยมาก สวยแบบควีน Queenly (ควีนลี่) ภาษาอังกฤษ แปลว่า สง่าผ่าเผย, อย่างพระราชินี, ราวกับเจ้าหญิง ภาษาอังกฤษ แปลว่า สง่าผ่าเผย, อย่างพระราชินี, ราวกับเจ้าหญิง Quaint (เควนท์) ภาษาอังกฤษ แปลว่า น่าดึงดูดแบบแปลก ๆ , มีเสน่ห์แบบโบราณ ๆ (อาจจะใช้กับร้านเครื่องสำอางที่เป็นเครื่องสำอางต้นตำรับโบราณแบบไทย ๆ ก็ได้นะ) ภาษาอังกฤษ แปลว่า น่าดึงดูดแบบแปลก ๆ , มีเสน่ห์แบบโบราณ ๆ (อาจจะใช้กับร้านเครื่องสำอางที่เป็นเครื่องสำอางต้นตำรับโบราณแบบไทย ๆ ก็ได้นะ) R R Renita (เรนิตา) ภาษาอเมริกัน แปลว่า สง่างาม ภาษาอเมริกัน แปลว่า สง่างาม Radiant (เรเดี๊ยนท์) ภาษาอังกฤษ แปลว่า เปล่งประกาย เปล่งปลั่ง มีเสน่ห์ มีพลัง ภาษาอังกฤษ แปลว่า เปล่งประกาย เปล่งปลั่ง มีเสน่ห์ มีพลัง Ravishing (ราวิชิ่ง) ภาษาอังกฤษ แปลว่า สวยงามมาก, มีเสน่ห์, ดึงดูดใจ, ทำให้หลงใหล ภาษาอังกฤษ แปลว่า สวยงามมาก, มีเสน่ห์, ดึงดูดใจ, ทำให้หลงใหล S S Stunning (สตั๊นนิ่ง) ภาษาอังกฤษ แปลว่า น่าทึ่ง น่าประหลาดใจ แต่ถ้าในความหมายของคำว่าสวย หมายถึงความสวยจนอึ้งไปเลย ภาษาอังกฤษ แปลว่า น่าทึ่ง น่าประหลาดใจ แต่ถ้าในความหมายของคำว่าสวย หมายถึงความสวยจนอึ้งไปเลย Seductive (ซีดัคทีฟ) ภาษาอังกฤษ แปลว่า ความสวยในแบบที่มีเสน่ห์ยั่วยวน และดึงดูดใจ ภาษาอังกฤษ แปลว่า ความสวยในแบบที่มีเสน่ห์ยั่วยวน และดึงดูดใจ Splendid (สเปลนดิด) ภาษาอังกฤษ แปลว่า สวยบรรเจิด, สวยแจ๋ว ภาษาอังกฤษ แปลว่า สวยบรรเจิด, สวยแจ๋ว Striking (สไตรกิ้ง) ภาษาอังกฤษ แปลว่า สวยโดดเด่น ความสวยที่จู่โจมเข้ากลางใจเรา และส่งอิทธิพลต่อเราอย่างมาก ภาษาอังกฤษ แปลว่า สวยโดดเด่น ความสวยที่จู่โจมเข้ากลางใจเรา และส่งอิทธิพลต่อเราอย่างมาก Superbe (ซูเปิร์บ) ภาษาฝรั่งเศส แปลว่า สวยงาม, วิเศษ, เป็นเลิศ ภาษาฝรั่งเศส แปลว่า สวยงาม, วิเศษ, เป็นเลิศ Shikku シック (ชิคคุ) ภาษาญี่ปุ่น แปลว่า เก๋ไก๋, สวยงามทันสมัย ภาษาญี่ปุ่น แปลว่า เก๋ไก๋, สวยงามทันสมัย Sightly (ไซท์ลี่) ภาษาอังกฤษ แปลว่า น่าชม, สวยงาม, มีเสน่ห์ให้ภาพที่สวยงาม ภาษาอังกฤษ แปลว่า น่าชม, สวยงาม, มีเสน่ห์ให้ภาพที่สวยงาม Siren (ไซเรน) ภาษาอังกฤษ นอกจากจะแปลว่าเสียงหวอได้แล้ว ยังแปลได้อย่างอื่นอีก ไม่ว่าจะเป็น ล่อลวง, ดึงดูดใจ, หญิงสวย หรือหญิงสวยงามที่มีเสน่ห์ดึงดูดใจคนมาก (โดยเฉพาะที่หลอกลวงชาย ว้าววว มันได้!) ภาษาอังกฤษ นอกจากจะแปลว่าเสียงหวอได้แล้ว ยังแปลได้อย่างอื่นอีก ไม่ว่าจะเป็น ล่อลวง, ดึงดูดใจ, หญิงสวย หรือหญิงสวยงามที่มีเสน่ห์ดึงดูดใจคนมาก (โดยเฉพาะที่หลอกลวงชาย ว้าววว มันได้!) T T Taryn (ธาริน) ภาษาสก็อตติช แปลว่า อ่อนเยาว์, ไร้เดียงสา ภาษาสก็อตติช แปลว่า อ่อนเยาว์, ไร้เดียงสา U U Utsukushī (อุทสึคุชี่) ภาษาญี่ปุ่น แปลว่า งดงาม ใช้กับความงามที่รับรู้ไปถึงจิตใจ, ผู้หญิงสวย ภาษาญี่ปุ่น แปลว่า งดงาม ใช้กับความงามที่รับรู้ไปถึงจิตใจ, ผู้หญิงสวย V V Venita (เวนิตา) ภาษาอเมริกัน แปลว่า เทพธิดาแห่งความรักและความสวยงาม เทพวีนัส Venita (เวนิตา) ภาษาอเมริกัน แปลว่า เทพธิดาแห่งความรักและความสวยงาม เทพวีนัส Vivid (วิวิด) ภาษาอังกฤษ แปลว่า สดใส, ร่าเริง, แจ่มใส ภาษาอังกฤษ แปลว่า สดใส, ร่าเริง, แจ่มใส W W Winsome(วินซัม) ภาษาอังกฤษ แปลว่า สวย, ร่าเริง, น่ารัก, มีเสน่ห์ ภาษาอังกฤษ แปลว่า สวย, ร่าเริง, น่ารัก, มีเสน่ห์ Wonderful (วันเดอร์ฟูล) ภาษาอังกฤษ แปลว่า ยอดเยี่ยม, เจริญตาเจริญใจ ภาษาอังกฤษ แปลว่า ยอดเยี่ยม, เจริญตาเจริญใจ Y Y Youthful (ยุทฟูล) ภาษาอังกฤษ แปลว่า หนุ่ม, สาว, อ่อนเยาว์ ภาษาอังกฤษ แปลว่า หนุ่ม, สาว, อ่อนเยาว์ Youngster (ยังสเตอร์) ภาษาอังกฤษ แปลว่า คนหนุ่มคนสาว, เจ้าหนู, เด็กน้อย ภาษาอังกฤษ แปลว่า คนหนุ่มคนสาว, เจ้าหนู, เด็กน้อย ภาพลิสต์ชื่อร้านภาษาต่างประเทศ ภาพลิสต์ชื่อร้านภาษาต่างประเทศ กลับสู่สารบัญ 2. ภาษาไทย 2. ภาษาไทย ก. ก. กัลยา, กัลยาณี (Kallaya, Kallayanee) ภาษาไทย แปลว่า หญิงงาม ภาษาไทย แปลว่า หญิงงาม กาญจน์สุดา (Karnsuda) ภาษาไทย แปลว่า หญิงที่งดงามดุจทองคำ ภาษาไทย แปลว่า หญิงที่งดงามดุจทองคำ กัลยรัชต์ (Kunyaruch) ภาษาไทย แปลว่า หญิงสาวที่บริสุทธิ์ งดงามและมีเงิน ภาษาไทย แปลว่า หญิงสาวที่บริสุทธิ์ งดงามและมีเงิน กันตพร (Kuntaphorn) ภาษาไทย แปลว่า น่ารักยิ่ง ภาษาไทย แปลว่า น่ารักยิ่ง กมนียา (Kamaneeya) ภาษาไทย แปลว่า งามเป็นที่พึงพอใจ ภาษาไทย แปลว่า งามเป็นที่พึงพอใจ กันยกร (Kunyakorn) ภาษาไทย แปลว่า หญิงสาวที่สร้างความงดงาม บริสุทธิ์และมีทรัพย์ ภาษาไทย แปลว่า หญิงสาวที่สร้างความงดงาม บริสุทธิ์และมีทรัพย์ กมลนัยน์ (Kamolnai) ภาษาไทย แปลว่า งามดุจดอกบัว ภาษาไทย แปลว่า งามดุจดอกบัว กานต์ยุพน (Karnyupon) ภาษาไทย แปลว่า ความสวยน่ารัก ภาษาไทย แปลว่า ความสวยน่ารัก กานติมา (Karnitma) ภาษาไทย แปลว่า งามน่ารัก ภาษาไทย แปลว่า งามน่ารัก กันต์สินี (Kunsinee) ภาษาไทย แปลว่า หญิงที่มีความน่ารัก ภาษาไทย แปลว่า หญิงที่มีความน่ารัก แก้วจันทร์ (Kaewchan) ภาษาไทย แปลว่า แก้วที่งดงามเหมือนดวงจันทร์ ภาษาไทย แปลว่า แก้วที่งดงามเหมือนดวงจันทร์ กรวิภา (Kornvipha) ภาษาไทย แปลว่า งดงามด้วยรัศมี ภาษาไทย แปลว่า งดงามด้วยรัศมี ข. ข. ขจิต (Kajit) ภาษาไทย แปลว่า ประดับตกแต่งแล้ว ภาษาไทย แปลว่า ประดับตกแต่งแล้ว ขจีพักตร์ (Kajeepak) ภาษาไทยแปลว่า ผู้ที่มีหน้าตาน่ารัก ภาษาไทยแปลว่า ผู้ที่มีหน้าตาน่ารัก ขจีพรรรณ (Kajeepan) ภาษาไทย แปลว่า ผู้ที่มีผิวพรรณน่ามอง, ผิวพรรณผุดผ่อง ภาษาไทย แปลว่า ผู้ที่มีผิวพรรณน่ามอง, ผิวพรรณผุดผ่อง ค. ค. (ต้องบอกก่อนนะคะว่า ชื่อในหมวด ค. หายากจริง ๆ ที่จะแปลว่าความสวยงาม ฉะนั้นเราก็เลยนำคำที่มีความเกี่ยวข้องกันกับเครื่องสำอาง หรือเครื่องประทินร่างให้สวยงามมาเป็นตัวอย่างค่ะ) (ต้องบอกก่อนนะคะว่า ชื่อในหมวด ค. หายากจริง ๆ ที่จะแปลว่าความสวยงาม ฉะนั้นเราก็เลยนำคำที่มีความเกี่ยวข้องกันกับเครื่องสำอาง หรือเครื่องประทินร่างให้สวยงามมาเป็นตัวอย่างค่ะ) คำมาลี (Kummalee) ภาษาไทย แปลว่า ดอกไม้ทองคำ ภาษาไทย แปลว่า ดอกไม้ทองคำ คันธนีรา (Kuntaneera) ภาษาไทย แปลว่า น้ำหอม ภาษาไทย แปลว่า น้ำหอม คันธมาลี (Kunthamalee) ภาษาไทย แปลว่า ดอกไม้กลิ่นหอม ภาษาไทย แปลว่า ดอกไม้กลิ่นหอม คุลิกา (Kulika) ภาษาไทย แปลว่า ไข่มุก ภาษาไทย แปลว่า ไข่มุก คันธทรัพย์ (Kuntasub) ภาษาไทย แปลว่า เครื่องหอม ภาษาไทย แปลว่า เครื่องหอม คัมภีรพรรณ (Kumpeerapan) ภาษาไทย แปลว่า ตำราเกี่ยวกับผิวพรรณ ภาษาไทย แปลว่า ตำราเกี่ยวกับผิวพรรณ คนงาม (Khonngam) ภาษาไทย แปลว่า คนที่มีรูปงาม ภาษาไทย แปลว่า คนที่มีรูปงาม เครือหงส์ (Krueahong) ภาษาไทย แปลว่า เชื้อสายผู้งดงาม ภาษาไทย แปลว่า เชื้อสายผู้งดงาม ง. ง. งามพิศ (Ngampit) ภาษาไทย แปลว่า ความงามของหญิงสาว ภาษาไทย แปลว่า ความงามของหญิงสาว เงินงาม (Ngernngam) ภาษาไทย แปลว่า ความงามดุจดั่งเงิน ภาษาไทย แปลว่า ความงามดุจดั่งเงิน งามพริ้ม (Ngamprim) ภาษาไทย แปลว่า หญิงงามที่มีใบหน้ายิ้มแย้ม ภาษาไทย แปลว่า หญิงงามที่มีใบหน้ายิ้มแย้ม งามพร้อม (Ngamprom) ภาษาไทย แปลว่า ความงามที่เพรียบพร้อม ภาษาไทย แปลว่า ความงามที่เพรียบพร้อม งามตา (Ngamta) ภาษาไทย แปลว่า หญิงงาม ภาษาไทย แปลว่า หญิงงาม งามรดา (Ngamrada) ภาษาไทย แปลว่า ความงามที่น่ายินดี ภาษาไทย แปลว่า ความงามที่น่ายินดี งามนิตย์ (Ngamnit) ภาษาไทย แปลว่า ความงามที่เป็นนิตย์นิรันดร์ ภาษาไทย แปลว่า ความงามที่เป็นนิตย์นิรันดร์ จ. จ. จันทกานต์ (Chantakarn) ภาษาไทย แปลว่า ความงามดั่งพระจันทร์ ภาษาไทย แปลว่า ความงามดั่งพระจันทร์ จันทร์จิรา (Junjira) ภาษาไทย แปลว่า งามเสมอ งามตลอดกาล ภาษาไทย แปลว่า งามเสมอ งามตลอดกาล จิณห์นิภา (Jinnipa) ภาษาไทย แปลว่า เครื่องหมายแห่งความงดงาม ภาษาไทย แปลว่า เครื่องหมายแห่งความงดงาม จิตรานุช (Jittranuch) ภาษาไทย แปลว่า หญิงสาวผู้งดงาม ภาษาไทย แปลว่า หญิงสาวผู้งดงาม จารวี (Jarawee) ภาษาไทย แปลว่า ผู้มีความงดงาม ภาษาไทย แปลว่า ผู้มีความงดงาม จิราพรรณ (Jirapun)ภาษาไทย แปลว่า ผู้มีผิวพรรณดีตลอดไป ภาษาไทย แปลว่า ผู้มีผิวพรรณดีตลอดไป จีรกันยา (Jeerakanya) ภาษาไทย แปลว่า หญิงสาวที่บริสุทธิ์ มีความงดงาม มีทรัพย์และอายุยืนยาว ภาษาไทย แปลว่า หญิงสาวที่บริสุทธิ์ มีความงดงาม มีทรัพย์และอายุยืนยาว จิตรเลขา (Jittalekha) ภาษาไทย แปลว่า งดงามดั่งเขียน ภาษาไทย แปลว่า งดงามดั่งเขียน จารุกัญญ์ (Jarukan) ภาษาไทย แปลว่า หญิงงาม ภาษาไทย แปลว่า หญิงงาม จิตรศิริ (Jitsiri) ภาษาไทย แปลว่า สวยงาม ภาษาไทย แปลว่า สวยงาม จันทร์พิมพ์ (Junpim) ภาษาไทย แปลว่า งามดุจจันทร์ ภาษาไทย แปลว่า งามดุจจันทร์ จิดาพรรณ (Jidapun) ภาษาไทย แปลว่า ผิวพรรณดีมาก ภาษาไทย แปลว่า ผิวพรรณดีมาก จันทนาภรณ์ (Juntanaphorn) ภาษาไทย แปลว่า ประดับด้วยของหอม ภาษาไทย แปลว่า ประดับด้วยของหอม จิตรกัญญา (Jittrakanya) ภาษาไทย แปลว่า หญิงสาวที่งดงาม ภาษาไทย แปลว่า หญิงสาวที่งดงาม จิตราลักษณ์ (Jittraluk) ภาษาไทย แปลว่า ลักษณะอันงดงาม ภาษาไทย แปลว่า ลักษณะอันงดงาม จรัสพรรณ (Jaruspun) ภาษาไทย แปลว่า ผิวพรรณผุดผ่อง ภาษาไทย แปลว่า ผิวพรรณผุดผ่อง จารุลักษณ์ (Jaruluk) ภาษาไทย แปลว่า ผู้มีลักษณะอันงดงาม ภาษาไทย แปลว่า ผู้มีลักษณะอันงดงาม จารุภา (Jarupha) ภาษาไทย แปลว่า ผู้รุ่งเรืองและงดงาม ภาษาไทย แปลว่า ผู้รุ่งเรืองและงดงาม จารุจิตรา (Jarujittra) ภาษาไทย แปลว่า งดงามมาก ภาษาไทย แปลว่า งดงามมาก จิตราพัชร (Jittrapuch) ภาษาไทย แปลว่า งดงามดุจเพชร ภาษาไทย แปลว่า งดงามดุจเพชร จันทิกา (Juntika) ภาษาไทย แปลว่า หญิงผู้มีความงามดุจจันทร์ ภาษาไทย แปลว่า หญิงผู้มีความงามดุจจันทร์ จันจิมา (Junjima) ภาษาไทย แปลว่า งามเหมือนดวงจันทร์ ภาษาไทย แปลว่า งามเหมือนดวงจันทร์ ฉ. ฉ. เฉิดโฉม (Cherdchom) ภาษาไทย แปลว่า การมีร่างงาม ภาษาไทย แปลว่า การมีร่างงาม โฉม (Chom) ภาษาไทย แปลว่า ความงามในรูป ภาษาไทย แปลว่า ความงามในรูป โฉมฉาย (Chomchine) ภาษาไทย แปลว่า ผู้ที่มีรูปงามสดใสเปล่งปลั่ง ภาษาไทย แปลว่า ผู้ที่มีรูปงามสดใสเปล่งปลั่ง โฉมยง (Chomyong) ภาษาไทย แปลว่า รูปร่างงามสง่า ภาษาไทย แปลว่า รูปร่างงามสง่า เฉิดฉาย (Cherdchine) ภาษาไทย แปลว่า ความงามที่ผุดผ่อง ภาษาไทย แปลว่า ความงามที่ผุดผ่อง แฉล้ม (Chalamp) ภาษาไทย แปลว่า สวย, งาม, งดงาม, แช่มช้อย, นุ่มนวล ภาษาไทย แปลว่า สวย, งาม, งดงาม, แช่มช้อย, นุ่มนวล โฉมงาม (Chomngam) ภาษาไทย แปลว่า ผู้ที่มีรูปงาม ภาษาไทย แปลว่า ผู้ที่มีรูปงาม เฉลา (Cha-lao) ภาษาไทย แปลว่า สวย งาม เกลี้ยงเกลา เพราพริ้ง ภาษาไทย แปลว่า สวย งาม เกลี้ยงเกลา เพราพริ้ง ไฉไล (Chailai) ภาษาไทย แปลว่า งดงาม ภาษาไทย แปลว่า งดงาม ช. ช. ชุติกัลยา (Chutikullaya) ภาษาไทย แปลว่า หญิงงามที่รุ่งเรือง ภาษาไทย แปลว่า หญิงงามที่รุ่งเรือง ชวนพิศ (Chuanpit) ภาษาไทย แปลว่า น่ามอง ภาษาไทย แปลว่า น่ามอง ชนิยา (Chaniya) ภาษาไทย แปลว่า ผู้น่ารัก ภาษาไทย แปลว่า ผู้น่ารัก ชมนาด (Chomnard) ภาษาไทย แปลว่า ชื่อต้นไม้ ดอกหอม ภาษาไทย แปลว่า ชื่อต้นไม้ ดอกหอม ฌ. ฌ. เฌอริตา (Cherritha) ภาษาไทย แปลว่า ผู้หญิงที่เติบโตอย่างสวยงามเฉกเช่นต้นไม้ ภาษาไทย แปลว่า ผู้หญิงที่เติบโตอย่างสวยงามเฉกเช่นต้นไม้ เฌอกาญจน์ (Cherkarn) ภาษาไทย แปลว่า ต้นไม้ทองคำ ภาษาไทย แปลว่า ต้นไม้ทองคำ ญ. ญ. หญิงงาม (Yingngam) ภาษาไทย แปลตรงตัวเลยค่ะ ภาษาไทย แปลตรงตัวเลยค่ะ ณ. ณ. ณีรนุช (Neeranuch) ภาษาไทย แปลว่า หญิงงามบริสุทธิ์ผุดผ่อง ภาษาไทย แปลว่า หญิงงามบริสุทธิ์ผุดผ่อง ด. ด. ดารินี (Darinee) ภาษาไทย แปลว่า หญิงที่งดงาม ภาษาไทย แปลว่า หญิงที่งดงาม ดาวิภา (Davipha) ภาษาไทย แปลว่า งดงามมาก ภาษาไทย แปลว่า งดงามมาก ดลตระการ (Doltrakarn) ภาษาไทย แปลว่า บันดาลความงาม ภาษาไทย แปลว่า บันดาลความงาม ต. ต. ตระการตา (Trakarntha) ภาษาไทย แปลว่า งดงาม,หรูหรา,เลิศ,หรู ภาษาไทย แปลว่า งดงาม,หรูหรา,เลิศ,หรู ถ. ถ. ถนอมนวล (Tanomnual) ภาษาไทย แปลว่า รักษาความงามผุดผ่อง ภาษาไทย แปลว่า รักษาความงามผุดผ่อง ท. ท. ทรรศนพรรณ (Tassanapun) ภาษาไทย แปลว่า ผิวอันน่ามอง ภาษาไทย แปลว่า ผิวอันน่ามอง ธ. ธ. ธวัลกร (Tawankorn) ภาษาไทย แปลว่า มีรัศมีนวลงาม ภาษาไทย แปลว่า มีรัศมีนวลงาม น. น. นงคราญ (Nongkran) ภาษาไทย แปลว่า นางงาม ภาษาไทย แปลว่า นางงาม นงพะงา (Nongpanga) ภาษาไทย แปลว่า นางงาม, หญิงงาม นงพะงา (Nongpanga) ภาษาไทย แปลว่า นางงาม, หญิงงาม นวลลออ (Nuanlaorr) ภาษาไทย แปลว่า สวยผุดผ่อง ภาษาไทย แปลว่า สวยผุดผ่อง นาฏยา (Narttaya) ภาษาไทย แปลว่า สาวงาม ภาษาไทย แปลว่า สาวงาม บ. บ. บังอร (Bangorn) ภาษาไทย แปลว่า เด็ก ๆ ที่กําลังน่ารัก, นางงาม ภาษาไทย แปลว่า เด็ก ๆ ที่กําลังน่ารัก, นางงาม บุษบัน (ฺBussaban) ภาษาไทย แปลว่า ดอกบัว อาจจะไม่ได้หมายถึงความสวยโดยตรง แต่เป็นความหมายของดอกไม้ ที่สามารถนำไปใช้สร้างแบรนด์ได้ค่ะ ภาษาไทย แปลว่า ดอกบัว อาจจะไม่ได้หมายถึงความสวยโดยตรง แต่เป็นความหมายของดอกไม้ ที่สามารถนำไปใช้สร้างแบรนด์ได้ค่ะ บุษยสิริ (Bussayasiri) ภาษาไทย แปลว่า ผู้งดงามดุจดอกบัว ภาษาไทย แปลว่า ผู้งดงามดุจดอกบัว ป. ป. ปภานัน (Pananan) ภาษาไทย แปลว่า มีใบหน้าสวยงาม ภาษาไทย แปลว่า มีใบหน้าสวยงาม ประทิน (Pratin) ภาษาไทย แปลว่า ทำให้สะอาดหมดจด, ประทินโฉม ภาษาไทย แปลว่า ทำให้สะอาดหมดจด, ประทินโฉม ผ. ผ. ผ่องพรรณ (Pongpun) ภาษาไทย แปลว่า ผิวงาม ภาษาไทย แปลว่า ผิวงาม ผกาพักตร์ (Pakapak) ภาษาไทย แปลว่า ผู้มีหน้างามดุจดอกไม้ ภาษาไทย แปลว่า ผู้มีหน้างามดุจดอกไม้ ผ่องพักตร์ (Pongpak) ภาษาไทย แปลว่า หน้าผ่อง หน้าที่ปราศจากมลทิน ภาษาไทย แปลว่า หน้าผ่อง หน้าที่ปราศจากมลทิน ผ่องรำไพ (Pongrumpai) ภาษาไทย แปลว่า งามผุดผ่องมาก ภาษาไทย แปลว่า งามผุดผ่องมาก ผกายวรรณ (Pakaiwan) ภาษาไทย แปลว่า ผิวพรรณงามผุดผ่อง ภาษาไทย แปลว่า ผิวพรรณงามผุดผ่อง พ. พ. พราว (Prond) ภาษาไทย แปลว่า แวววาว ภาษาอังกฤษ แปลว่า ภูมิใจ ภาษาไทย แปลว่า แวววาว ภาษาอังกฤษ แปลว่า ภูมิใจ พริ้มเพรา (Primprao) ภาษาไทย แปลว่า งามแฉล้ม, จิ้มลิ้ม, น่ารัก ภาษาไทย แปลว่า งามแฉล้ม, จิ้มลิ้ม, น่ารัก พริ้งพราย (Prinkpry) ภาษาไทย แปลว่า สวยงาม, งามลออ ภาษาไทย แปลว่า สวยงาม, งามลออ พริ้งเพริศ (Prinkpert) ภาษาไทย แปลว่า งามเฉิดฉาย, งามเลิศ ภาษาไทย แปลว่า งามเฉิดฉาย, งามเลิศ เพลินตา (Plernta) ภาษาอังกฤษ แปลว่า ดูเพลิน ดูไม่รู้จักเบื่อ ภาษาอังกฤษ แปลว่า ดูเพลิน ดูไม่รู้จักเบื่อ พรพรรณี (Phornpunnee) ภาษาไทย แปลว่า ผู้มีผิวงามอันประเสริฐ ภาษาไทย แปลว่า ผู้มีผิวงามอันประเสริฐ พณณกร (Punnakorn) ภาษาไทย แปลว่า มีผิวพรรณสวย ภาษาไทย แปลว่า มีผิวพรรณสวย พิมพ์พิศา (Pimpisa) ภาษาไทย แปลว่า เจ้าแห่งความงาม, ผู้มีรูปร่างงาม ภาษาไทย แปลว่า เจ้าแห่งความงาม, ผู้มีรูปร่างงาม พิมพ์พิลาวัลย์ (Pimpilawan) ภาษาไทย แปลว่า หน้าตางดงาม ภาษาไทย แปลว่า หน้าตางดงาม พิมพ์อัปสร (Pimabsorn) ภาษาไทย แปลว่า มีความสวยงามดั่งนางฟ้า(ประดุจถอดแบบจากนางฟ้า) ภาษาไทย แปลว่า มีความสวยงามดั่งนางฟ้า(ประดุจถอดแบบจากนางฟ้า) พรรณี (Pannee) ภาษาไทย แปลว่า ผู้ที่มีผิวงาม ภาษาไทย แปลว่า ผู้ที่มีผิวงาม พิมพา (Pimpa) ภาษาไทย แปลว่า ผู้งดงาม ภาษาไทย แปลว่า ผู้งดงาม พรรณพิลาศ (Punpilas) ภาษาไทย แปลว่า ผิวพรรณงดงาม ภาษาไทย แปลว่า ผิวพรรณงดงาม ฟ. ฟ. ฟ้างาม (Fahngam) ภาษาไทย แปลว่า ท้องฟ้าที่งดงาม ภาษาไทย แปลว่า ท้องฟ้าที่งดงาม ฟุ้งฟ้า (Foongfah) ภาษาไทย แปลว่า กระจายไปทั่วฟ้า ภาษาไทย แปลว่า กระจายไปทั่วฟ้า ฟาริดา (Farida) ภาษาไทย แปลว่า มีค่า, พิเศษ, หนึ่งเดียว ภาษาไทย แปลว่า มีค่า, พิเศษ, หนึ่งเดียว ภ. ภ. ภัทรา (Pattra) ภาษาไทย แปลว่า งาม, น่ารัก, ดี, เจริญ, ประเสริฐ ภาษาไทย แปลว่า งาม, น่ารัก, ดี, เจริญ, ประเสริฐ ภัทรสิริยา (Patsiraya) ภาษาไทย แปลว่า ผู้มีความงามอันประเสริฐ ภาษาไทย แปลว่า ผู้มีความงามอันประเสริฐ ภลดา (Palada) ภาษาไทย แปลว่า รัศมีที่เป็นสาย, ลำแสง ภาษาไทย แปลว่า รัศมีที่เป็นสาย, ลำแสง ม. ม. มธุริน (Mathurin) ภาษาไทย แปลว่า หวานมีเสน่ห์ ภาษาไทย แปลว่า หวานมีเสน่ห์ มุกอันดา (Mookunda) ภาษาไทย แปลว่า มุกที่งดงามที่สุด ภาษาไทย แปลว่า มุกที่งดงามที่สุด มนต์วิภา (Monvipa) ภาษาไทย แปลว่า งดงามและมีเสน่ห์ ภาษาไทย แปลว่า งดงามและมีเสน่ห์ มธุรา (Matura) ภาษาไทย แปลว่า มีรสหวาน น่ารัก มีเสน่ห์ ภาษาไทย แปลว่า มีรสหวาน น่ารัก มีเสน่ห์ มาลินทร์ (Malin) ภาษาไทย แปลว่า ผู้เป็นใหญ่เหนือดอกไม้ ภาษาไทย แปลว่า ผู้เป็นใหญ่เหนือดอกไม้ มนตรารัตน์ (Montrarat) ภาษาไทย แปลว่า ดวงแก้วมณีที่งดงามมาก ภาษาไทย แปลว่า ดวงแก้วมณีที่งดงามมาก มะลิดา (Malida) ภาษาไทย แปลว่า มีมะลิจำนวนมาก (อาจจะไม่ค่อยเกี่ยวกับความงามเท่าไหร่นะคะ แต่เราชอบชื่อนี้เป็นพิเศษ :D) ภาษาไทย แปลว่า มีมะลิจำนวนมาก (อาจจะไม่ค่อยเกี่ยวกับความงามเท่าไหร่นะคะ แต่เราชอบชื่อนี้เป็นพิเศษ :D) ย. ย. ยุพาวดี (Yupavadee) ภาษาไทย แปลว่า หญิงสาวสวย ภาษาไทย แปลว่า หญิงสาวสวย ยุพิน (Yupin) ภาษาไทย แปลว่า หญิงงาม ภาษาไทย แปลว่า หญิงงาม เยาวมาลย์ (Yaowamarn) ภาษาไทย แปลว่า หญิงสาวสวย ภาษาไทย แปลว่า หญิงสาวสวย หยาดฟ้า (Yardfha) ภาษาไทย แปลว่า งดงามมาก, ละอองน้ำในอากาศ ภาษาไทย แปลว่า งดงามมาก, ละอองน้ำในอากาศ ยลดา (Yollada) ภาษาไทย แปลว่า งดงามมาก ภาษาไทย แปลว่า งดงามมาก ร. ร. รังรอง (Rungrong) ภาษาไทย แปลว่า สว่าง, สุกใส, เรืองรอง, งดงาม, รุ่งเรือง, รุ่งโรจน์ ภาษาไทย แปลว่า สว่าง, สุกใส, เรืองรอง, งดงาม, รุ่งเรือง, รุ่งโรจน์ ระพีภัทร์ (Rapeepat) ภาษาไทย แปลว่า ผู้มีความงดงามประดุจตะวัน ภาษาไทย แปลว่า ผู้มีความงดงามประดุจตะวัน รจเรข (Rotjareak) ภาษาไทย แปลว่า การขีดเขียน งาม แต่ง ภาษาไทย แปลว่า การขีดเขียน งาม แต่ง รุจิรา (Rujira) ภาษาไทย แปลว่า สวยงาม ภาษาไทย แปลว่า สวยงาม รวินท์นิภา (Rawinnipa) ภาษาไทย แปลว่า งดงามเหมือนดอกบัว ภาษาไทย แปลว่า งดงามเหมือนดอกบัว รุจิราพร (Rujiraphorn) ภาษาไทย แปลว่า ผู้ที่มีความงดงามเป็นเลิศ ภาษาไทย แปลว่า ผู้ที่มีความงดงามเป็นเลิศ รสา (Rasa) ภาษาไทย แปลว่า ความงามอย่างมีเสน่ห์ ภาษาไทย แปลว่า ความงามอย่างมีเสน่ห์ รมย์ลักษณ์ (Romluk) ภาษาไทย แปลว่า ลักษณะอันพึงใจ ภาษาไทย แปลว่า ลักษณะอันพึงใจ รัมภา (Rumpa) ภาษาไทย แปลว่า นางฟ้า ภาษาไทย แปลว่า นางฟ้า ล. ล. ลัลน์ลลิต (Lunlalit) ภาษาไทย แปลว่า สาวสวย ภาษาไทย แปลว่า สาวสวย ลลิต (Lalit) ภาษาไทย แปลว่า น่ารักน่าเอ็นดู, น่าชื่นชม, สวยงาม, ละมุนละม่อม ภาษาไทย แปลว่า น่ารักน่าเอ็นดู, น่าชื่นชม, สวยงาม, ละมุนละม่อม ลลิตภัทร (Lalitpat) ภาษาไทย แปลว่า งามและเจริญ ภาษาไทย แปลว่า งามและเจริญ ลลพร (Lalaphorn) ภาษาไทย แปลว่า ประเสริฐและน่ารัก ภาษาไทย แปลว่า ประเสริฐและน่ารัก ละมุนละไม (Lamunlamai) ภาษาไทย แปลว่า ความอ่อนโยน อ่อนหวาน ซึ่งคำนี้คุณสามารถแยกคำออกมาได้ เป็นละมุน หรือละไมก็ได้ค่ะ ภาษาไทย แปลว่า ความอ่อนโยน อ่อนหวาน ซึ่งคำนี้คุณสามารถแยกคำออกมาได้ เป็นละมุน หรือละไมก็ได้ค่ะ ลออ (Laorr) ภาษาไทย แปลว่า งาม, สวย ภาษาไทย แปลว่า งาม, สวย ลอออร (Laoronn) ภาษาไทย แปลว่า หญิงที่มีความงดงาม ลอออร (Laoronn) ภาษาไทย แปลว่า หญิงที่มีความงดงาม ละอองดาว (La-ongdao) ภาษาไทย แปลว่า ละอองของดาว ภาษาไทย แปลว่า ละอองของดาว ลักษณ์สุภางค์ (Luksupang) ภาษาไทย แปลว่า ลักษณะอันงดงาม ภาษาไทย แปลว่า ลักษณะอันงดงาม ลลิตา (Lalita) ภาษาไทย แปลว่า สวย, มีความงดงาม ภาษาไทย แปลว่า สวย, มีความงดงาม ลลิล (Lalin) ภาษาไทย แปลว่า ความน่ารัก ภาษาไทย แปลว่า ความน่ารัก ลัลล์ลลิล (Lunlalin) ภาษาไทย แปลว่า เด็กหญิงผู้น่ารัก ภาษาไทย แปลว่า เด็กหญิงผู้น่ารัก ลลิลดา (Lalinda) ภาษาไทย แปลว่า หญิงผู้น่ารัก ภาษาไทย แปลว่า หญิงผู้น่ารัก ลัลน์ลลิตา (Lalalita) ภาษาไทย แปลว่า สาวสวย ภาษาไทย แปลว่า สาวสวย ลัลนา (Lunlana) ภาษาไทย แปลว่า สาวสวย ภาษาไทย แปลว่า สาวสวย ลภัสสิริญ (Lapatsirin) ภาษาไทย แปลว่า ผู้มีความงามเป็นลาภ ภาษาไทย แปลว่า ผู้มีความงามเป็นลาภ ลัลน์ณภัทร (Lunnapat) ภาษาไทย แปลว่า หญิงงามผู้มีทรัพย์ความเจริญ ภาษาไทย แปลว่า หญิงงามผู้มีทรัพย์ความเจริญ ลาวัณย์ (Lawan) ภาษาไทย แปลว่า ความงาม, ความน่ารัก ภาษาไทย แปลว่า ความงาม, ความน่ารัก ลลิตสินี (Lalitsinee) ภาษาไทย แปลว่า หญิงที่งดงาม ภาษาไทย แปลว่า หญิงที่งดงาม ลัลลา (Lunla) ภาษาไทย แปลว่า งดงาม (เราชอบชื่อนี้เป็นพิเศษจัง มันเป็นคำที่น่ารักมาก เขียนเป็นภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษก็ดูดี เวลาเขียนเป็นภาษาอังกฤษพอเราอ่านแล้ว จะแปลได้อีกคำนึง นั่นก็คือลั้ลลา ที่แปลว่าสนุกสนาน เบิกบานได้อีก ปักธงให้คำนี้เลยค่ะ) ภาษาไทย แปลว่า งดงาม (เราชอบชื่อนี้เป็นพิเศษจัง มันเป็นคำที่น่ารักมาก เขียนเป็นภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษก็ดูดี เวลาเขียนเป็นภาษาอังกฤษพอเราอ่านแล้ว จะแปลได้อีกคำนึง นั่นก็คือลั้ลลา ที่แปลว่าสนุกสนาน เบิกบานได้อีก ปักธงให้คำนี้เลยค่ะ) ลินีวาลี (Lineewalee) ภาษาไทย แปลว่า ชื่อเทพธิดาองค์หนึ่ง ภาษาไทย แปลว่า ชื่อเทพธิดาองค์หนึ่ง ลักษณ์กวิน (Lakgawin) ภาษาไทย แปลว่า ลักษณะอันดีงาม ภาษาไทย แปลว่า ลักษณะอันดีงาม ว. ว. วิไลลักษณ์ (Wilailuk) ภาษาไทย แปลว่า มีลักษณะงาม, ผิวงามดี ภาษาไทย แปลว่า มีลักษณะงาม, ผิวงามดี วิจิตรา (Wijittra) ภาษาไทย แปลว่า งดงามยิ่งนัก ภาษาไทย แปลว่า งดงามยิ่งนัก วิรัล (Wirul) ภาษาไทย แปลว่า งาม, หายาก ภาษาไทย แปลว่า งาม, หายาก วิลาสินี (Wilasinee) ภาษาไทย แปลว่า หญิงที่งดงาม, งามอย่างสดใส, งามอย่างมีเสน่ห์ ภาษาไทย แปลว่า หญิงที่งดงาม, งามอย่างสดใส, งามอย่างมีเสน่ห์ วิมพ์วิภา (Wimwipa) ภาษาไทย แปลว่า แบบอย่างที่งดงาม ภาษาไทย แปลว่า แบบอย่างที่งดงาม วรินรำไพ (Warinrumpai) ภาษาไทย แปลว่า ประเสริฐและงดงาม ภาษาไทย แปลว่า ประเสริฐและงดงาม วิไลลักขณา (Wilailukkana) ภาษาไทย แปลว่า ลักษณะอันงดงาม ภาษาไทย แปลว่า ลักษณะอันงดงาม ศ. ศ. ศุภดา (Supada) ภาษาไทย แปลว่า ความงาม ภาษาไทย แปลว่า ความงาม ศิวิไล (Sivilai) ภาษาไทย แปลว่า สวยงาม ภาษาไทย แปลว่า สวยงาม ศิริรัตนากร (Sirirattanakorn) ภาษาไทย แปลว่า ความงามแห่งคลังเงิน ทอง ภาษาไทย แปลว่า ความงามแห่งคลังเงิน ทอง โศภิส (Sopit) ภาษาไทย แปลว่า เจ้าแห่งความงาม ภาษาไทย แปลว่า เจ้าแห่งความงาม ศศิมา (Sasima) ภาษาไทย แปลว่า มีความงามดุจจันทร์ ภาษาไทย แปลว่า มีความงามดุจจันทร์ ศิวาราตรี (Sivaratree) ภาษาไทย แปลว่า ราตรีหรือค่ำคืนแห่งการบูชาพระอิศวร ภาษาไทย แปลว่า ราตรีหรือค่ำคืนแห่งการบูชาพระอิศวร ศฤงคาร (Saringkarn) ภาษาไทย แปลว่า ความรัก ภาษาไทย แปลว่า ความรัก ศรีภัทรา (Sripattra) ภาษาไทย แปลว่า ประเสริฐและงดงาม ภาษาไทย แปลว่า ประเสริฐและงดงาม ศุกร์ศิริ (Suksiri) ภาษาไทย แปลว่า งดงามเหมือนพระศุกร์ ภาษาไทย แปลว่า งดงามเหมือนพระศุกร์ ศิริเพ็ญ (Siripen) ภาษาไทย แปลว่า งดงามบริบูรณ์ ภาษาไทย แปลว่า งดงามบริบูรณ์ ศิริกาญจน์ (Sirikarn) ภาษาไทย แปลว่า งดงามดุจทองคำ ภาษาไทย แปลว่า งดงามดุจทองคำ ส. ส. สลินดา (Salinda) ภาษาไทย แปลว่า ความงดงามบริสุทธิ์ที่เปร่งประกาย หญิงผู้ดีมีสกุลที่งดงามมีเสน่ห์ ภาษาไทย แปลว่า ความงดงามบริสุทธิ์ที่เปร่งประกาย หญิงผู้ดีมีสกุลที่งดงามมีเสน่ห์ สำอาง (Samang) ภาษาไทย แปลว่า สิ่งที่ใช้เสริมแต่งหรือบำรุงใบหน้า, ผิวพรรณ, ผม ให้ดูสวยงาม ภาษาไทย แปลว่า สิ่งที่ใช้เสริมแต่งหรือบำรุงใบหน้า, ผิวพรรณ, ผม ให้ดูสวยงาม โสภิณ (Sopin) ภาษาไทย แปลว่า งดงาม, สุกใส ภาษาไทย แปลว่า งดงาม, สุกใส สะคราญ (Sakran) ภาษาไทย แปลว่า หญิงงาม, งาม, สวย ภาษาไทย แปลว่า หญิงงาม, งาม, สวย สาหรี (Saree) ภาษาไทย แปลว่า งาม, ดี, น่ารัก ภาษาไทย แปลว่า งาม, ดี, น่ารัก โสภาวดี (Sopawadee) ภาษาไทย แปลว่า หญิงสาวผู้ประกอบด้วยความงาม ภาษาไทย แปลว่า หญิงสาวผู้ประกอบด้วยความงาม สวรส (Savaros) ภาษาไทย แปลว่า มีรสนิยมเป็นของตน มีเสน่ห์ ภาษาไทย แปลว่า มีรสนิยมเป็นของตน มีเสน่ห์ สินีสวรินทร์ (Sineesavarin) ภาษาไทย แปลว่า นางสวรรค์ชั้นสูงที่มีผิวขาวงาม ภาษาไทย แปลว่า นางสวรรค์ชั้นสูงที่มีผิวขาวงาม สำรวย (Sumruay) ภาษาไทย แปลว่า สำอาง, รักสวยรักงาม ภาษาไทย แปลว่า สำอาง, รักสวยรักงาม สุภาวดี (Supawadee) ภาษาไทย แปลว่า หญิงงาม ภาษาไทย แปลว่า หญิงงาม ห. ห. หอมนวล (Homnual) ภาษาไทย แปลว่า หอมและงดงาม ภาษาไทย แปลว่า หอมและงดงาม อ. อ. อรรัมภา (Ornrumpha) ภาษาไทย แปลว่า งามดุจนางฟ้า อรรัมภา (Ornrumpha) ภาษาไทย แปลว่า งามดุจนางฟ้า อจลา (Ajala) ภาษาไทย แปลว่า ผู้ที่มีผิวพรรณดี ภาษาไทย แปลว่า ผู้ที่มีผิวพรรณดี อดิพรรณ (Adipan) ภาษาไทย แปลว่า ผู้ที่มีผิวพรรณดี ภาษาไทย แปลว่า ผู้ที่มีผิวพรรณดี อรชร (Orrachorn) ภาษาไทย แปลว่า งามอย่างเอวบางร่างน้อย ภาษาไทย แปลว่า งามอย่างเอวบางร่างน้อย ชื่อทั้งหมดที่เรากล่าวมา ก็เป็นชื่อความหมายดี ๆ ที่เกี่ยวข้องกับความงาม ซึ่งเหมาะสมที่จะนำมาใช้เป็นไอเดียในการตั้งชื่อร้านเครื่องสำอางค่ะ โดยคุณสามารถใช้แค่คำนี้เดี่ยว ๆ จะนำไปปรับเปลี่ยนให้เข้ากับธีมร้านเครื่องสำอางของคุณ หรือจะเติมคำว่า Cosmetics, Makeup หรือ Beauty เข้าไปตามความเหมาะสมได้ค่ะ ชื่อทั้งหมดที่เรากล่าวมา ก็เป็นชื่อความหมายดี ๆ ที่เกี่ยวข้องกับความงาม ซึ่งเหมาะสมที่จะนำมาใช้เป็นไอเดียในการตั้งชื่อร้านเครื่องสำอางค่ะ โดยคุณสามารถใช้แค่คำนี้เดี่ยว ๆ จะนำไปปรับเปลี่ยนให้เข้ากับธีมร้านเครื่องสำอางของคุณ หรือจะเติมคำว่า Cosmetics, Makeup หรือ Beauty เข้าไปตามความเหมาะสมได้ค่ะ ภาพลิสต์ชื่อร้านภาษาไทย ภาพลิสต์ชื่อร้านภาษาไทย ตั้งชื่อร้านแบบผสมคำ ตั้งชื่อร้านแบบผสมคำ การตั้งชื่อร้านเครื่องสำอาง มันก็จะต้องมีการมิกซ์รวมคำเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ความหมายที่หลากหลาย เพราะบางคนอาจจะต้องการคำที่ลึกซึ้งในความหมายและความมีมิติของชื่อร้าน การตั้งชื่อร้านเครื่องสำอาง มันก็จะต้องมีการมิกซ์รวมคำเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ความหมายที่หลากหลาย เพราะบางคนอาจจะต้องการคำที่ลึกซึ้งในความหมายและความมีมิติของชื่อร้าน ผู้เขียนก็เลยลองหาคำมาผสมผสานกัน เพื่อให้เป็นตัวอย่างแบบเก๋ ๆ ให้คุณนำไปเป็นไอเดียได้ ผู้เขียนก็เลยลองหาคำมาผสมผสานกัน เพื่อให้เป็นตัวอย่างแบบเก๋ ๆ ให้คุณนำไปเป็นไอเดียได้ ซึ่งขอบอกก่อนเลยว่า คำด้านล่างนี้ ผู้เขียนคิดและผสมคำขึ้นมาเองเลยนะคะ โดยผู้เขียนจะนำคำที่หามาได้จากการแปลหรือ References ต่าง ๆ ด้านบนมารวมเข้าด้วยกันเอง และแปลหมายรวมกันตามนั้นค่ะ หวังว่าคนอ่านจะได้ไอเดียที่ดีจนไปตั้งชื่อร้านเครื่องสำอางได้นะ ซึ่งขอบอกก่อนเลยว่า คำด้านล่างนี้ ผู้เขียนคิดและผสมคำขึ้นมาเองเลยนะคะ โดยผู้เขียนจะนำคำที่หามาได้จากการแปลหรือ References ต่าง ๆ ด้านบนมารวมเข้าด้วยกันเอง และแปลหมายรวมกันตามนั้นค่ะ หวังว่าคนอ่านจะได้ไอเดียที่ดีจนไปตั้งชื่อร้านเครื่องสำอางได้นะ มาจากคำภาษาไทย ซึ่งคำว่าพริ้ง แปลว่าสวย พอเติมพริ้งอีกคำเข้าไป ก็จะกลายเป็นว่าสวยแบบคูณสอง ซึ่งเล่นคำกับคำว่า บลิ๊งบลิ๊ง ที่แปลว่าสว่างสดใส ส่องประกายได้อีกด้วยนะคะ มาจากคำภาษาไทย ซึ่งคำว่าพริ้ง แปลว่าสวย พอเติมพริ้งอีกคำเข้าไป ก็จะกลายเป็นว่าสวยแบบคูณสอง ซึ่งเล่นคำกับคำว่า บลิ๊งบลิ๊ง ที่แปลว่าสว่างสดใส ส่องประกายได้อีกด้วยนะคะ คำว่าพริ้ง แปลว่าสวย คำว่าพราว แปลว่า แวววาว เมื่อนำมาเขียนเป็นภาษาอังกฤษ Proud จะแปลว่าภูมิใจ อาจแปลได้มีแบบหนึ่งคือ ความสวยงามเปล่งประกายที่น่าภูมิใจก็ได้ค่ะ คำว่าพริ้ง แปลว่าสวย คำว่าพราว แปลว่า แวววาว เมื่อนำมาเขียนเป็นภาษาอังกฤษ Proud จะแปลว่าภูมิใจ อาจแปลได้มีแบบหนึ่งคือ ความสวยงามเปล่งประกายที่น่าภูมิใจก็ได้ค่ะ เอาคำว่า Nifty ที่แปลว่าสวย มารวมกับคำว่า Brush ที่เป็นอุปกรณ์แต่งหน้า รวมเข้ากันแล้วก็ดูน่ารักไปอีกแบบว่ามั้ยคะ เอาคำว่า Nifty ที่แปลว่าสวย มารวมกับคำว่า Brush ที่เป็นอุปกรณ์แต่งหน้า รวมเข้ากันแล้วก็ดูน่ารักไปอีกแบบว่ามั้ยคะ เรานำคำว่า Eyeliner มารวมกับคำว่า Jenine (เจนีน) ที่ภาษาฝรั่งเศส, อเมริกัน, ฮิบรู แปลว่า ความสง่างามของพระเจ้า มารวมกันแล้วแปลงเป็นคำนี้ค่ะ ซึ่งก็มีแตกต่างจากชื่อร้านเครื่องสำอางอื่น ๆ ดีนะ เรานำคำว่า Eyeliner มารวมกับคำว่า Jenine (เจนีน) ที่ภาษาฝรั่งเศส, อเมริกัน, ฮิบรู แปลว่า ความสง่างามของพระเจ้า มารวมกันแล้วแปลงเป็นคำนี้ค่ะ ซึ่งก็มีแตกต่างจากชื่อร้านเครื่องสำอางอื่น ๆ ดีนะ คำว่า Gloss แปลว่า แวววาว, เงางาม ส่วนคำว่า Gurl เป็นคำสแลงของวัยรุ่นที่ใช้เหมือนคำว่า Girl แต่ความหมายจะไปในเชิงเพื่อนสาวคุยกัน ชื่อนี้ความหมายก็เลยจะฟีลเหมือน “เพื่อนสาวของชั้นนี่มันออร่าจัง” หรือแบบ “เฮ้เพื่อนสาว เธอดูสวยแพรวพราวจังนะ” อะไรแบบนี้ก็ได้ค่ะ คำว่า Gloss แปลว่า แวววาว, เงางาม ส่วนคำว่า Gurl เป็นคำสแลงของวัยรุ่นที่ใช้เหมือนคำว่า Girl แต่ความหมายจะไปในเชิงเพื่อนสาวคุยกัน ชื่อนี้ความหมายก็เลยจะฟีลเหมือน “เพื่อนสาวของชั้นนี่มันออร่าจัง” หรือแบบ “เฮ้เพื่อนสาว เธอดูสวยแพรวพราวจังนะ” อะไรแบบนี้ก็ได้ค่ะ คำนี้มากจากคำว่า Charming ที่แปลว่า คนที่ดูดี มีเสน่ห์ เหมือนมีมนต์สะกด แต่เราดัดแปลงเป็น เป็นตัว ii เมื่อสะกดแล้วสามารถเป็นอีกชื่อที่อ่านแล้วน่ารักไม่เบาเลยนะ คำนี้มากจากคำว่า Charming ที่แปลว่า คนที่ดูดี มีเสน่ห์ เหมือนมีมนต์สะกด แต่เราดัดแปลงเป็น เป็นตัว ii เมื่อสะกดแล้วสามารถเป็นอีกชื่อที่อ่านแล้วน่ารักไม่เบาเลยนะ ผู้เขียนรวมคำว่า Angelic กับ Cosmetic เข้าด้วยกัน จึงได้คำนี้มาค่ะ ซึ่งความหมายก็จะประมาณว่า เครื่องสำอางที่ทำให้สวยงามเหมือนนางฟ้า โอ้โหววว สุดปังเลยค่ะ! ผู้เขียนรวมคำว่า Angelic กับ Cosmetic เข้าด้วยกัน จึงได้คำนี้มาค่ะ ซึ่งความหมายก็จะประมาณว่า เครื่องสำอางที่ทำให้สวยงามเหมือนนางฟ้า โอ้โหววว สุดปังเลยค่ะ! นำคำว่า Adorable ที่แปลว่า น่ารักน่าเอ็นดูมารวมกับคำว่า Brush ที่แปลว่าแปรงปัดมารวมกัน คำนี้จะกลายเป็นคำว่า ปัดแต่งความน่ารัก (โอ่ยย น่ารักไปแล้ว) นำคำว่า Adorable ที่แปลว่า น่ารักน่าเอ็นดูมารวมกับคำว่า Brush ที่แปลว่าแปรงปัดมารวมกัน คำนี้จะกลายเป็นคำว่า ปัดแต่งความน่ารัก (โอ่ยย น่ารักไปแล้ว) Bonnie แปลว่า น่ารัก ส่วนคำว่า Blush แปลว่า บลัชออน, สีแต่งแก้ม หรือออีกความหมายนึงคือความเขินอาย หน้าแดง ซึ่งพอรวมกันแล้วมันจะแปลความหมายได้ว่า แต่งแต้มสีแห่งความน่ารัก, แต่งแต้มสีแห่งความเขินอาย, แต่งแต้มความเขินอายให้ดูน่ารัก ความหมายก็จะประมาณนี้เลยค่ะ Bonnie แปลว่า น่ารัก ส่วนคำว่า Blush แปลว่า บลัชออน, สีแต่งแก้ม หรือออีกความหมายนึงคือความเขินอาย หน้าแดง ซึ่งพอรวมกันแล้วมันจะแปลความหมายได้ว่า แต่งแต้มสีแห่งความน่ารัก, แต่งแต้มสีแห่งความเขินอาย, แต่งแต้มความเขินอายให้ดูน่ารัก ความหมายก็จะประมาณนี้เลยค่ะ คำนี้ถ้าแปลตรงตัวจะแปลได้ว่า สีทองที่น่าทึ่ง แต่จริง ๆ แล้วผู้เขียนนำคำว่า Amazeballs ที่แปลว่าตะลึงพรึงเพริด, สวยแบบตกตะลึง มารวมกับ Bronzer ที่หมายถึงเครื่องสำอางไล้โครงหน้าให้มีมิติ จึงกลายเป็นคำนี้ขึ้นมานั่นเองค่ะ คำนี้ถ้าแปลตรงตัวจะแปลได้ว่า สีทองที่น่าทึ่ง แต่จริง ๆ แล้วผู้เขียนนำคำว่า Amazeballs ที่แปลว่าตะลึงพรึงเพริด, สวยแบบตกตะลึง มารวมกับ Bronzer ที่หมายถึงเครื่องสำอางไล้โครงหน้าให้มีมิติ จึงกลายเป็นคำนี้ขึ้นมานั่นเองค่ะ เรานำคำว่า Mascara ที่แปลว่ามาสคาร่าหรือที่ปัดขนตา มารวมกับคำว่า Charissa ที่แปลว่า ความงาม, ความรัก ในภาษากรีก, อเมริกัน โดยจะตัดตัว h ในคำว่า Charissa ออกเพื่อให้ผสมเป็นตัว Ca ของคำว่า Mascara ได้ จึงทำให้เกิดเป็นคำนี้ขึ้นมานั่นเองค่ะ ชอบกันมั้ยคะทุกคนนน ให้กี่คะแนนกับคำนี้ดีคะ? เรานำคำว่า Mascara ที่แปลว่ามาสคาร่าหรือที่ปัดขนตา มารวมกับคำว่า Charissa ที่แปลว่า ความงาม, ความรัก ในภาษากรีก, อเมริกัน โดยจะตัดตัว h ในคำว่า Charissa ออกเพื่อให้ผสมเป็นตัว Ca ของคำว่า Mascara ได้ จึงทำให้เกิดเป็นคำนี้ขึ้นมานั่นเองค่ะ ชอบกันมั้ยคะทุกคนนน ให้กี่คะแนนกับคำนี้ดีคะ? เล่นกับคำว่า Foundation ที่แปลว่า รองพื้น โดยนำมาผสมกับคำว่า Dainty ที่แปลว่า งดงาม, ประณีต ซึ่งคำว่า Found เดี่ยว ๆ มันแปลว่า ค้นพบ, พบเจอ, สร้าง, หล่อหลอม, ก่อตั้ง เล่นกับคำว่า Foundation ที่แปลว่า รองพื้น โดยนำมาผสมกับคำว่า Dainty ที่แปลว่า งดงาม, ประณีต ซึ่งคำว่า Found เดี่ยว ๆ มันแปลว่า ค้นพบ, พบเจอ, สร้าง, หล่อหลอม, ก่อตั้ง ดังนั้นมันจึงรวมออกมาแล้วได้คำหมายว่า ค้นพบความงดงามที่ปราณีต ซึ่งพอนำมาตั้งเป็นชื่อร้านเครื่องสำอางแล้ว มันดูเข้ากันมากเลยนะคะ เพราะมันสามารถสื่อได้ถึงคุณภาพสินค้าได้ด้วย เหมือนกับเราบอกลูกค้าผ่านชื่อร้านว่า “คุณค้นหาความงดงามที่ปราณีตเจอได้ที่นี่นะ” ดังนั้นมันจึงรวมออกมาแล้วได้คำหมายว่า ค้นพบความงดงามที่ปราณีต ซึ่งพอนำมาตั้งเป็นชื่อร้านเครื่องสำอางแล้ว มันดูเข้ากันมากเลยนะคะ เพราะมันสามารถสื่อได้ถึงคุณภาพสินค้าได้ด้วย เหมือนกับเราบอกลูกค้าผ่านชื่อร้านว่า “คุณค้นหาความงดงามที่ปราณีตเจอได้ที่นี่นะ” นำคำว่า Queenly ที่แปลว่า สง่าผ่าเผย, อย่างพระราชินี, ราวกับเจ้าหญิง มารวมกับคำว่า Jennalee ภาษาเวลส์ ที่แปลว่า กระจ่าง, นวล ก็เลยจะได้คำว่า กระจ่างใสและสง่าผ่าเผยราวกับเจ้าหญิง (ยิ่งใหญ่อลังการไปเลยเนอะ) นำคำว่า Queenly ที่แปลว่า สง่าผ่าเผย, อย่างพระราชินี, ราวกับเจ้าหญิง มารวมกับคำว่า Jennalee ภาษาเวลส์ ที่แปลว่า กระจ่าง, นวล ก็เลยจะได้คำว่า กระจ่างใสและสง่าผ่าเผยราวกับเจ้าหญิง (ยิ่งใหญ่อลังการไปเลยเนอะ) เป็นการนำ Primer (ไพร์มเมอร์) ที่เป็นเครื่องสำอางชนิดหนึ่งที่ช่วยปรับแก้ผิวที่ไม่สม่ำเสมอ มารวมกันกับคำว่ารัมภา ที่แปลว่านางฟ้า โดยรวมจึงกลายเป็นคำน่ารัก ๆ ที่แปลว่า ปรับสีผิวให้เหมือนนางฟ้า เป็นการนำ Primer (ไพร์มเมอร์) ที่เป็นเครื่องสำอางชนิดหนึ่งที่ช่วยปรับแก้ผิวที่ไม่สม่ำเสมอ มารวมกันกับคำว่ารัมภา ที่แปลว่านางฟ้า โดยรวมจึงกลายเป็นคำน่ารัก ๆ ที่แปลว่า ปรับสีผิวให้เหมือนนางฟ้า อันนี้เราเอาคำภาษาไทยกับคำภาษาอังกฤษมามิกซ์กันค่ะ มาจากคันธมาลี (Kunthamalee) ที่แปลว่า ดอกไม้กลิ่นหอม มารวมกับ Cosmatics ที่แปลว่า เครื่องสำอาง จึงกลายเป็นคำนี้ซึ่งมีความหมายว่า เครื่องสำอางที่มีกลิ่นหอมของดอกไม้ อันนี้เราเอาคำภาษาไทยกับคำภาษาอังกฤษมามิกซ์กันค่ะ มาจากคันธมาลี (Kunthamalee) ที่แปลว่า ดอกไม้กลิ่นหอม มารวมกับ Cosmatics ที่แปลว่า เครื่องสำอาง จึงกลายเป็นคำนี้ซึ่งมีความหมายว่า เครื่องสำอางที่มีกลิ่นหอมของดอกไม้ โดยคุณอาจจะใช้ตั้งชื่อร้านเครื่องสำอางพร้อมกับธีมร้านที่ประดับประดาไปด้วยดอกไม้ พร้อมกับมีกลิ่นหอมของดอกไม้ไว้ทั่วร้าน เพื่อเป็น Signature ของร้านคุณก็ได้นะ โดยคุณอาจจะใช้ตั้งชื่อร้านเครื่องสำอางพร้อมกับธีมร้านที่ประดับประดาไปด้วยดอกไม้ พร้อมกับมีกลิ่นหอมของดอกไม้ไว้ทั่วร้าน เพื่อเป็น Signature ของร้านคุณก็ได้นะ นี่ก็เป็นการผสมผสานคำต่าง ๆ รวมกันเข้าไป เพื่อให้ออกมาเป็นชื่อร้าน ที่ผู้เขียนลองครีเอทเป็นตัวอย่างให้ทุกคนดูค่ะ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกคนจะได้ไอเดียในการผสมคำไปพอสมควรเลยน้า แต่ถ้ามีใครที่ถูกใจคำที่ผู้เขียนคิดขึ้นมาให้และนำไปใช้ได้จริงในการสร้างแบรนด์หรือเปิดร้านเครื่องสำอาง ยังไงก็มากระซิบบอกกันหน่อยนะคะ (เราจะภูมิใจมาก ๆ เลยยยย ><) อ่านบทความที่น่าสนใจอื่น ๆ : อยากตั้งชื่อร้านให้ปัง!! ..ลองทำตาม 5 ข้อนี้ 7 ข้อที่ไม่ควรทำ!! สำหรับการ “ตั้งชื่อร้าน” ✔ สรุป ✔ สรุป อ่านมาทั้งหมดแล้วเนี่ย คำส่วนใหญ่ที่เราแนะนำ โดยเฉพาะคำเดี่ยว ๆ ที่เป็นภาษาไทยอ่ะ เหมือนเราจะแนะนำไอเดียตั้งชื่อลูกสาวยังไงก็ไม่รู้นะคะ (ใครกำลังจะมีลูกสาวก็นำไปตั้งได้นะ) ไม่พอนะ คำภาษาอังกฤษ เรารู้สึกเหมือนกำลังจดศัพท์มาให้ทุกคนท่องยังไงอย่างงั้น 5555 อ่านมาทั้งหมดแล้วเนี่ย คำส่วนใหญ่ที่เราแนะนำ โดยเฉพาะคำเดี่ยว ๆ ที่เป็นภาษาไทยอ่ะ เหมือนเราจะแนะนำไอเดียตั้งชื่อลูกสาวยังไงก็ไม่รู้นะคะ (ใครกำลังจะมีลูกสาวก็นำไปตั้งได้นะ) ไม่พอนะ คำภาษาอังกฤษ เรารู้สึกเหมือนกำลังจดศัพท์มาให้ทุกคนท่องยังไงอย่างงั้น 5555 แต่จริง ๆ แล้วคำพวกนี้มันสามารถนำไปใช้ตั้งชื่อร้านเครื่องสำอางได้จริง ๆ นะคะ แต่จริง ๆ แล้วคำพวกนี้มันสามารถนำไปใช้ตั้งชื่อร้านเครื่องสำอางได้จริง ๆ นะคะ นอกจากร้านเครื่องสำอางแล้ว คุณยังสามารถนำไปดัดแปลงเป็นการตั้งชื่อร้านเก๋ๆ ตั้งชื่อแบรนด์เก๋ๆ ในธุรกิจอื่นๆของคุณเองก็ได้นะ นอกจากร้านเครื่องสำอางแล้ว คุณยังสามารถนำไปดัดแปลงเป็นการตั้งชื่อร้านเก๋ๆ ตั้งชื่อแบรนด์เก๋ๆ ในธุรกิจอื่นๆของคุณเองก็ได้นะ ลองใส่ความครีเอทเข้าไปพร้อมกับดัดแปลงให้เข้ากับธีมร้านของคุณและบุคลิกของตัวเจ้าของร้านเอง คุณอาจจะได้ชื่อร้านที่เพอร์เฟ็คและไม่เหมือนใครเลยแหละ ลองใส่ความครีเอทเข้าไปพร้อมกับดัดแปลงให้เข้ากับธีมร้านของคุณและบุคลิกของตัวเจ้าของร้านเอง คุณอาจจะได้ชื่อร้านที่เพอร์เฟ็คและไม่เหมือนใครเลยแหละ “เมื่อใครถามถึงความหมายของชื่อร้าน จะได้บอกเขาได้ว่าความหมายมันลึกซึ้งแค่ไหน ซึ่งมันจะสื่อได้ว่า คุณใส่ใจกับธุรกิจนี้ที่คุณสร้างขึ้นมากแบบมาก ๆ เลยนะ” PN Storetailer หวังว่าคุณจะสามารถนำชื่อเหล่านี้ไปใช้ได้กับธุรกิจร้านเครื่องสำอางของคุณได้นะคะ 🙂 แล้วก็ขออวยพรให้คุณประสบความสำเร็จในกิจการร้านเครื่องสำอางที่กำลังจะเกิดขึ้นด้วยนะ ปัง ปัง ปัง!! หวังว่าคุณจะสามารถนำชื่อเหล่านี้ไปใช้ได้กับธุรกิจร้านเครื่องสำอางของคุณได้นะคะ 🙂 แล้วก็ขออวยพรให้คุณประสบความสำเร็จในกิจการร้านเครื่องสำอางที่กำลังจะเกิดขึ้นด้วยนะ ปัง ปัง ปัง!! ขอบคุณแหล่งข้อมูลจาก : : pantip pantip en.mthai hotcourses dict.meemodel wordyguru horabook ดูบทความทั้งหมด บทความที่แนะนำ บทความที่แนะนำ แนะนำกลยุทธ์สร้างยอดขายปังๆ+ลูกค้าเข้ารัวๆ สำหรับคนที่เปิดร้านเครื่องสำอาง เช่น การจัดแสงของร้าน, เทคนิคการขายของ 3 อย่าง, การจัดเรียงสินค้าแบบปิรามิด 05 เม.ย. หลายๆคนที่กำลังจะเริ่มต้นเปิดกิจการ อาจมีคำถามว่า “จะมีเทคนิคตั้งชื่อร้านยังไงดี?” อยู่ใช่ไหมล่ะคะ คำถามนี้จะหายไป ถ้าคุณได้ลองมาอ่านบทความต่อไปนี้ 12 เม.ย. ถ้าไม่อยากให้คนบ่นถึงร้านค้าของคุณว่า ตั้งชื่อร้านไม่น่าเข้าไปซื้อเลย, ตั้งชื่อร้านเชยจัง, บลาๆๆ ล่ะก็.. ตามมาอ่านสิ่งที่ไม่ควรทำในการตั้งชื่อร้านในบทความนี้กัน 11 เม.ย.
| ตั้งชื่อร้านแบบผสมคำ
การตั้งชื่อร้านเครื่องสำอาง มันก็จะต้องมีการมิกซ์รวมคำเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ความหมายที่หลากหลาย เพราะบางคนอาจจะต้องการคำที่ลึกซึ้งในความหมายและความมีมิติของชื่อร้าน
พริ้งพริ้ง (Prink Prink)
มาจากคำภาษาไทย ซึ่งคำว่าพริ้ง แปลว่าสวย พอเติมพริ้งอีกคำเข้าไป ก็จะกลายเป็นว่าสวยแบบคูณสอง ซึ่งเล่นคำกับคำว่า บลิ๊งบลิ๊ง ที่แปลว่าสว่างสดใส ส่องประกาย
พริ้งพราว (Prink-Proud)
คำว่าพริ้ง แปลว่าสวย คำว่าพราว แปลว่า แวววาว เมื่อนำมาเขียนเป็นภาษาอังกฤษ Proud จะแปลว่าภูมิใจ อาจแปลได้มีแบบหนึ่งคือ ความสวยงามเปล่งประกายที่น่าภูมิใจ
Nifty Brush (นิ๊ฟตี้ บรัช)
เอาคำว่า Nifty ที่แปลว่าสวย มารวมกับคำว่า Brush ที่เป็นอุปกรณ์แต่งหน้า
Eyelinine (อายลิไนน์, อายลินีน)
เรานำคำว่า Eyeliner มารวมกับคำว่า Jenine (เจนีน) ที่ภาษาฝรั่งเศส, อเมริกัน, ฮิบรู แปลว่า ความสง่างามของพระเจ้า
Gloss Gurl (กลอสเกิร์ล)
คำว่า Gloss แปลว่า แวววาว, เงางาม ส่วนคำว่า Gurl เป็นคำสแลงของวัยรุ่นที่ใช้เหมือนคำว่า Girl แต่ความหมายจะไปในเชิงเพื่อนสาวคุยกัน
Charmmii (ชาร์มมี่)
คำนี้มากจากคำว่า Charming ที่แปลว่า คนที่ดูดี มีเสน่ห์ เหมือนมีมนต์สะกด แต่เราดัดแปลงเป็น เป็นตัว ii | null | Closed QA | cc-by-nc-4.0 |
Retail_51140 | Retail | สยามพิวรรธน์ได้ใช้กลยุทธ์ใด เป็นหัวใจสำคัญในการดำเนินธุรกิจ |
กลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์ ผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และค้าปลีกชั้นนำ เจ้าของและผู้บริหารสยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ หนึ่งในพันธมิตรเจ้าของ ไอคอนสยาม และสยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต กรุงเทพ เดินหน้าผนึกพลังกับ 7 พันธมิตรค้าปลีกยักษ์ใหญ่ระดับโลกและ กำลังอยู่ระหว่างการเจรจากับ Hyundai Department Store เชื่อมสิทธิประโยชน์เหนือระดับให้กับผู้ใช้บริการของศูนย์การค้าสู่ ONESIAM SuperApp และในเวลาเดียวกันสามารถดึงดูดนักช้อปสมาชิกของพันธมิตรค้าปลีกจากประเทศต่างๆ เข้ามาจับจ่ายใช้สอยในศูนย์การค้ากลุ่มสยามพิวรรธน์ พร้อมกันนี้ อาลีเพย์ (Alipay), Klook และ ทริปดอทคอม กรุ๊ป (Trip.com Group) ร่วมยกระดับประสบการณ์แบบไร้รอยต่อของลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น พร้อมสิทธิพิเศษ เพื่อรองรับความต้องการของนักท่องเที่ยวชาวจีนและทั่วโลก นางสรัลธร อัศเวศน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานบริหารธุรกิจศูนย์การค้า บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด “สยามพิวรรธน์ได้ใช้กลยุทธ์ Collaborate to Win เป็นหัวใจสำคัญในการดำเนินธุรกิจ ผนึกพันธมิตรและคู่ค้าระดับผู้นำธุรกิจทั้งในประเทศและนานาประเทศทั่วโลก เพื่อสร้างระบบนิเวศแห่งความสำเร็จร่วมกันและเพิ่มศักยภาพทางธุรกิจอย่างไร้ขีดจำกัด โดยสยามพิวรรธน์เป็นคนแรกที่ริเริ่มในการจับมือพันธมิตรทางธุรกิจที่แข็งแกร่งในระดับโลกเพื่อมอบประสบการณ์เหนือระดับและสร้างความประทับใจให้แก่ลูกค้าทั้งชาวไทยและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เข้ามาเยี่ยมเยือนอย่างต่อเนื่อง จนทำให้ศูนย์การค้าในเครือของสยามพิวรรธน์ อาทิ สยามพารากอน ได้รับรางวัลแบรนด์ยอดนิยมในหมวด Tourist Attraction Mall จากการมอบรางวัล “Marketeer No.1 Brand Thailand 2023” และล่าสุดกับ รางวัล “Best Luxury Lifestyle Mall” ศูนย์การค้าที่รวบรวมแบรนด์ระดับ Luxury ที่ครบครันมากที่สุดในประเทศไทย ตอกย้ำการเป็นศูนย์การค้าระดับพรีเมี่ยมที่โดดเด่นที่สุด เป็นที่หนึ่งในใจของลูกค้าทั้งชาวไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ และเป็นผู้นำที่ครองฐานกลุ่มลูกค้ากำลังซื้อสูงมากที่สุดในประเทศไทย” สยามพิวรรธน์เสริมความแข็งแกร่ง Global Ecosystem ด้วยการผสานความร่วมมือกับ 7พันธมิตรค้าปลีกยักษ์ใหญ่ในประเทศท่องเที่ยวระดับโลก และยังอยู่ระหว่างการหารือถึงความร่วมมือในการเป็นพันธมิตรกับ Hyundai Department Store เพื่อมาเสริมสร้างความพิเศษเหนือระดับที่จะมอบให้กับลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ (Global Privilege Partnership) Global Privilege Partnership เป็นการจับมือกับพันธมิตรชั้นนำระดับโลก ได้แก่ ศูนย์การค้า PARCO ประเทศญี่ปุ่น TAIPEI 101 ไต้หวัน Hong Kong Times Square ฮ่องกง ห้างสรรพสินค้า ION Orchard ประเทศสิงคโปร์ Pavilion Kuala Lumper ประเทศมาเลเซีย Plaza Indonesia ประเทศอินโดนีเซีย และ FOSUN สาธารณะรัฐประชาชนจีน ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจที่ครอบคลุมทั้งศูนย์การค้า การท่องเที่ยว และบริการด้านสุขภาพ เพื่อเพิ่มความคุ้มค่าในด้านสิทธิประโยชน์แก่สมาชิก VIZ ที่มี ONESIAM SuperApp โดยมีสิทธิพิเศษได้แก่ การอัปเกรดสถานะสมาชิกเทียบเท่าสถานะสมาชิกระดับพรีเมี่ยมเพื่อรับสิทธิประโยชน์สูงสุด Welcome Gift พร้อมบริการที่สุดพิเศษซึ่งอำนวยความสะดวกสบายสูงสุด ได้แก่บริการผู้ช่วยส่วนบุคคลที่จะคอยแนะนำบริการต่างๆ ภายในศูนย์การค้า บริการ Exclusive Lounge บริการรถลีมูซีนรับ-ส่ง เมื่อช้อปครบตามกำหนด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความพร้อมของบริการ ณ ศูนย์การค้าในประเทศนั้นๆ โดยความร่วมมือระหว่างสยามพิวรรธน์และพันธมิตรต่างๆ ระดับโลกในครั้งนี้จะส่งผลให้มีลูกค้าที่สามารถรับสิทธิประโยชน์ได้กว่า 4 ล้านคนต่อปี Mr. Vernon Ma, Senior Manager - Promotions & Centre Operations, Hong Kong Times Square : “ความร่วมมือในครั้งนี้นั้นเหนือไปกว่าการช้อปปิ้งและไดน์นิ่ง แต่เป็นการสร้างแพลตฟอร์มการเรียนรู้ ที่เราได้ร่วมกันแบ่งปันประสบการณ์และสร้างความผูกพันกันอย่างใกล้ชิด” Ms. Yeo Mui Hong, Chief Executive Officer, ION Orchard ประเทศสิงคโปร์ : “ความร่วมมือในครั้งนี้ได้ก่อให้เกิดพื้นฐานที่แข็งแกร่งและสมบูรณ์ในการสร้างคุณค่าที่ยิ่งใหญ่ขึ้นสำหรับลูกค้าสมาชิกของเรา รวมทั้งช่วยเพิ่มความน่าดึงดูดให้กับจุดหมายปลายทางของเราด้วย” Ms.Yoko Nakata, General Manager of Global Marketing Department , Parco ประเทศญี่ปุ่น : “เราผนึกความร่วมมือที่ก่อให้เกิดประโยชน์ร่วมกันทั้งในเรื่องการแลกเปลี่ยนข้อมูลและความคิดเห็น เรามั่นใจว่าความพิเศษของความร่วมมือในครั้งนี้จะทำให้ลูกค้าได้สัมผัสกับแหล่งทรัพยากรอันทรงคุณค่าของญี่ปุ่นในหลายๆ สถานที่ รวมทั้งช่วยสนับสนุนการท่องเที่ยวทั่วภูมิภาคเอเชีย” Ms. Kung Suan Ai, Director of Marketing, Pavilion Kuala Lumper ประเทศมาเลเซีย : “ความร่วมมือในครั้งนี้กับสยามพิวรรธน์ได้ทำให้เกิดประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองฝ่าย เรารู้สึกตื่นเต้นอย่างยิ่ง และยังรู้สึกตื่นเต้นกับโอกาสใหม่ๆ สำหรับความร่วมมือในอนาคตด้วย” Mr. Zamri Mamat, General Manager Marketing, Plaza Indonesia ประเทศอินโดนีเซีย : “เราเสนอโปรโมชั่นพิเศษและสิทธิประโยชน์ซึ่งมีประโยชน์ต่อทั้งลูกค้าและศูนย์การค้าของเรา เราหวังว่าความร่วมมือในครั้งนี้จะส่งผลในเชิงบวกต่อธุรกิจโดยรวมในภูมิภาค” Ms. Annie Lee, Senior Director & Head of Mall Marketing, TAIPEI 101 ไต้หวัน : “ความร่วมมือในครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของการค้าปลีก แต่ยังช่วยกระชับความสัมพันธ์ด้านการท่องเที่ยวและวัฒนธรรมของไทยและไต้หวันให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ทำให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของทั้งสองประเทศได้รับชัยชนะทั้งสองฝ่าย” Mr. Yao Yuan, Principle Director of CRM and Lifestyle Project Director, Fosun, สาธารณรัฐประชาชนจีน : “เราทั้งสองฝ่ายมีวิสัยทัศน์ในการนำเสนอประสบการณ์ระดับเยี่ยมยอดให้กับลูกค้าในระดับสากล ปฏิเสธไม่ได้ว่าความร่วมมือกับสยามพิวรรธน์จะช่วยเพิ่มความสะดวกและมอบประสบการณ์ที่มากขึ้นให้กับลูกค้าของเรา” Global Privilege Partnership ถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ในการมอบประสบการณ์แปลกใหม่ที่หลากหลายและมีความพิเศษที่จะทำให้เข้าถึงลูกค้ากลุ่มคนรุ่นใหม่ในเจเนอเรชั่น Y และ Z ได้อย่างตรงใจ พร้อมไฮไลท์สำคัญคือ การที่สมาชิก VIZ ไปแสดงสถานะสมาชิกเพื่อรับสิทธิประโยชน์ในห้างสรรพสินค้า ร้านค้า และโรงแรมในเครือกลุ่มพันธมิตร จะได้รับสิทธิพิเศษเสมือนเป็นลูกค้าระดับบนของห้างสรรพสินค้า ร้านค้า และโรงแรมในเครือ ในขณะเดียวกัน แคมเปญนี้จะสามารถดึงดูดนักช้อปสมาชิกของพันธมิตรค้าปลีกจากประเทศต่างๆ เข้ามาจับจ่ายใช้สอยในศูนย์การค้ากลุ่มสยามพิวรรธน์ ได้เช่นกัน นอกจากนี้สยามพิวรรธน์ยังได้ร่วมมือกับอาลีเพย์, Klook และ ทริปดอทคอม กรุ๊ป ที่เชื่อมั่นในศักยภายของกลุ่ม ซึ่งเกิดจากบทพิสูจน์ของจำนวนนักท่องเที่ยวที่มาเยือน และยอดจับจ่ายของฐานลูกค้านักช้อปสูงเป็นอันดับต้นของประเทศ ได้ร่วมมอบประสบการณ์การช้อปปิ้งและไลฟ์สไตล์เหนือระดับให้กับนักท่องเที่ยวชาวจีนและทั่วโลก นายสิทธิพงษ์ กิตติประภาพงศ์ ผู้จัดการทั่วไป ด้าน Global Merchant Partnership ประจำประเทศไทย บริษัท แอนท์กรุ๊ป (Ant Group) เจ้าของแพลตฟอร์มรับชำระเงินอาลีเพย์ : “เราเห็นสัญญาณที่ดีมากของการกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติในประเทศไทย ซึ่งยังคงเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางอันดับต้นๆ ของโลก เราทำงานร่วมกับพันธมิตรในประเทศ อย่างเช่น สยามพิวรรธน์ และ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ที่จะโปรโมทให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางที่ได้รับเลือก และเพิ่ม Visibility เพื่อให้ธุรกิจในประเทศเป็นที่รู้จักมากขึ้น สยามพิวรรธน์และแอนท์ กรุ๊ป มีพันธกิจร่วมกันที่จะเสริมสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับนักท่องเที่ยวในประเทศไทยผ่านการใช้นวัตกรรมดิจิทัล เราหวังว่าจะได้ร่วมกันต้อนรับนักท่องเที่ยวมากขึ้นในเดือนที่จะถึงนี้ เพื่อสร้างปรากฏการณ์ Amazing Thailand” Michael Liu, VP, global shopping business, ทริปดอทคอมกรุ๊ป (Trip.com Group) ผู้นำการให้บริการด้านการจองการท่องเที่ยวออนไลน์ระดับโลก: “Trip.com มีความพร้อมที่จะสนับสนุนการสร้าง Ecosystem ของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยให้กลับมาพลิกฟื้นและเติบโตอีกครั้ง ผ่านการทำงานร่วมกับพันธมิตรที่แข็งแกร่งอย่างกลุ่มสยามพิวรรธน์ เพื่อเติมเต็มประสบการณ์ให้กับนักท่องเที่ยวชาวจีนและ นักเดินทางจากทั่วโลก” Klook แพลตฟอร์มในการจองกิจกรรมและประสบการณ์การท่องเที่ยว กล่าวว่า ความร่วมมือกับสยามพิวรรธน์เป็นการสร้างปรากฏการณ์ Global Ecosystem ที่เชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มออนไลน์ Klook ซึ่งรวบรวมกิจกรรมและบริการการท่องเที่ยวที่มีคุณภาพมาไว้ในที่เดียว เพื่อมอบประสบการณ์และบริการที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า และเชื่อมั่นว่าการผนึกกำลังครั้งนี้จะช่วยส่งเสริมภาคการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของไทยโดยรวม เชื่อมประสบการณ์และสิทธิประโยชน์สู่ ONESIAM SuperApp กลไกสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจ นายปานเทพย์ นิลสินธพ ประธานบริหารสายงานประสบการณ์ลูกค้า บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด กล่าวว่า ONESIAM SuperApp เป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างการเติบโตของกลุ่มอย่างก้าวกระโดด เป็น gateway สู่ศูนย์การค้าในเครือของเราทั้งหมดที่ช่วยยกระดับการสร้างประสบการณ์และบริการลูกค้า และสนับสนุนส่งเสริมธุรกิจของร้านค้าและพันธมิตรจากหลายอุตสาหกรรมที่ร่วมใน Global Ecosystem และยังเป็นแอปพลิเคชั่นของศูนย์การค้าแห่งเดียวที่มีสกุลเงินดิจิทัล หรือ VIZ Coins สำหรับการจับจ่ายใช้สอยใน 6 ศูนย์การค้าในเครือของสยามพิวรรธน์ รวมถึงร้านค้าและพันธมิตรที่ร่วมรายการ ONESIAM SuperApp มีจุดเด่นดังนี้ นับตั้งแต่เปิดตัวในปลายปี 2564 ONESIAM SuperApp ประสบความสำเร็จในการสร้างฐานลูกค้าให้เติบโตต่อเนื่อง จากการตอบรับแคมเปญการตลาดแบบเอ็กซ์คลูซีฟ ที่สร้างสรรค์และโดนใจลูกค้า ทำให้มีสมาชิกมากกว่า 1.7 ล้านราย จำนวนลูกค้าเพิ่มขึ้นมากกว่า 1 ล้านคน เติบโต 102% เทียบกับช่วงก่อนเปิดตัวในปลายปี 2564 ขณะที่จำนวน Active member เพิ่มขึ้นถึงเกือบ 2 เท่า และมียอดการใช้จ่ายเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวราว 60,000 บาทต่อคน ทำให้ยอดการใช้จ่ายต่อครั้ง (per transaction) มีค่าเฉลี่ยสูงถึง 15,000 บาทต่อครั้ง ซึ่งสูงกว่ามาตรฐานการจับจ่ายในศูนย์การค้าโดยเฉลี่ย ในปี 2567 ที่จะมาถึงนี้ ONESIAM SuperApp จะมอบบริการและสิทธิพิเศษที่เหนือระดับไปอีกขั้น พร้อมขยาย VIZ Coin ให้ออกไปไกลกว่าธุรกิจรีเทล เชื่อมโยงประสบการณ์ช้อปปิ้งทั้งโลกจริงและโลกดิจิทัลแบบไร้รอยต่อ | สยามพิวรรธน์ได้ใช้กลยุทธ์ Collaborate to Win เป็นหัวใจสำคัญในการดำเนินธุรกิจ ผนึกพันธมิตรและคู่ค้าระดับผู้นำธุรกิจทั้งในประเทศและนานาประเทศทั่วโลก เพื่อสร้างระบบนิเวศแห่งความสำเร็จร่วมกันและเพิ่มศักยภาพทางธุรกิจอย่างไร้ขีดจำกัด
โดยสยามพิวรรธน์เป็นคนแรกที่ริเริ่มในการจับมือพันธมิตรทางธุรกิจที่แข็งแกร่งในระดับโลกเพื่อมอบประสบการณ์เหนือระดับและสร้างความประทับใจให้แก่ลูกค้าทั้งชาวไทยและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เข้ามาเยี่ยมเยือนอย่างต่อเนื่อง จนทำให้ศูนย์การค้าในเครือของสยามพิวรรธน์ อาทิ สยามพารากอน ได้รับรางวัลแบรนด์ยอดนิยมในหมวด Tourist Attraction Mall จากการมอบรางวัล “Marketeer No.1 Brand Thailand 2023” และ รางวัล “Best Luxury Lifestyle Mall” ศูนย์การค้าที่รวบรวมแบรนด์ระดับ Luxury ที่ครบครันมากที่สุดในประเทศไทย ตอกย้ำการเป็นศูนย์การค้าระดับพรีเมี่ยมที่โดดเด่นที่สุด เป็นที่หนึ่งในใจของลูกค้าทั้งชาวไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ และเป็นผู้นำที่ครองฐานกลุ่มลูกค้ากำลังซื้อสูงมากที่สุดในประเทศไทย | null | Closed QA | cc-by-nc-4.0 |
Retail_51165 | Retail | เซ็นทรัล รีเทล เปิดบริการใหม่ในมหกรรม 11.11 อะไรบ้างในช่วงวันที่ 7 – 11 พฤศจิกายน 2562 | null | มหกรรม 11.11 ของเซ็นทรัล รีเทลเป็นแคมเปญที่จัดขึ้นมาเพื่อให้ลูกค้าสามารถซื้อสินค้าทั้งหน้าร้านและออนไลน์ของเซ็นทรัล รีเทล และ กลุ่มเซ็นทรัล ตั้งแต่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล โรบินสัน ซูเปอร์สปอร์ต เพาเวอร์บาย ออฟฟิศเมท บีทูเอส ซีเอ็มจี ไทวัสดุ บ้านแอนด์บียอนด์ ท็อปส์ เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ แฟมิลี่มาร์ท และมัทสึโมโตะ คิโยชิ โดยสามารถรับสินค้าที่ร้านใน 1 ชั่วโมง และ บริการส่งสินค้าด่วน (Express Delivery) ดังนี้
1. บริการรับสินค้าที่ร้านใน 1 ชั่วโมง (1-hour pick up) จากเพาเวอร์บาย
ลูกค้าสามารถเลือกสินค้าออนไลน์และรับสินค้าด้วยตัวเองได้ที่ร้านเพาเวอร์บายสาขาที่สะดวกทั่วประเทศภายใน 1 ชั่วโมงหลังจองสินค้า
2. บริการส่งสินค้าด่วน (Express Delivery) จากเซ็นทรัล แชท แอนด์ ช้อป (Chat & Shop) และท็อปส์
ลูกค้าในกรุงเทพฯ สามารถรอรับสินค้าที่สั่งซื้อสินค้าด่วนจากท็อปส์ ให้มาส่งถึงที่ได้ภายใน 2 ชั่วโมงผ่านบริการของแกร็บ (Grab) พันธมิตรด้านการขนส่งของเซ็นทรัล โดยไม่ต้องรอข้ามวัน ส่วนบริการส่งสินค้าด่วนจาก เซ็นทรัล แชท แอนด์ ช้อป ลูกค้าสามารถพูดคุยกับผู้ช่วยส่วนตัวที่คอยให้บริการในการเลือกซื้อสินค้า รวมทั้งให้คำแนะนำสินค้าที่เหมาะกับความต้องการเฉพาะของลูกค้าแต่ละราย ให้ส่งสินค้านั้นถึงมือลูกค้าภายในเวลา 99 นาที สำหรับพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล | null | Open QA | cc-by-nc-4.0 |
Retail_51173 | Retail | การเปิดตัวของห้างโก | null |
กลุ่มเซ็นทรัล เวียดนาม เปิดตัวศูนย์การค้าแห่งใหม่ “โก!” (GO!) ณ เมือง หมีถ่อ (My Tho), จังหวัดเตี่ยนซาง (Tian Giang) เติมเต็มครบทุกความต้องการของลูกค้า โดยรวบรวม ร้านอาหาร สินค้าอุปโภคและบริโภค เครื่องแต่งกาย เครื่องใช้ภายในบ้าน รวมถึงบริการเพื่อความบันเทิง มาไว้ในที่เดียว ยกระดับมาตรฐานความเป็นอยู่ของคนใน เตี่ยนซาง และจังหวัดโดยรอบ เป็นศูนย์การค้าเชิงพาณิชย์ที่ใหญ่ที่สุดในบริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง ด้วยแนวคิดใหม่และการลงทุนของกลุ่มเซ็นทรัล เวียดนาม จะช่วยเพิ่มเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเพิ่มขึ้น สร้างอาชีพและสร้างรายได้ให้แก่คนในพื้นที่กว่า 1,000 คน ทำให้เกิดการพัฒนาศักยภาพแรงงานและยกระดับคุณภาพการค้าและการให้บริการ ยกระดับเมืองหมีถ่อให้เป็นเมืองที่ห้ามพลาด (First Tier) ในจังหวัดเตี่ยนซาง ศูนย์การค้า โก! หมีถ่อ (GO! My Tho) มอบประสบการณ์การใช้ชีวิตสุดพิเศษ “Eat-Shop-Play” กิน ช้อป เที่ยว ครบจบในที่เดียว โดยมีทั้งหมด 3 ชั้น สามารถจอดรถจักรยานยนต์ได้ 1,500 คัน และรถยนต์อีก 150 คัน โดยไม่เสียค่าบริการ มีพื้นที่โดยรวมกว่า 18,742 ตร.ม. ภายในโดดเด่นด้วยดีไซน์ทันสมัยและเรียบหรู ติดตั้งกระจกรอบทิศที่สามารถนำแสงธรรมชาติเข้ามาใช้ภายในอาคาร เพดานสูงถูกแต่งแต้มด้วยลวดลายรูปทรงเรือ สื่อถึงการเดินทางในลุ่มแม่น้ำโขงได้เป็นอย่างดี บรรยากาศภายในจะช่วยให้ลูกค้ารู้สึกผ่อนคลายและเป็นอิสระ เหมาะสำหรับครอบครัวที่ต้องการเข้ามาใช้เวลาพักผ่อนหย่อนใจร่วมกัน | null | Creative writing | cc-by-nc-4.0 |
Retail_51182 | Retail | เขียนย่อหน้าเกี่ยวกับ บริษัทแบบดั้งเดิมที่เข้าซื้อสตาร์ทอัพดิจิทัล | null | สำหรับบริษัทแบบดั้งเดิมที่เข้าซื้อสตาร์ทอัพดิจิทัล ตามเทรนด์ "ซื้อสิ่งที่คุณไม่มี" ได้แก่ Walmart ใช้เงินสดเพื่อซื้อ Bonobos 310 ล้านเหรียญ, Sodexo ซื้อหุ้นร้านอาหารออนไลน์จาก FoodCheri, Home Depot ซื้อธุรกิจออนไลน์ของ The Company Store, FTD ซื้อธุรกิจสตาร์ทอัพขายดอกไม้แบบ On-Demand อย่าง BloomThat, Target ซื้อสตาร์ทอัพจัดส่งสินค้าภายในวันเดียวอย่าง Shipt, Luxico ซื้อแพลตฟอร์มสื่อสารสำหรับโรงแรมในสหรัฐอเมริกา Hello Scout, Albertsons ซื้อบริษัทอุปกรณ์สำหรับมื้ออาหาร Plated และ McKesson Canada ซื้อมาร์เก็ตเพลสสินค้าสุขภาพและความงาม ca
บทเรียนจากย่อหน้านี้
เทรนด์ที่ว่า “ซื้อสิ่งที่ไม่มี” ได้กลายมาเป็นเทรนด์ที่แพร่หลายไปทั่ววงการเมื่อบริษัทแบบดั้งเดิมเข้าซื้อสตาร์ทอัพดิจิทัลมากขึ้น โดยในเพียงระยะเวลา 8 เดือน:
- Walmart [ธุรกิจค้าปลีก] ใช้เงินสดเข้าซื้อ Bonobos เป็นราคา 310 ล้านเหรียญ (9.7 พันล้านบาท) และสตาร์ทอัพส่งของถึงผู้บริโภค (Last mile delivery)
- Sodexo [ธุรกิจจัดการอาหาร] ซื้อหุ้นของร้านอาหารออนไลน์จากปารีส และสตาร์ทอัพส่งอาหาร FoodCheri
- Home Depot [บริษัทค้าปลีก] ซื้อธุรกิจออนไลน์ของร้านขายอุปกรณ์แต่งบ้าน The Company Store
- FTD [ธุรกิจจัดส่งดอกไม้รายใหญ่] ซื้อธุรกิจสตาร์ทอัพขายดอกไม้แบบ On-Demand ชื่อ BloomThat
- Target [ธุรกิจค้าปลีก] ซื้อสตาร์ทอัพจัดส่งสินค้าภายในวันเดีย (Same-day delivery) ชื่อ Shipt
- Luxico [ธุรกิจให้เช่าคฤหาสน์] ซื้อแพลตฟอร์มสื่อสารสำหรับโรงแรมในประเทศสหรัฐอเมริกา Hello Scout
- Albertsons [ธุรกิจค้าปลีกของสด] ซื้อบริษัทเกี่ยวกับอุปกรณ์สำหรับมื้ออาหาร Plated
- McKesson Canada [ธุรกิจเกี่ยวกับสุขภาพ] ซื้อมาร์เก็ตเพลสสำหรับสินค้าสุขภาพและความงาม ca
“การเข้าซื้อกิจการแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นจากการแค่แขวนป้ายขายกิจการหน้าประตู” นายคริส อาร์สโนลท์ หนึ่งในสมาชิกผู้บริหารของ Well.ca
แน่นอนว่าเงินจำนวนมหาศาลที่ใช้ซื้อกิจการอาจนำมาพัฒนาประสบการณ์ให้แก่ลูกค้าในร้านค้าได้ แต่ใช้เวลานานกว่าจะเห็นผลลัพธ์
ในขณะที่ยอดขายออนไลน์ของ Target จากไตรมาสแรกในปี 2558 ถึงไตรมาส 3 ในปี 2560 แสดงให้เห็นว่าบริษัทสามารถพัฒนาธุรกิจอีคอมเมิร์ซของตนได้สำเร็จแล้ว | null | Creative writing | cc-by-nc-4.0 |
Retail_51202 | Retail | ทำไมต้องฝากร้านฟรีกับเว็บไซต์ FoodDelivery4U ของสโตร์ฮับ | FoodDelivery4U: เว็บฝากร้านอาหารฟรี ไม่มีเงื่อนไข หลังจากที่เจอผลกระทบ COVID-19 กันไปแบบเต็ม ๆ ร้านอาหาร ร้านเครื่องดื่ม รวมถึงคาเฟ่ ต้องปรับตัวและหันมาให้ความสำคัญกับการขายออนไลน์มากยิ่งขึ้น อย่างหลายร้านที่ไม่เคยมีบริการ Food Delivery ให้ลูกค้าสั่งอาหารออนไลน์ หรือแต่ก่อนมีแค่รับออร์เดอร์ผ่าน LINE, Facebook และ IG ตอนนี้ก็เพิ่มช่องทางเดลิเวอรี่และช่องทางรับออร์เดอร์ให้มากขึ้น ซึ่งที่สโตร์ฮับของเราเองก็มีฟีเจอร์ Beep Delivery ให้ร้านอาหารส่งเมนูอร่อย เดลิเวอรี่ถึงหน้าบ้านลูกค้าด้วยค่าธรรมเนียมที่ไม่แพง (*กรุงเทพฯและเขตปริมณฑลบางส่วนเท่านั้น)
แต่เท่านั้นยังไม่พอ เพราะเรายังมี FoodDelivery4U.com เว็บไซต์ฝากร้านฟรีสำหรับผู้ประกอบการธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่มด้วย ซึ่งไม่ว่าร้านคุณจะอยู่ที่ไหนในไทย ก็สามารถฝากร้านกับเราได้แบบฟรี ๆ ไม่มีเงื่อนไข หลังจากที่เจอผลกระทบ COVID-19 กันไปแบบเต็ม ๆ ร้านอาหาร ร้านเครื่องดื่ม รวมถึงคาเฟ่ ต้องปรับตัวและหันมาให้ความสำคัญกับการขายออนไลน์มากยิ่งขึ้น อย่างหลายร้านที่ไม่เคยมีบริการ Food Delivery ให้ลูกค้าสั่งอาหารออนไลน์ หรือแต่ก่อนมีแค่รับออร์เดอร์ผ่าน LINE, Facebook และ IG ตอนนี้ก็เพิ่มช่องทางเดลิเวอรี่และช่องทางรับออร์เดอร์ให้มากขึ้น ซึ่งที่สโตร์ฮับของเราเองก็มีฟีเจอร์ Beep Delivery ให้ร้านอาหารส่งเมนูอร่อย เดลิเวอรี่ถึงหน้าบ้านลูกค้าด้วยค่าธรรมเนียมที่ไม่แพง (*กรุงเทพฯและเขตปริมณฑลบางส่วนเท่านั้น) แต่เท่านั้นยังไม่พอ เพราะเรายังมี FoodDelivery4U.com เว็บไซต์ฝากร้านฟรีสำหรับผู้ประกอบการธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่มด้วย ซึ่งไม่ว่าร้านคุณจะอยู่ที่ไหนในไทย ก็สามารถ ร้านอาหารประเภทไหนฝากร้านฟรีกับ FoodDelivery4U.com ได้บ้าง ? FoodDelivery4U.com คือ แพลตฟอร์มที่ให้ร้านอาหารจากทั่วทุกมุมของไทยได้ฝากร้านกันแบบฟรี ๆ ซึ่งไม่ว่าคุณจะมีหน้าร้าน ทำขายที่บ้าน (Home-based) มีหน้าร้านออนไลน์ หรือบริการ Food Delivery ก็ฝากได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย และไม่มีเงื่อนไขใด ๆ ร้านเล็ก-ร้านใหญ่ได้หมด ขอแค่มีเพจร้าน ไอจีร้าน หรือเว็บไซต์ร้านเท่านั้น FoodDelivery4U.com คือ แพลตฟอร์มที่ให้ร้านอาหารจากทั่วทุกมุมของไทยได้ฝากร้านกันแบบฟรี ๆ ซึ่งไม่ว่าคุณจะมีหน้าร้าน ทำขายที่บ้าน (Home-based) มีหน้าร้านออนไลน์ หรือบริการ Food Delivery ก็ฝากได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย และไม่มีเงื่อนไขใด ๆ ร้านเล็ก-ร้านใหญ่ได้หมด ตัวอย่างร้าน: ร้านอาหาร คาเฟ่ ร้านเค้ก/เบเกอรี่ ร้านกาแฟ ร้านชาไข่มุก ร้านก๋วยเตี๋ยว ร้านชาบู/หมูกระทะ ฯลฯ ส่วนขั้นตอนการฝากก็ง่ายมาก ๆ แค่คลิกไปกรอกแบบฟอร์มด้านล่างนี้และใส่ข้อมูลให้ครบ แล้วเราจะจัดการทุกอย่างให้คุณเอง ! จากนั้นร้านของคุณก็จะแสดงบน FoodDelivery4U.com ภายใน 48 ชั่วโมง ส่วนขั้นตอนการฝากก็ง่ายมาก ๆ แค่คลิกไปกรอกแบบฟอร์มด้านล่างนี้และใส่ข้อมูลให้ครบ แล้วเราจะจัดการทุกอย่างให้คุณเอง ! จากนั้นร้านของคุณก็จะแสดงบน FoodDelivery4U.com ภายใน 48 ชั่วโมง ทำไมต้องฝากร้านฟรีกับ FoodDelivery4U.com ของสโตร์ฮับ ? หากคุณมีคำถามที่ว่าทำไมต้องฝากร้านกับ FoodDelivery4U.com ของสโตร์ฮับ นี่คือเหตุผล หากคุณมีคำถามที่ว่าทำไมต้องฝากร้านกับ FoodDelivery4U.com ของสโตร์ฮับ นี่คือเหตุผล ! ทางร้านไม่ต้องจ่ายค่าฝากร้านหรือค่าธรรมเนียมใด ๆ ให้กับเรา ในปัจจุบันลูกค้ามักจะค้นหาร้านบนโลกออนไลน์ ยิ่งร้านคุณมีตัวตนในโลกออนไลน์มากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งเพิ่มโอกาสในการขายมากเท่านั้น และที่สำคัญ ขอย้ำอีกทีว่า ฟรี ! เนื่องจากเราสังเกตเห็นว่าธุรกิจ SMEs ต่างก็ต้องเจอขาลงของเศรษฐกิจเพราะพิษ COVID-19 เราจึงอยากเป็นอีกหนึ่งกระบอกเสียงช่วยร้านอาหารสร้างตัวตนบนโลกออนไลน์ในยุค New Normal ให้เจ้าของร้านอาหารและเครื่องดื่มมีพื้นที่ฝากร้านแบบไม่มีค่าใช้จ่าย โดยหลังจากที่เราเปิดตัว ฟีเจอร์ Food Delivery ด้วยค่าบริการเพียง 2% แล้วเราอยากช่วยเหลือผู้ประกอบการให้ก้าวข้ามความท้าทายในยุค New Normal และก้าวไปข้างหน้าด้วยกันโดยให้ฝากร้านฟรีที่ FoodDelivery4U.com สุดท้ายนี้ แค่คุณเจ้าของร้านอาหารทำเพจร้านให้สวย สร้างไอจีร้านให้โดดเด่น และรู้จักวิธีโปรโมทร้านออนไลน์แบบฟรี ๆ (ทั้งฝากร้านฟรีบนแพลตฟอร์มอื่นและโพสต์บน Social Media ให้เป็น) โอกาสในการขายก็จะตามมาแล้ว ดังนั้นขอเชิญทุกคนมาฝากร้านบน FoodDelivery4U.com กันเยอะ ๆ เพื่อสร้างตัวตนบนโลกออนไลน์ให้ร้านของคุณเป็นที่รู้จักกันมากยิ่งขึ้น ให้ FoodDelivery4U.com ของสโตร์ฮับเป็นอีกหนึ่งแพลตฟอร์มของร้านอาหารและร้านเครื่องดื่มของคุณ สุดท้ายนี้ แค่คุณเจ้าของร้านอาหารทำเพจร้านให้สวย สร้างไอจีร้านให้โดดเด่น และรู้จัก วิธีโปรโมทร้านออนไลน์ แบบฟรี ๆ (ทั้งฝากร้านฟรีบนแพลตฟอร์มอื่นและโพสต์บน Social Media ให้เป็น) โอกาสในการขายก็จะตามมาแล้ว ดังนั้นขอเชิญทุกคนมาฝากร้านบน FoodDelivery4U.com กันเยอะ ๆ เพื่อสร้างตัวตนบนโลกออนไลน์ให้ร้านของคุณเป็นที่รู้จักกันมากยิ่งขึ้น ให้ FoodDelivery4U.com ของสโตร์ฮับเป็นอีกหนึ่งแพลตฟอร์มของร้านอาหารและร้านเครื่องดื่มของคุณ แค่กรอกแบบฟอร์มนี้ แล้วเราก็จะจัดการทุกอย่างให้คุณเอง #FoodDelivery4U #ฝากร้านฟรีไม่มีเงื่อนไข #อยู่ที่ไหนก็ฝากร้านได้ #ก้าวไปข้างหน้าด้วยกัน แค่กรอกแบบฟอร์มนี้ แล้วเราก็จะจัดการทุกอย่างให้คุณเอง #FoodDelivery4U #ฝากร้านฟรีไม่มีเงื่อนไข #อยู่ที่ไหนก็ฝากร้านได้ #ก้าวไปข้างหน้าด้วยกัน หรือหากต้องการเปิดใช้งานฟีเจอร์ Food Delivery ที่ร้านอาหารและร้านเครื่องดื่มของคุณ ด้วยค่าบริการที่เป็นกันเองกับสโตร์ฮับ ก็สามารถกรอกแบบฟอร์มนี้ได้เลย แล้วทีมงานของเราจะรีบติดต่อกลับไปให้เร็วที่สุด หรือหากต้องการเปิดใช้งานฟีเจอร์ Food Delivery ที่ร้านอาหารและร้านเครื่องดื่มของคุณ ด้วยค่าบริการที่เป็นกันเองกับสโตร์ฮับ ก็สามารถกรอกแบบฟอร์มนี้ได้เลย แล้วทีมงานของเราจะรีบติดต่อกลับไปให้เร็วที่สุด ทั้งนี้หากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่: ทั้งนี้หากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่: ทักแชทข้อความเพจ: m.me/StoreHubTH เว็บไซต์: www.storehub.com โทรศัพท์: 02-171-2404 | เหตุผลที่ต้องฝากร้านฟรีกับเว็บไซต์ FoodDelivery4U ของสโตร์ฮับ ได้แก่
- อันดับแรก เพราะ ฟรี ฟรี แล้วก็ฟรี ทางร้านไม่ต้องจ่ายค่าฝากร้านหรือค่าธรรมเนียมใด ๆ
- เพิ่มโอกาสในการขายมากขึ้น ในปัจจุบันลูกค้ามักจะค้นหาร้านบนโลกออนไลน์ ยิ่งร้านมีตัวตนในโลกออนไลน์มากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งเพิ่มโอกาสในการขายมากเท่านั้น
- แยกเขตชัดเจน ให้ลูกค้าหาร้านเจอง่ายขึ้น โดยแยกร้านอาหารตามเขตหรือพื้นที่ของร้าน ดังนั้นลูกค้าที่เข้ามาที่เว็บไซต์ สามารถค้นหาร้านอาหารได้ตามเขตที่อยู่ หรือจะค้นหาได้จาก Search Bar โดยตรงก็ได้
- ทางสโตร์ฮับตั้งใจช่วยเหลือผู้ประกอบการธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่มอย่างแท้จริง เนื่องจากสังเกตเห็นว่าธุรกิจ SMEs ต่างก็ต้องเจอขาลงของเศรษฐกิจเพราะพิษ COVID-19 จึงอยากเป็นอีกหนึ่งกระบอกเสียงช่วยร้านอาหารสร้างตัวตนบนโลกออนไลน์ในยุค New Normal ให้เจ้าของร้านอาหารและเครื่องดื่มมีพื้นที่ฝากร้านแบบไม่มีค่าใช้จ่าย โดยหลังจากที่เปิดตัว Beep Delivery ฟีเจอร์ Food Delivery ด้วยค่าบริการเพียง 2% แล้ว อยากช่วยเหลือผู้ประกอบการให้ก้าวข้ามความท้าทายในยุค New Normal และก้าวไปข้างหน้าด้วยกันโดยให้ฝากร้านฟรีที่เว็บไซต์ FoodDelivery4U | null | Closed QA | cc-by-nc-4.0 |
Retail_51213 | Retail | ลูกค้ากลุ่ม Gen Y คืออะไร | A. ลูกค้าที่เกิดในช่วงปี พ.ศ. 2523-2540
B. ลูกค้าที่เกิดในช่วงปี พ.ศ. 2508-2522
C. ลูกค้าที่เกิดหลังปี พ.ศ. 2540 เป็นต้นไป
D. ลูกค้าที่เกิดในช่วงปี พ.ศ. 2489-2507 | คำตอบที่ถูกต้องคือ A. เพราะว่า ลูกค้ากลุ่ม Gen Y เป็นลูกค้าที่เกิดในช่วงปี พ.ศ. 2523-2540 อายุ 22 ปีขึ้นไป เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ชาวมิลเลนเนียล (Millennials) เป็นกลุ่มที่โตมากับเทคโนโลยีหรือยุคดิจิตอล มีเทคโนโลยีพกพา เปิดรับวัฒนธรรม รักความสบาย มีแนวคิดเป็นของตนเอง ชอบไอที มีความคิดสร้างสรรค์ในการทำสิ่งใหม่ ๆ และทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ
คำว่า “Gen”หรือ “เจน” ย่อมาจาก Generation หรือ เจเนอเรชัน มักออกเสียงกันว่า “เจเนอเรชั่น” หมายถึง ยุค, รุ่น, รุ่นอายุ หรือ คนรุ่นราวคราวเดียวกัน และในปัจจุบันได้มีการแบ่งกลุ่มลูกค้าออกเป็น 4 เจเนอเรชั่น ดังนี้ :-
1. ลูกค้ากลุ่ม Gen B
ลูกค้ากลุ่มนี้เป็นรุ่นที่เกิดในช่วงปี พ.ศ. 2489-2507 เป็นยุคที่สงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง มีอายุ 55 ปีขึ้นไป เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า Baby Boomers มักมีนิสัยจริงจัง ทุ่มเทให้กับการทำงาน และถูกจัดเป็นกลุ่มอนุรักษนิยม
2. ลูกค้ากลุ่ม Gen X
กลุ่มนี้จะเกิดในช่วงปี พ.ศ. 2508-2522 อายุ 40 ปีขึ้นไป เป็นกลุ่มคนที่เกิดยุคมั่งคั่ง จึงมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า Yuppie หรือ Young Urban Professionals เติบโตมาพร้อมกับคอมพิวเตอร์ การพัฒนาวิดีโอเกม และเพลงฮิปฮอป มักใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย ชอบอะไรง่าย ๆ ไม่เป็นทางการ และมีความคิดเปิดกว้าง
3. ลูกค้ากลุ่ม Gen Y
ลูกค้ากลุ่มนี้เกิดในช่วงปี พ.ศ. 2523-2540 อายุ 22 ปีขึ้นไป เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ชาวมิลเลนเนียล (Millennials) เป็นกลุ่มที่โตมากับเทคโนโลยีหรือยุคดิจิตอล มีเทคโนโลยีพกพา เปิดรับวัฒนธรรม รักความสบาย มีแนวคิดเป็นของตนเอง ชอบไอที มีความคิดสร้างสรรค์ในการทำสิ่งใหม่ ๆ และทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ
4. ลูกค้ากลุ่ม Gen Z
กลุ่มนี้เกิดหลังปี พ.ศ. 2540 เป็นต้นไป ถ้าจะเรียกง่าย ๆ ก็คือกลุ่มที่เป็นลูกหลานของกลุ่ม Gen X กับ Gen Y นั่นเอง ถือว่าเป็นเด็กรุ่นใหม่ที่เกิดมาพร้อมความสะดวกสบาย มีความคิดที่เปิดกว้าง ไม่แย่งแยก เรียนรู้จากสื่อออนไลน์และใช้ชีวิตในสังคมแบบดิจิตอล ที่สำคัญเด็กรุ่นนี้มีสมาร์ทโฟนเป็นอวัยวะของพวกเขา จึงรับข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว แล้วกลุ่มนี้ก็ติดมือถือและโลกออนไลน์มากเช่นกัน | null | Multiple choice | cc-by-nc-4.0 |
Retail_51224 | Retail | เพราะเหตุใด การสนทนาแบบเรียลไทม์ (Real-time Conversation) เป็น 1 ใน 5 เทรนด์ Ecommerce ที่น่าจับตามองในปี 2020 | ดังนั้นมาดู 5 เทรนด์ Ecommerce ที่น่าจับตามองในปี 2020 นี้ดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง
1. การช้อปปิ้งผ่าน Social Media
ภาพจาก Uniqlo Thailand และ Innisfree Thailand
ก่อนหน้านี้หากลูกค้าจะซื้อของออนไลน์ ก็ต้องลงทะเบียนเป็นสมาชิกและล็อกอินเข้าใช้งานเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ หรือร้านค้าออนไลน์ก่อนถึงจะช้อปได้ แต่ตอนนี้ทุกอย่างได้เปลี่ยนไปแล้ว เพราะลูกค้าสามารถซื้อสินค้าโปรดของพวกเขาได้ง่ายและเร็วกว่าที่คิด นั่นก็คือการช้อปผ่านโซเชียลมีเดีย อย่าง Facebook, Instagram และ LINE
ด้วยความสะดวกนี้เองที่ทำให้การช้อปปิ้งผ่าน Social Media ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งจากการศึกษาของ Avionos ก็พบว่ามากกว่าครึ่ง (55%) ของนักช้อปออนไลน์ซื้อของผ่านโซเชียลมีเดีย ได้แก่ Facebook, Instagram, LINE และ Pinterest โดยแต่ละแพลตฟอร์มมีฟีเจอร์ซื้อ–ขาย ดังนี้ :-
Facebook – Marketplace
Instagram – Shoppable Photo Tag
LINE – LINE Shopping
Pinterest – Shopping (ฟีเจอร์นี้ยังไม่สามารถใช้งานในประเทศไทยได้ ต้องติดตามกันต่อไป)
ดังนั้นลองดูสิว่ามีช่องทางโซเชียลมีเดียไหนที่น่าจะสร้างโอกาสทางการขายให้กับร้านคุณได้บ้าง เพราะถึงเวลาแล้วที่คุณจะต้องก้าวให้ทันเทรนด์ Ecommerce ในด้านของการช้อปปิ้งผ่าน Social Media นี้
2. การสนทนาแบบเรียลไทม์ (Real-time Conversation)
ภาพจาก Unsplash
จากการศึกษาของ SuperOffice พบว่า ลูกค้ากว่า 41% คาดหวังว่าเว็บไซต์ที่พวกเขาซื้อสินค้าหรือใช้บริการจะมีไลฟ์แชท (Live Chat) ให้พูดคุยกันแบบสด ๆ กับทางร้าน ดังนั้นเทรนด์ Ecommerce 2020 ที่ผู้ประกอบการไม่ควรมองข้ามก็คือ การโต้ตอบกับลูกค้าแบบเรียลไทม์หรือทันทีทันใดเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า
นั่นก็เพราะว่าการพูดคุยสนทนาแบบเรียลไทม์สามารถช่วยคลายข้อสงสัยและช่วยให้ลูกค้าได้คำตอบที่ต้องการได้เร็วขึ้น จึงช่วยลดความลังเลและเพิ่มอัตราการซื้อ–ขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อย่างไรก็ตาม การที่เราจะพูดคุยโต้ตอบกับลูกค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมงนั้นเป็นเรื่องยาก หลายธุรกิจร้านค้าจึงหันมาเลือกใช้แชทบอท (Chatbot) บนเว็บขายของออนไลน์เพื่อโต้ตอบกับลูกค้าได้อัตโนมัติและรวดเร็ว ลูกค้าจึงไม่ต้องรอคำตอบนาน เรียกว่าได้ความสบายใจทั้งคนขายและคนซื้อเลยล่ะ
ทั้งนี้ยังมีร้านค้าและกิจการกว่า 80% เผยว่าพวกเขาวางแผนที่จะใช้ Chatbot ในการพูดคุยกับลูกค้าในปี 2020 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นทำไมไม่ลองใช้ Chatbot กับ Facebook, LINE และช่องทางอื่น ๆ ของร้านดูล่ะ แล้วเทรนด์ Ecommerce แบบเรียลไทม์นี้จะช่วยให้คุณบริการลูกค้าได้ดีขึ้นแน่นอน
3. การเปิดประสบการณ์ช้อปปิ้งด้วยเทคโนโลยี AR และ VR
AR (Augmented Reality) คือ เทคโนโลยีภาพเสมือนรูปแบบ 3 มิติ จำลองเข้าสู่โลกจริงผ่านกล้องและการประมวลผลที่จะนำวัตถุมาทับซ้อนเข้าเป็นภาพเดียวกัน ซึ่งเราสามารถมองผ่านกล้องมือถือหรืออุปกรณ์สมาร์ทดีไวซ์ (Smart Device) ได้โดยตรง
VR (Virtual Reality) คือ การจำลองสภาพแวดล้อมจริง ๆ เข้าไปเพื่อให้ฉากหรือสิ่งที่เรามองเห็นเสมือนจริงมากยิ่งขึ้น โดยเราจะสามารถรับรู้หรือสัมผัสโลกแห่งความเสมือนจริงนี้ได้ผ่านแว่น VR คือรับรู้จากการมองเห็น เสียง สัมผัส และกลิ่น และเมื่อใส่แว่น VR เราก็จะตัดขาดจากสภาพแวดล้อมปัจจุบันไปสู่โลกจำลองอย่างสิ้นเชิง
แล้วเทคโนโลยี AR กับ VR นี้ดียังไงกับอีคอมเมิร์ซล่ะ ?
คำตอบก็คือ ทั้ง AR และ VR จะตัดปัญหาที่ว่าลูกค้าไม่สามารถสัมผัสหรือมองเห็นสินค้าจริงไปอย่างสิ้นเชิง ซึ่งถ้าสังเกตจริง ๆ จะเห็นว่ายังมีลูกค้าหลายคนที่ชอบซื้อเสื้อผ้ากับเฟอร์นิเจอร์ที่ร้านมากกว่าหน้าเว็บ แต่ AR และ AR ได้เปลี่ยนพฤติกรรมการช้อปปิ้งแบบเก่า ๆ ไปโดยปริยาย เพราะช่วยให้ลูกค้าได้ลองเสื้อผ้าได้แบบไม่ต้องไปที่ร้านหรือถอดจริง ช่วยจำลองภาพคร่าว ๆ ในการจัดวางเฟอร์นิเจอร์ในสภาพแสงและห้องต่าง ๆ หรือแม้กระทั่งช่วยให้ลองลิปสติกได้ง่าย ๆ โดยไม่ต้องเช็ดออก เป็นต้น ดังนั้นการเปิดประสบการณ์การช้อปปิ้งด้วยเทคโนโลยี AR และ VR จึงเป็นเทรนด์ Ecommerce 2020 ที่มาแรงมาก ๆ เลยทีเดียว
4. การให้บริการลูกค้าเฉพาะบุคคล เป็นส่วนตัว และออกแบบเองได้
ภาพจาก Shopee
จริงอยู่ว่าการให้บริการลูกค้าแบบเป็นส่วนตัวนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ของโลกอีคอมเมิร์ซ เพราะลูกค้าต่างก็เห็นอีเมลข้อเสนอสุดพิเศษ ข้อความโปรโมชั่น และสินค้าแนะนำจากร้านที่พวกเขาช้อปด้วยบ่อย ๆ อยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม มีผลการสำรวจพบว่า 31% ของลูกค้าอยากได้สินค้าและบริการที่เป็นส่วนตัวมากขึ้นไปอีก ซึ่งนั่นก็เป็นเหตุผลที่ดีพอที่จะให้เจ้าของร้านค้าออนไลน์และเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซต่าง ๆ ปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานของลูกค้าให้ดียิ่งขึ้นไปอีกใช้ไหมล่ะ ?
ดังนั้นลองมาอินเทรนด์ Ecommerce ปี 2020 อันนี้ด้วยการมอบประสบการณ์แบบส่วนตัวเฉพาะบุคคลด้วยการขายหลากหลายช่อง (Omnichannel) มีเนื้อหาสำหรับกลุ่มลูกค้า และราคาสุดพิเศษสำหรับลูกค้าเฉพาะบุคคลกันดีกว่า
นอกจากนี้ผู้ประกอบการสามารถมอบทางเลือกการช้อปปิ้งออนไลน์ที่ดีกว่าและยกระดับการขายของออนไลน์ได้ด้วยการเปิดโอกาสให้ลูกค้าออกแบบสินค้าเองได้ตามใจชอบ (Customization) เพราะมีลูกค้าหลายคนที่อยากมีสินค้าที่สะท้อนถึงตัวตนของพวกเขาในปี 2020 จำไว้ว่าลูกค้าจะซื้อของที่มีเอกลักษณ์และมีความโดดเด่นเฉพาะตัวเท่านั้น
และการเปิดโอกาสให้ลูกค้าได้ดีไซน์สิ่งที่พวกเขาต้องการเอง ก็ยังช่วยให้ทางร้านรู้พฤติกรรมการช้อปปิ้งและความชอบของลูกค้ามากขึ้น โดยสามารถนำข้อมูลตรงนั้นไปพัฒนาสินค้าและบริการที่ตรงกับความต้องการของลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
5. การพัฒนาเพื่อรองรับคำสั่งเสียงสำหรับค้นหาสินค้า (Voice Search Optimization)
ภาพจาก Pixabay
49% ของผู้บริโภคใช้มือถือของพวกเขาซื้อของออนไลน์ แล้วก็มีขาช้อปหลายคนที่ขี้เกียจพิมพ์และเสิร์ชหาสินค้าที่พวกเขาต้องการ ในทางตรงกันข้าม พวกเขามักใช้คำสั่งเสียงในการค้นหาที่ว่าแทน ซึ่งก็มีหลายอุปกรณ์อย่าง Amazon Echo, Google Home หรือแม้กระทั่งบนหน้าหลักของ Google เองก็มีฟีเจอร์ค้นหาด้วยคำสั่งเสียงมาอำนวยความสะดวกผู้ใช้งานเช่นกัน
หรือสำหรับใครที่ใช้สมาร์ทโฟนก็คงจะคุ้นเคยดีกับ Siri ของทาง Apple กับ Voice Access ของฝั่ง Android เพราะคำสั่งเสียงเหล่านี้ช่วยให้ค้นหาสินค้าที่ต้องการได้เช่นกัน และที่น่าตื่นเต้นยิ่งกว่าก็คือ มีสถิติจาก SeedProd พบว่า 50% ของการค้นหาออนไลน์ทั้งหมด จะเป็นคำสั่งเสียงในปี 2020
เพราะฉะนั้นหนึ่งในเทรนด์ Ecommerceในปี 2020 จะเป็นเรื่องของการพัฒนาฟีเจอร์เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซให้รองรับคำสั่งเสียง ซึ่งสามารถเริ่มปรับปรุงแก้ไขเนื้อหาเว็บและหน้าสินค้าต่าง ๆ ด้วย Long-tail Keyword ที่มีความเจาะจงสูง มีคนค้นหาน้อยกว่า แต่เป็นประโยชน์ต่อ SEO และ PPC (Pay Per Click) เป็นอย่างมาก | จากการศึกษาของ SuperOffice พบว่า ลูกค้ากว่า 41% คาดหวังว่าเว็บไซต์ที่พวกเขาซื้อสินค้าหรือใช้บริการจะมีไลฟ์แชท (Live Chat) ให้พูดคุยกันแบบสด ๆ กับทางร้าน ดังนั้นเทรนด์ Ecommerce 2020 ที่ผู้ประกอบการไม่ควรมองข้ามก็คือ การโต้ตอบกับลูกค้าแบบเรียลไทม์หรือทันทีทันใดเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า
นั่นก็เพราะว่าการพูดคุยสนทนาแบบเรียลไทม์สามารถช่วยคลายข้อสงสัยและช่วยให้ลูกค้าได้คำตอบที่ต้องการได้เร็วขึ้น จึงช่วยลดความลังเลและเพิ่มอัตราการซื้อ–ขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อย่างไรก็ตาม การที่เราจะพูดคุยโต้ตอบกับลูกค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมงนั้นเป็นเรื่องยาก หลายธุรกิจร้านค้าจึงหันมาเลือกใช้แชทบอท (Chatbot) บนเว็บขายของออนไลน์เพื่อโต้ตอบกับลูกค้าได้อัตโนมัติและรวดเร็ว ลูกค้าจึงไม่ต้องรอคำตอบนาน เรียกว่าได้ความสบายใจทั้งคนขายและคนซื้อเลยล่ะ
ทั้งนี้ยังมีร้านค้าและกิจการกว่า 80% เผยว่าพวกเขาวางแผนที่จะใช้ Chatbot ในการพูดคุยกับลูกค้าในปี 2020 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นทำไมไม่ลองใช้ Chatbot กับ Facebook, LINE และช่องทางอื่น ๆ ของร้านดูล่ะ แล้วเทรนด์ Ecommerce แบบเรียลไทม์นี้จะช่วยให้คุณบริการลูกค้าได้ดีขึ้นแน่นอน | null | Closed QA | cc-by-nc-4.0 |
Retail_51238 | Retail | หลักการเลือกสินค้าขายของออนไลน์ด้อย่างชาญฉลาด มีอะไรบ้าง | เริ่มต้นดี มีชัยไปกว่าครึ่งกับ 5 วิธีเริ่มเปิดร้านค้าออนไลน์ ให้ปัง ธุรกิจขายของออนไลน์ดูเหมือนจะตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้าและพ่อค้าแม่ค้ายุคใหม่ได้เป็นอย่างดี เลยทำให้ผู้ประกอบการรายน้อย–ใหญ่หันมาเปิดร้านค้าออนไลน์กันมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ธุรกิจขายของออนไลน์ดูเหมือนจะตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้าและพ่อค้าแม่ค้ายุคใหม่ได้เป็นอย่างดี เลยทำให้ผู้ประกอบการรายน้อย–ใหญ่หันมาเปิดร้านค้าออนไลน์กันมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ธุรกิจขายของออนไลน์ดูเหมือนจะตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้าและพ่อค้าแม่ค้ายุคใหม่ได้เป็นอย่างดี เลยทำให้ผู้ประกอบการรายน้อย – ใหญ่หันมาเปิดร้านค้าออนไลน์กันมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด อย่างไรก็ตาม แม้ร้านขายของออนไลน์ดูเหมือนจะทำง่ายและไม่ต้องลงทุนอะไรเยอะ แต่ถ้าคุณเริ่มต้นผิดก็ทำให้ชีวิตเปลี่ยนได้เช่นกัน ดังนั้นสำหรับใครที่กำลังคิดจะเปิดร้านค้าออนไลน์ เราขอให้หยุดและอ่านบทความนี้เสียก่อน เพื่อจะได้เริ่มต้นอย่างถูกต้องและประสบความสำเร็จในอนาคตกับ 5 วิธีเริ่มเปิดร้านค้าออนไลน์ดังต่อไปนี้ :- อย่างไรก็ตาม แม้ร้านขายของออนไลน์ดูเหมือนจะทำง่ายและไม่ต้องลงทุนอะไรเยอะ แต่ถ้าคุณเริ่มต้นผิดก็ทำให้ชีวิตเปลี่ยนได้เช่นกัน ดังนั้นสำหรับใครที่กำลังคิดจะเปิดร้านค้าออนไลน์ เราขอให้หยุดและอ่านบทความนี้เสียก่อน เพื่อจะได้เริ่มต้นอย่างถูกต้องและประสบความสำเร็จในอนาคตกับ 5 วิธีเริ่มเปิดร้านค้าออนไลน์ดังต่อไปนี้ :- อย่างไรก็ตาม แม้ร้านขายของออนไลน์ดูเหมือนจะทำง่ายและไม่ต้องลงทุนอะไรเยอะ แต่ถ้าคุณเริ่มต้นผิดก็ทำให้ชีวิตเปลี่ยนได้เช่นกัน ดังนั้นสำหรับใครที่กำลังคิดจะเปิดร้านค้าออนไลน์ เราขอให้หยุดและอ่านบทความนี้เสียก่อน เพื่อจะได้เริ่มต้นอย่างถูกต้องและประสบความสำเร็จในอนาคตกับ 5 วิธีเริ่มเปิดร้านค้าออนไลน์ดังต่อไปนี้ :- 1. เลือกสินค้าขายออนไลน์อย่างชาญฉลาด ภาพจาก Unsplash สิ่งที่ยากที่สุดในการเริ่มเปิดร้านค้าออนไลน์ก็คือ การเลือกสินค้าที่จะขาย เพราะเป็นขั้นตอนการตัดสินใจที่สำคัญและจะส่งผลต่อร้านขายของออนไลน์ของคุณในระยะยาว ทั้งความต้องการของลูกค้า ราคา กำไร การแข่งขันในท้องตลาด ยอดขาย และการตลาด สิ่งที่ยากที่สุดในการเริ่มเปิดร้านค้าออนไลน์ก็คือ การเลือกสินค้าที่จะขาย เพราะเป็นขั้นตอนการตัดสินใจที่สำคัญและจะส่งผลต่อร้านขายของออนไลน์ของคุณในระยะยาว ทั้งความต้องการของลูกค้า ราคา กำไร การแข่งขันในท้องตลาด ยอดขาย และการตลาด แล้วทีนี้คำถามก็คือ “จะเลือกสินค้าอะไรมาขายออนไลน์ล่ะ? ” หรือ “จะรู้ได้ไงว่าจะขายอะไรดี?” แล้วทีนี้คำถามก็คือ “จะเลือกสินค้าอะไรมาขายออนไลน์ล่ะ? ” หรือ “จะรู้ได้ไงว่าจะขายอะไรดี?” แล้วทีนี้คำถามก็คือ “ จะเลือกสินค้าอะไรมาขายออนไลน์ล่ะ ? ” หรือ “ จะรู้ได้ไงว่าจะขายอะไรดี ?” แต่ไม่ต้องห่วงไป เพราะแค่คุณทำตามหลักการเลือกสินค้าขายของออนไลน์ดังต่อไปนี้ คุณก็จะเลือกสินค้าได้อย่างชาญฉลาดมากยิ่งขึ้น แต่ไม่ต้องห่วงไป เพราะแค่คุณทำตามหลักการเลือกสินค้าขายของออนไลน์ดังต่อไปนี้ คุณก็จะเลือกสินค้าได้อย่างชาญฉลาดมากยิ่งขึ้น เป็นสินค้าที่คุณชื่นชอบ สามารถเลือกได้จากสิ่งที่เป็นงานอดิเรกของคุณ และจำไว้ว่ายิ่งเป็นสินค้าที่แปลกใหม่และมีกลุ่มลูกค้าเล็กเท่าไหร่ จะยิ่งดีต่อร้านค้าออนไลน์ของคุณมากกว่า สามารถเลือกได้จากสิ่งที่เป็นงานอดิเรกของคุณ และจำไว้ว่ายิ่งเป็นสินค้าที่แปลกใหม่และมีกลุ่มลูกค้าเล็กเท่าไหร่ จะยิ่งดีต่อร้านค้าออนไลน์ของคุณมากกว่า เป็นสินค้าที่ทำกำไร แน่นอนว่าทุกคนที่ทำธุรกิจต่างก็อยากได้กำไรกันทั้งนั้น ดังนั้นคุณต้องเลือกสินค้าที่มีผลตอบแทนดี และคำนวณค่าจัดส่ง ค่าแพ็คสินค้า และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ให้ดี จากนั้นก็ดูสิว่า สินค้าที่คุณอยากขายออนไลน์นั้นจะทำกำไรให้กับคุณได้มาก–น้อยแค่ไหน แน่นอนว่าทุกคนที่ทำธุรกิจต่างก็อยากได้กำไรกันทั้งนั้น ดังนั้นคุณต้องเลือกสินค้าที่มีผลตอบแทนดี และคำนวณค่าจัดส่ง ค่าแพ็คสินค้า และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ให้ดี จากนั้นก็ดูสิว่า สินค้าที่คุณอยากขายออนไลน์นั้นจะทำกำไรให้กับคุณได้มาก – น้อยแค่ไหน เป็นที่ต้องการในท้องตลาด พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์หลายคนขายของออนไลน์โดยที่ไม่ได้ศึกษาเลยว่า สินค้าที่ขายนั้นเป็นที่ต้องการของลูกค้าหรือเปล่า จึงไม่น่าแปลกใจที่การขายของจะชะลอตัว เพราะฉะนั้นต้องศึกษาข้อมูลและเลือกสินค้าที่เป็นที่ต้องการในท้องตลาดเท่านั้น พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์หลายคนขายของออนไลน์โดยที่ไม่ได้ศึกษาเลยว่า สินค้าที่ขายนั้นเป็นที่ต้องการของลูกค้าหรือเปล่า จึงไม่น่าแปลกใจที่การขายของจะชะลอตัว เพราะฉะนั้นต้องศึกษาข้อมูลและเลือกสินค้าที่เป็นที่ต้องการในท้องตลาดเท่านั้น เป็นสินค้าที่ไม่มีการแข่งขันสูงเกินไป รู้หรือไม่ว่าสินค้าที่มีการแข่งขันสูงจะทำให้คุณทุนหายกำไรหดไปในที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีคนขายมากกว่าคนซื้อ ดังนั้นถ้าไม่อยากขาดทุนและขายของออนไลน์ให้รอด จะต้องเลือกสินค้าที่ไม่มีการแข่งขันสูงมากเกินไป 2. เลือกซัพพลายเออร์ที่น่าเชื่อถือ ภาพจาก Pixabay หนึ่งในขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการขายของออนไลน์ก็คือ การเลือกซัพพลายเออร์หรือคู่ค้า ดังนั้นเมื่อเลือกสินค้าได้แล้ว คุณจะต้องมองหาซัพพลายเออร์ก่อนที่จะเริ่มต้นขายของออนไลน์ และคุณก็จำเป็นต้องเลือกคู่ค้าหรือผู้จัดส่งสินค้าที่น่าเชื่อถือเท่านั้น หนึ่งในขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการขายของออนไลน์ก็คือ การเลือกซัพพลายเออร์หรือคู่ค้า ดังนั้นเมื่อเลือกสินค้าได้แล้ว คุณจะต้องมองหาซัพพลายเออร์ก่อนที่จะเริ่มต้นขายของออนไลน์ และคุณก็จำเป็นต้องเลือกคู่ค้าหรือผู้จัดส่งสินค้าที่น่าเชื่อถือเท่านั้น การเลือกซัพพลายเออร์ คู่ค้า หรือว่าผู้จัดส่งสินค้า ถือเป็นขั้นตอนที่ใช้เวลามากที่สุดรองลงมาจากการเลือกสินค้า เพราะคุณจะต้องศึกษาข้อมูลให้ละเอียดถี่ถ้วนเพื่อจะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ และคุณก็จะต้องแน่ใจว่าได้ซัพพลายเออร์ที่ใช่สำหรับร้านค้าออนไลน์ของคุณจริง ๆ ซึ่งหลักการเลือกซัพพลายเออร์เบื้องต้นที่คุณจะต้องคำนึงถึงก็มีดังนี้ :- การเลือกซัพพลายเออร์ คู่ค้า หรือว่าผู้จัดส่งสินค้า ถือเป็นขั้นตอนที่ใช้เวลามากที่สุดรองลงมาจากการเลือกสินค้า เพราะคุณจะต้องศึกษาข้อมูลให้ละเอียดถี่ถ้วนเพื่อจะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ และคุณก็จะต้องแน่ใจว่าได้ซัพพลายเออร์ที่ใช่สำหรับร้านค้าออนไลน์ของคุณจริง ๆ ซึ่งหลักการเลือกซัพพลายเออร์เบื้องต้นที่คุณจะต้องคำนึงถึงก็มีดังนี้ :- การเลือกซัพพลายเออร์ คู่ค้า หรือว่าผู้จัดส่งสินค้า ถือเป็นขั้นตอนที่ใช้เวลามากที่สุดรองลงมาจากการเลือกสินค้า เพราะคุณจะต้องศึกษาข้อมูลให้ละเอียดถี่ถ้วนเพื่อจะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ และคุณก็จะต้องแน่ใจว่าได้ซัพพลายเออร์ที่ใช่สำหรับร้านค้าออนไลน์ของคุณจริง ๆ ซึ่งหลักการเลือกซัพพลายเออร์เบื้องต้นที่คุณจะต้องคำนึงถึงก็มีดังนี้ :- การหาซัพพลายเออร์ที่เป็นร้านขายส่ง ในการหาข้อมูลทุกอย่างนั้น เราเชื่อว่า Google คือสิ่งแรกที่ทุกคนนึกถึง แต่อย่าลืมว่าบางทีร้านขายส่งที่มีชื่อเสียงและเชื่อได้ก็ไม่มีเวลาอัพเดตข้อมูลร้านหรือทำการตลาด เพราะฉะนั้นการหาร้านค้าส่งออนไลน์จึงเป็นเรื่องยาก หรือถ้าไปดูหน้าเว็บ เว็บของร้านขายส่งที่ว่านี้ก็อาจจะดูไม่น่าเชื่อถือสักเท่าไหร่ ดังนั้นเราขอแนะนำให้ศึกษาข้อมูลในโลกออฟไลน์ ซึ่งคุณอาจจะสอบถามคนที่ขายของหรือไปตามงานอีเว้นท์ต่าง ๆ ดู ในการหาข้อมูลทุกอย่างนั้น เราเชื่อว่า Google คือสิ่งแรกที่ทุกคนนึกถึง แต่อย่าลืมว่าบางทีร้านขายส่งที่มีชื่อเสียงและเชื่อได้ก็ไม่มีเวลาอัพเดตข้อมูลร้านหรือทำการตลาด เพราะฉะนั้นการหาร้านค้าส่งออนไลน์จึงเป็นเรื่องยาก หรือถ้าไปดูหน้าเว็บ เว็บของร้านขายส่งที่ว่านี้ก็อาจจะดูไม่น่าเชื่อถือสักเท่าไหร่ ดังนั้นเราขอแนะนำให้ศึกษาข้อมูลในโลกออฟไลน์ ซึ่งคุณอาจจะสอบถามคนที่ขายของหรือไปตามงานอีเว้นท์ต่าง ๆ ดู การหาซัพพลายเออร์ที่เป็นโรงงานผลิต คุณสามารถหาโรงงานผลิตสินค้าได้จาก Google หรือสอบถามผู้รู้ได้อีกเช่นกัน ซึ่งถ้าจะให้ดีต้องเปรียบเทียบราคาแต่ละเจ้า ไปดูที่โรงงาน ทดสอบคุณภาพสินค้าและบริการ จงจำไว้เสมอว่าคู่ค้าที่ดีคือส่วนสำคัญที่จะช่วยให้คุณเริ่มเปิดร้านค้าออนไลน์ได้อย่างราบรื่นและปวดหัวน้อยที่สุด เพราะฉะนั้นต้องเลือกให้ดี คุณสามารถหาโรงงานผลิตสินค้าได้จาก Google หรือสอบถามผู้รู้ได้อีกเช่นกัน ซึ่งถ้าจะให้ดีต้องเปรียบเทียบราคาแต่ละเจ้า ไปดูที่โรงงาน ทดสอบคุณภาพสินค้าและบริการ จงจำไว้เสมอว่าคู่ค้าที่ดีคือส่วนสำคัญที่จะช่วยให้คุณเริ่มเปิดร้านค้าออนไลน์ได้อย่างราบรื่นและปวดหัวน้อยที่สุด เพราะฉะนั้นต้องเลือกให้ดี 3. เริ่มต้นขายของออนไลน์อย่างถูกต้อง ภาพจาก Unsplash เลือกของมาขายและได้ซัพพลายเออร์แล้ว คราวนี้ก็ถึงเวลาเริ่มเปิดร้านค้าออนไลน์สักที ซึ่งในขั้นตอนนี้คุณจำเป็นต้องจัดการร้านและทำทุกอย่างให้ถูกต้องตามกฎหมาย ทีนี้จะรู้ได้ยังไงว่าคุณเริ่มต้นขายของออนไลน์อย่างถูกต้องหรือว่ามาถูกทางแล้ว ง่าย ๆ เลย แค่พิจารณาตาม 4 ขั้นตอนดังต่อไปนี้ :- เลือกของมาขายและได้ซัพพลายเออร์แล้ว คราวนี้ก็ถึงเวลาเริ่มเปิดร้านค้าออนไลน์สักที ซึ่งในขั้นตอนนี้คุณจำเป็นต้องจัดการร้านและทำทุกอย่างให้ถูกต้องตามกฎหมาย ทีนี้จะรู้ได้ยังไงว่าคุณเริ่มต้นขายของออนไลน์อย่างถูกต้องหรือว่ามาถูกทางแล้ว ง่าย ๆ เลย แค่พิจารณาตาม 4 ขั้นตอนดังต่อไปนี้ :- เลือกของมาขายและได้ซัพพลายเออร์แล้ว คราวนี้ก็ถึงเวลาเริ่มเปิดร้านค้าออนไลน์สักที ซึ่งในขั้นตอนนี้คุณจำเป็นต้องจัดการร้านและทำทุกอย่างให้ถูกต้องตามกฎหมาย ทีนี้จะรู้ได้ยังไงว่าคุณเริ่มต้นขายของออนไลน์อย่างถูกต้องหรือว่ามาถูกทางแล้ว ง่าย ๆ เลย แค่พิจารณาตาม 4 ขั้นตอนดังต่อไปนี้ :- ตั้งชื่อร้านค้าออนไลน์ เลือกชื่อร้านที่คุณชอบและฟังแล้วติดหู และต้องเป็นชื่อร้านที่คุณสามารถโปรโมทได้อย่างภาคภูมิใจ อย่าตั้งชื่อร้านที่มีความหมายเชิงลบ เลือกชื่อร้านที่คุณชอบและฟังแล้วติดหู และต้องเป็นชื่อร้านที่คุณสามารถโปรโมทได้อย่างภาคภูมิใจ อย่าตั้งชื่อร้านที่มีความหมายเชิงลบ ลงทะเบียนร้าน หากคุณเลือกที่จะขายของออนไลน์จริงจังและไม่อยากขายของในเฟส ไลน์ หรือว่าไอจีเพียงอย่างเดียว คุณจะต้องจดทะเบียนร้านค้าออนไลน์ (ecommerce) เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจออนไลน์ของคุณ หากคุณเลือกที่จะขายของออนไลน์จริงจังและไม่อยากขายของในเฟส ไลน์ หรือว่าไอจีเพียงอย่างเดียว คุณจะต้อง จดทะเบียนร้านค้าออนไลน์ (ecommerce) เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจออนไลน์ของคุณ ทำเรื่องเสียภาษี สำหรับพ่อค้าแม่ค้าที่ขายของออนไลน์และไม่ได้จดทะเบียนในรูปแบบของบริษัท จะต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา จัดเป็นเงินได้ประเภทที่ 8 หรือเงินได้จากการค้าขาย โดยต้องยื่นเสียภาษี 2 ช่วงคือ ยื่นภาษีสิ้นปี เดือน ม.ค. – มี.ค. (เป็นการสรุปรายได้รวมทั้งหมดของปีที่ผ่านมา) และยื่นภาษีกลางปี เดือน ก.ค. – ก.ย. (เป็นการสรุปรายได้ในช่วงครึ่งปีภาษีแรก ค่าลดหย่อนบางรายการจะถูกหักเหลือครึ่งหนึ่ง) สำหรับพ่อค้าแม่ค้าที่ขายของออนไลน์และไม่ได้จดทะเบียนในรูปแบบของบริษัท จะต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา จัดเป็นเงินได้ประเภทที่ 8 หรือเงินได้จากการค้าขาย โดยต้อง ยื่นเสียภาษี 2 ช่วงคือ เพิ่มช่องทางการจ่ายเงินสำหรับลูกค้า เว็บขายของออนไลน์ของคุณจะต้องมีช่องทางการชำระเงินที่หลากหลายเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้ามากที่สุด คือ ควรจะรองรับทั้งเครดิตการ์ดและอีเพย์เมนต์ (e-payment) เช่น การโอนเงินระหว่างธนาคาร mobile banking และ online banking เว็บขายของออนไลน์ของคุณจะต้องมีช่องทางการชำระเงินที่หลากหลายเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้ามากที่สุด คือ ควรจะรองรับทั้งเครดิตการ์ดและอีเพย์เมนต์ (e-payment) เช่น การโอนเงินระหว่างธนาคาร mobile banking และ online banking 4. เลือกช่องทางที่มีโอกาสเพิ่มยอดขาย ภาพจาก Pixabay จากการศึกษาของ Priceza นั้นพบว่าช่องทางที่คนไทยซื้อของออนไลน์มากที่สุดแบ่งเป็น 3 แพลตฟอร์ม คือ จากการศึกษาของ Priceza นั้นพบว่าช่องทางที่คนไทยซื้อของออนไลน์มากที่สุดแบ่งเป็น 3 แพลตฟอร์ม คือ จากการศึกษาของ Priceza นั้นพบว่าช่องทางที่คนไทยซื้อของออนไลน์มากที่สุดแบ่งเป็น 3 แพลตฟอร์ม คือ Social Media – 40% ส่วนใหญ่เป็น social commerce และการแชทพูดคุยกับพ่อค้าแม่ค้าโดยตรง ส่วนใหญ่เป็น social commerce และการแชทพูดคุยกับพ่อค้าแม่ค้าโดยตรง E-marketplace – 35% จากเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซรายใหญ่อย่าง Lazada, Shopee และ JD จากเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซรายใหญ่อย่าง Lazada, Shopee และ JD E-Tailer – 25% เป็นเว็บขายสินค้าของร้านค้าปลีกที่มีหน้าร้านอยู่แล้ว เช่น Central, Tesco Lotus, Big C และ King Power เป็นต้น เป็นเว็บขายสินค้าของร้านค้าปลีกที่มีหน้าร้านอยู่แล้ว เช่น Central, Tesco Lotus, Big C และ King Power เป็นต้น จะเห็นได้ว่าคุณสามารถเลือกขายได้ 2 ช่องทางตามข้างบน คือเลือกขายผ่านโซเชียลมีเดียและฝากขายบนเว็บอีคอมเมิร์ซเจ้าดัง เช่น Lazada, Shopee หรือเว็บอื่น ๆ ซึ่งถ้าคุณต้องการขายกับแพลตฟอร์มอื่น ๆ นั้นต้องพิจารณาตามหลักต่อไปนี้ :- จะเห็นได้ว่าคุณสามารถเลือกขายได้ 2 ช่องทางตามข้างบน คือเลือกขายผ่านโซเชียลมีเดียและฝากขายบนเว็บอีคอมเมิร์ซเจ้าดัง เช่น Lazada, Shopee หรือเว็บอื่น ๆ ซึ่งถ้าคุณต้องการขายกับแพลตฟอร์มอื่น ๆ นั้นต้องพิจารณาตามหลักต่อไปนี้ :- จะเห็นได้ว่าคุณสามารถเลือกขายได้ 2 ช่องทางตามข้างบน คือเลือกขายผ่านโซเชียลมีเดียและฝากขายบนเว็บอีคอมเมิร์ซเจ้าดัง เช่น Lazada, Shopee หรือเว็บอื่น ๆ ซึ่งถ้าคุณต้องการขายกับแพลตฟอร์มอื่น ๆ นั้นต้องพิจารณาตามหลักต่อไปนี้ :- จำนวนผู้ใช้งานบนแพลตฟอร์ม ยิ่งมีจำนวนผู้ใช้งานมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีโอกาสในการขายมากเท่านั้น ยิ่งมีจำนวนผู้ใช้งานมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีโอกาสในการขายมากเท่านั้น จำนวนผู้ขายบนช่องทางนั้น ๆ สำหรับข้อนี้แล้วต้องบอกว่า ยิ่งมีคนขายมากเท่าไหร่ การแข่งขันก็ยิ่งสูง ดังนั้นชั่งน้ำหนักจำนวนผู้ใช้งานและจำนวนคนขายให้ดี ๆ สำหรับข้อนี้แล้วต้องบอกว่า ยิ่งมีคนขายมากเท่าไหร่ การแข่งขันก็ยิ่งสูง ดังนั้นชั่งน้ำหนักจำนวนผู้ใช้งานและจำนวนคนขายให้ดี ๆ ค่าธรรมเนียม ค่าธรรมเนียมในการขายสินค้าส่งผลต่อกำไรของคุณ เพราะฉะนั้นเปรียบเทียบค่าธรรมเนียมของแต่ละแพลตฟอร์มและคำนวณให้ดีว่าขายกับช่องทางไหนคุ้มค่าและได้ผลประกอบการที่น่าพอใจที่สุด ค่าธรรมเนียมในการขายสินค้าส่งผลต่อกำไรของคุณ เพราะฉะนั้นเปรียบเทียบค่าธรรมเนียมของแต่ละแพลตฟอร์มและคำนวณให้ดีว่าขายกับช่องทางไหนคุ้มค่าและได้ผลประกอบการที่น่าพอใจที่สุด ความน่าเชื่อถือ เลือกแพลตฟอร์มที่น่าเชื่อถือแลละวางใจได้เพื่อการันตีลูกค้าและยืนยันว่าคุณจะไม่ผิดหวังเมื่อในระยะยาว เลือกแพลตฟอร์มที่น่าเชื่อถือแลละวางใจได้เพื่อการันตีลูกค้าและยืนยันว่าคุณจะไม่ผิดหวังเมื่อในระยะยาว ความยืดหยุ่น บางเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซหรือโซเชียลมีเดียบางอันก็อาจจะมีข้อจำกัดหรือกฎเกณฑ์มากจนอัพเดตไม่ทัน และบางทีคุณก็อาจเผลอทำผิดกฎจนโดนระงับบัญชีผู้ใช้งานได้ เพราะฉะนั้นการมีเว็บไซต์เป็นของตัวเองจึงดีที่สุด เพราะคุณสามารถออกแบบเว็บไซต์ได้เองและทำอะไรก็ได้ตามใจชอบ บางเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซหรือโซเชียลมีเดียบางอันก็อาจจะมีข้อจำกัดหรือกฎเกณฑ์มากจนอัพเดตไม่ทัน และบางทีคุณก็อาจเผลอทำผิดกฎจนโดนระงับบัญชีผู้ใช้งานได้ เพราะฉะนั้นการมีเว็บไซต์เป็นของตัวเองจึงดีที่สุด เพราะคุณสามารถออกแบบเว็บไซต์ได้เองและทำอะไรก็ได้ตามใจชอบ และข่าวดีก็คือ!…คุณสามารถเปิดร้านค้าออนไลน์เป็นของตัวเองได้ง่าย ๆ ถ้าคุณเลือกใช้ระบบ POS สโตร์ฮับของเรา คุณจะเปิดเว็บขายของออนไลน์ได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย แถมไม่จำเป็นต้องมีความรู้เรื่องเขียนโปรแกรมอีกด้วย ที่สำคัญยังบริหารจัดการสต๊อกสินค้าได้ครบจบในที่เดียว ไม่ต้องกังวลเรื่องขายสินค้าเกิน เท่านี้การเริ่มเปิดร้านค้าออนไลน์ก็ไม่ยากอย่างที่คิดแล้ว และข่าวดีก็คือ!…คุณสามารถเปิดร้านค้าออนไลน์เป็นของตัวเองได้ง่าย ๆ ถ้าคุณเลือกใช้ระบบ POS สโตร์ฮับของเรา คุณจะเปิดเว็บขายของออนไลน์ได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย แถมไม่จำเป็นต้องมีความรู้เรื่องเขียนโปรแกรมอีกด้วย ที่สำคัญยังบริหารจัดการสต๊อกสินค้าได้ครบจบในที่เดียว ไม่ต้องกังวลเรื่องขายสินค้าเกิน เท่านี้การเริ่มเปิดร้านค้าออนไลน์ก็ไม่ยากอย่างที่คิดแล้ว และข่าวดีก็คือ!…คุณสามารถเปิดร้านค้าออนไลน์เป็นของตัวเองได้ง่าย ๆ ถ้าคุณ ของเรา คุณจะ ไม่มีค่าใช้จ่าย แถมไม่จำเป็นต้องมีความรู้เรื่องเขียนโปรแกรมอีกด้วย ที่สำคัญยังบริหารจัดการสต๊อกสินค้าได้ครบจบในที่เดียว ไม่ต้องกังวลเรื่องขายสินค้าเกิน เท่านี้การเริ่มเปิดร้านค้าออนไลน์ก็ไม่ยากอย่างที่คิดแล้ว 5. ทำกลยุทธ์การตลาดออนไลน์ให้ตรงใจกลุ่มลูกค้า ภาพจาก Pixabay เมื่อเริ่มเปิดร้านค้าออนไลน์ของคุณเรียบร้อยแล้ว คราวนี้ก็มาถึงขั้นตอนการโปรโมทหรือทำการตลาดกันแล้ว เพราะจริงอยู่ที่คุณเลือกขายของออนไลน์กับเว็บดัง โซเชียลมีเดีย หรือว่ามีเว็บเป็นของตัวเอง แต่คุณก็ไม่สามารถนิ่งนอนใจและรอรับเงินเข้าร้านหากคุณไม่วางแผนการตลาด และเราก็ได้รวบรวมเทคนิคทำการตลาดที่จะช่วยเรียกลูกค้าเก่าและใหม่ ดังนี้ :- เมื่อเริ่มเปิดร้านค้าออนไลน์ของคุณเรียบร้อยแล้ว คราวนี้ก็มาถึงขั้นตอนการโปรโมทหรือทำการตลาดกันแล้ว เพราะจริงอยู่ที่คุณเลือกขายของออนไลน์กับเว็บดัง โซเชียลมีเดีย หรือว่ามีเว็บเป็นของตัวเอง แต่คุณก็ไม่สามารถนิ่งนอนใจและรอรับเงินเข้าร้านหากคุณไม่วางแผนการตลาด และเราก็ได้รวบรวมเทคนิคทำการตลาดที่จะช่วยเรียกลูกค้าเก่าและใหม่ ดังนี้ :- เมื่อเริ่มเปิดร้านค้าออนไลน์ของคุณเรียบร้อยแล้ว คราวนี้ก็มาถึงขั้นตอนการโปรโมทหรือทำการตลาดกันแล้ว เพราะจริงอยู่ที่คุณเลือกขายของออนไลน์กับเว็บดัง โซเชียลมีเดีย หรือว่ามีเว็บเป็นของตัวเอง แต่คุณก็ไม่สามารถนิ่งนอนใจและรอรับเงินเข้าร้านหากคุณไม่วางแผนการตลาด และเราก็ได้รวบรวมเทคนิคทำการตลาดที่จะช่วยเรียกลูกค้าเก่าและใหม่ ดังนี้ :- ขายสินค้าที่ดีและมีคุณภาพ ใครจะอยากซื้อสินค้าที่ไม่ตรงปกล่ะ จริงไหม? เพราะฉะนั้นคุณภาพของสินค้าจึงเป็นอีกหนึ่งหัวใจสำคัญในการขายของออนำไลน์ของคุณ ใครจะอยากซื้อสินค้าที่ไม่ตรงปกล่ะ จริงไหม? เพราะฉะนั้นคุณภาพของสินค้าจึงเป็นอีกหนึ่งหัวใจสำคัญในการขายของออนำไลน์ของคุณ รูปภาพต้องคมชัดระดับ HD เท่านั้น ในการซื้อของออนไลน์นั้น ลูกค้าไม่สามารถจับต้องสินค้าจริง ๆ ได้ คุณจึงต้องอัพโหลดภาพสินค้าที่คมชัดระดับ HD เท่านั้น และอัพโหลดภาพสินค้าให้ครบทั้งด้านหน้า ด้านหลัง และด้านข้าง เพราะสิ่งนี้จะช่วยให้ร้านของคุณน่าเชื่อถือและช่วยให้ลูกค้าช้อปได้อย่างอุ่นใจมากยิ่งขึ้น ในการซื้อของออนไลน์นั้น ลูกค้าไม่สามารถจับต้องสินค้าจริง ๆ ได้ คุณจึงต้องอัพโหลดภาพสินค้าที่คมชัดระดับ HD เท่านั้น และอัพโหลดภาพสินค้าให้ครบทั้งด้านหน้า ด้านหลัง และด้านข้าง เพราะสิ่งนี้จะช่วยให้ร้านของคุณน่าเชื่อถือและช่วยให้ลูกค้าช้อปได้อย่างอุ่นใจมากยิ่งขึ้น เปิดรับความคิดเห็นของลูกค้า เมื่อสินค้าของคุณดีและมีคุณภาพแล้ว ลูกค้าก็จะถูกใจและมีแนวโน้มรีวิวสินค้าในเชิงบวกมากขึ้น และสิ่งนี้เองที่จะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือและช่วยให้ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายมั่นใจในร้านค้าออนไลน์ของคุณมากยิ่งขึ้น เมื่อสินค้าของคุณดีและมีคุณภาพแล้ว ลูกค้าก็จะถูกใจและมีแนวโน้มรีวิวสินค้าในเชิงบวกมากขึ้น และสิ่งนี้เองที่จะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือและช่วยให้ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายมั่นใจในร้านค้าออนไลน์ของคุณมากยิ่งขึ้น โปรโมทร้านค้าออนไลน์ คุณสามารถโปรโมทร้านและทำให้ร้านเป็นที่รู้จักได้ฟรี ๆ บน Facebook, LINE, Instagram, LinkedIn, Pinterest และ Twitter ซึ่งเคล็ดลับในการเริ่มต้นก็คือ แชร์ภาพและเนื้อหาที่น่าสนใจเพื่อดึงดูดลูกค้ากลุ่มเป้าหมายพร้อมกับสร้าง engagement ส่งตรงโปรโมชั่น ไม่ว่าจะยุคหรือสมัยไหน คำว่า “ส่วนลด”, “โปรโมชั่น”, “แถม” หรือ “ฟรี” ก็ยังเป็นคำที่มีพลังและดึงดูดลูกค้าได้เป็นอย่างดี เพราะฉะนั้นอย่าลืมวางแผนโปรโมชั่นสินค้าและส่งตรงไปยังอีเมลหรือเบอร์มือถือลูกค้าของคุณ แล้วยอดขายของร้านค้าออนไลน์ของคุณก็จะดีขึ้นแน่นอน! แต่ถ้าจะให้ดี ต้องจัดสินค้าที่ลูกค้าชอบ ซึ่งคุณสามารถดูประวัติการซื้อของของลูกค้าได้ง่าย ๆ จากระบบ POS สรุป สำหรับการเริ่มเปิดร้านค้าออนไลน์ให้ประสบความสำเร็จในระยะยาวนั้น คุณต้องมีการเริ่มต้นที่ดีและถูกต้องจึงจะขายของออนไลน์ได้ตามที่หวังไว้ ซึ่งทั้ง 5 วิธีนี้จะช่วยเป็นแนวทางให้กับคุณได้เป็นอย่างดี ทีนี้ก็ถึงตาคุณแล้ว คุณคิดว่าตัวเองพร้อมที่จะเปิดร้านค้าออนไลน์เป็นของตัวเองหรือยัง? ถ้าพร้อมแล้ว อย่ารอช้า รีบลงมือทำและบริหารจัดการร้านค้าออนไลน์ของคุณให้ปังเลยตอนนี้! สำหรับการเริ่มเปิดร้านค้าออนไลน์ให้ประสบความสำเร็จในระยะยาวนั้น คุณต้องมีการเริ่มต้นที่ดีและถูกต้องจึงจะขายของออนไลน์ได้ตามที่หวังไว้ ซึ่งทั้ง 5 วิธีนี้จะช่วยเป็นแนวทางให้กับคุณได้เป็นอย่างดี ทีนี้ก็ถึงตาคุณแล้ว คุณคิดว่าตัวเองพร้อมที่จะเปิดร้านค้าออนไลน์เป็นของตัวเองหรือยัง? ถ้าพร้อมแล้ว อย่ารอช้า รีบลงมือทำและบริหารจัดการร้านค้าออนไลน์ของคุณให้ปังเลยตอนนี้! สำหรับการเริ่มเปิดร้านค้าออนไลน์ให้ประสบความสำเร็จในระยะยาวนั้น คุณต้องมีการเริ่มต้นที่ดีและถูกต้องจึงจะขายของออนไลน์ได้ตามที่หวังไว้ ซึ่งทั้ง 5 วิธีนี้จะช่วยเป็นแนวทางให้กับคุณได้เป็นอย่างดี ทีนี้ก็ถึงตาคุณแล้ว คุณคิดว่าตัวเองพร้อมที่จะเปิดร้านค้าออนไลน์เป็นของตัวเองหรือยัง? ถ้าพร้อมแล้ว อย่ารอช้า รีบลงมือทำและบริหารจัดการร้านค้าออนไลน์ของคุณให้ปังเลยตอนนี้ ! | หลักการเลือกสินค้าขายของออนไลน์ด้อย่างชาญฉลาด ได้แก่
1. เป็นสินค้าที่ชื่นชอบ สามารถเลือกได้จากสิ่งที่เป็นงานอดิเรก และจำไว้ว่ายิ่งเป็นสินค้าที่แปลกใหม่และมีกลุ่มลูกค้าเล็กเท่าไหร่ จะยิ่งดีต่อร้านค้าออนไลน์มากกว่า
2. เป็นสินค้าที่ทำกำไร แน่นอนว่าทุกคนที่ทำธุรกิจต่างก็อยากได้กำไรกันทั้งนั้น ดังนั้น ต้องเลือกสินค้าที่มีผลตอบแทนดี และคำนวณค่าจัดส่ง ค่าแพ็คสินค้า และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ให้ดี จากนั้นก็ดูสิว่า สินค้าที่อยากขายออนไลน์นั้น จะทำกำไรให้ได้มาก–น้อยแค่ไหน
3. เป็นที่ต้องการในท้องตลาด พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์หลายคนขายของออนไลน์โดยที่ไม่ได้ศึกษาเลยว่า สินค้าที่ขายนั้นเป็นที่ต้องการของลูกค้าหรือเปล่า จึงไม่น่าแปลกใจที่การขายของจะชะลอตัว เพราะฉะนั้นต้องศึกษาข้อมูลและเลือกสินค้าที่เป็นที่ต้องการในท้องตลาดเท่านั้น
4. เป็นสินค้าที่ไม่มีการแข่งขันสูงเกินไป รู้หรือไม่ว่าสินค้าที่มีการแข่งขันสูงจะทำให้ทุนหายกำไรหดไปในที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีคนขายมากกว่าคนซื้อ ดังนั้น ถ้าไม่อยากขาดทุนและขายของออนไลน์ให้รอด จะต้องเลือกสินค้าที่ไม่มีการแข่งขันสูงมากเกินไป | null | Closed QA | cc-by-nc-4.0 |
Retail_51247 | Retail | What is StoreHub? | null | StoreHub is the operating system of successful omnichannel businesses. Our cloud-based platform enables more than 13,000 restaurant and retail entrepreneurs across Southeast Asia to automate the growth of their revenue and customer base, as well as the entire process of running their operations.
StoreHub was founded in 2013 by Wai Hong Fong and Congyu Li. It started off as an all-in-one tablet-based Point of Sale (POS) system, helping business owners manage and grow their store from a single platform. Since then, it has expanded its cloud-based offering to include a powerful QR loyalty cashback program, QR table ordering system for restaurants and cafes, and an easy-to-adopt ecommerce platform.
Wai Hong Fong is Chieftain and Co-founder at StoreHub, an omnichannel operating system for over 13,000 retail and restaurant businesses across Southeast Asia. Raised in Malaysia, Fong spent four years in Singapore as an ASEAN Scholar and lived in Melbourne for a decade. Soon after completing his BA at the University of Melbourne, Fong co-founded OZHut – a multi-niche online retailer – and served as managing director for five years. Fong was also named Australia’s Best Young Entrepreneur in 2011 by StartupSmart and amongst Melbourne’s top 100 most influential people by Australian daily The Age, that same year. Fong spent a year and a half studying Mandarin in Shanghai and eventually returned to Malaysia in 2013, and founded StoreHub.
Congyu Li is the Chief Technology Officer (CTO) and Co-founder of StoreHub, an operating system for omnichannel retail and F&B businesses. Prior to StoreHub, she spent five years at Microsoft as an Engineering Lead. As someone passionate about promoting diversity at the workplace, she also acted as the Chairperson of Women@Microsoft, an internal initiative aimed at developing and retaining female employees. Congyu received her Electronic Engineering degree at the prestigious Shanghai Jiao Tong University and has previously come in #1 in two coveted national programming competitions in China. | null | Open QA | cc-by-nc-4.0 |
Retail_51249 | Retail | เขียนย่อหน้าเกี่ยวกับ 8 ไอเดียสินค้าออนไลน์ | null | ใครที่ยังคิดไม่ออกว่า จะเอาสินค้าอะไรไปขายของออนไลน์ เรามี 8 ไอเดียสินค้าออนไลน์ มาฝากกันค่ะ ซึ่ง 8 ไอเดียสินค้าออนไลน์ ประกอบด้วย เสื้อผ้าแฟชั่น, เครื่องสำอางและครีมบำรุงผิว, อาหารเสริมและสินค้าเกี่ยวกับสุขภาพ, สินค้า DIY หรือสินค้าแฮนด์เมด, สินค้า IT หรือ Gadget, สินค้าเครื่องยนต์, สินค้าเฟอร์นิเจอร์และอุปกรณ์ภายในบ้าน และของเล่นเด็ก
บทเรียนจากย่อหน้านี้
การเลือกสินค้ามาขายในร้านค้าออนไลน์นั้นเป็นเรื่องที่ค่อนข้างท้าทายและถือว่ายากอยู่เหมือนกัน แต่รู้ไหมว่า เพียงแค่เลือกขายสินค้าที่มีกลุ่มลูกค้าไม่กว้างมากและการแข่งขันไม่สูงมากเกินไป ก็สามารถยืนหนึ่งในวงการขายของออนไลน์ได้แล้ว และมี 8 ไอเดียสินค้าออนไลน์มาแนะนำสำหรับคนที่กำลังตัดสินใจเลือกของมาขาย ดังนี้ :-
1. เสื้อผ้าแฟชั่น
จากการศึกษาของสินค้าออนไลน์ขายดี 5 อันดับต้น ๆ พบว่า เสื้อผ้าแฟชั่นคือสินค้าขายดีอันดับหนึ่ง โดยในปี 2019 ที่ผ่านมามีสัดส่วนยอดขายสูงสุด 24% ซึ่งสินค้าที่ฮอตฮิตติดใจลูกค้ามากที่สุดก็คือ กระเป๋า ชุดชั้นในผู้หญิง และเสื้อผ้าผู้หญิง ดังนั้นลองเลือกลูกค้ากลุ่มเป้าหมายและหาเสื้อผ้าแฟชั่นที่ดูมีเอกลักษณ์มาขายดู รับรองว่าการขายของออนไลน์จะสนุกและมีแนวโน้มที่จะเติบโตแน่นอน
2. เครื่องสำอางและครีมบำรุงผิว
ผู้คนต่างก็ต้องการทำให้ตัวเองดูดีอยู่เสมอและกลุ่มลูกค้าของธุรกิจประเภทนี้ก็ถือว่ามีมากในโลกออนไลน์ ยิ่งเมื่อลูกค้าเห็นดาราหรือคนดังรีวิวเครื่องสำอางหรือครีมบำรุงผิวในโลกออนไลน์แล้ว สินค้าจะยิ่งน่าเชื่อถือในสายตาลูกค้า และทำให้พวกเขาเกิดความรู้สึกอยากซื้อมากยิ่งขึ้น ดังนั้นการขายของออนไลน์ประเภทเครื่องสำอางและครีมบำรุงผิวจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ ทั้งนี้อย่าลืมศึกษาข้อมูลและวางแผนให้รอบคอบ รวมถึงหากลยุทธ์การตลาดมาคว้าใจลูกค้ากลุ่มเป้าหมายให้ได้ด้วย
3. อาหารเสริมและสินค้าเกี่ยวกับสุขภาพ
สินค้าออนไลน์ที่จะไม่ทำให้ผิดหวังอีกหนึ่งตัวก็คือ อาหารเสริมและสินค้าเพื่อสุขภาพ เพราะจากเทรนด์อาหารและเครื่องดื่มปี 2020 นั้นจะพบว่า ลูกค้าจะหันมาใส่ใจสุขภาพกันมากขึ้นไปอีก ทำให้สินค้าที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพมาแรงและได้รับความนิยมในกลุ่มลูกค้า ซึ่งสินค้าที่น่านำมาขายออนไลน์บนเว็บไซต์หรือขายตามช่องทาง Social Media ได้แก่ อาหารเสริมเพิ่มพลัง, อาหารเสริมลดอาการเจ็บป่วย, อาหารเสริมป้องกันโรค, อาหารเสริมบำรุงผิว หรือแม้กระทั่งสินค้าออร์แกนิคและสินค้าที่สกัดจากธรรมชาติ นอกจากนี้เสื้อผ้าออกกำลังกาย, เครื่องออกกำลังกาย, เครื่องปั่นน้ำผลไม้, อาหารคลีน หรือเวย์โปรตีน ก็ดูจะอยู่ในกระแสและขายดีในโลกออนไลน์เช่นกัน
4. สินค้า DIY หรือสินค้าแฮนด์เมด
สินค้าที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์และต้องละเอียดประณีตอย่างสินค้า DIY หรือสินค้าแฮนด์เมดก็ได้รับความนิยมในตลาดอีคอมเมิร์ซไม่แพ้กัน นั่นก็เพราะว่าสินค้าแนวนี้ดูดี มีเอกลักษณ์ และยังสั่งทำได้ตามใจลูกค้าได้ด้วย โดยสินค้าทำมือที่น่าสนใจและน่าวางขายในเว็บไซต์ออนไลน์ก็ได้แก่ กระเป๋าเย็บมือ, เคสโทรศัพท์มือถือ และสมุดโน๊ตทำมือ เป็นต้น ซึ่งถ้าสร้างแบรนด์ดี ๆ และทำการตลาดเป็น รับรองว่ามียอดขายถล่มทลายจนสต๊อกสินค้าแทบไม่ทัน
5. สินค้า IT หรือ Gadget
สังเกตไหมว่าเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซเจ้าดังอย่าง Lazada, Shopee, หรือ Central ต่างก็มีสินค้าไอที อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ หรือแกดเจ็ตขายด้วยกันทั้งนั้น เช่น โน๊ตบุ๊ค, มือถือ, แท็บเล็ต, พาวเวอร์แบงค์ หรือแม้กระทั่งกล้อง เพราะสมัยนี้ใคร ๆ ก็ชอบสั่งซื้อของพวกนี้ออนไลน์กันหมดแล้ว แค่หารีวิวตามเว็บต่าง ๆ ประกอบการตัดสินใจก็สั่งซื้อได้เลย เพราะฉะนั้นหากอยากขายของออนไลน์แต่ยังไม่รู้ว่าต้องขายอะไรดี ขอแนะนำสินค้าไอทีเหล่านี้
ทั้งนี้หากอยากลงทุนขายสินค้าไอทีออนไลน์ก็ต้องระวังเรื่องการสต๊อกสินค้าให้ดี เพราะมักจะมีสินค้าค้างสต๊อก หรือสินค้าตกรุ่น เนื่องจากสินค้าที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีเป็นอะไรที่มาไวไปไว จะต้องตามเทรนด์ให้เร็วและวางแผนการขายสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ แล้วก็ต้องวางแผนจัดโปรโมชั่นเพื่อเคลียร์สินค้าในสต๊อกออกด้วย ซึ่งระบบ POS หรือโปรแกรมขายหน้าร้านสโตร์ฮับสามารถช่วยจัดการเรื่องนี้ได้แบบบอยู่หมัด
6. สินค้าเครื่องยนต์
เนื่องจากมีคนรักและชอบตกแต่งรถยนต์กับรถจักรยานยนต์เป็นจำนวนมาก เลยทำให้ธุรกิจออนไลน์ประเภทนี้ยังได้รับความสนใจและทำยอดขายให้กับผู้ขายได้เป็นอย่างดี เพราะฉะนั้นหากรักและสนใจในเรื่องของเครื่องยนต์อยู่แล้ว ทำไมไม่หันมาขายของออนไลน์ประเภทนี้กันล่ะ ? แล้วจะสนุกกับการทำธุรกิจมากขึ้นแน่นอน และร้านค้าออนไลน์ก็จะไม่ใช่แค่ธุรกิจอีกต่อไป อีกอย่างหากไม่อยากลงทุนมาก ก็ลองหาคู่ค้าที่เป็นร้านประดับยนต์ดู จากนั้นก็โพสต์สินค้าขายในเฟสและโซเชียล เมื่อมีลูกค้าสั่งซื้อก็แค่ไปซื้อของจากทางร้าน โดยวิธีนี้ไม่ต้องสต๊อกสินค้าให้เหนื่อย
7. สินค้าเฟอร์นิเจอร์และอุปกรณ์ภายในบ้าน
ในเว็บไซต์อีเมิร์ซนั้นพบว่ามีสินค้าเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านที่ขายดีและน่าสนใจสำหรับพ่อค้าแม่ค้าที่คิดจะเปิดร้านออนไลน์เช่นกัน คือ หน้ากากอนามัย ของใช้ในบ้าน และของใช้ในครัวเรือน ซึ่งจากการศึกษาของไพรซ์ซ่า เว็บอีคอมเมิร์ซในไทยก็พบว่า สินค้าประเภทนี้เป็นสินค้ายอดนิยมที่มียอดขายมากถึง 14% จากสินค้าทั้งหมด ดังนั้นหากจะเริ่มต้นขายของออนไลน์ด้วยเฟอร์นิเจอร์และอุปกรณ์ภายในบ้านก็คงจะไม่เสียหายอะไร
8. ของเล่นเด็ก
สำหรับแม่บ้านแล้ว พวกเขาต้องใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่บ้านคอยดูแลลูก มักไม่ค่อยมีเวลาออกไปเดินช้อปปิ้งหรือซื้อของใช้เท่าไหร่ ดังนั้นร้านค้าออนไลน์จึงถือว่าเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับแม่บ้านทั้งหลาย และถ้าจะขายของออนไลน์อย่างของเล่นเด็ก ตุ๊กตา หรือสินค้าแม่และเด็ก ก็นับว่าเป็นไอเดียที่เข้าท่าเลยแหละ แถมข้อดีของสินค้าประเภทนี้ยังดีตรงที่ไม่มีวันหมดอายุและไม่ต้องห่วงเรื่องตามเทรนด์หรือเทคโนโลยีอีกด้วย แค่ต้องบริหารจัดการสต๊อกให้ดีก็เท่านั้นเอง | null | Creative writing | cc-by-nc-4.0 |
Retail_51252 | Retail | ช่วงปลดล็อคดาวน์เฟส 2 ในวันที่ 17 พ.ค. 2563 ได้มีมติและอนุญาตให้กลุ่มกิจการที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมด้านเศรษฐกิจและการดำเนินชีวิตประจำวัน เปิดให้บริการ ซึ่งได้แก่กลุ่มใดบ้าง | ปลดล็อคดาวน์เฟส 2: ร้านไหนเปิดได้บ้าง พร้อมส่องมาตรการห้างฯ และแล้ววันนี้ก็เป็นวันดีของผู้ประกอบการหลายคน เพราะวันนี้ วันที่ 17 พ.ค. 2563 คือ วันแรกที่หลายกิจการพร้อมห้างสรรพสินค้าได้รับอนุญาตให้เปิดหลังมีมติปลดล็อคดาวน์เฟส 2 เมื่อวันที่ 15 พ.ค. ที่ผ่านมา โดยเป็นการประชุมร่วมกันระหว่างศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (COVID-19) หรือ ศบค. และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และแล้ววันนี้ก็เป็นวันดีของผู้ประกอบการหลายคน เพราะวันนี้ หลังมีมติปลดล็อคดาวน์เฟส 2 เมื่อวันที่ 15 พ.ค. ที่ผ่านมา โดยเป็นการประชุมร่วมกันระหว่างศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (COVID-19) หรือ ศบค. และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ทั้งนี้ในส่วนของรายละเอียดที่ว่าร้านไหนเปิดได้บ้าง สถานที่ใดเปิดให้บริการได้ ยังมีเคอร์ฟิวอยู่หรือไม่ และห้างสรรพสินค้าจะมีมาตรการรับมือลูกค้าในช่วงปลดล็อคดาวน์ระยะ 2 นี้อย่างไร เรามาดูพร้อมกันได้เลย ! ทั้งนี้ในส่วนของรายละเอียดที่ว่าร้านไหนเปิดได้บ้าง สถานที่ใดเปิดให้บริการได้ ยังมีเคอร์ฟิวอยู่หรือไม่ และห้างสรรพสินค้าจะมีมาตรการรับมือลูกค้าในช่วงปลดล็อคดาวน์ระยะ 2 นี้อย่างไร เรามาดูพร้อมกันได้เลย ! ร้านไหนและสถานที่ใดเปิดได้บ้างในช่วงปลดล็อคดาวน์เฟส 2 ผ่อนคลายการปิดเมือง ? ในช่วงปลดล็อคดาวน์เฟส 2 นี้ ได้มีมติและอนุญาตให้ 2 กลุ่มสถานที่และกิจกรรมเปิดให้บริการด้วยกัน ซึ่งได้แก่ ในช่วงปลดล็อคดาวน์เฟส 2 นี้ ได้มีมติและอนุญาตให้ 2 กลุ่มสถานที่และกิจกรรมเปิดให้บริการด้วยกัน ซึ่งได้แก่ กลุ่มที่ 1: กลุ่มกิจการที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมด้านเศรษฐกิจและการดำเนินชีวิตประจำวัน กลุ่มจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มในภัตตาคาร สวนอาหาร ศูนย์อาหาร โรงอาหาร ร้านอาหารหรือเครื่องดื่มทั่วไป แต่ไม่รวมสถานบริการ ผับ บาร์ เปิดได้ แต่ยังห้ามการบริโภคสุราหรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในสถานที่เหล่านี้ ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ เปิดเพิ่มได้ในส่วนของการจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคและการให้บริการ ร้านอาหารหรือเครื่องดื่ม แต่ห้ามมีการบริโภคสุราหรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในร้าน ร้านเสริมสวย แต่งผม ตัดผม หรือทำเล็บ ยกเว้นโรงมหรสพ โรงภาพยนต์ สถานที่เล่นโบว์ลิ่ง ตู้เกม เครื่องเล่นหยอดเหรียญ สถานที่เล่นสเก็ตหรือโรลเลอร์เบรด รวมถึงการละเล่นอื่น ๆ ในทำนองเดียวกัน คาราโอเกะ สวนสนุก สวนน้ำ สวนสัตว์ สนุกเกอร์ บิลเลียด ร้านเกมส์ นวดฝ่าเท้า สถาบันกวดวิชา สนามพระเครื่อง ศูนย์ประชุม ร้านค้าปลีกหรือค้าส่ง หรือตลาดค้าส่งขนาดใหญ่ สถานที่บริการดูแล สถานที่พำนักอาศัย หรือสถานสงเคราะห์อื่นที่จัดสวัสดิการให้แก่เด็กและผู้สูงอายุ หรือผู้มีภาระพึ่งพิงให้เปิดได้เฉพาะที่มีการรับตัวไว้พักค้างคืนเป็นปกติธุระ ห้องประชุมในโรงแรมหรือศูนย์ประชุม เปิดได้แต่ต้องจำกัดผู้เข้าร่วม และต้องเป็นการประชุมคณะกรรมการ ผู้ถือหุ้น หรือการประชุม การอบรม สัมมนาที่มีผู้ประชุมจากหน่วยงานเดียวกัน เพื่อความสะดวกในการตรวจสอบแหล่งที่มา กลุ่มที่ 2: กลุ่มกิจกรรมด้านการออกกำลังกาย การดูแลสุขภาพหรือสันทนาการ คลินิกเวชกรรมเสริมความงาม สถานเสริมความงาม และร้านทำเล็บ ทั้งในและนอกห้างฯ ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ สามารถเปิดได้แค่การเสริมความงามเรื่องร่างและผิวพรรณเท่านั้น ยังไม่รวมการเสริมความงามบนใบหน้า ฟิตเนสนอกห้าง ศูนย์การค้า หรือคอมมูนิตี้มอลล์ สามารถเปิดได้แค่ส่วนที่เป็นโยคะหรือ ฟรีเวท แต่ยังงดเล่นเครื่องเล่น เครื่องลู่วิ่ง จักรยานปั่น หรือการเล่นแบบรวมกลุ่ม สถานที่หรือสถานออกกำลังกายในร่ม เฉพาะกีฬาที่มีกติกาสากล ไม่มีการปะทะกันระหว่างผู้เล่น และห้ามมีผู้ชมการแข่งขัน สำหรับกีฬาประเภททีม ต้องมีผู้เล่นไม่เกิน 3 คน ได้แก่ ตะกร้อ, เทเบิลเทนนิส, ยิมนาสติก, ฟันดาบ, สคอช, ปีนผา และแบดมินตัน สวนพฤกษศาสตร์ สวนดอกไม้ พิพิธภัณฑ์ ศูนย์การเรียนรู้ แหล่งประวัติศาสตร์ โบราณสถาน ห้องสมุดสาธารณะ และหอศิลป์ ยังมีเคอร์ฟิวในช่วงปลดล็อคดาวน์เฟส 2 หรือไม่ ? ในส่วนของการคลายมาตรการปิดเมืองและปลดล็อคดาวน์ในระยะที่ 2 นั้น ประเทศไทยของเรายังคงเคอร์ฟิวไว้ ยังคงห้ามออกนอกเคหสถาน ระหว่าง 23.00 น. – 04.00 น. ของวันถัดไป ซึ่งแต่ก่อนจะเป็นช่วง 22.00 น. – 04.00 น. โดยการปรับช่วงเวลาของเคอร์ฟิวในเฟส 2 นี้จะช่วยให้ผู้ประกอบการวางแผนธุรกิจและขยายเวลาในการให้บริการได้มากขึ้น ในส่วนของการคลายมาตรการปิดเมืองและปลดล็อคดาวน์ในระยะที่ 2 นั้น ประเทศไทยของเรายังคงเคอร์ฟิวไว้ ยังคง ซึ่งแต่ก่อนจะเป็นช่วง 22.00 น. – 04.00 น. โดยการปรับช่วงเวลาของเคอร์ฟิวในเฟส 2 นี้จะช่วยให้ผู้ประกอบการวางแผนธุรกิจและขยายเวลาในการให้บริการได้มากขึ้น ห้างสรรพสินค้าเปิดได้หรือไม่ และต้องมีมาตรการรองรับอย่างไร ? ภาพจาก Unsplash ห้างสรรพสินค้าจัดอยู่ในกลุ่มที่ 1 ตามประกาศ เป็นกิจการที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมด้านเศรษฐกิจและการดำเนินชีวิตประจำวัน สามารถเปิดให้บริการได้ โดยห้างต้องเปิด-ปิดเวลา 10.00 น. 20.00 น. ในช่วงของการคลายล็อคดาวน์ระยะที่ 2 นี้ ห้างสรรพสินค้าจัดอยู่ในกลุ่มที่ 1 ตามประกาศ เป็นกิจการที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมด้านเศรษฐกิจและการดำเนินชีวิตประจำวัน สามารถเปิดให้บริการได้ ในส่วนของมาตรการป้องกัน COVID-19 ของห้างสรรพสินค้าแต่ละแห่งก็อาจจะแตกต่างกันออกไป แต่โดยหลักแล้ว ทุกห้างจะต้องมีมาตรการพื้นฐาน ดังนี้ :- ในส่วนของ มาตรการป้องกัน COVID-19 ของห้างสรรพสินค้า แต่ละแห่งก็อาจจะแตกต่างกันออกไป แต่โดยหลักแล้ว ทุกห้างจะต้องมีมาตรการพื้นฐาน ดังนี้ :- ก่อน-หลังบริการต้องทำความสะอาดพื้นและพื้นผิวสัมผัส แลพต้องกำจัดขยะมูลฝอยทุกวัน ผู้ประกอบการ พนักงานบริการ และผู้ใช้บริการต้องสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า มีจุดบริการล้างมือด้วยสบู่ แอลกอฮอล์เจล หรือน้ำยาฆ่าเชื้อโรค มีระยะห่างระหว่างโต๊ะและระหว่างที่นั่ง และเว้นระยะห่างระหว่างการเดินอย่างน้อย 1 เมตร ควบคุมจำนวนผู้ใช้บริการ เพื่อลดการแออัดและการรวมกลุ่มกัน ลดเวลาในการทำกิจกรรมเท่าที่จำเป็น โดยถือหลักหลีกเลี่ยงการติดต่อสัมผัสระหว่างกัน รวมถึงเพิ่มมาตรการใช้แอพพลิเคชั่นโทรศัพท์มือถือตามที่ทางราชการกำหนด หรือใช้มาตรการควบคุมด้วยการบันทึกข้อมูลและรายงานทดแทนได้ ร้านที่จำหน่ายอาหารหรือเครื่องดื่มในห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ในขั้นตอน เปิดได้แต่ต้องนำกลับไปทานที่อื่น แต่ถ้าเปิดให้บริการในสถานที่นั้นก็ได้ แต่ต้องจัดระเบียบการใช้บริการตามมาตรการป้องกันโรคและคำแนะนำของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดหรือคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร สำหรับโรงเรียนสอนดนตรี โรงเรียนสอนภาษา โรงเรียนสอนเต้น สถาบันลีลาศหรือสอนลีลาศ สอนวาดภาพ สอนศิลปะ สอนขับรถยนต์ โรงเรียนสอนศิลปะการต่อสู้ (ยิม) โรงเรียนสอนทำอาหาร หรือสถานที่เพื่อการจัดการเรียนการสอนการสอบ หรือการฝึกอบรมยังคงต้องปิดต่อ เพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2558 (ฉบับที่ 5) ข้อ 2 (1) ร้านเสริมสวย แต่งผม หรือตัดผมสำหรับบุรุษหรือสตรีสามารถเปิดได้แค่สระ ตัด ซอยผม แต่งผม และห้ามให้มีลูกค้าในร้านเพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2558 (ฉบับที่ 6) ข้อ 1 (1) ง. ทั้งนี้แม้แต่ละห้างจะมีมาตรการที่แตกต่างกันออกไปเล็กน้อย แต่เราเชื่อว่าแต่ละห้างล้วนคำนึงถึงความปลอดภัยสูงสุดของผู้มาใช้บริการ ดังนั้นแล้วทั้งผู้ประกอบการและลูกค้าจึงวางใจได้ ทั้งนี้แม้แต่ละห้างจะมีมาตรการที่แตกต่างกันออกไปเล็กน้อย แต่เราเชื่อว่าแต่ละห้างล้วนคำนึงถึงความปลอดภัยสูงสุดของผู้มาใช้บริการ ดังนั้นแล้วทั้งผู้ประกอบการและลูกค้าจึงวางใจได้ ในส่วนของมาตรการป้องกันโรค COVID-19 และแนวปฏิบัติสำหรับผู้ประกอบการร้านค้า ร้านอาหาร และสถานที่ประเภทอื่น ๆ สามารถอ้างอิงจากราชกิจจานุเบกษา ในส่วนของมาตรการป้องกันโรค COVID-19 และแนวปฏิบัติสำหรับผู้ประกอบการร้านค้า ร้านอาหาร และสถานที่ประเภทอื่น ๆ สามารถอ้างอิงจาก ราชกิจจานุเบกษา เราเชื่อว่าเมื่อการปลดล็อคดาวน์และคลายมาตรการปิดเมืองระยะที่ 2 นี้ จะช่วยให้ธุรกิจกลับมามีสีสันและช่วยให้ผู้ประกอบการยิ้มได้อีกครั้ง อย่าลืมติดตามข่าวสารจากอย่างสม่ำเสมอและปฏิบัติตามมาตรการของทางการอย่างเคร่งครัดเพื่อความปลอดภัยสูงสุดนะคะ และเพื่อให้ร้านมีรายได้หลายทางยิ่งขึ้น ร้านค้าและร้านอาหารก็ต้องมีทั้งร้านค้าออนไลน์และเดลิเวอรี่ควบคู่กันไปในยุคนี้ เราเชื่อว่าเมื่อการปลดล็อคดาวน์และคลายมาตรการปิดเมืองระยะที่ 2 นี้ จะช่วยให้ธุรกิจกลับมามีสีสันและช่วยให้ผู้ประกอบการยิ้มได้อีกครั้ง อย่าลืมติดตามข่าวสารจากอย่างสม่ำเสมอและปฏิบัติตามมาตรการของทางการอย่างเคร่งครัดเพื่อความปลอดภัยสูงสุดนะคะ และเพื่อให้ร้านมีรายได้หลายทางยิ่งขึ้น ร้านค้าและร้านอาหารก็ต้องมีทั้ง ร้านค้าออนไลน์ และ เดลิเวอรี่ ควบคู่กันไปในยุคนี้ | ช่วงปลดล็อคดาวน์เฟส 2 ในวันที่ 17 พ.ค. 2563 ได้มีมติและอนุญาตให้กลุ่มกิจการที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมด้านเศรษฐกิจและการดำเนินชีวิตประจำวัน เปิดให้บริการ ซึ่งได้แก่
- กลุ่ม ก. กลุ่มจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มในภัตตาคาร สวนอาหาร ศูนย์อาหาร โรงอาหาร ร้านอาหารหรือเครื่องดื่มทั่วไป แต่ไม่รวมสถานบริการ ผับ บาร์ เปิดได้ แต่ยังห้ามการบริโภคสุราหรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในสถานที่เหล่านี้
- กลุ่ม ข. ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ เปิดเพิ่มได้ในส่วนของการจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคและการให้บริการ ร้านอาหารหรือเครื่องดื่ม แต่ห้ามมีการบริโภคสุราหรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในร้าน ร้านเสริมสวย แต่งผม ตัดผม หรือทำเล็บ ยกเว้นโรงมหรสพ โรงภาพยนต์ สถานที่เล่นโบว์ลิ่ง ตู้เกม เครื่องเล่นหยอดเหรียญ สถานที่เล่นสเก็ตหรือโรลเลอร์เบรด รวมถึงการละเล่นอื่น ๆ ในทำนองเดียวกัน คาราโอเกะ สวนสนุก สวนน้ำ สวนสัตว์ สนุกเกอร์ บิลเลียด ร้านเกมส์ นวดฝ่าเท้า สถาบันกวดวิชา สนามพระเครื่อง ศูนย์ประชุม
- กลุ่ม ค. ร้านค้าปลีกหรือค้าส่ง หรือตลาดค้าส่งขนาดใหญ่
- กลุ่ม ง. สถานที่บริการดูแล สถานที่พำนักอาศัย หรือสถานสงเคราะห์อื่นที่จัดสวัสดิการให้แก่เด็กและผู้สูงอายุ หรือผู้มีภาระพึ่งพิงให้เปิดได้เฉพาะที่มีการรับตัวไว้พักค้างคืนเป็นปกติธุระ
- กลุ่ม จ. กองถ่าย หรือการถ่ายทำโทรทัศน์ ภาพยนตร์ และวีดิทัศน์ โดยรวมฝ่ายหน้าฉากกับทุกแผนกแล้วไม่เกิน 50 คน และห้ามมีผู้ชมเข้าร่วมรายการ
- กลุ่ม ฉ. ห้องประชุมในโรงแรมหรือศูนย์ประชุม เปิดได้แต่ต้องจำกัดผู้เข้าร่วม และต้องเป็นการประชุมคณะกรรมการ ผู้ถือหุ้น หรือการประชุม การอบรม สัมมนาที่มีผู้ประชุมจากหน่วยงานเดียวกัน เพื่อความสะดวกในการตรวจสอบแหล่งที่มา | null | Closed QA | cc-by-nc-4.0 |
Retail_51263 | Retail | เขียนย่อหน้าเกี่ยวกับ รู้จักร้านเช่าชุดราตรี Rent Sheep | null | ร้านเช่าชุดราตรี Rent Sheep เป็นร้านเช่าชุดราตรีที่มีจุดเด่น คือ มีเสื้อผ้าคุณภาพพรีเมียม มีนื้อผ้าดี ชุดสวยและมีให้เลือกได้ทุกไซซ์ ใครมีรูปร่างแบบไหน ก็สามารถใส่ชุดของร้าน แถมราคาถูกมาก ๆ ด้วย โดยร้านนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากการที่คุณนุ่น นุชจรี ชาติสุทธิผล หนึ่งในหุ้นส่วนของร้านเคยเป็นเพื่อนเจ้าสาวมาก่อน เลยเป็นที่มาของร้าน Rent Sheep
บทเรียนจากย่อหน้านี้
ทำความรู้จัก Rent Sheep ร้านเช่าชุดราตรีชื่อดัง
Rent Sheep หรือ เร้นท์ชีพ ร้านเช่าชุดราตรีและชุดเพื่อนเจ้าสาวสุดปังที่ไม่มีใครไม่รู้จักในตอนนี้ จุดเด่นคือ เสื้อผ้าคุณภาพพรีเมียม, เนื้อผ้าดี, ชุดใหม่สวย และมีให้เลือกทุกไซซ์ ทุกสี ไม่ว่าสาว ๆ จะมีรูปร่างแบบไหน ก็ใส่ชุดของร้านเร้นท์ชีพได้ ที่สำคัญราคาถูกมาก ๆ ซึ่งหนึ่งในหุ้นส่วนก็คือ คุณนุ่น นุชจรี ชาติสุทธิผล สาวสวยที่เป็นพนักงานบริษัทมาก่อน และเธอก็ได้แรงบันดาลใจมาจากการเป็นเพื่อนเจ้าสาว
ในตอนนั้นคุณนุ่นเห็นเจ้าสาวเสียเวลาหาผ้าและสั่งตัดชุดให้เพื่อน ๆ แต่พอตัดออกมาแล้วเพื่อนบางคนก็ไม่ถูกใจ พอไปหาร้านเช่าชุดสำเร็จรูปก็ยังไม่ถูกใจอีกเพราะไม่มีแบบให้เลือกเยอะ ก็เลยเกิดไอเดียและตัดสินใจทำธุรกิจเช่าชุดราตรีเพราะอยากมีชุดหลาย ๆ แบบ หลาย ๆ สีเพื่อให้ตอบโจทย์สาว ๆ รูปร่างต่าง ๆ ที่ร้านเร้นท์ชีพจึงมีบริการชุดสวย ๆ ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ซึ่งปัจจุบันมีมากถึง 12 สาขาและยังมีแผนที่จะขยายเพิ่มขึ้นไปอีก | null | Creative writing | cc-by-nc-4.0 |
Retail_51280 | Retail | เทคนิคการตลาดที่ช่วยเพิ่มยอดขายร้านผ่านบัญชีธุรกิจของคุณบน LINEคืออะไรร | null | 1. Greeting Message Greeting Message คือ ข้อความทักทายเพื่อนใหม่ ทางร้านควรมี Greeting Message ทักทายลูกค้าเพื่อสานสัมพันธ์ตั้งแต่ขั้นตอนแรกที่ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายเพิ่มคุณเป็นเพื่อนใน LINE Greeting Message คือ ข้อความทักทายเพื่อนใหม่ ทางร้านควรมี Greeting Message ทักทายลูกค้าเพื่อสานสัมพันธ์ตั้งแต่ขั้นตอนแรกที่ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายเพิ่มคุณเป็นเพื่อนใน LINE เคล็ดลับ : เคล็ดลับ : สามารถตั้งค่าส่งสติ๊กเกอร์ทักทายลูกค้าทันทีก่อนที่จะส่งข้อความตามไป ทักทายลูกค้าด้วยภาษาที่เป็นกันเอง เพิ่มอิโมจิให้ข้อความมีสีสันและน่าสนใจยิ่งขึ้น
2. Rich Message Rich Message ช่วยให้ลูกค้าดูภาพขนาดเต็มจอแชทและเพิ่มความน่าสนใจของคอนเทนต์บนแชทใน LINE Official Account ของคุณได้ และด้วย Rich Message นี้แล้ว คุณจะสามารถกระตุ้นให้ลูกค้าคลิกไปยังหน้าซื้อ-ขายสินค้าอย่างได้ผลยิ่งขึ้น Rich Message ช่วยให้ลูกค้าดูภาพขนาดเต็มจอแชทและเพิ่มความน่าสนใจของคอนเทนต์บนแชทใน LINE Official Account ของคุณได้ และด้วย Rich Message นี้แล้ว คุณจะสามารถกระตุ้นให้ลูกค้าคลิกไปยังหน้าซื้อ-ขายสินค้าอย่างได้ผลยิ่งขึ้น เคล็ดลับ : เคล็ดลับ : ใส่ภาพและข้อความสำคัญบน Rich Message ให้ครบถ้วน เพื่อให้ Rich Message น่าสนใจมากขึ้นไปอีก คุณสามารถใส่เป็นโปรโมชั่น ดีล ส่วนลด สินค้ามาใหม่ หรือสินค้าอินเทรนด์ของทางร้านก็ได้ รับรองว่าน่ากด น่าคลิกมาขึ้นแน่นอน
3. Card message Card Message หรือข้อความแบบการ์ด มีหน้าตาเหมือนภาพสไลด์หรือ Carousel ช่วยให้ทางร้านนำเสนอสินค้าและบริการในรูปแบบที่แปลกใหม่ผ่าน Card Message 4 ประเภทด้วยกัน คือ สินค้า, สถานที่, บุคคล และรูปภาพ วิธีนี้เหมาะสำหรับการโปรโมทสินค้าและบริการเป็นอย่างมาก Card Message หรือข้อความแบบการ์ด มีหน้าตาเหมือนภาพสไลด์หรือ Carousel ช่วยให้ทางร้านนำเสนอสินค้าและบริการในรูปแบบที่แปลกใหม่ผ่าน
4. Rich Menu Rich menu คือเมนูลัดบนหน้าแชท มีข้อดีคือ ช่วยให้ลูกค้าได้รับข้อมูลจากทางร้านอย่างสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น จากเมนูและลิงค์ที่ทางร้านตั้งค่าไว้ ดังนั้นทางร้านควรทำภาพหรือไอคอนให้ดูน่าคลิกมากที่สุด แล้วก็ใส่ลิงค์ไปยังหน้าสินค้าและบริการเพื่อกระตุ้นให้เกิดการซื้อ-ขายแบบทันที Rich menu คือเมนูลัดบนหน้าแชท มีข้อดีคือ ช่วยให้ลูกค้าได้รับข้อมูลจากทางร้านอย่างสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น | null | Open QA | cc-by-nc-4.0 |
Retail_51283 | Retail | ข้อใดกล่าวถึงเทรนด์อาหารและเครื่องดื่มมาแรงในปี 2562 เกี่ยวกับการใช้วัตถุดิบท้องถิ่น ได้ถูกต้อง | a. อาหารที่ผลิตจากฟาร์มท้องถิ่นไม่ต้องผ่านการขนส่งมากเท่าอาหารที่นำเข้ามาจากแหล่งอื่น จึงสดใหม่กว่า รสชาติดีกว่า และมีคุณค่าทางอาหารมากกว่า
b. ผู้คนตระหนักถึงผลกระทบของขยะพลาสติกที่มีต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เนื่องจากมีการรณรงค์กันทั่วโลก
c. ร้านอาหารควรมอบประสบการณ์ชั้นยอดให้แก่ลูกค้าควบคู่ไปกับอาหารชั้นเยี่ยม
d. เทรนด์อาหารจากพืช เริ่มได้รับความนิยมในเอเชียมาตั้งแต่ปี 2560 ซึ่งมีบริษัทใหญ่ ๆ เข้ามาเจาะตลาดในภูมิภาคบ้างแล้ว | ข้อที่ถูกต้องคือ a. เพราะว่า เพราะ "อาหารที่ผลิตจากฟาร์มท้องถิ่นไม่ต้องผ่านการขนส่งมากเท่าอาหารที่นำเข้ามาจากแหล่งอื่น จึงสดใหม่กว่า รสชาติดีกว่า และมีคุณค่าทางอาหารมากกว่า" กล่าวถึงเทรนด์อาหารและเครื่องดื่มมาแรงในปี 2562 เกี่ยวกับการใช้วัตถุดิบท้องถิ่น ได้ถูกต้อง
เทรนด์อาหารและเครื่องดื่มมาแรงในปี 2562 เกี่ยวกับการใช้วัตถุดิบท้องถิ่น มีร้านอาหารจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ ที่เสิร์ฟอาหารที่ปรุงจากวัตถุดิบท้องถิ่นที่มีความสดใหม่ตามฤดูกาล ซึ่งได้มาจากฟาร์มในท้องที่ ทั้งหมดนี้ เกิดจากการสนับสนุนให้รับประทานอาหารท้องถิ่น หรือ Locavore movement ซึ่งเกิดขึ้นเพื่อเชื่อมโยงผู้ผลิตอาหารและผู้บริโภคในท้องที่เดียวกัน
นอกจากนี้ อาหารท้องถิ่นยังดีต่อสุขภาพมากกว่า เพราะอาหารที่ผลิตจากฟาร์มท้องถิ่น ไม่ต้องผ่านการขนส่งมากเท่าอาหารที่นำเข้ามาจากแหล่งอื่น จึงสดใหม่กว่า รสชาติดีกว่า และมีคุณค่าทางอาหารมากกว่า และความนิยมในการรับประทานอาหารท้องถิ่นของแท้ที่ปรุงจากวัตถุดิบคุณภาพจริง ๆ จะเพิ่มสูงขึ้นอีกในปี 2562 | null | Multiple choice | cc-by-nc-4.0 |
Retail_51296 | Retail | เขียนย่อหน้าเกี่ยวกับ เทคนิคการตั้งราคาอาหารที่ช่วยเพิ่มยอดขายและทำกำไร | null | มาดูเทคนิคการตั้งราคาอาหารที่ช่วยเพิ่มยอดขายและทำกำไรกันดีกว่า เริ่มจากการศึกษาราคาอาหารคู่แข่ง การมองในมุมลูกค้า ให้ความสำคัญกับคุณค่าของสินค้าและบริการของร้าน ต่อมาเมนูอาหารจะต้องแปลกใหม่และน่าสนใจ ใชเมนูแนะนำจากเชฟมาเป็นจุดขาย เลี่ยงการใส่ค่าเงินบนเมนู เพื่อให้ลูกค้าสั่งอาหารอย่างสบายใจ ไม่ลังเล ต้องมีตัวเลือกของอาหารให้ลูกค้าเลือก 3 แบบ ตั้งราคาตามปริมาณอาหาร ถ้ามีตัวเลือกของเมนูอาหารและเครื่องดื่ม เลือกลูกค้ากลุ่มเป้าหมายให้เป็น และมีการขายอาหารโดยจับคู่อาหารและเครื่องดื่มมาขายเป็นเซ็ต
บทเรียนจากย่อหน้านี้
9 เทคนิคการตั้งราคาอาหารที่จะช่วยร้านเพิ่มยอดขายและทำกำไร
1) ดูราคาคู่แข่ง
ก่อนตั้งราคาอาหารและตั้งราคาเครื่องดื่มในร้าน จำเป็นต้องศึกษาคู่แข่งให้ดีเสียก่อน ซึ่งหลักการในการศึกษาราคาอาหารคู่แข่ง ก็คือ
- สำรวจร้านที่ขายอาหารสไตล์เดียวกัน
- แนะนำให้ดูราคาสัก 6 – 8 ร้านและดูว่ามีเมนูไหนบ้างที่เหมือนหรือคล้ายกับร้านของตนเอง
- หาราคาเฉลี่ยของแต่ละเมนูออกมา จากนั้นก็ว่าจะขายถูกหรือแพงกว่าร้านคู่แข่ง
ทั้งนี้หากจะขายแพงกว่าร้านคู่แข่ง ก็ต้องแน่ใจว่าใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพและมีบริการดีกว่าคู่แข่ง
2) มองในมุมลูกค้า
ถ้ามองในมุมของลูกค้าแล้ว ก็จะต้องมีทั้งความคุ้มค่าและบริการที่ยอดเยี่ยมใช่ไหม แล้วจะต้องทำยังไง คำตอบก็คือ ทางร้านให้ความสำคัญกับคุณค่าของสินค้าและบริการ ได้แก่
- การตกแต่งจานให้สวยน่ากิน
- การบริการที่น่าประทับใจ มีความสุภาพนอบน้อม และใส่ใจลูกค้าในทุกขั้นตอน
- บรรยากาศร้านสวยงาม
- มีดนตรีสดเพิ่มอรรถรสในการทานอาหาร
หัวใจสำคัญของข้อนี้คือ ลูกค้าต้องได้ประสบการณ์การทานอาหารที่ดีเกินคาด เพราะมีลูกค้าจำนวนมากที่เต็มใจจ่ายในราคาที่สูงกว่าหากพวกเขาได้รับบริการที่ดีและพิเศษกว่า
3) เมนูอาหารต้องแปลกใหม่และน่าสนใจ
สามารถประยุกต์เมนูไหนเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับอาหารและเครื่องดื่มในร้านได้บ้าง ซึ่งวิธีที่ทำให้อาหารแปลกใหม่ น่าสนใจ และตั้งราคาได้ดีขึ้น ก็คือ
- ตั้งชื่อเมนูเก๋ ๆ การตั้งชื่อเมนูอาหารและเครื่องดื่มที่ไม่ซ้ำใคร จะช่วยให้ร้านเป็นที่จดจำในหมู่ลูกค้า เช่น ข้าวหน้าลิเวอร์พูล, ตำเสียสาว และฝรั่งกอดลาว เป็นต้น แนะนำว่าควรมีภาพประกอบและคำอธิบายแต่ละเมนูด้วย
- ใช้ส่วนผสมที่ราคาแพงขึ้นมาหน่อย เช่น ถ้าร้านขายข้าวผัดต้มยำ ก็อาจจะมีแซลมอนและไข่เพิ่มเข้ามาในเมนูเพื่อให้ตั้งราคาอาหารได้ในราคาที่แพงขึ้น
4) ใช้ “เชฟ” เป็นจุดขาย
รู้ไหมว่าลูกค้ามีแนวโน้มสั่งอาหารที่มีป้ายกำกับ “เมนูแนะนำจากเชฟ” หรือ “เมนูพิเศษจากเชฟ” มากกว่า ดังนั้นลองรังสรรค์เมนูอาหารและเครื่องดื่มที่แปลกใหม่ และจัดเข้าคอลเล็กชั่นเมนูพิเศษจากเชฟดู รับรองเรียกลูกค้าและทำเงินได้ไม่ยาก
ตัวอย่างเมนูพิเศษจากเชฟ :
- ซุปเยื่อไผ่เนื้อมะพร้าวตุ๋นกับเห็ด เมนูพิเศษจากเชฟ โรงแรมคอนราด กรุงเทพฯ
- เซ็ตเมนูอาหารจีน 4 เมนู สุดพิเศษจากเชฟ ของโพธาลัย เลเชอร์ ปาร์ค เซ็ตพิเศษจากเชฟ
- Tiramisu Meringue ขนมหวานขึ้นชื่อของอิตาลี โดยเชฟประจำร้าน Galleria Milano
และแน่นอนว่าหากร้านขายอาหารไทยหรือเมนูอื่นก็ให้เชฟคิดค้นเมนูใหม่ ๆ เพื่อเรียกลูกค้าได้ แล้วจะตั้งราคาอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพและถูกใจลูกค้ามากขึ้น
5) เลี่ยงการใส่ค่าเงินบนเมนู
เมื่อลูกค้าเห็นสกุลเงินหรือค่าเงินบนเมนูอาหาร พวกเขามีแนวโน้มที่จะลังเลในการสั่งอาหารมากขึ้น ดังนั้นทางร้านไม่ควรใส่ค่าเงินบนเมนู เพื่อให้ลูกค้าสั่งอาหารได้อย่างสบายใจ ไม่ลังเล เท่านี้ร้านก็จะขายได้มากขึ้นแล้ว เช่น ถ้าขายเมนูกะเพราเนื้อราคา 70 บาท ราคาที่ควรแสดงบนเมนูก็จะเป็น
กะเพราเนื้อ 70
กะเพราเนื้อ 70.-
จะสังเกตได้ว่า จะไม่ใส่ค่าเงินอย่าง “บาท”, “บ.” หรือ “THB” แต่จะใส่แค่ตัวเลขราคา หรือไม่ก็ใส่เครื่องหมาย “.-” แทน
6) มีตัวเลือกอาหาร 3 ตัวเลือก
เทคนิคการตั้งราคาอาหารและกระตุ้นให้ลูกค้าสั่งอาหารจานที่แพงกว่าก็คือ การมีตัวเลือกให้ลูกค้าเลือก 3 แบบด้วยกัน เช่น
ตัวเลือกที่ 1: ก๋วยเตี๋ยวหมู ราคา 40 บาท มีเส้น เนื้อหมูหั่น กับลูกชิ้นหมู
ตัวเลือกที่ 2: ก๋วยเตี๋ยวหมูพิเศษ ราคา 55 บาท มีการใส่ไข่ต้มยางมะตูมและหมูแดงเข้าไป
ตัวเลือกที่ 3: ก๋วยเตี๋ยวหมูจัมโบ้ ราคา 75 บาท เป็นการรวมตัวเลือกที่ 1 และ 2 เข้าด้วยกัน หรือจะใช้หมูตุ๋นแทนก็ได้
ซึ่งถ้าเป็นลูกค้าก็จะเลือกตัวเลือกที่ 3 เพราะดูแล้วคุ้มที่สุด
7) ตั้งราคาตามปริมาณอาหาร
เพื่อให้มีตัวเลือกอาหารและราคาที่หลากหลาย ทางร้านควรจะมีตัวเลือกของเมนูอาหารและเครื่องดื่มด้วย คือ
- มีอาหารจานปกติ ให้ลูกค้าสามารถเลือกอัพไซซ์หรือเพิ่มเครื่องเคียงในราคาเพิ่มเติมได้
- มีเครื่องดื่มขนาดมาตรฐาน และไซซ์อื่น ๆ เช่น กาแฟแก้วปกติ แก้วกลาง และใหญ่ เป็นต้น โดยราคาของแต่ละไซซ์ก็จะแตกต่างกันออกไป
วิธีนี้ช่วยให้ร้านตั้งราคาอาหารดูเหมาะสมในสายตาลูกค้า ช่วยให้ลูกค้ามีตัวเลือกเยอะขึ้น ที่สำคัญสามารถลดเศษอาหารเหลือทิ้งได้ด้วย
8) เลือกลูกค้ากลุ่มเป้าหมายให้เป็น
การจะตั้งราคาอาหารและเครื่องดื่มในร้าน จำเป็นต้องรู้จักกลุ่มเป้าหมายและเลือกกลุ่มลูกค้าด้วย ซึ่งคำถามสำคัญที่ช่วยให้เลือกตลาดเป้าหมายและตั้งราคาอาหารได้ดียิ่งขึ้นก็คือ
- ลูกค้าของฉันเป็นใคร ?
- ลูกค้าของฉันอายุเท่าไหร่ ?
- ลูกค้าของฉันมีรายได้ต่อเดือนมาก-น้อยแค่ไหน ?
วิธีนี้จะช่วยให้ตั้งราคาอาหารได้เหมาะสมและคิดคอนเซ็ปต์ร้านได้ง่ายขึ้นด้วย เช่น หากลูกค้าเป็นวัยทำงาน ก็อาจจะมีเซ็ตอาหารกลางวัน เซ็ตกาแฟและเค้ก หรือถ้าเป็นวัยเรียนก็อาจจะมีเมนูไอศกรีม เค้ก และชาไข่มุกไว้เอาใจลูกค้า เป็นต้น
9) ขายอาหารเป็นเซ็ต
หลายร้านเลือกจับคู่อาหารและเครื่องดื่มมาขายเป็นเซ็ต แล้วตั้งราคาขายที่คุ้มค่าในสายตาลูกค้า เลยทำให้ร้านขายดีมากขึ้น กลยุทธ์นี้จึงได้รับความนิยมในหมู่ผู้ประกอบการร้านอาหารเป็นอย่างมาก ซึ่งเทคนิคการขายอาหารเป็นเซ็ตก็คือ
- จับคู่เซ็ตคอมโบ – จัดเซ็ตเมนูอาหารและเครื่องดื่ม
- รับส่วนลดเมื่อซื้อเพิ่ม – เช่น ถ้าลูกค้าซื้อแซนด์วิช และต้องการซื้อเครื่องดื่มเพิ่ม ก็มอบส่วนลดเครื่องดื่มให้กับลูกค้า
แค่นี้ลูกค้าก็ถูกใจ แล้วร้านอาหารก็มีโอกาสขายได้มากขึ้นแล้ว | null | Creative writing | cc-by-nc-4.0 |
Retail_51297 | Retail | ในฐานะเจ้าของธุรกิจค้าปลีกขนาดเล็ก เราควรใช้กลยุทธ์อย่างไรเพื่อให้สามารถแข่งขันกับธุรกิจค้าปลีกขนาดใหญ่อย่างมีประสิทธิภาพ | null | ธุรกิจค้าปลีกขนาดเล็กต้องเผชิญกับความท้าทายมากมายในการแข่งขันกับธุรกิจค้าปลีกขนาดใหญ่
กลยุทธ์ที่สำคัญ 5 ประการ ที่จะช่วยให้ธุรกิจค้าปลีกขนาดเล็กสามารถแข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพ:
1. เน้นสินค้าเฉพาะทาง:
เลือกสินค้าเฉพาะทางที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้ากลุ่มเฉพาะ
สร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง
ดึงดูดลูกค้าที่มองหาสินค้าพิเศษ
2. มอบประสบการณ์การช็อปปิ้งที่ไม่เหมือนใคร:
เน้นการบริการลูกค้าที่ยอดเยี่ยม
สร้างบรรยากาศร้านค้าที่น่าดึงดูด
จัดกิจกรรมพิเศษเพื่อดึงดูดลูกค้า
3. ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี:
ขายสินค้าออนไลน์
ใช้โซเชียลมีเดียเพื่อโปรโมทร้านค้า
ใช้ระบบ POS อัจฉริยะเพื่อจัดการธุรกิจ
4. สร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า:
รู้จักลูกค้าของคุณ
เสนอโปรโมชั่นและส่วนลดพิเศษ
จัดกิจกรรมสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า
5. จัดการธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ:
ควบคุมต้นทุนอย่างใกล้ชิด
บริหารคลังสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ
วิเคราะห์ข้อมูลเพื่อตัดสินใจ
ตัวอย่างเพิ่มเติม:
ใช้กลยุทธ์ราคา: เสนอราคาที่แข่งขันได้ หรือ นำเสนอแพ็กเกจสินค้าและบริการที่คุ้มค่า
เน้นการบริการท้องถิ่น: สนับสนุนชุมชนท้องถิ่น และ นำเสนอสินค้าและบริการที่ตอบสนองความต้องการของชุมชน
สร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่ง: สร้างเอกลักษณ์ของแบรนด์ และ สื่อสารแบรนด์ของคุณอย่างมีประสิทธิภาพ
สรุป:
ธุรกิจค้าปลีกขนาดเล็กสามารถประสบความสำเร็จได้โดยใช้กลยุทธ์ที่เหมาะสม เน้นจุดแข็งของธุรกิจ สร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง และ มอบประสบการณ์การช็อปปิ้งที่ไม่เหมือนใคร | null | Brainstorming | cc-by-nc-4.0 |
Retail_51298 | Retail | การเลือกทำเลขายของ เป็นเรื่องที่ควรให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก ๆ เพราะเหตุใด | 5 ข้อควรคิดในการ เลือกทำเลขายของ ให้กิจการไปได้สวย การเลือกทำเลเปิดร้านขายของ คือหนึ่งในสิ่งที่สำคัญที่สุดเมื่อคุณคิดจะเปิดร้านในประเทศไทยของเรา การเลือกทำเลเปิดร้านขายของ คือหนึ่งในสิ่งที่สำคัญที่สุดเมื่อคุณคิดจะเปิดร้านในประเทศไทยของเรา แน่นอนว่าเจ้าของร้านอย่างคุณต้องอยากได้ทำเลที่เรียกลูกได้มากที่สุด แต่ในขณะเดียวกัน ทำเลร้านก็ต้องไม่อยู่ในพื้นที่ที่แพงจนเกินไปจนต้องกระทบต่อเงินหมุนเวียนในร้าน (cashflow) แน่นอนว่าเจ้าของร้านอย่างคุณต้องอยากได้ทำเลที่เรียกลูกได้มากที่สุด แต่ในขณะเดียวกัน ทำเลร้านก็ต้องไม่อยู่ในพื้นที่ที่แพงจนเกินไปจนต้องกระทบต่อเงินหมุนเวียนในร้าน (cashflow) แน่นอนว่าเจ้าของร้านอย่างคุณต้องอยากได้ทำเลที่เรียกลูกได้มากที่สุด แต่ในขณะเดียวกัน ทำเลร้านก็ต้องไม่อยู่ในพื้นที่ที่แพงจนเกินไปจนต้องกระทบต่อเงินหมุนเวียนในร้าน (cashflow) อย่างไรก็ตาม การเลือกทำเลขายของนั้นเป็นสิ่งที่คุณต้องตัดสินใจให้ดี เพราะคุณมีโอกาสเลือกแค่ครั้งเดียวเท่านั้น แล้วการจะเปลี่ยนทำเลร้านแต่ละทีก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ทั้งยังต้องใช้เงินและเวลาในการย้ายไม่น้อย อย่างไรก็ตาม การเลือกทำเลขายของนั้นเป็นสิ่งที่คุณต้องตัดสินใจให้ดี เพราะคุณมีโอกาสเลือกแค่ครั้งเดียวเท่านั้น แล้วการจะเปลี่ยนทำเลร้านแต่ละทีก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ทั้งยังต้องใช้เงินและเวลาในการย้ายไม่น้อย “แล้วทีนี้คุณจะเลือกทำเลขายของยังไงถึงจะปัง ?” “แล้วทีนี้คุณจะเลือกทำเลขายของยังไงถึงจะปัง ?” “แล้วทีนี้คุณจะเลือกทำเลขายของยังไงถึงจะปัง ?” “แล้วทีนี้คุณจะเลือกทำเลขายของยังไงถึงจะปัง ?” คำตอบก็ขึ้นอยู่กับประเภทของร้านค้าและสินค้าที่คุณจะขาย เพราะหากคุณเปิดร้านขายของชำ ร้านขายเสื้อผ้าแฟชั่น ร้านขายของเล่น หรือร้านค้าประเภทไหน การเลือกทำเลก็ย่อมแตกต่างกันออกไป คำตอบก็ขึ้นอยู่กับประเภทของร้านค้าและสินค้าที่คุณจะขาย เพราะหากคุณเปิดร้านขายของชำ ร้านขายเสื้อผ้าแฟชั่น ร้านขายของเล่น หรือร้านค้าประเภทไหน การเลือกทำเลก็ย่อมแตกต่างกันออกไป ดังนั้นเมื่อคุณรู้แล้วว่าจะขายสินค้าประเภทไหน ลองดู 5 ข้อควรพิจารณาในเลือกทำเลขายของต่อไปนี้ แล้วยอดขายร้านคุณจะดีแน่นอน ดังนั้นเมื่อคุณรู้แล้วว่าจะขายสินค้าประเภทไหน ลองดู 5 ข้อควรพิจารณาในเลือกทำเลขายของต่อไปนี้ แล้วยอดขายร้านคุณจะดีแน่นอน ดังนั้นเมื่อคุณรู้แล้วว่าจะขายสินค้าประเภทไหน ลองดู 5 ข้อควรพิจารณาในเลือกทำเลขายของต่อไปนี้ แล้วยอดขายร้านคุณจะดีแน่นอน 1. ลูกค้าคือใคร และทำไมพวกเขาเลือกซื้อสินค้าร้านคุณ ? ความรู้เรื่องสถิติประชากร (demographics) และลักษณะจิตวิทยา (psychographics) ถือว่าสำคัญมาก ๆ ในการเปิดร้านขายของและร้านค้าปลีกประเภทต่าง ๆ เพราะนั่นจะทำให้คุณรู้ว่าลูกค้าของคุณเป็นใคร พวกเขามักจะซื้อสินค้าเมื่อไหร่ ทำไมถึงเลือกซื้อสินค้านั้น ๆ และซื้อยังไง ความรู้เรื่องสถิติประชากร (demographics) และลักษณะจิตวิทยา (psychographics) ถือว่าสำคัญมาก ๆ ในการเปิดร้านขายของและร้านค้าปลีกประเภทต่าง ๆ เพราะนั่นจะทำให้คุณรู้ว่าลูกค้าของคุณเป็นใคร พวกเขามักจะซื้อสินค้าเมื่อไหร่ ทำไมถึงเลือกซื้อสินค้านั้น ๆ และซื้อยังไง ความรู้เรื่องสถิติประชากร (demographics) และลักษณะจิตวิทยา (psychographics) ถือว่าสำคัญมาก ๆ ในการเปิดร้านขายของและร้านค้าปลีกประเภทต่าง ๆ เพราะนั่นจะทำให้คุณรู้ว่าลูกค้าของคุณเป็นใคร พวกเขามักจะซื้อสินค้าเมื่อไหร่ ทำไมถึงเลือกซื้อสินค้านั้น ๆ และซื้อยังไง สถิติประชากร (demographics) คืออะไร ? สถิติประชากรก็คือ คุณลักษณะของลูกค้าอย่างอายุ, เพศ, การศึกษา และรายได้ เป็นต้น สถิติประชากร (demographics) คืออะไร ? สถิติประชากรก็คือ คุณลักษณะของลูกค้าอย่างอายุ, เพศ, การศึกษา และรายได้ เป็นต้น สถิติประชากรก็คือ คุณลักษณะของลูกค้าอย่างอายุ , เพศ , การศึกษา และรายได้ เป็นต้น ลักษณะจิตวิทยา (psychographics)?คืออะไร ? ลักษณะจิตวิทยา คือ พฤติกรรมทั่วไป, ทัศนคติ และลักษณะการซื้อสินค้าของลูกค้า ลักษณะจิตวิทยา (psychographics)?คืออะไร ? ลักษณะจิตวิทยา คือ พฤติกรรมทั่วไป, ทัศนคติ และลักษณะการซื้อสินค้าของลูกค้า ลักษณะจิตวิทยา คือ พฤติกรรมทั่วไป , ทัศนคติ และลักษณะการซื้อสินค้าของลูกค้า เช่น หากคุณจะเปิดร้านขายเสื้อผ้าแฟชั่นผู้หญิง ลูกค้าส่วนใหญ่ก็จะมีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายก็จะเป็นนักเรียนนักศึกษา และทำเลที่ดีที่สุดก็จะเป็นพื้นที่ใกล้มหาวิทยาลัย หรือถ้าคุณจะเปิดร้านเสริมสวยระดับไฮเอนด์ กลุ่มลูกค้าก็จะเป็นผู้หญิงวัยทำงานที่มีอายุตั้งแต่ 25 ปีขึ้นไป ดังนั้นควรเลือกทำเลร้านที่อยู่ใกล้กับออฟฟิศ เช่น หากคุณจะเปิดร้านขายเสื้อผ้าแฟชั่นผู้หญิง ลูกค้าส่วนใหญ่ก็จะมีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายก็จะเป็นนักเรียนนักศึกษา และทำเลที่ดีที่สุดก็จะเป็นพื้นที่ใกล้มหาวิทยาลัย หรือถ้าคุณจะเปิดร้านเสริมสวยระดับไฮเอนด์ กลุ่มลูกค้าก็จะเป็นผู้หญิงวัยทำงานที่มีอายุตั้งแต่ 25 ปีขึ้นไป ดังนั้นควรเลือกทำเลร้านที่อยู่ใกล้กับออฟฟิศ เช่น หากคุณจะเปิดร้านขายเสื้อผ้าแฟชั่นผู้หญิง ลูกค้าส่วนใหญ่ก็จะมีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายก็จะเป็นนักเรียนนักศึกษา และทำเลที่ดีที่สุดก็จะเป็นพื้นที่ใกล้มหาวิทยาลัย หรือถ้าคุณจะเปิดร้านเสริมสวยระดับไฮเอนด์ กลุ่มลูกค้าก็จะเป็นผู้หญิงวัยทำงานที่มีอายุตั้งแต่ 25 ปีขึ้นไป ดังนั้นควรเลือกทำเลร้านที่อยู่ใกล้กับออฟฟิศ ซึ่งการที่คุณรู้จักลูกค้ากลุ่มเป้าหมายนี่แหละที่จะช่วยให้คุณเลือกทำเลขายของและเปิดกิจการร้านค้าปลีกของคุณได้ง่ายขึ้น ซึ่งการที่คุณรู้จักลูกค้ากลุ่มเป้าหมายนี่แหละที่จะช่วยให้คุณเลือกทำเลขายของและเปิดกิจการร้านค้าปลีกของคุณได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้แล้วคุณยังสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมในการเริ่มต้นเปิดร้านได้จากหลายหน่วยงานด้วยกัน เพราะในไทยเรามีหน่วยงานที่สนับสนุนธุรกิจ SMEs อยู่หลายหน่วยงานด้วยกัน เช่น นอกจากนี้แล้วคุณยังสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมในการเริ่มต้นเปิดร้านได้จากหลายหน่วยงานด้วยกัน เพราะในไทยเรามีหน่วยงานที่สนับสนุนธุรกิจ SMEs อยู่หลายหน่วยงานด้วยกัน เช่น นอกจากนี้แล้วคุณยังสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมในการเริ่มต้นเปิดร้านได้จากหลายหน่วยงานด้วยกัน เพราะในไทยเรามี หน่วยงานที่สนับสนุนธุรกิจ SMEs อยู่หลายหน่วยงานด้วยกัน เช่น สสว. สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม สสว . สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม SME Bank ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม SME Bank ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน โดยแต่ละหน่วยงานจะมีข้อมูลที่คุณต้องการและช่วยส่งเสริมกิจการของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยแต่ละหน่วยงานจะมีข้อมูลที่คุณต้องการและช่วยส่งเสริมกิจการของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ 2. ข้อดี–ข้อเสียในการเปิดร้านในห้างและนอกห้างคืออะไร ? ประเทศไทยของเรามีสภาพอากาศร้อนอบอ้าว หลายคนจึงนิยมไปช้อปปิ้งที่ห้างตากแอร์เย็น ๆ กันมากกว่า แต่ก็มีหลายคนที่ชอบไปเดินตลาดตอนกลางคืนเพื่อช้อปปิ้งอีกเช่นกัน ถ้าจะพูดจริง ๆ แล้วก็ขึ้นอยู่กับความชอบและความสะดวกของลูกค้ากลุ่มเป้าหมายอีกนั่นแหละ อย่างในกรุงเทพก็มีทั้ง… ประเทศไทยของเรามีสภาพอากาศร้อนอบอ้าว หลายคนจึงนิยมไปช้อปปิ้งที่ห้างตากแอร์เย็น ๆ กันมากกว่า แต่ก็มีหลายคนที่ชอบไปเดินตลาดตอนกลางคืนเพื่อช้อปปิ้งอีกเช่นกัน ถ้าจะพูดจริง ๆ แล้วก็ขึ้นอยู่กับความชอบและความสะดวกของลูกค้ากลุ่มเป้าหมายอีกนั่นแหละ อย่างในกรุงเทพก็มีทั้ง… ประเทศไทยของเรามีสภาพอากาศร้อนอบอ้าว หลายคนจึงนิยมไปช้อปปิ้งที่ห้างตากแอร์เย็น ๆ กันมากกว่า แต่ก็มีหลายคนที่ชอบไปเดินตลาดตอนกลางคืนเพื่อช้อปปิ้งอีกเช่นกัน ถ้าจะพูดจริง ๆ แล้วก็ขึ้นอยู่กับความชอบและความสะดวกของลูกค้ากลุ่มเป้าหมายอีกนั่นแหละ อย่างในกรุงเทพก็มีทั้ง … ห้างสรรพสินค้าทั่วไป เช่น เซ็นทรัล, Silom Complex และ Terminal 21 เช่น เซ็นทรัล , Silom Complex และ Terminal 21 ห้างขายเสื้อผ้าแฟชั่นโดยเฉพาะ เช่น แพลตตินั่มและ Union Mall เช่น แพลตตินั่มและ Union Mall ตลาดกลางคืนที่ให้คนมากินและช้อปได้ในที่เดียว เช่น ตลาดนัดรถไฟรัชดา, ตลาดนัดเลียบด่วนรามอินทรา และตลาดจตุจักร เช่น ตลาดนัดรถไฟรัชดา, ตลาดนัดเลียบด่วนรามอินทรา และตลาดจตุจักร แล้วข้อดี–ข้อเสียของการขายของสถานที่เหล่านี้ล่ะ จะดูได้จากอะไร ? แล้วข้อดี–ข้อเสียของการขายของสถานที่เหล่านี้ล่ะ จะดูได้จากอะไร ? ส่วนใหญ่แล้วการขายของในห้างและพื้นที่เหล่านี้ มักจะมีลูกค้าชาวไทยและชาวต่างชาติเดิน พร้อมกับมีพื้นที่จอดรถให้ลูกค้าอยู่แล้ว ซึ่งบางที่ลูกค้าก็อาจจะต้องจ่ายค่าจอดรถนิดหน่อย เมื่อพื้นที่เหล่านี้มีลูกค้ากลุ่มเป้าหมายอยู่แล้ว ในการเลือกทำเลขายของคุณจะต้องคำนึงถึงอะไร คำตอบคือ พิจารณาจาก 2 ข้อต่อไปนี้ได้เลย ส่วนใหญ่แล้วการขายของในห้างและพื้นที่เหล่านี้ มักจะมีลูกค้าชาวไทยและชาวต่างชาติเดิน พร้อมกับมีพื้นที่จอดรถให้ลูกค้าอยู่แล้ว ซึ่งบางที่ลูกค้าก็อาจจะต้องจ่ายค่าจอดรถนิดหน่อย เมื่อพื้นที่เหล่านี้มีลูกค้ากลุ่มเป้าหมายอยู่แล้ว ในการเลือกทำเลขายของคุณจะต้องคำนึงถึงอะไร คำตอบคือ พิจารณาจาก 2 ข้อต่อไปนี้ได้เลย ส่วนใหญ่แล้วการขายของในห้างและพื้นที่เหล่านี้ มักจะมีลูกค้าชาวไทยและชาวต่างชาติเดิน พร้อมกับมีพื้นที่จอดรถให้ลูกค้าอยู่แล้ว ซึ่งบางที่ลูกค้าก็อาจจะต้องจ่ายค่าจอดรถนิดหน่อย เมื่อพื้นที่เหล่านี้มีลูกค้ากลุ่มเป้าหมายอยู่แล้ว ในการเลือกทำเลขายของคุณจะต้องคำนึงถึงอะไร คำตอบคือ พิจารณาจาก 2 ข้อต่อไปนี้ได้เลย ค่าเช่า – ลองดูสิว่าคุณอยากเปิดร้านในทำเลไหน เปิดร้านใหญ่ไหม จะเปิดเป็น Pop-up Store ออกบูธ หรือว่าเปิดหน้าร้านจริงจังไปเลย และค่าเช่าของห้างกับตลาดต่างกันมากเท่าไหร่ในแต่ละเดือน ยังไงลองคำนวณความคุ้มค่าคร่าว ๆ แล้วคุณจะเลือกทำเลขายของได้ง่ายขึ้นแน่นอน ลองดูสิว่าคุณอยากเปิดร้านในทำเลไหน เปิดร้านใหญ่ไหม จะเปิดเป็น Pop-up Store ออกบูธ หรือว่าเปิดหน้าร้านจริงจังไปเลย และค่าเช่าของห้างกับตลาดต่างกันมากเท่าไหร่ในแต่ละเดือน ยังไงลองคำนวณความคุ้มค่าคร่าว ๆ แล้วคุณจะเลือกทำเลขายของได้ง่ายขึ้นแน่นอน ค่าการจัดการร้าน – ในการเปิดร้าน คุณจำเป็นต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมนอกเหนือจากค่าเช่าอยู่แล้ว เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าบำรุงสถานที่ ค่ารักษาความปลอดภัย และค่าทำความสะอาด เป็นต้น ในการเปิดร้าน คุณจำเป็นต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมนอกเหนือจากค่าเช่าอยู่แล้ว เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าบำรุงสถานที่ ค่ารักษาความปลอดภัย และค่าทำความสะอาด เป็นต้น แล้วคุณจะทำยังไงถึงจะคำนวณค่าเช่า ค่าจัดการ และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในร้านได้อย่างมีประสิทธิภาพและวางแผนได้ดียิ่งขึ้น ? คุณสามารถเลือกระบบจัดการร้านค้าอย่างระบบ POS สโตร์ฮับเป็นตัวช่วยในการเปิดร้านได้ เพราะระบบนี้เป็นได้ทั้งเครื่องคิดเงินและระบบหลังบ้าน มีข้อมูลเชิงลึกของร้านให้คุณวางแผนการขายและวิเคราะห์แนวโน้มการเติบโตของร้านได้ดีขึ้น ที่สำคัญ ตัวเครื่องเล็กกะทัดรัด ไม่เปลืองพื้นที่ ให้คุณใช้ประโยชน์จากพื้นที่ที่คุณเช่าได้อย่างเต็มที่และสร้างโอกาสในการขายได้ทุกตารางเมตร แล้วคุณจะทำยังไงถึงจะคำนวณค่าเช่า ค่าจัดการ และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในร้านได้อย่างมีประสิทธิภาพและวางแผนได้ดียิ่งขึ้น ? คุณสามารถเลือกระบบจัดการร้านค้าอย่างระบบ POS สโตร์ฮับเป็นตัวช่วยในการเปิดร้านได้ เพราะระบบนี้เป็นได้ทั้งเครื่องคิดเงินและระบบหลังบ้าน มีข้อมูลเชิงลึกของร้านให้คุณวางแผนการขายและวิเคราะห์แนวโน้มการเติบโตของร้านได้ดีขึ้น ที่สำคัญ ตัวเครื่องเล็กกะทัดรัด ไม่เปลืองพื้นที่ ให้คุณใช้ประโยชน์จากพื้นที่ที่คุณเช่าได้อย่างเต็มที่และสร้างโอกาสในการขายได้ทุกตารางเมตร แล้วคุณจะทำยังไงถึงจะคำนวณค่าเช่า ค่าจัดการ และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในร้านได้อย่างมีประสิทธิภาพและวางแผนได้ดียิ่งขึ้น ? คุณสามารถเลือกระบบจัดการร้านค้าอย่างระบบ POS สโตร์ฮับเป็นตัวช่วยในการเปิดร้านได้ เพราะระบบนี้เป็นได้ทั้งเครื่องคิดเงินและระบบหลังบ้าน มีข้อมูลเชิงลึกของร้านให้คุณวางแผนการขายและวิเคราะห์แนวโน้มการเติบโตของร้านได้ดีขึ้น ที่สำคัญ ตัวเครื่องเล็กกะทัดรัด ไม่เปลืองพื้นที่ ให้คุณใช้ประโยชน์จากพื้นที่ที่คุณเช่าได้อย่างเต็มที่และสร้างโอกาสในการขายได้ทุกตารางเมตร 3. ถ้าเปิดร้านนอกห้างจะขายที่ไหนดี ? ร้านโชห่วย ร้านขายของชำ หรือร้านค้าปลีกเล็ก ๆ ถือเป็นร้านที่เหมาะกับทำเลในชุมชน เพราะลูกค้าจะรู้สึกว่าคุ้มค่ายิ่งขึ้นเมื่อซื้อสินค้าในแหล่งชุมชน ร้านโชห่วย ร้านขายของชำ หรือร้านค้าปลีกเล็ก ๆ ถือเป็นร้านที่เหมาะกับทำเลในชุมชน เพราะลูกค้าจะรู้สึกว่าคุ้มค่ายิ่งขึ้นเมื่อซื้อสินค้าในแหล่งชุมชน อีกอย่างความสะดวกสบายก็เป็นหนึ่งปัจจัยในการตัดสินใจซื้อสินค้าของลูกค้าเช่นกัน ดังนั้นหากร้านคุณมีพื้นที่จอดรถให้ลูกค้า ก็จะช่วยเรียกลูกค้าให้มาช้อปที่ร้านมากขึ้น อีกอย่างความสะดวกสบายก็เป็นหนึ่งปัจจัยในการตัดสินใจซื้อสินค้าของลูกค้าเช่นกัน ดังนั้นหากร้านคุณมีพื้นที่จอดรถให้ลูกค้า ก็จะช่วยเรียกลูกค้าให้มาช้อปที่ร้านมากขึ้น หรือถ้าไม่มีทางเลือกจริง ๆ ก็ให้หาทำเลเปิดร้านในย่านที่เต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกสบาย เช่น ธนาคาร, ร้านอาหาร หรือแม้กระทั่งร้านซักรีด เพื่อใช้ประโยชน์และสร้างโอกาสในการขายจากพื้นที่ตรงนั้น หรือถ้าไม่มีทางเลือกจริง ๆ ก็ให้หาทำเลเปิดร้านในย่านที่เต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกสบาย เช่น ธนาคาร, ร้านอาหาร หรือแม้กระทั่งร้านซักรีด เพื่อใช้ประโยชน์และสร้างโอกาสในการขายจากพื้นที่ตรงนั้น หรือถ้าไม่มีทางเลือกจริง ๆ ก็ให้หาทำเลเปิดร้านในย่านที่เต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกสบาย เช่น ธนาคาร , ร้านอาหาร หรือแม้กระทั่งร้านซักรีด เพื่อใช้ประโยชน์และสร้างโอกาสในการขายจากพื้นที่ตรงนั้น อย่างไรก็ตาม หากคุณมีร้านขายสินค้าเฉพาะกลุ่มที่โดดเด่นกว่าร้านค้าปลีกทั่วไป หรือว่ามีชื่อเสียงอยู่แล้ว แม้ว่าทำเลขายของของคุณจะอยู่ไกลหน่อย แต่ลูกค้าก็จะเต็มใจขับรถไปแน่นอน อย่างไรก็ตาม หากคุณมีร้านขายสินค้าเฉพาะกลุ่มที่โดดเด่นกว่าร้านค้าปลีกทั่วไป หรือว่ามีชื่อเสียงอยู่แล้ว แม้ว่าทำเลขายของของคุณจะอยู่ไกลหน่อย แต่ลูกค้าก็จะเต็มใจขับรถไปแน่นอน ดังนั้นการเปิดร้านนอกห้างจึงไม่เสียหายอะไร เพียงแค่ดูว่าร้านของคุณเหมาะกับพื้นที่ในชุมชนหรือเปล่า หรือไม่ก็ต้องเลือกทำเลที่อยู่ใกล้กับร้านอื่น ๆ จึงจะเพิ่มโอกาสในการขายให้กับร้านค้าปลีกของคุณได้ ถ้าจะสรุปง่าย ๆ ก็คือ เปิดร้านนอกห้างดี แต่ต้อง ดังนั้นการเปิดร้านนอกห้างจึงไม่เสียหายอะไร เพียงแค่ดูว่าร้านของคุณเหมาะกับพื้นที่ในชุมชนหรือเปล่า หรือไม่ก็ต้องเลือกทำเลที่อยู่ใกล้กับร้านอื่น ๆ จึงจะเพิ่มโอกาสในการขายให้กับร้านค้าปลีกของคุณได้ ถ้าจะสรุปง่าย ๆ ก็คือ เปิดร้านนอกห้างดี แต่ต้อง มีที่จอดรถสะดวก มีที่จอดรถสะดวก มีคนเดินผ่านไป-มา มีคนเดินผ่า นไป-มา มีร้านอื่น ๆ อยู่ในบริเวณนั้น 4. ลูกค้าสามารถเข้าถึงร้านของคุณได้ง่ายแค่ไหน ? ภาพจาก Unsplash หากคุณจะเปิดร้านขายของชำ ร้านโชห่วย หรือว่าร้านสะดวกซื้อขนาดเล็กที่ขายเครื่องดื่มและของกินเล็ก ๆ น้อย ๆ คุณก็อาจจะต้องเลือกเช่าทำเลร้านในพื้นที่ที่ลูกค้าสัญจรไป–มา โดยพื้นที่หลัก ๆ ที่น่าสนใจก็จะมี หากคุณจะเปิดร้านขายของชำ ร้านโชห่วย หรือว่าร้านสะดวกซื้อขนาดเล็กที่ขายเครื่องดื่มและของกินเล็ก ๆ น้อย ๆ คุณก็อาจจะต้องเลือกเช่าทำเลร้านในพื้นที่ที่ลูกค้าสัญจรไป–มา โดยพื้นที่หลัก ๆ ที่น่าสนใจก็จะมี หากคุณจะเปิดร้านขายของชำ ร้านโชห่วย หรือว่าร้านสะดวกซื้อขนาดเล็กที่ขายเครื่องดื่มและของกินเล็ก ๆ น้อย ๆ คุณก็อาจจะต้องเลือกเช่าทำเลร้านในพื้นที่ที่ลูกค้าสัญจรไป – มา โดยพื้นที่หลัก ๆ ที่น่าสนใจก็จะมี สถานีรถไฟฟ้า สถานีรถไฟฟ้า ท่ารถ ท่ารถ ท่าเรือ ท่าเรือ ป้ายรถเมล์ ป้ายรถเมล์ เพราะพื้นที่เหล่านี้จะมีคนผ่านไปมาทุกเช้าเย็น หรือถ้าคุณจะไปขายของในพื้นที่นั้นด้วยตนเองก็ต้องดูด้วยว่าทำเลขายของแห่งนั้นใกล้กับที่พักหรือเปล่า และสะดวกในการเดินทางหรือขนส่งสินค้ามาก–น้อยแค่ไหน เพราะพื้นที่เหล่านี้จะมีคนผ่านไปมาทุกเช้าเย็น หรือถ้าคุณจะไปขายของในพื้นที่นั้นด้วยตนเองก็ต้องดูด้วยว่าทำเลขายของแห่งนั้นใกล้กับที่พักหรือเปล่า และสะดวกในการเดินทางหรือขนส่งสินค้ามาก–น้อยแค่ไหน เพราะพื้นที่เหล่านี้จะมีคนผ่านไปมาทุกเช้าเย็น หรือถ้าคุณจะไปขายของในพื้นที่นั้นด้วยตนเองก็ต้องดูด้วยว่าทำเลขายของแห่งนั้นใกล้กับที่พักหรือเปล่า และสะดวกในการเดินทางหรือขนส่งสินค้ามาก – น้อยแค่ไหน นอกจากนี้แล้วคุณยังสามารถเลือกทำเลขายของตามหลักการง่าย ๆ ดังต่อไปนี้ นอกจากนี้แล้วคุณยังสามารถเลือกทำเลขายของตามหลักการง่าย ๆ ดังต่อไปนี้ การมองเห็น – ดูสิว่าถ้าคุณเลือกเปิดร้านในทำเลนั้นแล้ว คุณสามารถมองเห็นร้านได้ง่ายจากถนนเลยหรือเปล่า หรือว่าร้านของคุณหาเจอง่ายแค่ไหน – ดูสิว่าถ้าคุณเลือกเปิดร้านในทำเลนั้นแล้ว คุณสามารถมองเห็นร้านได้ง่ายจากถนนเลยหรือเปล่า หรือว่าร้านของคุณหาเจอง่ายแค่ไหน การสัญจรไป–มา – ลักษณะการจราจรเป็นยังไง อยู่ใกล้ทางด่วน ไฟแดง หรือแยกต่าง ๆ หรือเปล่า แล้วลูกค้าสามารถเดินทางมายังร้านของคุณได้ง่ายหรือไม่ – ลักษณะการจราจรเป็นยังไง อยู่ใกล้ทางด่วน ไฟแดง หรือแยกต่าง ๆ หรือเปล่า แล้วลูกค้าสามารถเดินทางมายังร้านของคุณได้ง่ายหรือไม่ การคมนาคม – แถวนั้นมีรถโดยสารสาธารณะอย่างรถสองแถว รถเมล์ รถไฟ เรือ หรือสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับลูกค้าที่ไม่มีรถยนต์หรือเปล่า – แถวนั้นมีรถโดยสารสาธารณะอย่างรถสองแถว รถเมล์ รถไฟ เรือ หรือสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับลูกค้าที่ไม่มีรถยนต์หรือเปล่า 5. คุณควรเปิดร้านใกล้ ๆ กับคู่แข่งหรือไม่ ? ภาพจาก Thailand Business News เคยสังเกตไหมว่าทำไมร้านที่ขายสินค้าเหมือนหรือคล้ายกันอย่างร้านขายเสื้อผ้าแฟชั่น, ปั๊มน้ำมัน, ร้านโชห่วย ฯลฯ ถึงเลือกที่จะเปิดร้านใกล้ ๆ กัน ? เคยสังเกตไหมว่าทำไมร้านที่ขายสินค้าเหมือนหรือคล้ายกันอย่างร้านขายเสื้อผ้าแฟชั่น, ปั๊มน้ำมัน, ร้านโชห่วย ฯลฯ ถึงเลือกที่จะเปิดร้านใกล้ ๆ กัน ? เคยสังเกตไหมว่าทำไมร้านที่ขายสินค้าเหมือนหรือคล้ายกันอย่างร้านขายเสื้อผ้าแฟชั่น , ปั๊มน้ำมัน , ร้านโชห่วย ฯลฯ ถึงเลือกที่จะเปิดร้านใกล้ ๆ กัน ? ง่าย ๆ เลยก็คือ… ง่าย ๆ เลยก็คือ… ง่าย ๆ เลยก็คือ … ถ้าร้านไหนเปิดก่อนและขายดี นั่นก็หมายความว่าทำเลนั้นเหมาะกับธุรกิจประเภทนั้น แล้วร้านที่ขายสินค้าแนวเดียวกันหรือร้านที่เป็นคู่แข่งของเราก็เปรียบเหมือนตัวช่วยเรียกลูกค้ากลุ่มเป้าหมายเข้ามาในพื้นที่ขายของของเราด้วย ถ้าร้านไหนเปิดก่อนและขายดี นั่นก็หมายความว่าทำเลนั้นเหมาะกับธุรกิจประเภทนั้น แล้วร้านที่ขายสินค้าแนวเดียวกันหรือร้านที่เป็นคู่แข่งของเราก็เปรียบเหมือนตัวช่วยเรียกลูกค้ากลุ่มเป้าหมายเข้ามาในพื้นที่ขายของของเราด้วย เช่น เราจะเห็นว่า Tesco Lotus Express, Mini Big C หรือ Family Mart เปิดอยู่ใกล้ ๆ ร้านสะดวกซื้อยอดนิยมอย่าง 7-11 ให้ลูกค้ามีทางเลือกและเทียบราคา ซึ่งแต่ละร้านสะดวกซื้อก็จะมีจุดขายที่แตกต่างกันออกไป เช่น เราจะเห็นว่า Tesco Lotus Express, Mini Big C หรือ Family Mart เปิดอยู่ใกล้ ๆ ร้านสะดวกซื้อยอดนิยมอย่าง 7-11 ให้ลูกค้ามีทางเลือกและเทียบราคา ซึ่งแต่ละร้านสะดวกซื้อก็จะมีจุดขายที่แตกต่างกันออกไป เช่น เราจะเห็นว่า Tesco Lotus Express, Mini Big C หรือ Family Mart เปิดอยู่ใกล้ ๆ ร้านสะดวกซื้อยอดนิยมอย่าง 7-11 ให้ลูกค้ามีทางเลือกและเทียบราคา ซึ่งแต่ละร้านสะดวกซื้อก็จะมีจุดขายที่แตกต่างกันออกไป สรุปก็คือ คุณสามารถใช้ประโยชน์จากร้านที่ขายสินค้าแนวเดียวกันและสร้างโอกาสในการขายของด้วยกลุ่มลูกค้าที่มีอยู่แล้วในพื้นที่นั้น ๆ เพราะฉะนั้นการเปิดร้านใกล้ ๆ กับคู่แข่งจึงไม่ใช่เรื่องที่เสียหาย แต่กลับเป็นเรื่องดีเสียอีก สรุปก็คือ คุณสามารถใช้ประโยชน์จากร้านที่ขายสินค้าแนวเดียวกันและสร้างโอกาสในการขายของด้วยกลุ่มลูกค้าที่มีอยู่แล้วในพื้นที่นั้น ๆ เพราะฉะนั้นการเปิดร้านใกล้ ๆ กับคู่แข่งจึงไม่ใช่เรื่องที่เสียหาย แต่กลับเป็นเรื่องดีเสียอีก สรุป การเลือกทำเลขายของเป็นเรื่องที่คุณควรให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก ๆ เพราะเมื่อเลือกทำเลเปิดร้านผิด คุณจะต้องเสียทั้งเงินและเวลา ส่วนหลักในการเลือกเบื้องต้นก็ต้องเริ่มตั้งแต่กลุ่มลูกค้า, การสัญจรไป–มา, การเดินทาง, ค่าเช่า, ความยาก–ง่ายในการเข้าถึง ไปจนถึงร้านคู่แข่ง เท่านี้คุณก็จะเลือกทำเลเปิดร้านขายของได้อย่างมีประสิทธิภาพและส่งเสริมกิจการให้ไปได้สวยมากยิ่งขึ้นแล้ว การเลือกทำเลขายของเป็นเรื่องที่คุณควรให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก ๆ เพราะเมื่อเลือกทำเลเปิดร้านผิด คุณจะต้องเสียทั้งเงินและเวลา ส่วนหลักในการเลือกเบื้องต้นก็ต้องเริ่มตั้งแต่กลุ่มลูกค้า, การสัญจรไป–มา, การเดินทาง, ค่าเช่า, ความยาก–ง่ายในการเข้าถึง ไปจนถึงร้านคู่แข่ง เท่านี้คุณก็จะเลือกทำเลเปิดร้านขายของได้อย่างมีประสิทธิภาพและส่งเสริมกิจการให้ไปได้สวยมากยิ่งขึ้นแล้ว การเลือกทำเลขายของเป็นเรื่องที่คุณควรให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก ๆ เพราะเมื่อเลือกทำเลเปิดร้านผิด คุณจะต้องเสียทั้งเงินและเวลา ส่วนหลักในการเลือกเบื้องต้นก็ต้องเริ่มตั้งแต่กลุ่มลูกค้า , การสัญจรไป – มา , การเดินทาง , ค่าเช่า , ความยาก – ง่ายในการเข้าถึง ไปจนถึงร้านคู่แข่ง เท่านี้คุณก็จะเลือกทำเลเปิดร้านขายของได้อย่างมีประสิทธิภาพและส่งเสริมกิจการให้ไปได้สวยมากยิ่งขึ้นแล้ว คลิกที่นี่เพื่อดูว่าสโตร์ฮับสามารถช่วยคุณจัดการธุรกิจได้อย่างไร คลิกที่นี่ | การเลือกทำเลขายของ เป็นเรื่องที่ควรให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก ๆ เพราะเมื่อเลือกทำเลเปิดร้านผิด จะต้องเสียทั้งเงินและเวลา ส่วนหลักในการเลือกเบื้องต้น ก็ต้องเริ่มตั้งแต่กลุ่มลูกค้า, การสัญจรไป–มา, การเดินทาง, ค่าเช่า, ความยาก–ง่ายในการเข้าถึง ไปจนถึงร้านคู่แข่ง เท่านี้ก็จะเลือกทำเลเปิดร้านขายของได้อย่างมีประสิทธิภาพและส่งเสริมกิจการให้ไปได้สวยมากยิ่งขึ้นแล้ว | null | Closed QA | cc-by-nc-4.0 |
Retail_51299 | Retail | จากการศึกษาของ Priceza พบว่า หน้ากากอนามัยมีจำนวนคลิกเพิ่มขึ้นถึง 2,600% ส่วนเจลล้างมือก็มีปริมาณการคลิกเพิ่มมากขึ้นถึง 8,000% นั่นก็เพราะเหตุใด | โควิด-19: ชี้ช่องรวย กับ 6 ธุรกิจ พร้อมเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส “คนที่รู้จักปรับตัวเท่านั้น จึงจะอยู่รอด” ยิ่งเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากเช่นนี้ ทุกคนยิ่งต้องหาทางรับมือกับสถานการณ์เพื่อก้าวผ่านไปให้ได้ เพราะแม้จะมีหลายธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ไปเต็ม ๆ แต่คำพูดที่ว่า “ภายใต้วิกฤตย่อมมีโอกาส” ก็ยังคงจริงเสมอ ขึ้นอยู่กับว่าใครจะมองเห็นและลงมือทำก็เท่านั้น “คนที่รู้จักปรับตัวเท่านั้น จึงจะอยู่รอด” ยิ่งเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากเช่นนี้ ทุกคนยิ่งต้องหาทางรับมือกับสถานการณ์เพื่อก้าวผ่านไปให้ได้ เพราะแม้จะมีหลายธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ไปเต็ม ๆ แต่คำพูดที่ว่า “ภายใต้วิกฤตย่อมมีโอกาส” ก็ยังคงจริงเสมอ ขึ้นอยู่กับว่าใครจะมองเห็นและลงมือทำก็เท่านั้น และวันนี้เราก็มี 6 ธุรกิจมาชี้ช่องทางรวยสำหรับคนที่กำลังมองหาโอกาสในการทำธุรกิจด้วย และวันนี้เราก็มี 6 ธุรกิจมาชี้ช่องทางรวยสำหรับคนที่กำลังมองหาโอกาสในการทำธุรกิจด้วย 1. ขายหน้ากากอนามัยและเจลล้างมือ เมื่อไวรัสโควิด-19 ระบาด หน้ากากอนามัยและเจลล้างมือก็เป็นที่ต้องการมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งจากการศึกษาของ Priceza เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซชื่อดังของไทยนั้นพบว่า หน้ากากอนามัยมีจำนวนคลิกเพิ่มขึ้นถึง 2,600% ส่วนเจลล้างมือก็มีปริมาณการคลิกเพิ่มมากขึ้นถึง 8,000% นั่นก็เพราะว่าอุปกรณ์เหล่านี้จำเป็นต่อการป้องกันเชื้อโควิด-19 ทั้งยังสามารถพกนอกบ้านเมื่อต้องเดินทางไปทำงานหรือทำธุระได้ด้วย ทั้งหน้ากากอนามัยและเจลล้างมือจึงเป็นที่ต้องการอย่างมากในตอนนี้ เมื่อไวรัสโควิด-19 ระบาด หน้ากากอนามัยและเจลล้างมือก็เป็นที่ต้องการมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งจากการศึกษาของ Priceza เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซชื่อดังของไทยนั้นพบว่า หน้ากากอนามัยมีจำนวนคลิกเพิ่มขึ้นถึง 2,600% ส่วนเจลล้างมือก็มีปริมาณการคลิกเพิ่มมากขึ้นถึง 8,000% นั่นก็เพราะว่าอุปกรณ์เหล่านี้จำเป็นต่อการป้องกันเชื้อโควิด-19 ทั้งยังสามารถพกนอกบ้านเมื่อต้องเดินทางไปทำงานหรือทำธุระได้ด้วย ทั้งหน้ากากอนามัยและเจลล้างมือจึงเป็นที่ต้องการอย่างมากในตอนนี้ คุณอาจจะรับหน้ากากอนามัยและเจลล้างมือมาขายในราคามาตรฐาน หรือเริ่มจากทำหน้ากาก DIY เย็บหน้ากากผ้าง่าย ๆ และทำตามออร์เดอร์ของลูกค้าก็ได้ คุณอาจจะรับหน้ากากอนามัยและเจลล้างมือมาขายในราคามาตรฐาน หรือเริ่มจากทำหน้ากาก DIY เย็บหน้ากากผ้าง่าย ๆ และทำตามออร์เดอร์ของลูกค้าก็ได้ 2. ขายข้าวของเครื่องใช้จำเป็น แม้หลายสถานที่จะโดนคำสั่งปิดพื้นที่ แต่ซูเปอร์มาร์เก็ตและร้านที่ขายสินค้าอุปโภคบริโภค หรือร้านที่ขายสินค้าจำเป็นก็ยังคงเปิดให้บริการได้ ยิ่งเป็นสินค้าของชำและข้าวของเครื่องใช้จำเป็น ยิ่งเป็นที่ต้องการกันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งบางเว็บไซต์ขายของออนไลน์ หรือมาร์เก็ตเพลสอย่าง Lazada และ Shopee บางร้านถึงขั้นของหมดก็มี ดังนั้นการหันมาจับธุรกิจทางนี้จึงน่าจะเป็นไอเดียที่เหมาะมาก ๆ ในช่วงนี้ แม้หลายสถานที่จะโดนคำสั่งปิดพื้นที่ แต่ซูเปอร์มาร์เก็ตและร้านที่ขายสินค้าอุปโภคบริโภค หรือร้านที่ขายสินค้าจำเป็นก็ยังคงเปิดให้บริการได้ ยิ่งเป็นสินค้าของชำและข้าวของเครื่องใช้จำเป็น ยิ่งเป็นที่ต้องการกันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งบางเว็บไซต์ขายของออนไลน์ หรือมาร์เก็ตเพลสอย่าง Lazada และ Shopee บางร้านถึงขั้นของหมดก็มี ดังนั้นการหันมาจับธุรกิจทางนี้จึงน่าจะเป็นไอเดียที่เหมาะมาก ๆ ในช่วงนี้ แล้วจะขายอะไรดีล่ะ ? สินค้าที่น่าขายในประเภทนี้ก็มีทั้ง แล้วจะขายอะไรดีล่ะ ? สินค้าที่น่าขายในประเภทนี้ก็มีทั้ง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ไข่ กาแฟซอง/ผงกาแฟ ไมโล โอวัลติน นม ปลากระป๋อง น้ำยาล้างจาน ผงซักฟอก/น้ำยาซักผ้า ฯลฯ 3. ขายอาหารสัตว์เลี้ยง นอกจากอาหารแห้งและข้าวของเครื่องใช้สำหรับคนแล้ว อาหารสัตว์เลี้ยงก็จะขายดีมากเช่นกันในช่วงนี้ ยิ่งมีหน้าร้านออนไลน์ด้วยแล้ว เตรียมตัวรับออร์เดอร์หนัก ๆ ได้เลย อย่าลืมว่ามีหลายคนที่เลี้ยงน้องหมาน้องแมวและไม่กล้าออกไปซื้ออาหารให้น้อง ๆ ก็มี ซึ่งอาหารสัตว์เลี้ยงที่เราแนะนำให้ขายก็ได้แก่ นอกจากอาหารแห้งและข้าวของเครื่องใช้สำหรับคนแล้ว อาหารสัตว์เลี้ยงก็จะขายดีมากเช่นกันในช่วงนี้ ยิ่งมีหน้าร้านออนไลน์ด้วยแล้ว เตรียมตัวรับออร์เดอร์หนัก ๆ ได้เลย อย่าลืมว่ามีหลายคนที่เลี้ยงน้องหมาน้องแมวและไม่กล้าออกไปซื้ออาหารให้น้อง ๆ ก็มี ซึ่งอาหารสัตว์เลี้ยงที่เราแนะนำให้ขายก็ได้แก่ อาหารสุนัข อาหารแมว อาหารนก อาหารกระต่าย อาหารปลา นอกจากนี้ก็อาจจะขายของเล่น อุปกรณ์อาบน้ำ และอุปกรณ์อื่น ๆ สำหรับสัตว์เลี้ยงด้วยก็ได้ นอกจากนี้ก็อาจจะขายของเล่น อุปกรณ์อาบน้ำ และอุปกรณ์อื่น ๆ สำหรับสัตว์เลี้ยงด้วยก็ได้ 4. ทำอาหารส่งตามบ้าน (เดลิเวอรี่) เมื่อออกบ้านไม่ได้ ก็ต้องหาอะไรทำเพื่อสร้างรายได้ หากคุณเป็นคนที่ทำอาหารอร่อย หรือว่าทำเค้ก คุกกี้ และอบขนมเป็น ตอนนี้ถึงเวลาแล้วที่จะต่อยอดทักษะที่คุณมีให้กลายเป็นเงิน เมื่อออกบ้านไม่ได้ ก็ต้องหาอะไรทำเพื่อสร้างรายได้ หากคุณเป็นคนที่ทำอาหารอร่อย หรือว่าทำเค้ก คุกกี้ และอบขนมเป็น ตอนนี้ถึงเวลาแล้วที่จะต่อยอดทักษะที่คุณมีให้กลายเป็นเงิน เริ่มแรกก็ให้ลองโพสต์ในเฟสบุ๊คเพื่อสำรวจก่อนว่า มีคนที่สนใจอาหารเดลิเวอรี่ของคุณมากน้อยแค่ไหน หรือไม่ก็เปิดพรีออร์เดอร์เมนูต่าง ๆ จะได้ไม่กักตุนวัตถุดิบเกินพอดี หรือสิ้นเปลืองเปล่า ๆ เริ่มแรกให้ทำเองและหาคนช่วยส่งของไปก่อน หากกระแสตอบรับดี ก็ค่อยขยับขยาย เริ่มแรกก็ให้ลองโพสต์ในเฟสบุ๊คเพื่อสำรวจก่อนว่า มีคนที่สนใจอาหารเดลิเวอรี่ของคุณมากน้อยแค่ไหน หรือไม่ก็เปิดพรีออร์เดอร์เมนูต่าง ๆ จะได้ไม่กักตุนวัตถุดิบเกินพอดี หรือสิ้นเปลืองเปล่า ๆ เริ่มแรกให้ทำเองและหาคนช่วยส่งของไปก่อน หากกระแสตอบรับดี ก็ค่อยขยับขยาย หรือหากคุณมีร้านอาหารอยู่แล้ว ก็ต้องมองหาบริการส่งอาหารหรือ Food Delivery ที่ราคาไม่แพง อย่าง Beep Delivery ของสโตร์ฮับ ก็ถือว่าเหมาะ เพราะฟีเจอร์นี้ถูกพัฒนามาเพื่อช่วยเหลือร้านอาหารโดยเฉพาะ คิดค่าดำเนินการแค่ 2% เพื่อให้ร้านอาหารมีรายได้และมีเงินเหลือไปจัดการค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ในร้านต่อไป หรือหากคุณมีร้านอาหารอยู่แล้ว ก็ต้องมองหาบริการส่งอาหารหรือ Food Delivery ที่ราคาไม่แพง อย่าง Beep Delivery ของสโตร์ฮับ ก็ถือว่าเหมาะ เพราะฟีเจอร์นี้ถูกพัฒนามาเพื่อช่วยเหลือร้านอาหารโดยเฉพาะ คิดค่าดำเนินการแค่ 2% เพื่อให้ร้านอาหารมีรายได้และมีเงินเหลือไปจัดการค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ในร้านต่อไป 5. ขายกล่องบรรจุอาหาร หรือ Food Packaging ธุรกิจสั่งอาหารออนไลน์และ Food Delivery ได้รับความนิยมมากในช่วงนี้ และหลายร้านก็มียอดออร์เดอร์เข้ามาอย่างล้นหลาม จึงทำให้ธุรกิจกล่องใส่อาหารหรือ Food Packaging มีแนวทางเติบโตไปตามกัน ดังนั้นก็คงจะไม่เสียหายอะไรหากคุณจะเริ่มศึกษาเกี่ยวกับธุรกิจแนวนี้ หรือถ้าหากมีเงินทุนก็ลองพิจารณาลงทุนธุรกิจกล่องบรรจุอาหารได้ อาจจะจับทางกล่องรักษ์โลกที่ทำจากชานอ้อย กล่องกระดาษ กล่องที่ย่อยสลายทางชีวภาพได้ และหลอดกระดาษ อย่าลืมว่าเทรนด์รักษ์โลกยังมาแรงมาก ๆ ในปี 2020 นี้ หากคุณหันมาจับทางธุรกิจที่ใช่ก็จะมีโอกาสโตและขยับขยายไปต่อได้ในอนาคตแน่นอน ธุรกิจสั่งอาหารออนไลน์และ Food Delivery ได้รับความนิยมมากในช่วงนี้ และหลายร้านก็มียอดออร์เดอร์เข้ามาอย่างล้นหลาม จึงทำให้ธุรกิจกล่องใส่อาหารหรือ Food Packaging มีแนวทางเติบโตไปตามกัน ดังนั้นก็คงจะไม่เสียหายอะไรหากคุณจะเริ่มศึกษาเกี่ยวกับธุรกิจแนวนี้ หรือถ้าหากมีเงินทุนก็ลองพิจารณาลงทุนธุรกิจกล่องบรรจุอาหารได้ อาจจะจับทางกล่องรักษ์โลกที่ทำจากชานอ้อย กล่องกระดาษ กล่องที่ย่อยสลายทางชีวภาพได้ และหลอดกระดาษ อย่าลืมว่าเทรนด์รักษ์โลกยังมาแรงมาก ๆ ในปี 2020 นี้ หากคุณหันมาจับทางธุรกิจที่ใช่ก็จะมีโอกาสโตและขยับขยายไปต่อได้ในอนาคตแน่นอน 6. ขับรถส่งอาหาร คำพูดที่ว่า “ไม่เลือกงาน ไม่ยากจน” นั้นยังคงใช้ได้ทุกยุคทุกสมัย ซึ่งสำหรับใครที่ต้องออกจากงานประจำ หรือขาดรายได้ในช่วงนี้ การขับรถส่งอาหารถือว่าเป็นไอเดียที่ไม่เลวเลย เพราะค่าตอบแทนแต่ละค่ายนั้นถือว่าดีงามมาก ๆ และเราก็รวบรวมรายได้ของไรเดอร์ส่งอาหารแต่ละเจ้ามาให้ดูดังนี้ :- คำพูดที่ว่า “ไม่เลือกงาน ไม่ยากจน” นั้นยังคงใช้ได้ทุกยุคทุกสมัย ซึ่งสำหรับใครที่ต้องออกจากงานประจำ หรือขาดรายได้ในช่วงนี้ การขับรถส่งอาหารถือว่าเป็นไอเดียที่ไม่เลวเลย เพราะค่าตอบแทนแต่ละค่ายนั้นถือว่าดีงามมาก ๆ และเราก็รวบรวมรายได้ของไรเดอร์ส่งอาหารแต่ละเจ้ามาให้ดูดังนี้ :- ได้รับค่าบริการตามระยะทาง หากระยะทางไกลขึ้น ก็มีค่าบริการเพิ่มเติมเข้ามาอีก โบนัสต่องานอยู่ที่ 15-20 บาท แล้วหากสะสมเพชรตามกำหนดก็จะได้เงินโบนัสเพิ่มอีก ขึ้นอยู่กับระยะทางในการส่งอาหาร ซึ่งค่าตอบแทนต่ำสุดจะอยู่ที่ประมาI 46.75 บาท หากระยะทางไกลขึ้น ก็จะมีค่าตอบแทนเพิ่มเติมเช่นกัน ไรเดอร์จะได้รับเฉพาะค่าจัดส่ง ไม่มีค่าชั่วโมงการทำงาน แต่หากรับออร์เดอร์ตามที่บริษัทกำหนด ก็จะได้รับโบนัสเพิ่มเติม ค่าตอบแทนเริ่มต้นที่ 60 บาท หากระยะทางมากกว่าก็มีเงินเพิ่มให้ และมีค่าอินเซนทีฟสูงสุด 1,000 บาทต่อวัน ทั้งนี้อย่าลืมเทียบค่าตอบแทนสำหรับไรเดอร์แอพส่งอาหารในไทยก่อน และเมื่อส่งอาหาร ก็ควรป้องกันตัวเองและผู้อื่นอย่างเคร่งครัดโดยการใส่ถุงมือ ใส่หน้ากากอนามัย และทำความสะอาดมือเป็นประจำ เพื่อให้ปลอดภัยทั้งลูกค้าและคนส่ง ทั้งนี้อย่าลืม เทียบค่าตอบแทนสำหรับไรเดอร์แอพส่งอาหารในไทย ก่อน และเมื่อส่งอาหาร ก็ควรป้องกันตัวเองและผู้อื่นอย่างเคร่งครัดโดยการใส่ถุงมือ ใส่หน้ากากอนามัย และทำความสะอาดมือเป็นประจำ เพื่อให้ปลอดภัยทั้งลูกค้าและคนส่ง อย่างไรก็ตามในการปรับตัวยุคโควิด-19 ที่ดีที่สุดก็คือ คุณจะต้องไม่อาศัยรายได้จากช่องทางเดียวเท่านั้น แต่ให้มองหาแหล่งรายได้ใหม่ ๆ เสมอ อย่างแท็กซี่หรือวินมอเตอร์ไซค์ก็หันมารับจ๊อบเสริม ส่งอาหารให้กับร้านข้าวและร้านอาหารกันแล้วในช่วงนี้ แล้วก็ต้องไม่ลืมที่จะมองหาโอกาสสร้างยอดขายผ่านโลกออนไลน์ ทั้งเว็บไซต์ เฟสบุ๊ค ไอจี และไลน์ แค่เราไม่ยอมแพ้และเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส ทุกอย่างก็จะยังเป็นไปได้เสมอ ดังนั้นหากคุณกำลังมีคำถามกับตัวเองว่า “โควิด-19 ขายอะไรดี” ลองนำ 6 ไอเดียนี้ไปพิจารณาได้เลย อย่างไรก็ตามในการปรับตัวยุคโควิด-19 ที่ดีที่สุดก็คือ คุณจะต้องไม่อาศัยรายได้จากช่องทางเดียวเท่านั้น แต่ให้มองหาแหล่งรายได้ใหม่ ๆ เสมอ อย่างแท็กซี่หรือวินมอเตอร์ไซค์ก็หันมารับจ๊อบเสริม ส่งอาหารให้กับร้านข้าวและร้านอาหารกันแล้วในช่วงนี้ แล้วก็ต้องไม่ลืมที่จะมองหาโอกาสสร้างยอดขายผ่านโลกออนไลน์ ทั้งเว็บไซต์ เฟสบุ๊ค ไอจี และไลน์ แค่เราไม่ยอมแพ้และเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส ทุกอย่างก็จะยังเป็นไปได้เสมอ ดังนั้นหากคุณกำลังมีคำถามกับตัวเองว่า “โควิด-19 ขายอะไรดี” ลองนำ 6 ไอเดียนี้ไปพิจารณาได้เลย สโตร์ฮับขอเป็นกำลังใจให้ผู้ประกอบการทุกคนทั้งมือใหม่และผู้มีประสบการณ์ ให้ก้าวผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ไปได้โดยเร็วนะคะ สโตร์ฮับขอเป็นกำลังใจให้ผู้ประกอบการทุกคนทั้งมือใหม่และผู้มีประสบการณ์ ให้ก้าวผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ไปได้โดยเร็วนะคะ | เมื่อไวรัสโควิด-19 ระบาด หน้ากากอนามัยและเจลล้างมือเป็นที่ต้องการมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งจากการศึกษาของ Priceza เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซชื่อดังของไทยนั้นพบว่า หน้ากากอนามัยมีจำนวนคลิกเพิ่มขึ้นถึง 2,600% ส่วนเจลล้างมือก็มีปริมาณการคลิกเพิ่มมากขึ้นถึง 8,000% นั่นก็เพราะว่าอุปกรณ์เหล่านี้จำเป็นต่อการป้องกันเชื้อโควิด-19 ทั้งยังสามารถพกนอกบ้านเมื่อต้องเดินทางไปทำงานหรือทำธุระได้ด้วย ทั้งหน้ากากอนามัยและเจลล้างมือจึงเป็นที่ต้องการอย่างมากในตอนนี้
ซึ่งอาจจะรับหน้ากากอนามัยและเจลล้างมือมาขายในราคามาตรฐาน หรือเริ่มจากทำหน้ากาก DIY เย็บหน้ากากผ้าง่าย ๆ และทำตามออร์เดอร์ของลูกค้าก็ได้ | null | Closed QA | cc-by-nc-4.0 |
Retail_51304 | Retail | ข้อดีของการเปิดใช้งาน Beep QR Order สำหรับร้านอาหาร มีอะไรบ้าง | สโตร์ฮับเปิดตัว Beep QR Order ฟีเจอร์อัจฉริยะเพื่อร้านอาหารยุคใหม่ ตอนนี้คุณสามารถประหยัดเวลาและเงินในการดูแลร้านอาหารของคุณได้แล้ว ! แล้วจะทำได้ยังไงละ ? ตอนนี้คุณสามารถประหยัดเวลาและเงินในการดูแลร้านอาหารของคุณได้แล้ว ! แล้วจะทำได้ยังไงละ ? ก็ Beep QR Order ไง ! ฟีเจอร์นี้เป็นการสั่งอาหารและจ่ายเงินด้วย QR Code ที่เชื่อมต่อกับระบบ POS สโตร์ฮับของคุณโดยตรง ฟีเจอร์นี้เป็นการสั่งอาหารและจ่ายเงินด้วย QR Code ที่เชื่อมต่อกับระบบ POS สโตร์ฮับของคุณโดยตรง ทีมงานสโตร์ฮับพัฒนา Beep QR Order ขึ้นมามาเพื่อธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่มโดยเฉพาะ ทีมงานสโตร์ฮับพัฒนา Beep QR Order ขึ้นมามาเพื่อธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่มโดยเฉพาะ ลูกค้าสามารถสแกน QR Code เพื่อสั่งอาหารหรือเครื่องดื่ม จากนั้นก็จ่ายเงินบนมือถือได้เลยทันที เรียกว่าง่ายมาก ๆ ! ลูกค้าสามารถสแกน QR Code เพื่อสั่งอาหารหรือเครื่องดื่ม จากนั้นก็จ่ายเงินบนมือถือได้เลยทันที เรียกว่าง่ายมาก ๆ ! แล้วที่เจ๋งคือ ลูกค้าของคุณไม่ต้องต่อคิว รอเมนู บิลค่าอาหาร หรือรอเงินทอนจากพนักงานอีกต่อไป เพราะพวกเขาสามารถทำสิ่งเหล่านี้ได้เองทั้งหมดผ่านมือถือ ! แล้วที่เจ๋งคือ ลูกค้าของคุณไม่ต้องต่อคิว รอเมนู บิลค่าอาหาร หรือรอเงินทอนจากพนักงานอีกต่อไป เพราะพวกเขาสามารถทำสิ่งเหล่านี้ได้เองทั้งหมดผ่านมือถือ ! หลักการทำงานของ Beep QR Order เป็นยังไง ? Beep QR Order ช่วยให้ร้านอาหารของคุณมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า Beep QR Order ช่วยให้ร้านอาหารของคุณมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า เพราะลูกค้าสามารถสแกน QR Code บนโต๊ะเพื่อสั่งอาหารกับเครื่องดื่ม และจ่ายเงินได้ทันที เพราะลูกค้าสามารถสแกน QR Code บนโต๊ะเพื่อสั่งอาหารกับเครื่องดื่ม และจ่ายเงินได้ทันที ถือว่าเป็นฟีเจอร์สุดสมาร์ทที่ใช้ง่ายและสะดวกสบายมาก ๆ เรียกว่าะเหมาะกับยุค COVID-19 ที่เราให้ความสำคัญกับการสั่งอาหารและจ่ายเงินแบบไร้สัมผัสมาก ๆ ถือว่าเป็นฟีเจอร์สุดสมาร์ทที่ใช้ง่ายและสะดวกสบายมาก ๆ เรียกว่าะเหมาะกับยุค COVID-19 ที่เราให้ความสำคัญกับการสั่งอาหารและจ่ายเงินแบบไร้สัมผัสมาก ๆ ด้วย Beep QR Order แล้วลูกค้าของคุณจะไม่ต้องรอคิวหรือรอให้พนักงานมารับออร์เดอร์และเก็บเงินอีกต่อไป ลองคิดดูว่าหากลูกค้ารออะไรนาน ๆ แล้วจะเกิดอะไรขึ้น ? แน่นอนว่าพวกเขาจะไม่ประทับใจและอาจจะไม่อยากกลับมาที่ร้านอาหารของคุณอีกก็เป็นได้ ซึ่งข้อนี้สำคัญมาก ๆ ด้วย Beep QR Order แล้วลูกค้าของคุณจะไม่ต้องรอคิวหรือรอให้พนักงานมารับออร์เดอร์และเก็บเงินอีกต่อไป ลองคิดดูว่าหากลูกค้ารออะไรนาน ๆ แล้วจะเกิดอะไรขึ้น ? แน่นอนว่าพวกเขาจะไม่ประทับใจและอาจจะไม่อยากกลับมาที่ร้านอาหารของคุณอีกก็เป็นได้ ซึ่งข้อนี้สำคัญมาก ๆ ปกติแล้วการสั่งอาหารและจ่ายเงินแบบทั่วไปของลูกค้านั้นจะใช้เวลาประมาณ 5 – 10 นาที ซึ่งในช่วงเวลานี้จะเป็นการ ปกติแล้วการสั่งอาหารและจ่ายเงินแบบทั่วไปของลูกค้านั้นจะใช้เวลาประมาณ ซึ่งในช่วงเวลานี้จะเป็นการ ขอเมนู สั่งอาหารกับพนักงาน ขอบิล รอเงินทอน แต่สำหรับ Beep QR Order แล้ว ลูกค้าของคุณสามารถดูเมนู สั่งอาหาร และจ่ายเงินได้ในเวลาไม่ถึง 2 นาที ! นั่นก็หมายความว่า ร้านอาหารของคุณจะเสิร์ฟอาหารให้ลูกค้าได้เร็วขึ้น ! เพราะฉะนั้นถ้าคุณอยากบริการลูกค้าได้เร็วขึ้น Beep QR Order ก็เหมาะกับร้านอาหาร คาเฟ่ และร้านเครื่องดื่มของคุณมาก ๆ ! แต่สำหรับ Beep QR Order แล้ว ลูกค้าของคุณสามารถ นั่นก็หมายความว่า ร้านอาหารของคุณจะเสิร์ฟอาหารให้ลูกค้าได้เร็วขึ้น ! เพราะฉะนั้นถ้าคุณอยากบริการลูกค้าได้เร็วขึ้น Beep QR Order ก็เหมาะกับร้านอาหาร คาเฟ่ และร้านเครื่องดื่มของคุณมาก ๆ ! ส่วนการใช้งาน Beep QR Order สำหรับลูกค้าก็ง่ายแสนง่าย เพียงแค่ทำตามขั้นตอนดังต่อไปนี้ :- ส่วนการใช้งาน Beep QR Order สำหรับลูกค้าก็ง่ายแสนง่าย เพียงแค่ทำตามขั้นตอนดังต่อไปนี้ :- สแกน QR Code บนโต๊ะอาหารหรือสแกนจากตัวสแตนดี้ ดูเมนูและเลือกอาหารกับเครื่องดื่มที่ต้องการ เช็ครายการสั่งอาหารและจ่ายเงินด้วยช่องทางที่สะดวก แค่นี้เอง ! เมื่อลูกค้าสั่งอาหารผ่าน Beep QR Order ออเดอร์ลูกค้าก็จะถูกส่งต่อไปยังระบบ POS ร้านอาหารอย่างรวดเร็ว แล้วร้านของคุณก็จะได้รับออเดอร์ของลูกค้าในทันที ช่วยให้เตรียมเมนูอาหารและพร้อมเสิร์ฟเร็วขึ้น ! แค่นี้เอง ! เมื่อลูกค้าสั่งอาหารผ่าน Beep QR Order ออเดอร์ลูกค้าก็จะถูกส่งต่อไปยังระบบ POS ร้านอาหารอย่างรวดเร็ว แล้วร้านของคุณก็จะได้รับออเดอร์ของลูกค้าในทันที ช่วยให้เตรียมเมนูอาหารและพร้อมเสิร์ฟเร็วขึ้น ! และถ้าหากร้านอาหารของคุณเปิดใช้งาน Beep Cashback โปรแกรมเงินคืนเพื่อสร้างลูกค้าสมาชิกของสโตร์ฮับ ลูกค้าของคุณก็สามารถกรอกเบอร์มือถือเพื่อรับเครดิตเงินคืนไว้ใช้เป็นส่วนลดในครั้งถัดไปได้เลย ! และถ้าหากร้านอาหารของคุณเปิดใช้งาน Beep Cashback โปรแกรมเงินคืนเพื่อสร้างลูกค้าสมาชิกของสโตร์ฮับ ลูกค้าของคุณก็สามารถกรอกเบอร์มือถือเพื่อรับเครดิตเงินคืนไว้ใช้เป็นส่วนลดในครั้งถัดไปได้เลย ! ซึ่งการมอบเครดิตเงินคืนนี้แหละที่จะช่วยกระตุ้นให้ลูกค้าอยากกลับมาที่ร้านของคุณบ่อย ๆ ดังนั้นการเปิดใช้งาน Beep QR Order และ Beep Cashback พร้อม ๆ กันจึงส่งผลดีต่อร้านอาหารของคุณ เสริมพลังการทำงาน และยกระดับการบริการลูกค้าให้ดียิ่งขึ้นไปอีก นั่นก็เพราะว่าฟีเจอร์เหล่านี้สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ให้ทุกขั้นตอนเป็นไปอย่างอัตโนมัติ ทั้งยังช่วยเก็บข้อมูลลูกค้าได้ในเวลาเดียวกันอีกด้วย ! ข้อดีของการใช้ Beep QR Order มีอะไรบ้าง ? ข้อดีของการเปิดใช้งาน Beep QR Order สำหรับร้านอาหารมีดังนี้ :- ข้อดีของการเปิดใช้งาน Beep QR Order สำหรับร้านอาหารมีดังนี้ :- เพิ่มความคล่องตัวในการบริหารร้านและการทำงานของพนักงาน เพิ่มยอดขายโดยการกระตุ้นให้ลูกค้ากลับมาใช้งานที่ร้านอีกด้วยการสั่งอาหารแบบไร้สัมผัสที่สะดวกและรวดเร็วผ่าน QR Code (และ Beep Cashback) ลองจินตนาการการรับออเดอร์และบริการในร้านอาหารทั่วไป : พนักงานต้องคอยแจกเมนู รับออเดอร์ และคิดเงินลูกค้า ซึ่งมีโอกาสเกิดความผิดพลาดได้ง่ายมาก เช่น สั่งอาหารผิด เสิร์ฟอาหารผิดโต๊ะ หรือบางทีก็อาจจะคิดเงินหรือทอนเงินผิด โดยเฉพาะในช่วงที่ร้านกำลังยุ่ง แจกเมนู รับออเดอร์ และคิดเงินลูกค้า ซึ่งมีโอกาสเกิดความผิดพลาดได้ง่ายมาก เช่น สั่งอาหารผิด เสิร์ฟอาหารผิดโต๊ะ หรือบางทีก็อาจจะคิดเงินหรือทอนเงินผิด โดยเฉพาะในช่วงที่ร้านกำลังยุ่ง แต่เมื่อมี Beep Order ลูกค้าของคุณจะควบคุมทุกอย่างเองได้ เพราะลูกค้าเลือกได้เองว่าจะสั่งอาหารเมนูไหนและจ่ายเงินด้วยวิธีไหน แต่เมื่อมี Beep Order ลูกค้าของคุณจะควบคุมทุกอย่างเองได้ เพราะลูกค้าเลือกได้เองว่าจะสั่งอาหารเมนูไหนและจ่ายเงินด้วยวิธีไหน เมื่อทานอาหารเสร็จ ลูกค้าก็ออกจากร้านได้ทันทีโดยไม่ต้องเรียกเก็บเงินหรือรอบิล นั่นหมายความว่า พนักงานจะเก็บโต๊ะได้เร็วขึ้นและร้านของคุณก็จะพร้อมต้อนรับลูกค้าใหม่ได้ไวขึ้น ดังนั้นคุณจึงรองรับลูกค้าได้มากขึ้นนั่นเอง เมื่อทานอาหารเสร็จ ลูกค้าก็ออกจากร้านได้ทันทีโดยไม่ต้องเรียกเก็บเงินหรือรอบิล นั่นหมายความว่า พนักงานจะเก็บโต๊ะได้เร็วขึ้นและร้านของคุณก็จะพร้อมต้อนรับลูกค้าใหม่ได้ไวขึ้น ดังนั้นคุณจึงรองรับลูกค้าได้มากขึ้นนั่นเอง ด้วยฟีเจอร์การใช้งานที่สะดวกสบายและไร้ข้อจำกัดนี้เองที่จะช่วยให้พนักงานร้านทำงานได้คล่องขึ้น เพราะพวกเขาสามารถโฟกัสที่การให้บริการลูกค้าได้อย่างเต็มที่และมอบประสบการณ์อันน่าประทับใจด้วยการต้อนรับอันเป็นมิตรกับการเสิร์ฟอาหารที่รวดเร็ว ด้วยฟีเจอร์การใช้งานที่สะดวกสบายและไร้ข้อจำกัดนี้เองที่จะช่วยให้พนักงานร้านทำงานได้คล่องขึ้น เพราะพวกเขาสามารถโฟกัสที่การให้บริการลูกค้าได้อย่างเต็มที่และมอบประสบการณ์อันน่าประทับใจด้วยการต้อนรับอันเป็นมิตรกับการเสิร์ฟอาหารที่รวดเร็ว แล้วฉันจะเปิดใช้งาน Beep QR Order ในร้านอาหารของฉันได้ยังไง ? Beep QR Order ถูกพัฒนามาเพื่อลูกค้าสโตร์ฮับเท่านั้น ! Beep QR Order ถูกพัฒนามาเพื่อลูกค้าสโตร์ฮับเท่านั้น ! แล้วสโตร์ฮับคืออะไรอีกล่ะ ? เป็นคำถามที่ดีมากค่ะ ! แล้วสโตร์ฮับคืออะไรอีกล่ะ ? เป็นคำถามที่ดีมากค่ะ ! เพราะ สโตร์ฮับ ก็คือ ระบบการจัดการร้านของธุรกิจ Omnichannel ที่ประสบความสำเร็จทั้งหลาย เพราะ ก็คือ ระบบการจัดการร้านของธุรกิจ Omnichannel ที่ประสบความสำเร็จทั้งหลาย ระบบของเราช่วยให้ผู้ประกอบการร้านอาหารและผู้ประกอบการร้านค้าปลีกเพิ่มรายได้ ขยายฐานลูกค้า และบริหารจัดการทุกอย่างในร้านได้อย่างอัตโนมัติ ระบบของเราช่วยให้ผู้ประกอบการร้านอาหารและผู้ประกอบการร้านค้าปลีกเพิ่มรายได้ ขยายฐานลูกค้า และบริหารจัดการทุกอย่างในร้านได้อย่างอัตโนมัติ หากคุณใช้งานสโตร์ฮับของเราอยู่แล้วและต้องการใช้งาน Beep QR Order ในร้านของคุณ สามารถทำได้ผ่าน StoreHub BackOffice หรือตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมก่อนใช้งานได้ที่คู่มือ Beep QR Order และ Beep QR Order: FAQs คำถามที่พบบ่อย นอกจากนี้ยังสามารถติดต่อผู้ดูแลบัญชีของคุณหรือส่งข้อความหาเราได้ง่าย ๆ ผ่านระบบหลังบ้าน StoreHub BackOffice ได้เลย ! | ข้อดีของการเปิดใช้งาน Beep QR Order สำหรับร้านอาหาร มีดังนี้
- รับออเดอร์ได้แม่นยำขึ้น
- รองรับลูกค้าได้มากขึ้น
- เพิ่มความคล่องตัวในการบริหารร้านและการทำงานของพนักงาน
- เพิ่มยอดขายโดยการกระตุ้นให้ลูกค้ากลับมาใช้งานที่ร้านอีกด้วยการสั่งอาหารแบบไร้สัมผัสที่สะดวกและรวดเร็วผ่าน QR Code (และ Beep Cashback) | null | Closed QA | cc-by-nc-4.0 |
Retail_51310 | Retail | หุ้นส่วนจำกัด คืออะไร | 9 วิธีเปิดร้านขายของชำให้ขายดีมีกำไรที่คุณก็ทำได้! ร้านขายของชำ ร้านโชห่วย หรือว่ามินิมาร์ท ถือเป็นอีกหนึ่งกิจการยอดนิยมในไทย เพราะไม่ว่าจะมีงบน้อยหรือมากก็เริ่มเปิดร้านขายของชำเล็ก ๆ ได้ ที่สำคัญกิจการนี้สามารถทำกำไรได้อย่างมหาศาล (ขอเพียงแค่รู้แหล่งซื้อสินค้าราคาถูกเท่านั้น) ร้านขายของชำ ร้านโชห่วย หรือว่ามินิมาร์ท ถือเป็นอีกหนึ่งกิจการยอดนิยมในไทย เพราะไม่ว่าจะมีงบน้อยหรือมากก็เริ่มเปิดร้านขายของชำเล็ก ๆ ได้ ที่สำคัญกิจการนี้สามารถทำกำไรได้อย่างมหาศาล (ขอเพียงแค่รู้แหล่งซื้อสินค้าราคาถูกเท่านั้น) และหากคุณกำลังคิดจะเปิดร้านขายของชำเล็ก ๆ วันนี้เราก็มี 9 วิธีเด็ดที่จะช่วยให้ร้านคุณรุ่งและประสบความสำเร็จได้ไม่แพ้ร้านสะดวกซื้อหรือซูเปอร์มาร์เก็ตรายใหญ่อย่าง 7-11, Big C หรือ Tesco Lotus มาฝากด้วย คือคุณจะต้องเริ่มต้นอย่างถูกต้องและวางแผนให้ครอบคลุมรอบด้าน แต่จะทำยังไงให้ขายดีมีกำไร? ไปดูพร้อมกันเลย! และหากคุณกำลังคิดจะเปิดร้านขายของชำเล็ก ๆ วันนี้เราก็มี 9 วิธีเด็ดที่จะช่วยให้ร้านคุณรุ่งและประสบความสำเร็จได้ไม่แพ้ร้านสะดวกซื้อหรือซูเปอร์มาร์เก็ตรายใหญ่อย่าง 7-11, Big C หรือ Tesco Lotus มาฝากด้วย คือคุณจะต้องเริ่มต้นอย่างถูกต้องและวางแผนให้ครอบคลุมรอบด้าน แต่จะทำยังไงให้ขายดีมีกำไร? ไปดูพร้อมกันเลย! และหากคุณกำลังคิดจะเปิดร้านขายของชำเล็ก ๆ วันนี้เราก็มี 9 วิธีเด็ดที่จะช่วยให้ร้านคุณรุ่งและประสบความสำเร็จได้ไม่แพ้ร้านสะดวกซื้อหรือซูเปอร์มาร์เก็ตรายใหญ่อย่าง 7-11, Big C หรือ Tesco Lotus มาฝากด้วย คือคุณจะต้องเริ่มต้นอย่างถูกต้องและวางแผนให้ครอบคลุมรอบด้าน แต่จะทำยังไงให้ขายดีมีกำไร? ไปดูพร้อมกันเลย! หัวข้อสำคัญ หัวข้อสำคัญ ศึกษาตลาดเพื่อเตรียมพร้อมเปิดร้านขายของชำ เปิดร้านขายของชำในรูปแบบที่ต้องการ ศึกษาเอกสารที่ต้องใช้ในการจดทะเบียนร้านขายของชำ ดูว่าต้องใช้เงินทุนในการเปิดร้านขายของชำเท่าไหร่ เลือกทำเลที่ดีที่สุดในการเปิดร้านขายของชำ เลือกคู่ค้าหรือซัพพลายเออร์ร้านขายของชำอย่างชาญฉลาด ต้องมีกลยุทธ์ที่ดีในการตั้งราคาสินค้าร้านขายของชำ เปิดร้านขายของชำออนไลน์และออฟไลน์ควบคู่กันไป ใช้ระบบ POS เครื่องคิดเงินอัจฉริยะในร้านขายของชำ 1. ศึกษาตลาดเพื่อเตรียมพร้อมเปิดร้านขายของชำ ภาพจาก Unsplash ไม่ว่าคุณจะมีโครงการเปิดร้านขายของชำ กำลังวางแผนเปิดร้านขายของชำเล็ก ๆ คิดจะเปิดร้านโชห่วยขนาดย่อม หรือว่าเปิดมินิมาร์ทขนาดเล็ก ขอบอกเลยว่าวงการนี้ถือว่ามีการแข่งขันสูงมาก แต่ก็ไม่ได้ยากจนเกินความสามารถของคนตั้งใจจริง ไม่ว่าคุณจะมีโครงการเปิดร้านขายของชำ กำลังวางแผนเปิดร้านขายของชำเล็ก ๆ คิดจะเปิดร้านโชห่วยขนาดย่อม หรือว่าเปิดมินิมาร์ทขนาดเล็ก ขอบอกเลยว่าวงการนี้ถือว่ามีการแข่งขันสูงมาก แต่ก็ไม่ได้ยากจนเกินความสามารถของคนตั้งใจจริง ไม่ว่าคุณจะมีโครงการเปิดร้านขายของชำ กำลังวางแผนเปิดร้านขายของชำเล็ก ๆ คิดจะเปิดร้านโชห่วยขนาดย่อม หรือว่าเปิดมินิมาร์ทขนาดเล็ก ขอบอกเลยว่า วงการนี้ถือว่ามีการแข่งขันสูงมาก แต่ก็ไม่ได้ยากจนเกินความสามารถของคนตั้งใจจริง ดังนั้นสิ่งแรกที่คุณจะควรทำก็คือ ศึกษาข้อมูลและทำความเข้าใจตลาดเสียก่อน เช่น หากคิดจะเปิดร้านขายของชำในหมู่บ้านหรือพื้นที่ไหน ก็ต้องดูว่า คนในพื้นที่นั้นยังต้องการสินค้าประเภทใดบ้าง โดยสินค้าส่วนใหญ่ที่ร้านขายของชำ มินิมาร์ท และร้านสะดวกซื้อทั่วไปมีบริการก็ได้แก่ ดังนั้นสิ่งแรกที่คุณจะควรทำก็คือ ศึกษาข้อมูลและทำความเข้าใจตลาดเสียก่อน เช่น หากคิดจะเปิดร้านขายของชำในหมู่บ้านหรือพื้นที่ไหน ก็ต้องดูว่า คนในพื้นที่นั้นยังต้องการสินค้าประเภทใดบ้าง โดยสินค้าส่วนใหญ่ที่ร้านขายของชำ มินิมาร์ท และร้านสะดวกซื้อทั่วไปมีบริการก็ได้แก่ ขนมปัง – ขนมปังสอดไส้, แซนด์วิช, กะหรี่ปั๊บ ฯลฯ – ขนมปังสอดไส้ , แซนด์วิช , กะหรี่ปั๊บ ฯลฯ อาหารแห้ง – ข้าวสาร,บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป, ถั่วและผลไม้อบแห้ง ฯลฯ เครื่องดื่มสำเร็จรูป – ชา, กาแฟ, นมกล่อง, น้ำผลไม้ ฯลฯ – ชา , กาแฟ , นมกล่อง , น้ำผลไม้ ฯลฯ เครื่องปรุงอาหาร – น้ำปลา, ซอสปรุงรส, ผงชูรส, น้ำตาล ฯลฯ – น้ำปลา , ซอสปรุงรส, ผงชูรส , น้ำตาล ฯลฯ ของใช้ส่วนตัว – แป้งฝุ่น, โฟมล้างหน้า, ครีมอาบน้ำ, โลชั่น ฯลฯ – แป้งฝุ่น , โฟมล้างหน้า , ครีมอาบน้ำ , โลชั่น ฯลฯ น้ำมันเติมรถจักรยานยนต์ – เบนซิน, E20, แก๊สโซฮอล์ – เบนซิน, E20, แก๊สโซฮอล์ นอกจากนี้ก็ยังมีสินค้าอีกมากมายที่นิยมขายในร้านโชห่วยและมินิมาร์ท เพราะฉะนั้นศึกษาตลาดให้ดีและเลือกสินค้าที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าในย่านนั้น ๆ เช่น หากคิดจะเปิดเปิดร้านขายของชำบ้านนอกหรือเปิดในหมูบ้านเล็ก ๆ คุณก็ต้องสังเกตว่าคนในหมู่บ้านจะต้องการสินค้าไหน ซึ่งส่วนมากจะเป็นสินค้าข้าวของเครื่องใช้จำเป็นทั้งนั้น แล้วมีสินค้าอะไรอีกที่คุณจะวางขายเพื่อเรียกลูกค้าเข้าร้าน? นอกจากนี้ก็ยังมีสินค้าอีกมากมายที่นิยมขายในร้านโชห่วยและมินิมาร์ท เพราะฉะนั้นศึกษาตลาดให้ดีและเลือกสินค้าที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าในย่านนั้น ๆ เช่น หากคิดจะเปิดเปิดร้านขายของชำบ้านนอกหรือเปิดในหมูบ้านเล็ก ๆ คุณก็ต้องสังเกตว่าคนในหมู่บ้านจะต้องการสินค้าไหน ซึ่งส่วนมากจะเป็นสินค้าข้าวของเครื่องใช้จำเป็นทั้งนั้น แล้วมีสินค้าอะไรอีกที่คุณจะวางขายเพื่อเรียกลูกค้าเข้าร้าน? บอกเลยว่าแค่รู้จักศึกษาตลาดและเข้าใจความต้องการของลูกค้าในขั้นตอนเริ่มต้น ร้านขายของชำเล็ก ๆ ของคุณจะไปได้สวยยิ่งขึ้นแล้ว จำไว้ว่า เริ่มต้นดี มีชัยไปกว่าครึ่ง! บอกเลยว่าแค่รู้จักศึกษาตลาดและเข้าใจความต้องการของลูกค้าในขั้นตอนเริ่มต้น ร้านขายของชำเล็ก ๆ ของคุณจะไปได้สวยยิ่งขึ้นแล้ว จำไว้ว่า เริ่มต้นดี มีชัยไปกว่าครึ่ง! 2. เปิดร้านขายของชำในรูปแบบที่ต้องการ ภาพจาก Pixabay “เปิดร้านขายของชำ ต้องจดทะเบียนอะไรบ้าง?” “เปิดร้านขายของชำ ต้องจดทะเบียนอะไรบ้าง?” “เปิดร้านขายของชำ ต้องจดทะเบียนอะไรบ้าง?” “เปิดร้านขายของชำ ต้องจดทะเบียนอะไรบ้าง?” เราเชื่อว่าผู้ประกอบการมือใหม่กำลังตั้งคำถามนี้กันอยู่ เพราะการเปิดร้านขายของชำถือเป็นสิ่งที่ค่อนข้างท้าทาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการจดทะเบียนร้านหรือจดทะเบียนพาณิชย์ เพราะคุณต้องคำนึงถึงอนาคตของร้านขายของชำของคุณด้วย แต่นี่ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวล เพราะคุณสามารถเลือกได้ว่าจะเปิดร้านค้านี้แบบไหน คุณต้องการเป็นเจ้าของร้านคนเดียว ต้องการเปิดเป็นห้างหุ้นส่วนสามัญ หรือว่าจะเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด ซึ่งแต่ละแบบก็มีความแตกต่างกันดังนี้ :- เราเชื่อว่าผู้ประกอบการมือใหม่กำลังตั้งคำถามนี้กันอยู่ เพราะการเปิดร้านขายของชำถือเป็นสิ่งที่ค่อนข้างท้าทาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการจดทะเบียนร้านหรือจดทะเบียนพาณิชย์ เพราะคุณต้องคำนึงถึงอนาคตของร้านขายของชำของคุณด้วย แต่นี่ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวล เพราะคุณสามารถเลือกได้ว่าจะเปิดร้านค้านี้แบบไหน คุณต้องการเป็นเจ้าของร้านคนเดียว ต้องการเปิดเป็นห้างหุ้นส่วนสามัญ หรือว่าจะเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด ซึ่งแต่ละแบบก็มีความแตกต่างกันดังนี้ :- กิจการเจ้าของคนเดียว (Sole Proprietorship) คือ กิจการที่ดำเนินการโดยเจ้าของคนเดียวทั้งหมด ข้อดีคือ จัดตั้งง่าย เจ้าของมีอิสระในการตัดสินใจ ข้อบังคับทางกฎหมายน้อย ไม่ต้องใช้ค่าใช้จ่ายในการบริหารมาก และสามารถเลิกกิจการได้ง่าย แต่ก็มีข้อเสียคือ อาจจะขาดความน่าเชื่อถือ หาเงินทุนยาก ไม่มีคนช่วยคิดและวางแผน เสียเปรียบภาษีอากร และก็อาจจะมีข้อจำกัดเมื่อต้องการขยายกิจการ คือ กิจการที่ดำเนินการโดยเจ้าของคนเดียวทั้งหมด ข้อดีคือ จัดตั้งง่าย เจ้าของมีอิสระในการตัดสินใจ ข้อบังคับทางกฎหมายน้อย ไม่ต้องใช้ค่าใช้จ่ายในการบริหารมาก และสามารถเลิกกิจการได้ง่าย แต่ก็มีข้อเสียคือ อาจจะขาดความน่าเชื่อถือ หาเงินทุนยาก ไม่มีคนช่วยคิดและวางแผน เสียเปรียบภาษีอากร และก็อาจจะมีข้อจำกัดเมื่อต้องการขยายกิจการ ห้างหุ้นส่วนสามัญ (General Partnership) หรือ (Ordinary Partnership) คือ กิจการที่มีเจ้าของ 2 คนขึ้นไป มีลักษณะคล้ายกับกิจการเจ้าของคนเดียว แต่หุ้นส่วนทุกคนต้องมีส่วนรับผิดชอบในการชำระหนี้สินร่วมกัน สามารถเลือกได้ว่าจะจดทะเบียนหรือไม่จดก็ได้ แบ่งเป็น 2 ประเภทด้วยกันคือ ห้างหุ้นส่วนสามัญแบบไม่ได้จดทะเบียน ไม่เป็นนิติบุคคล สามารถฟ้องร้องใครก็ได้เมื่อเกิดคดีความ และห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล เป็นนิติบุคคลที่แยกจากหุ้นส่วน หากทรัพย์สินของห้างไม่เพียงพอต่อการชำระหนี้ จะฟ้องร้องในนามของห้างหุ้นส่วนก่อน แล้วค่อยฟ้องร้องในหุ้นส่วนต่อไป คือ กิจการที่มีเจ้าของ 2 คนขึ้นไป มีลักษณะคล้ายกับกิจการเจ้าของคนเดียว แต่หุ้นส่วนทุกคนต้องมีส่วนรับผิดชอบในการชำระหนี้สินร่วมกัน สามารถเลือกได้ว่าจะจดทะเบียนหรือไม่จดก็ได้ แบ่งเป็น 2 ประเภทด้วยกันคือ ทะเบียน ไม่เป็นนิติบุคคล สามารถฟ้องร้องใครก็ได้เมื่อเกิดคดีความ และ เป็นนิติบุคคลที่แยกจากหุ้นส่วน หากทรัพย์สินของห้างไม่เพียงพอต่อการชำระหนี้ จะฟ้องร้องในนามของห้างหุ้นส่วนก่อน แล้วค่อยฟ้องร้องในหุ้นส่วนต่อไป หุ้นส่วนจำกัด (Limited Partnership) คือ ห้างหุ้นส่วนจำกัด จะต้องทะเบียน และหากมีการดำเนินการนิติกรรมใด ๆ จะต้องทำในนามของห้างหุ้นส่วน สามารถแบ่งเป็น 2 ประเภทเช่นกัน ได้แก่ หุ้นส่วนแบบจำกัดความรับผิดชอบ คือรับผิดชอบหนี้สินไม่เกินจำนวนเงินที่ลงทุน โดยหุ้นส่วนไม่มีสิทธิ์จัดการห้างหุ้นส่วน สามารถแสดงความคิดเห็นได้เท่านั้น ซึ่งตามหลักกฎหมายแล้วไม่สามารถนำชื่อหุ้นส่วนชนิดจำกัดความรับผิดชอบมาตั้งเป็นห้างหุ้นส่วน และหากหุ้นส่วนนี้ตายหรือล้มละลาย กิจการก็จะสามารถดำเนินการต่อไปได้ ส่วนแบบที่ 2 คือ หุ้นส่วนแบบไม่จำกัดความรับผิดชอบ คือ รับผิดชอบหนี้สินแบบไม่จำกัดจำนวน ต้องมีอย่างน้อย 1 คน ซึ่งหุ้นส่วนประเภทนี้มีสิทธิ์จัดการงานของห้างหุ้นส่วน คือ ห้างหุ้นส่วนจำกัด จะต้องทะเบียน และหากมีการดำเนินการนิติกรรมใด ๆ จะต้องทำในนามของห้างหุ้นส่วน สามารถแบ่งเป็น 2 ประเภทเช่นกัน ได้แก่ คือรับผิดชอบหนี้สินไม่เกินจำนวนเงินที่ลงทุน โดยหุ้นส่วนไม่มีสิทธิ์จัดการห้างหุ้นส่วน สามารถแสดงความคิดเห็นได้เท่านั้น ซึ่งตามหลักกฎหมายแล้วไม่สามารถนำชื่อหุ้นส่วนชนิดจำกัดความรับผิดชอบมาตั้งเป็นห้างหุ้นส่วน และหากหุ้นส่วนนี้ตายหรือล้มละลาย กิจการก็จะสามารถดำเนินการต่อไปได้ ส่วนแบบที่ 2 คือ คือ รับผิดชอบหนี้สินแบบไม่จำกัดจำนวน ต้องมีอย่างน้อย 1 คน ซึ่งหุ้นส่วนประเภทนี้มีสิทธิ์จัดการงานของห้างหุ้นส่วน บริษัทจำกัด (Limited Corporation) คือ กิจการที่เกิดจากการร่วมทุนของกลุ่มคนที่ทำธุรกิจร่วมกัน มีผู้ร่วมลงทุนอย่างน้อย 3 คน ทุนแบ่งออกเป็นส่วนต่าง ๆ ที่เรียกว่า หุ้น และผู้ถือหุ้นสามารถโอนขายหรือโอนหุ้นให้กับผู้อื่นได้ ความรับผิดชอบของผู้ถือหุ้นเท่ากับจำนวนหุ้นที่ถือ และเป้าหมายของกิจการชนิดนี้ก็คือการหากำไรมาแบ่งกัน ข้อดีคือ มีความน่าเชื่อถือมากกว่ากิจการที่มีเจ้าของคนเดียว บริษัทสามารถหาทุนเพิ่มในการขายหุ้น ส่วนข้อเสียคือ ขั้นตอนการจัดการค่อนข้างยุ่งยาก ใช้เงินในการบริหารสูง ความลับเปิดเผยง่าย และอาจต้องจ้างคนนอกบริษัทเข้ามาช่วยงานในบางส่วน กิจการที่เกิดจากการร่วมทุนของกลุ่มคนที่ทำธุรกิจร่วมกัน มีผู้ร่วมลงทุนอย่างน้อย 3 คน ทุนแบ่งออกเป็นส่วนต่าง ๆ ที่เรียกว่า และผู้ถือหุ้นสามารถโอนขายหรือโอนหุ้นให้กับผู้อื่นได้ ความรับผิดชอบของผู้ถือหุ้นเท่ากับจำนวนหุ้นที่ถือ และเป้าหมายของกิจการชนิดนี้ก็คือการหากำไรมาแบ่งกัน ข้อดีคือ มีความน่าเชื่อถือมากกว่ากิจการที่มีเจ้าของคนเดียว บริษัทสามารถหาทุนเพิ่มในการขายหุ้น ส่วนข้อเสียคือ ขั้นตอนการจัดการค่อนข้างยุ่งยาก ใช้เงินในการบริหารสูง ความลับเปิดเผยง่าย และอาจต้องจ้างคนนอกบริษัทเข้ามาช่วยงานในบางส่วน เห็นรูปแบบของการจัดตั้งกิจการแล้วเป็นยังไงกันบ้าง ? ดูแล้วแบบไหนเหมาะกับร้านขายของชำ ร้านโชห่วย หรือมินิมาร์ทที่คุณกำลังจะเปิดมากที่สุด ? ยังไงก็อย่าลืมเปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสียของการประกอบธุรกิจประเภทต่าง ๆ ให้ดีก่อนเปิดร้านขายของชำเป็นของคุณเองล่ะ เห็นรูปแบบของการจัดตั้งกิจการแล้วเป็นยังไงกันบ้าง ? ดูแล้วแบบไหนเหมาะกับร้านขายของชำ ร้านโชห่วย หรือมินิมาร์ทที่คุณกำลังจะเปิดมากที่สุด ? ยังไงก็อย่าลืมเปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสียของการประกอบธุรกิจประเภทต่าง ๆ ให้ดีก่อนเปิดร้านขายของชำเป็นของคุณเองล่ะ เห็นรูปแบบของการจัดตั้งกิจการแล้วเป็นยังไงกันบ้าง ? ดูแล้วแบบไหนเหมาะกับร้านขายของชำ ร้านโชห่วย หรือมินิมาร์ทที่คุณกำลังจะเปิดมากที่สุด ? ยังไงก็อย่าลืมเปรียบเทียบ ข้อดี-ข้อเสียของการประกอบธุรกิจประเภทต่าง ๆ ให้ดีก่อนเปิดร้านขายของชำเป็นของคุณเองล่ะ 3. ศึกษาเอกสารที่ต้องใช้ในการจดทะเบียนร้านขายของชำ ภาพจาก Unsplash “ขออนุญาตเปิดร้านขายของชำ ต้องทำอย่างไร?” “ขออนุญาตเปิดร้านขายของชำ ต้องทำอย่างไร?” “ขออนุญาตเปิดร้านขายของชำ ต้องทำอย่างไร?” “ขออนุญาตเปิดร้านขายของชำ ต้องทำอย่างไร?” หากคุณกำลังวางแผนเปิดร้านขายของชำ, ร้านโชห่วย, มินิมาร์ท หรือว่าร้านสะดวกซื้อ ก็ต้องมีการยื่นเอกสารเพื่อการจดทะเบียนร้านหรือจดทะเบียนพาณิชย์ร้านค้า/บุคคลธรรมดา ซึ่งตามหลักของกระทรวงพาณิชย์แล้ว คุณต้องเตรียมเอกสารดังต่อไปนี้ :- หากคุณกำลังวางแผนเปิดร้านขายของชำ, ร้านโชห่วย, มินิมาร์ท หรือว่าร้านสะดวกซื้อ ก็ต้องมีการยื่นเอกสารเพื่อการจดทะเบียนร้านหรือจดทะเบียนพาณิชย์ร้านค้า/บุคคลธรรมดา ซึ่งตามหลักของกระทรวงพาณิชย์แล้ว คุณต้องเตรียมเอกสารดังต่อไปนี้ :- หากคุณกำลังวางแผนเปิดร้านขายของชำ, ร้านโชห่วย, มินิมาร์ท หรือว่าร้านสะดวกซื้อ ก็ต้องมีการยื่นเอกสารเพื่อการจดทะเบียนร้านหรือ จดทะเบียนพาณิชย์ร้านค้า / บุคคลธรรมดา ซึ่งตามหลักของกระทรวงพาณิชย์แล้ว คุณต้องเตรียมเอกสารดังต่อไปนี้ :- 3.1 ผู้มีหน้าที่จดทะเบียนพาณิชย์ (ร้านค้า/บุคคลธรรมดา) 1) บุคคลธรรมดาคนเดียว (กิจการเจ้าของคนเดียว) 1) บุคคลธรรมดาคนเดียว (กิจการเจ้าของคนเดียว) 1) บุคคลธรรมดาคนเดียว ( กิจการเจ้าของคนเดียว ) 2) ห้างหุ้นส่วนสามัญ 2) ห้างหุ้นส่วนสามัญ 2) ห้างหุ้นส่วนสามัญ 3) นิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศที่มาตั้งสำนักงานสาขาในประเทศไทย 3) นิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศที่มาตั้งสำนักงานสาขาในประเทศไทย 3) นิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศที่มาตั้งสำนักงานสาขาในประเทศไทย 4) ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล ห้างหุ้นส่วนจำกัด 4) ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล ห้างหุ้นส่วนจำกัด 4) ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล ห้างหุ้นส่วนจำกัด 5) บริษัทจำกัด บริษัทมหาชน 5) บริษัทจำกัด บริษัทมหาชน 5) บริษัทจำกัด บริษัทมหาชน 3.2 เอกสารที่ต้องใช้ในการจดทะเบียนพาณิชย์ 1) สำเนาบัตรประชาชน/ทะเบียนบ้านของเจ้าของหรือของผู้จัดการแล้วแต่กรณี 1) สำเนาบัตรประชาชน/ทะเบียนบ้านของเจ้าของหรือของผู้จัดการแล้วแต่กรณี 1) สำเนาบัตรประชาชน / ทะเบียนบ้านของเจ้าของหรือของผู้จัดการแล้วแต่กรณี 2) หนังสือให้ความยินยอมให้ใช้สถานที่ตั้งสำนักงานใหญ่ 2) หนังสือให้ความยินยอมให้ใช้สถานที่ตั้งสำนักงานใหญ่ 2) หนังสือให้ความยินยอมให้ใช้สถานที่ตั้งสำนักงานใหญ่ 3) สำเนาทะเบียนบ้านที่แสดงให้เห็นว่าผู้ให้ความยินยอมเป็นเจ้าบ้าน หรือสำเนาสัญญาเช่าโดยมีผู้ให้ความยินยอมเป็นผู้ให้เช่า 3) สำเนาทะเบียนบ้านที่แสดงให้เห็นว่าผู้ให้ความยินยอมเป็นเจ้าบ้าน หรือสำเนาสัญญาเช่าโดยมีผู้ให้ความยินยอมเป็นผู้ให้เช่า 3) สำเนาทะเบียนบ้านที่แสดงให้เห็นว่าผู้ให้ความยินยอมเป็นเจ้าบ้าน หรือสำเนาสัญญาเช่าโดยมีผู้ให้ความยินยอมเป็นผู้ให้เช่า 4) แผนที่แสดงที่ตั้งสำนักงานใหญ่ 4) แผนที่แสดงที่ตั้งสำนักงานใหญ่ 4) แผนที่แสดงที่ตั้งสำนักงานใหญ่ 5) หนังสือมอบอำนาจ/สำเนาบัตรประชาชนประจำตัวผู้รับมอบอำนาจ 5) หนังสือมอบอำนาจ/สำเนาบัตรประชาชนประจำตัวผู้รับมอบอำนาจ 5) หนังสือมอบอำนาจ/สำเนาบัตรประชาชนประจำตัวผู้รับมอบอำนาจ ทั้งนี้สามารถดูเอกสารในการจดทะเบียนพาณิชย์ได้เพิ่มเติมจากเว็บไซต์กรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้เลย! และเมื่อคุณเตรียมเอกสารพร้อมแล้ว ก็จะช่วยให้จดทะเบียนร้านขายของชำ, ร้านโชห่วย, มินิมาร์ท หรือร้านสะดวกซื้อของคุณได้อย่างราบรื่นยิ่งขึ้น ทั้งนี้สามารถดูเอกสารในการจดทะเบียนพาณิชย์ได้เพิ่มเติมจากเว็บไซต์กรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้เลย! และเมื่อคุณเตรียมเอกสารพร้อมแล้ว ก็จะช่วยให้จดทะเบียนร้านขายของชำ, ร้านโชห่วย, มินิมาร์ท หรือร้านสะดวกซื้อของคุณได้อย่างราบรื่นยิ่งขึ้น ทั้งนี้สามารถดู เอกสารในการจดทะเบียนพาณิชย์ ได้เพิ่มเติมจากเว็บไซต์กรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้เลย! และเมื่อคุณเตรียมเอกสารพร้อมแล้ว ก็จะช่วยให้จดทะเบียนร้านขายของชำ, ร้านโชห่วย, มินิมาร์ท หรือร้านสะดวกซื้อของคุณได้อย่างราบรื่นยิ่งขึ้น หมายเหตุ: หมายเหตุ: ในการจดทะเบียนพาณิชย์คุณจะต้องตั้งชื่อร้านไปด้วย หากต้องการขายเหล้าและบุหรี่ในร้านขายของชำ จะต้องจดทะเบียนกรมสรรพสามิตด้วย จำไว้ว่าเมื่อเอกสารพร้อม คุณก็จะขออนุญาตเปิดร้านขายของชำได้ไม่ยาก เพราะฉะนั้นควรเตรียมเอกสารทุกอย่างให้พร้อมก่อนขอจดทะเบียนร้านค้า จำไว้ว่าเมื่อเอกสารพร้อม คุณก็จะขออนุญาตเปิดร้านขายของชำได้ไม่ยาก เพราะฉะนั้นควรเตรียมเอกสารทุกอย่างให้พร้อมก่อนขอจดทะเบียนร้านค้า 4. ดูว่าต้องใช้เงินทุนในการเปิดร้านขายของชำเท่าไหร่ ภาพจาก Pixabay งบในการเปิดร้านขายของชำนั้นขึ้นอยู่กับขนาดของร้านที่คุณต้องการเปิด เช่น งบในการเปิดร้านขายของชำนั้นขึ้นอยู่กับขนาดของร้านที่คุณต้องการเปิด เช่น หากไม่มีพื้นที่และต้องก่อสร้างใหม่ทั้งหมด งบเริ่มต้นก็อาจจะอยู่ที่ 100,000 บาท ถ้ามีพื้นที่อยู่แล้ว แค่ต้องจ่ายค่าสินค้าหมุนเวียนในร้าน ตุนสต๊อกสินค้า หรือตู้ทำความเย็นก็อาจจะเริ่มต้นที่ 50,000-80,000 บาท ถ้าต้องเช่าที่และซื้อสินค้ามาหมุนเวียนในร้าน ก็อาจจะมีค่าใช้จ่ายเริ่มต้นประมาณ 50,000-100,000 บาท อย่างไรก็ตาม ขอย้ำอีกทีว่า งบประมาณในการเปิดร้านขายของชำนั้นขึ้นอยู่กับขนาดของร้าน หากคุณวางแผนเปิดร้านขายของชำเล็ก ๆ และมีพื้นที่อยู่แล้วก็จะใช้งบน้อยหน่อย แต่ถ้าคิดจะเปิดร้านใหญ่และต้องไปเช่าที่หรือทำร้านใหม่ ก็ต้องมีเงินทุนหนาพอประมาณ อย่างไรก็ตาม ขอย้ำอีกทีว่า งบประมาณในการเปิดร้านขายของชำนั้นขึ้นอยู่กับขนาดของร้าน หากคุณวางแผนเปิดร้านขายของชำเล็ก ๆ และมีพื้นที่อยู่แล้วก็จะใช้งบน้อยหน่อย แต่ถ้าคิดจะเปิดร้านใหญ่และต้องไปเช่าที่หรือทำร้านใหม่ ก็ต้องมีเงินทุนหนาพอประมาณ ดังนั้นถ้าจะให้ดีจริง ๆ คุณควรค่อย ๆ ลงทุนเปิดร้านขายของชำตามงบที่มีก่อนจะดีกว่า แล้วถ้าร้านไปได้สวยก็ค่อยขยายกิจการร้านของชำของคุณ จะได้ไม่เสี่ยงต่อการเจ๊ง ให้ค่อยเป็นค่อยไปเหมือนสุภาษิตที่ว่า ช้า ๆ ได้พร้าเล่มงาม ดังนั้นถ้าจะให้ดีจริง ๆ คุณควรค่อย ๆ ลงทุนเปิดร้านขายของชำตามงบที่มีก่อนจะดีกว่า แล้วถ้าร้านไปได้สวยก็ค่อยขยายกิจการร้านของชำของคุณ จะได้ไม่เสี่ยงต่อการเจ๊ง ให้ค่อยเป็นค่อยไปเหมือนสุภาษิตที่ว่า ช้า ๆ ได้พร้าเล่มงาม 5. เลือกทำเลที่ดีที่สุดในการเปิดร้านขายของชำ ภาพจาก 1 และ 2 จาก Pixabay นอกเหนือจากการเตรียมตัวและการเตรียมเอกสารในการเปิดร้านขายของชำแล้ว ทำเล ก็เป็นหนึ่งส่วนที่เรียกได้ว่าสำคัญที่สุดในการเปิดร้านที่ว่านี้ นั่นเพราะว่าเมื่อเปิดร้านขายของชำในทำเลที่มีการแข่งขันน้อยแล้ว คุณยิ่งจะเห็นยอดขายเป็นกอบเป็นกำ นอกเหนือจากการเตรียมตัวและการเตรียมเอกสารในการเปิดร้านขายของชำแล้ว ทำเล ก็เป็นหนึ่งส่วนที่เรียกได้ว่าสำคัญที่สุดในการเปิดร้านที่ว่านี้ นั่นเพราะว่าเมื่อเปิดร้านขายของชำในทำเลที่มีการแข่งขันน้อยแล้ว คุณยิ่งจะเห็นยอดขายเป็นกอบเป็นกำ และการเลือกทำเลที่ดีที่สุดในการเปิดร้านขายของชำ, ร้านโชห่วย, มินิมาร์ท หรือร้านค้าต่าง ๆ นั้นก็ได้แก่ และการเลือกทำเลที่ดีที่สุดในการเปิดร้านขายของชำ, ร้านโชห่วย, มินิมาร์ท หรือร้านค้าต่าง ๆ นั้นก็ได้แก่ อยู่ในพื้นที่ที่มีคนเดินผ่านทั้งด้านหน้าและด้านหลังร้าน เพื่อให้มองเห็นได้หลายมุมและเพิ่มโอกาสในการขาย เพื่อให้มองเห็นได้หลายมุมและเพิ่มโอกาสในการขาย ไม่ควรอยู่ในบริเวณทางสามแพร่ง ซึ่งทางโบราณเชื่อว่าเป็นทำเลที่ไม่ดีและตามหลักฮวงจุ้ยแล้ว ทางสามแพร่งถือว่าไม่เป็นมงคลแก่การค้าขาย ซึ่งทางโบราณเชื่อว่าเป็นทำเลที่ไม่ดีและตามหลักฮวงจุ้ยแล้ว ทางสามแพร่งถือว่าไม่เป็นมงคลแก่การค้าขาย อยู่ใกล้กับร้านอื่น ไม่ควรอยู่โดด ๆ แต่ควรมีร้านค้าอื่น ๆ อยู่ในบริเวณเดียวกันด้วย และจำไว้ว่าร้านขายของชำของคุณต้องอยู่ในแหล่งที่ผู้คนเข้าไปจับจ่ายใช้สอย ไม่ควรอยู่โดด ๆ แต่ควรมีร้านค้าอื่น ๆ อยู่ในบริเวณเดียวกันด้วย และจำไว้ว่าร้านขายของชำของคุณต้องอยู่ในแหล่งที่ผู้คนเข้าไปจับจ่ายใช้สอย มีที่จอดรถสำหรับลูกค้า อาจจะเป็นที่จอดรถยนต์ รถจักรยานยนต์ หรือเป็นที่ที่มีการคมนาคมสะดวกสบายก็ได้ ลองนึกดูว่าถ้าคุณเป็นลูกค้าเองและต้องเดินทางไปร้านที่ไม่มีที่จอดรถ ก็คงจะไม่อยากไปสักเท่าไหร่จริงไหมล่ะ? อาจจะเป็นที่จอดรถยนต์ รถจักรยานยนต์ หรือเป็นที่ที่มีการคมนาคมสะดวกสบายก็ได้ ลองนึกดูว่าถ้าคุณเป็นลูกค้าเองและต้องเดินทางไปร้านที่ไม่มีที่จอดรถ ก็คงจะไม่อยากไปสักเท่าไหร่จริงไหมล่ะ? อยู่ในทำเลที่มีลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย อาจจะเปิดในชุมชน ใกล้โรงเรียน ใกล้มหาลัย หรือพื้นที่ไหนก็ได้ แต่ขอให้มีลูกค้ากลุ่มเป้าหมายก็พอ ขยายพื้นที่ได้ ทำเลที่ดีจะต้องช่วยให้คุณขยายพื้นที่ร้านในอนาคตได้ด้วย เพราะเมื่อร้านขายของชำเล็ก ๆ ของคุณไปได้สวย ยังไงคุณก็อยากขยายให้ใหญ่ขึ้นเพื่อรองรับลูกค้าแน่นอน ทำเลที่ดีจะต้องช่วยให้คุณขยายพื้นที่ร้านในอนาคตได้ด้วย เพราะเมื่อร้านขายของชำเล็ก ๆ ของคุณไปได้สวย ยังไงคุณก็อยากขยายให้ใหญ่ขึ้นเพื่อรองรับลูกค้าแน่นอน นี่เป็นหลักการเลือกทำเลเปิดร้านเบื้องต้น ซึ่งถ้าคุณมีโครงการเปิดร้านขายของชำเล็ก ๆ ในหมู่บ้าน ก็อาจจะไม่ต้องเครียดเรื่องทำเลร้านมาก และสามารถปรับกลยุทธ์เรื่องทำเลได้ตามความเหมาะสมเพราะมีลูกค้ากลุ่มเป้าหมายอยู่แล้ว ทั้งนี้ควรให้ความสำคัญในเรื่องของการจัดแผนผังร้านค้า ความสะอาด และการบริการลูกค้าด้วย นี่เป็นหลักการเลือกทำเลเปิดร้านเบื้องต้น ซึ่งถ้าคุณมีโครงการเปิดร้านขายของชำเล็ก ๆ ในหมู่บ้าน ก็อาจจะไม่ต้องเครียดเรื่องทำเลร้านมาก และสามารถปรับกลยุทธ์เรื่องทำเลได้ตามความเหมาะสมเพราะมีลูกค้ากลุ่มเป้าหมายอยู่แล้ว ทั้งนี้ควรให้ความสำคัญในเรื่องของการจัดแผนผังร้านค้า ความสะอาด และการบริการลูกค้าด้วย 6. เลือกคู่ค้าหรือซัพพลายเออร์ร้านขายของชำอย่างชาญฉลาด ภาพจาก Pixabay หากคิดจะเปิดร้านขายของชำ ร้านโชห่วย หรือมินิมาร์ทให้รุ่ง คุณต้องบริหารจัดการร้านได้อย่างลื่นไหล คือ เริ่มจากคู่ค้าหรือซัพพลายเออร์ที่จะจัดส่งสินค้า หรือจะเป็นแหล่งรับซื้อสินค้ามาขายก็ได้ เพราะคุณต้องมีเครือข่ายคู่ค้าที่แข็งแกร่งและเชื่อถือได้ ถึงจะเปิดร้านขายของชำได้อย่างสบายใจ หากคิดจะเปิดร้านขายของชำ ร้านโชห่วย หรือมินิมาร์ทให้รุ่ง คุณต้องบริหารจัดการร้านได้อย่างลื่นไหล คือ เริ่มจากคู่ค้าหรือซัพพลายเออร์ที่จะจัดส่งสินค้า หรือจะเป็นแหล่งรับซื้อสินค้ามาขายก็ได้ เพราะคุณต้องมีเครือข่ายคู่ค้าที่แข็งแกร่งและเชื่อถือได้ ถึงจะเปิดร้านขายของชำได้อย่างสบายใจ ลองหาร้านขายส่ง แหล่งซื้อสินค้าที่ขายสินค้าราคาเป็นกันเอง หรือเลือกแหล่งขายส่งที่คุณเป็นลูกค้าสมาชิก เพื่อซื้อสินค้าในราคาสมาชิก จะได้ประหยัดต้นทุนได้มากขึ้น และยิ่งเมื่อหาซัพพลายเออร์ที่อยู่ใกล้แล้ว คุณก็จะประหยัดค่าเดินทางและค่าขนส่งไปได้อีกต่อหนึ่ง ดังนั้นลองนำแนวคิดเหล่านี้ไปพิจารณาดู ลองหาร้านขายส่ง แหล่งซื้อสินค้าที่ขายสินค้าราคาเป็นกันเอง หรือเลือกแหล่งขายส่งที่คุณเป็นลูกค้าสมาชิก เพื่อซื้อสินค้าในราคาสมาชิก จะได้ประหยัดต้นทุนได้มากขึ้น และยิ่งเมื่อหาซัพพลายเออร์ที่อยู่ใกล้แล้ว คุณก็จะประหยัดค่าเดินทางและค่าขนส่งไปได้อีกต่อหนึ่ง ดังนั้นลองนำแนวคิดเหล่านี้ไปพิจารณาดู หากพูดถึงแหล่งค้าส่งที่เจ้าของร้านค้า ร้านขายของชำ ร้านโชห่วย หรือมินิมาร์ทนิยมไปซื้อสินค้ามาขายต่อในไทย ก็คงจะเป็น หากพูดถึงแหล่งค้าส่งที่เจ้าของร้านค้า ร้านขายของชำ ร้านโชห่วย หรือมินิมาร์ทนิยมไปซื้อสินค้ามาขายต่อในไทย ก็คงจะเป็น Big C Tesco Lotus Makro นอกจากนี้ในเขตชุมชนก็อาจจะมีร้านขายส่งใกล้เคียงอยู่ก็ได้ ยังไงลองสำรวจพื้นที่ให้ดี แล้วก็เลือกคู่ค้าร้านขายของชำของคุณอีกที แล้วคุณจะรู้ว่าการมีซัพพลายเออร์ที่ไว้ใจได้นั้นสำคัญแค่ไหนในการเปิดร้านขายของชำหรือมินิมาร์ทของคุณ นอกจากนี้ในเขตชุมชนก็อาจจะมีร้านขายส่งใกล้เคียงอยู่ก็ได้ ยังไงลองสำรวจพื้นที่ให้ดี แล้วก็เลือกคู่ค้าร้านขายของชำของคุณอีกที แล้วคุณจะรู้ว่าการมีซัพพลายเออร์ที่ไว้ใจได้นั้นสำคัญแค่ไหนในการเปิดร้านขายของชำหรือมินิมาร์ทของคุณ 7. ต้องมีกลยุทธ์ที่ดีในการตั้งราคาสินค้าร้านขายของชำ ภาพจาก Unsplash อีกหนึ่งปัญหาของคนที่เริ่มเปิดร้านขายของชำก็คือ ไม่รู้ว่าควรตั้งราคาสินค้ายังไงถึงจะถูกใจลูกค้า นั่นก็เพราะว่า . … อีกหนึ่งปัญหาของคนที่เริ่มเปิดร้านขายของชำก็คือ ไม่รู้ว่าควรตั้งราคาสินค้ายังไงถึงจะถูกใจลูกค้า นั่นก็เพราะว่า . … หากคุณตั้งราคาสินค้าต่ำเกินไป ก็จะส่งผลต่อกำไรร้าน หรือเผลอ ๆ หากตั้งราคาผิดก็เสี่ยงต่อการขาดทุนไปเลย แต่ถ้าตั้งราคาสูงเกินไป ก็จะขายของไม่ออก ของแพงลูกค้าไม่อยากซื้อ ดังนั้นทางร้านจะต้องมีกลยุทธ์การตั้งราคาสินค้าร้านขายของชำที่ดี จึงจะดึงดูดลูกค้าและช่วยให้ร้านขายดีไปพร้อม ๆ กันได้ อีกอย่างร้านคุณเองก็จะไม่เสียเปรียบคู่แข่งร้านอื่น ๆ ! ดังนั้นทางร้านจะต้องมีกลยุทธ์การตั้งราคาสินค้าร้านขายของชำที่ดี จึงจะดึงดูดลูกค้าและช่วยให้ร้านขายดีไปพร้อม ๆ กันได้ อีกอย่างร้านคุณเองก็จะไม่เสียเปรียบคู่แข่งร้านอื่น ๆ ! แล้วหลักการในการตั้งราคาสินค้าสำหรับร้านขายของชำเบื้องต้น มีอะไรบ้าง ? เรารวมเทคนิคการตั้งราคาจากเจ้าของร้านขายของชำที่จะช่วยให้คุณขายดี มีกำไร และเป็นราคาที่ยุติธรรมสำหรับลูกค้ามาไว้เแล้วที่นี่ ! แล้วหลักการในการตั้งราคาสินค้าสำหรับร้านขายของชำเบื้องต้น มีอะไรบ้าง ? เรารวมเทคนิคการตั้งราคาจากเจ้าของร้านขายของชำที่จะช่วยให้คุณขายดี มีกำไร และเป็นราคาที่ยุติธรรมสำหรับลูกค้ามาไว้เแล้วที่นี่ ! ตั้งราคาสินค้าโดยใช้เกณฑ์กำไรที่ 10 – 20% – คิดราคาเพิ่ม 10 – 20% จากราคาทุนสินค้าที่ขายในร้านขายของชำ เพราะอย่าลืมว่าคุณมีค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ค่าน้ำ ค่าไฟ แล้วไหนจะมีค่าขนส่งและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ อีก ไม่ควรขายสินค้าบางราคาแพงเกินไป – มีสินค้าบางรายการที่คุณต้องขายตามราคาที่ระบุไว้บนฉลากและไม่สามารถคิดราคาเพิ่มได้ เช่น เหล้า, บุหรี่, เครื่องดื่มชูกำลัง, น้ำอัดลม, เครื่องปรุงรส และการเติมเงินมือถือออนไลน์ เป็นต้น กรณีมีร้านขายของชำร้านอื่นในพื้นที่ใกล้เคียง – ควรตั้งราคาสินค้าขายในราคาที่ใกล้เคียงกัน ไม่ควรตัดราคากัน เพราะเราก็ต้องเห็นใจผู้ประกอบการด้วยกันด้วย จับคู่สินค้าขายในราคาถูกลง – อันนี้ออกแนวจัดโปรโมชั่นเพื่อดึงดูดลูกค้า เช่น 7-11 ก็มีโปรขายเครื่องดื่มกับขนมปังในราคาที่ถูกลง ช่วยให้ลูกค้าเป็นความคุ้มค่ามากขึ้น ก็ถือว่าเป็นไอเดียที่น่าลองเช่นกัน ทั้งนี้สามารถดูตัวอย่างการตั้งราคาสินค้าร้านขายของชำหรือร้านโชห่วยได้ที่นี่ ทั้งนี้สามารถดูตัวอย่างการตั้งราคาสินค้าร้านขายของชำหรือร้านโชห่วยได้ที่นี่ 8. เปิดร้านขายของชำออนไลน์และออฟไลน์ควบคู่กันไป ภาพจาก Unsplash ในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในชีวิตของเราและช่วยอำนวยความสะดวกในการดำเนินชีวิตมากขึ้นนี้ ทำให้ลูกค้าหันมาท่องโลกออนไลน์มากยิ่งขึ้น ดังนั้นการจะเปิดร้านขายของชำให้ประสบความสำเร็จและขายดีเป็นกอบเป็นกำนั้น คุณจึงต้องมองหาช่องทางเพื่อเพิ่มโอกาสในการขายให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นเป็นได้ คือเปิดเว็บไซต์ขายของออนไลน์ ขายตามโลกโซเชียลอย่าง Facebook, Instagram และ LINE รวมถึงมีบริการเดลิเวอรี่สำหรับลูกค้าพื้นที่ใกล้เคียงด้วย ในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในชีวิตของเราและช่วยอำนวยความสะดวกในการดำเนินชีวิตมากขึ้นนี้ ทำให้ลูกค้าหันมาท่องโลกออนไลน์มากยิ่งขึ้น ดังนั้นการจะเปิดร้านขายของชำให้ประสบความสำเร็จและขายดีเป็นกอบเป็นกำนั้น คุณจึงต้องมองหาช่องทางเพื่อเพิ่มโอกาสในการขายให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นเป็นได้ คือเปิดเว็บไซต์ขายของออนไลน์ ขายตามโลกโซเชียลอย่าง Facebook, Instagram และ LINE รวมถึงมีบริการเดลิเวอรี่สำหรับลูกค้าพื้นที่ใกล้เคียงด้วย ทั้งนี้ยังมีการศึกษาของ Thumbsup พบว่า ผู้ซื้อกว่า 2 ล้านคนยังคงช้อปผ่านเว็บไซต์ของร้านค้าปลีก 50% ของผู้ซื้อของออนไลน์มาจาก Google และยังมีอีก 65% ของผู้ซื้อของผ่านร้านค้าปลีก โดย 25% ซื้อจากหน้าเว็บของร้านโดยตรง และอีก 40% ซื้อจาก Social Network แล้วแบบนี้คุณจะพิจารณาการเปิดร้านขายของชำออนไลน์ได้หรือยัง? ทั้งนี้ยังมีการศึกษาของ Thumbsup พบว่า ผู้ซื้อกว่า 2 ล้านคนยังคงช้อปผ่านเว็บไซต์ของร้านค้าปลีก 50% ของผู้ซื้อของออนไลน์มาจาก Google และยังมีอีก 65% ของผู้ซื้อของผ่านร้านค้าปลีก โดย 25% ซื้อจากหน้าเว็บของร้านโดยตรง และอีก 40% ซื้อจาก Social Network แล้วแบบนี้คุณจะพิจารณาการเปิดร้านขายของชำออนไลน์ได้หรือยัง? ทั้งนี้ยังมีการศึกษาของ Thumbsup พบว่า ผู้ซื้อกว่า 2 ล้านคนยังคงช้อปผ่านเว็บไซต์ของร้านค้าปลีก 50% ของผู้ซื้อของออนไลน์มาจาก Google และยังมีอีก 65% ของผู้ซื้อของผ่านร้านค้าปลีก โดย 25% ซื้อจากหน้าเว็บของร้านโดยตรง และอีก 40% ซื้อจาก Social Network แล้วแบบนี้คุณจะพิจารณาการเปิดร้านขายของชำออนไลน์ได้หรือยัง? ขอบอกเลยว่าหากคิดจะเข้าถึงลูกค้าในยุคนี้ ร้านขายของชำของคุณต้องมีตัวตนทั้งออนไลน์และออฟไลน์ควบคู่กันไป ขอบอกเลยว่าหากคิดจะเข้าถึงลูกค้าในยุคนี้ ร้านขายของชำของคุณต้องมีตัวตนทั้งออนไลน์และออฟไลน์ควบคู่กันไป ขอบอกเลยว่าหากคิดจะเข้าถึงลูกค้าในยุคนี้ ร้านขายของชำของคุณต้องมีตัวตนทั้งออนไลน์และออฟไลน์ควบคู่กันไป 9. ใช้ระบบ POS เครื่องคิดเงินอัจฉริยะในร้านขายของชำ “รู้ไหมว่าปัญหาของร้านขายของชำส่วนใหญ่คือ ขาดการจัดการหน้าร้านและระบบหลังบ้านที่มีประสิทธิภาพ?” “รู้ไหมว่าปัญหาของร้านขายของชำส่วนใหญ่คือ ขาดการจัดการหน้าร้านและระบบหลังบ้านที่มีประสิทธิภาพ?” “รู้ไหมว่าปัญหาของร้านขายของชำส่วนใหญ่คือ ขาดการจัดการหน้าร้านและระบบหลังบ้านที่มีประสิทธิภาพ?” นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเจ้าของร้านขายของชำ เจ้าของร้านโชห่วย เจ้าของมินิมาร์ท และเจ้าของร้านค้าปลีกถึงเริ่มหันมาใช้ระบบ POS เครื่องคิดเงินอัจฉริยะกันหมดแล้ว เพราะเจ้าระบบนี้สามารถจัดการได้ทั้งหน้าร้านและระบบหลังบ้าน ทั้งยังช่วยให้วางแผนการขายและจัดทำโปรโมชั่นร้านง่ายขึ้น ช่วยใหเการจัดการต่าง ๆ จึงเป็นไปอย่างราบรื่น และเจ้าของร้านก็นำข้อมูลเหล่านี้มาสร้างกลยุทธ์เพิ่มยอดขายให้กับร้านขายของชำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นร้านขายของชำที่มีระบบ POS หรือโปรแกรมขายหน้าร้านนี้จึงมีแนวโน้มขายดีกว่าและทำกำไรได้มากกว่า นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเจ้าของร้านขายของชำ เจ้าของร้านโชห่วย เจ้าของมินิมาร์ท และเจ้าของร้านค้าปลีกถึงเริ่มหันมาใช้ระบบ POS เครื่องคิดเงินอัจฉริยะกันหมดแล้ว เพราะเจ้าระบบนี้สามารถจัดการได้ทั้งหน้าร้านและระบบหลังบ้าน ทั้งยังช่วยให้วางแผนการขายและจัดทำโปรโมชั่นร้านง่ายขึ้น ช่วยใหเการจัดการต่าง ๆ จึงเป็นไปอย่างราบรื่น และเจ้าของร้านก็นำข้อมูลเหล่านี้มาสร้างกลยุทธ์เพิ่มยอดขายให้กับร้านขายของชำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นร้านขายของชำที่มีระบบ POS หรือโปรแกรมขายหน้าร้านนี้จึงมีแนวโน้มขายดีกว่าและทำกำไรได้มากกว่า นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเจ้าของร้านขายของชำ เจ้าของร้านโชห่วย เจ้าของมินิมาร์ท และเจ้าของร้านค้าปลีกถึงเริ่มหันมาใช้ระบบ POS เครื่องคิดเงินอัจฉริยะกันหมดแล้ว เพราะเจ้าระบบนี้สามารถจัดการได้ทั้งหน้าร้านและระบบหลังบ้าน ทั้งยังช่วยให้วางแผนการขายและจัดทำโปรโมชั่นร้านง่ายขึ้น ช่วยใหเการจัดการต่าง ๆ จึงเป็นไปอย่างราบรื่น และเจ้าของร้านก็นำข้อมูลเหล่านี้มาสร้างกลยุทธ์เพิ่มยอดขายให้กับร้านขายของชำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นร้านขายของชำที่มีระบบ POS หรือโปรแกรมขายหน้าร้านนี้จึงมีแนวโน้มขายดีกว่าและทำกำไรได้มากกว่า หากจะถามหาฟีเจอร์ระบบ POS ร้านของชำที่ช่วยให้การขายสินค้าดียิ่งขึ้นก็ได้แก่ หากจะถามหาฟีเจอร์ระบบ POS ร้านของชำที่ช่วยให้การขายสินค้าดียิ่งขึ้นก็ได้แก่ ทำงานบนคลาวด์ – ระบบ POS ส่วนใหญ่ทำงานบนคลาวด์ (และระบบ POS สโตร์ฮับก็เป็นหนึ่งในนั้น) ช่วยให้เจ้าของร้านขายของชำดูรายงานยอดขายได้ทุกที่ทุกเวลาโดยไม่ต้องเข้าร้านหรือรอพนักงานปิดร้านก่อน ระบบ POS ส่วนใหญ่ทำงานบนคลาวด์ (และระบบ POS สโตร์ฮับก็เป็นหนึ่งในนั้น) ช่วยให้เจ้าของร้านขายของชำดูรายงานยอดขายได้ทุกที่ทุกเวลาโดยไม่ต้องเข้าร้านหรือรอพนักงานปิดร้านก่อน จัดสต๊อกสินค้าได้อย่างแม่นยำ – ตัวระบบสามารถตัดสต๊อกสินค้าได้โดยอัตโนมัติเมื่อมีการซื้อ-ขาย และแจ้งเตือนเมื่อสต๊อกเหลือน้อย คุณจึงจัดสต๊อกสินค้าได้อย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น พร้อมมีสินค้าขายดีพร้อมขายตลอดเวลา อย่าลืมว่าการเปิดร้านขายของชำให้ประสบความสำเร็จได้นั้น ที่ร้านจะต้องมีสินค้ารองรับความต้องการของลูกค้า ตัวระบบสามารถตัดสต๊อกสินค้าได้โดยอัตโนมัติเมื่อมีการซื้อ-ขาย และแจ้งเตือนเมื่อสต๊อกเหลือน้อย คุณจึงจัดสต๊อกสินค้าได้อย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น พร้อมมีสินค้าขายดีพร้อมขายตลอดเวลา อย่าลืมว่าการเปิดร้านขายของชำให้ประสบความสำเร็จได้นั้น ที่ร้านจะต้องมีสินค้ารองรับความต้องการของลูกค้า ระบุสินค้าขายดี – ช่วยให้เจ้าของร้านรู้ว่าสินค้าไหนขายดีและนำข้อมูลนั้นมาจัดโปรโมชั่นสินค้าที่ขายไม่ค่อยดี และขายสินค้าคงคลังที่ไม่มีความเคลื่อนไหวได้ในที่สุด ช่วยให้เจ้าของร้านรู้ว่าสินค้าไหนขายดีและนำข้อมูลนั้นมาจัดโปรโมชั่นสินค้าที่ขายไม่ค่อยดี และขายสินค้าคงคลังที่ไม่มีความเคลื่อนไหวได้ในที่สุด ลดค่าใช้จ่าย – เมื่อร้านขายของชำมีระบบ POS ก็จะรู้ความเคลื่อนไหวในร้าน รู้ว่าควรทุ่มเวลาให้กับส่วนไหน ควรสต๊อกสินค้าไหนเพิ่ม ควรลดปริมาณสินค้าไหน หรือว่าควรขยายร้านไปในทิศทางใด ทำให้ร้านลดค่าใช้จ่ายในส่วนที่ไม่จำเป็น นี่เป็นเพียงฟีเจอร์เบื้องต้นของระบบ POS เท่านั้น ระบบนี้เป็นระบบขายหน้าร้านและระบบหลังบ้านในตัว ถือเป็นอุปกรณ์ร้านขายของชำสำคัญที่สามารถช่วยให้คุณเชื่อมต่อธุรกิจร้านขายของชำของคุณได้อย่างเต็มประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ทั้งขายของออนไลน์ ฟรี เพิ่มสินค้าใหม่ ทำใบสั่งซื้อกับซัพพลายเออร์ และยังมีคุณสมบัติอื่น ๆ อีกมากมาย นี่เป็นเพียงฟีเจอร์เบื้องต้นของระบบ POS เท่านั้น ระบบนี้เป็นระบบขายหน้าร้านและระบบหลังบ้านในตัว ถือเป็นอุปกรณ์ร้านขายของชำสำคัญที่สามารถช่วยให้คุณเชื่อมต่อธุรกิจร้านขายของชำของคุณได้อย่างเต็มประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ทั้งขายของออนไลน์ ฟรี เพิ่มสินค้าใหม่ ทำใบสั่งซื้อกับซัพพลายเออร์ และยังมีคุณสมบัติอื่น ๆ อีกมากมาย ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่เจ้าของร้านขายของชำที่ใช้ระบบ POS จะทำกำไรได้ดีกว่า ก็เพราะพวกเขามีข้อมูลประกอบการตัดสินใจในทางธุรกิจที่ดีกว่ายังไงล่ะ! ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่เจ้าของร้านขายของชำที่ใช้ระบบ POS จะทำกำไรได้ดีกว่า ก็เพราะพวกเขามีข้อมูลประกอบการตัดสินใจในทางธุรกิจที่ดีกว่ายังไงล่ะ! ข้อคิดปิดท้ายสำหรับการเปิดร้านขายของชำ การเปิดร้านขายของชำ ร้านโชห่วย หรือมินิมาร์ทที่ขายดิบขายดีและทำกำไรให้คุณได้นั้น คุณจะต้องมีการเริ่มต้นที่ดี คือรู้ว่าความต้องการของตลาดเป็นแบบไหน คุณต้องการเปิดร้านในรูปแบบใด ต้องใช้เอกสารอะไรบ้างในการเปิด ต้องมีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง ทำเลที่ดีที่สุดเป็นแบบไหน ต้องมีหลักอะไรในการเลือกซัพพลายเออร์ ต้องตั้งราคาสินค้ายังไง ต้องมีช่องทางการขายไหนบ้างถึงจะเพิ่มโอกาสในการขายได้มากที่สุด และต้องใช้เครื่องคิดเงินหรือโปรแกรมขายหน้าร้าน (ระบบ POS) แบบไหนถึงจะช่วยให้คุณจัดการร้านขายของชำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด ซึ่งเมื่อคุณรู้คำตอบของคำถามเหล่านี้แล้ว คุณก็จะเปิดร้านขายของชำให้ประสบความสำเร็จได้ไม่ยาก การเปิดร้านขายของชำ ร้านโชห่วย หรือมินิมาร์ทที่ขายดิบขายดีและทำกำไรให้คุณได้นั้น คุณจะต้องมีการเริ่มต้นที่ดี คือรู้ว่าความต้องการของตลาดเป็นแบบไหน คุณต้องการเปิดร้านในรูปแบบใด ต้องใช้เอกสารอะไรบ้างในการเปิด ต้องมีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง ทำเลที่ดีที่สุดเป็นแบบไหน ต้องมีหลักอะไรในการเลือกซัพพลายเออร์ ต้องตั้งราคาสินค้ายังไง ต้องมีช่องทางการขายไหนบ้างถึงจะเพิ่มโอกาสในการขายได้มากที่สุด และต้องใช้เครื่องคิดเงินหรือโปรแกรมขายหน้าร้าน (ระบบ POS) แบบไหนถึงจะช่วยให้คุณจัดการร้านขายของชำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด ซึ่งเมื่อคุณรู้คำตอบของคำถามเหล่านี้แล้ว คุณก็จะเปิดร้านขายของชำให้ประสบความสำเร็จได้ไม่ยาก ถ้าพร้อมแล้วมาเริ่มเปิดร้านขายของชำของคุณกันเลย! ถ้าพร้อมแล้วมาเริ่มเปิดร้านขายของชำของคุณกันเลย! | หุ้นส่วนจำกัด (Limited Partnership) คือ ห้างหุ้นส่วนจำกัด จะต้องทะเบียน และหากมีการดำเนินการนิติกรรมใด ๆ จะต้องทำในนามของห้างหุ้นส่วน สามารถแบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่
1. หุ้นส่วนแบบจำกัดความรับผิดชอบ คือ รับผิดชอบหนี้สินไม่เกินจำนวนเงินที่ลงทุน โดยหุ้นส่วนไม่มีสิทธิ์จัดการห้างหุ้นส่วน สามารถแสดงความคิดเห็นได้เท่านั้น ซึ่งตามหลักกฎหมายแล้วไม่สามารถนำชื่อหุ้นส่วนชนิดจำกัดความรับผิดชอบมาตั้งเป็นห้างหุ้นส่วน และหากหุ้นส่วนนี้ตายหรือล้มละลาย กิจการก็จะสามารถดำเนินการต่อไปได้
2. หุ้นส่วนแบบไม่จำกัดความรับผิดชอบ คือ รับผิดชอบหนี้สินแบบไม่จำกัดจำนวน ต้องมีอย่างน้อย 1 คน ซึ่งหุ้นส่วนประเภทนี้มีสิทธิ์จัดการงานของห้างหุ้นส่วน | null | Closed QA | cc-by-nc-4.0 |
Retail_51315 | Retail | ช่วยสรุป เบื้องหลังความสำเร็จตามแบบฉบับ Veggiology ให้หน่อยได้มั้ย | เปิดคาเฟ่ของคนรักสุขภาพกับเบื้องหลังความสำเร็จ ตามแบบฉบับ Veggiology Veggiology คาเฟ่อาหารและเครื่องดื่มในดวงใจของคนรักสุขภาพ ถือเป็นอีกหนึ่งร้านที่ประสบความสำเร็จและได้รับการตอบรับจากกลุ่มลูกค้าอย่างดีเสมอมา แต่ขอบอกเลยว่ากว่า Veggiology จะมาถึงวันนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย แล้วก็โชคดีของ StoreHub POS ของเราที่มีโอกาสได้ไปสัมภาษณ์ คุณแตน ดุจฤทัย คงคาเจริญ เจ้าของร้าน Veggiology ถึงที่ ซึ่งงานนี้คุณแตนเผยเทคนิคการทำร้านพร้อมตัวช่วยบริหารการจัดการร้านแบบไม่มีกั๊ก แต่ขอบอกเลยว่ากว่า Veggiology จะมาถึงวันนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย แล้วก็โชคดีของ StoreHub POS ของเราที่มีโอกาสได้ไปสัมภาษณ์ ถึงที่ ซึ่งงานนี้คุณแตนเผย จากปัญหาสุขภาพสู่คาเฟ่สุดเฮลตี้ คือที่มาของ Veggiology ภาพจากเฟสบุ๊ค Veggiology ร้าน Veggiology คือร้านอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพย่านสุขุมวิท 41 อยู่ใกล้ ๆ กับห้างสรรพสินค้าเอมควาเทียร์ (Emquartier) บรรยากาศภายในร้านสบาย ๆ และเป็นกันเองมาก ๆ ร้าน Veggiology คือร้านอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพย่านสุขุมวิท 41 อยู่ใกล้ ๆ กับห้างสรรพสินค้าเอมควาเทียร์ (Emquartier) บรรยากาศภายในร้านสบาย ๆ และเป็นกันเองมาก ๆ ก่อนหน้าที่จะเปิดร้าน คุณแตนบอกกับเราว่าคุณแตนเป็นผู้หญิงที่ใช้ชีวิตตามปกติทั่วไป ไม่เคยมีคำถามและสงสัยในเรื่องอาหารที่กินเข้าไป แต่จุดที่ทำให้คุณแตนต้องฉุกคิดและทบทวนเรื่องนี้ก็คือ คุณแตนตรวจพบเนื้องอกที่ต่อมไทรอยด์ ทำให้เอะใจว่าต้องมีอะไรบางอย่างผิดพลาดถึงเป็นโรคขึ้นมาได้ ก่อนหน้าที่จะเปิดร้าน คุณแตนบอกกับเราว่าคุณแตนเป็นผู้หญิงที่ใช้ชีวิตตามปกติทั่วไป ไม่เคยมีคำถามและสงสัยในเรื่องอาหารที่กินเข้าไป แต่จุดที่ทำให้คุณแตนต้องฉุกคิดและทบทวนเรื่องนี้ก็คือ คุณแตนตรวจพบเนื้องอกที่ต่อมไทรอยด์ ทำให้เอะใจว่าต้องมีอะไรบางอย่างผิดพลาดถึงเป็นโรคขึ้นมาได้ หลังจากนั้นคุณแตนก็ตัดสินใจไปหาหมอทางเลือกและพบว่าจริง ๆ แล้วการกินและการขับถ่ายของเราสำคัญมาก หลังจากนั้นคุณแตนเลยค่อย ๆ ศึกษาและปรับเปลี่ยนวิถีการกิน หลังจากนั้นคุณแตนก็ตัดสินใจไปหาหมอทางเลือกและพบว่าจริง ๆ แล้วการกินและการขับถ่ายของเราสำคัญมาก หลังจากนั้นคุณแตนเลยค่อย ๆ ศึกษาและปรับเปลี่ยนวิถีการกิน ในตอนนั้นคุณแตนทำน้ำผักผลไม้ทานและมักโพสต์ลงโลกโซเชียล เมื่อรุ่นพี่เห็น ก็ขอให้ทำขายให้ พอได้ผลตอบรับที่น่าพอใจ คุณแตนจึงตัดสินใจทำร้านแบบจริงจัง แต่กว่าจะมีหน้าร้านได้ Veggiology ก็ขายออนไลน์นานเกือบ 5 ปีอยู่เหมือนกัน ในตอนนั้นคุณแตนทำน้ำผักผลไม้ทานและมักโพสต์ลงโลกโซเชียล เมื่อรุ่นพี่เห็น ก็ขอให้ทำขายให้ พอได้ผลตอบรับที่น่าพอใจ คุณแตนจึงตัดสินใจทำร้านแบบจริงจัง แต่กว่าจะมีหน้าร้านได้ Veggiology ก็ขายออนไลน์นานเกือบ 5 ปีอยู่เหมือนกัน Veggiology กับจุดเด่นที่มัดใจลูกค้าแบบอยู่หมัด ภาพจากเฟสบุ๊ค Veggiology ถ้าพูดถึงจุดเด่นของร้าน Veggiology แล้ว คุณแตนบอกกับเราว่า ถ้าพูดถึงจุดเด่นของร้าน Veggiology แล้ว คุณแตนบอกกับเราว่า “การเลือกที่มาของวัตถุดิบคือจุดเด่นของร้าน เช่น ผัก ทางร้านก็จะเลือกเป็นผักออร์แกนิค ส่วนในเมนูเราจะบอกเลยว่าเราใส่อะไรบ้าง แล้วก็จะมาร์คเอาไว้ว่าวัตถุดิบนั้น ๆ เป็นออร์แกนิคหรือเปล่า” “การเลือกที่มาของวัตถุดิบคือจุดเด่นของร้าน เช่น ผัก ทางร้านก็จะเลือกเป็นผักออร์แกนิค ส่วนในเมนูเราจะบอกเลยว่าเราใส่อะไรบ้าง แล้วก็จะมาร์คเอาไว้ว่าวัตถุดิบนั้น ๆ เป็นออร์แกนิคหรือเปล่า” “การเลือกที่มาของวัตถุดิบคือจุดเด่นของร้าน เช่น ผัก ทางร้านก็จะเลือกเป็นผักออร์แกนิค ส่วนในเมนูเราจะบอกเลยว่าเราใส่อะไรบ้าง แล้วก็จะมาร์คเอาไว้ว่าวัตถุดิบนั้น ๆ เป็นออร์แกนิคหรือเปล่า” “ เช่น ผัก ทางร้านก็จะเลือกเป็นผักออร์แกนิค ส่วนในเมนูเราจะบอกเลยว่าเราใส่อะไรบ้าง แล้วก็จะมาร์คเอาไว้ว่าวัตถุดิบนั้น ๆ เป็นออร์แกนิคหรือเปล่า” และความใส่ใจในการเลือกวัตถุดิบนี่เอง ที่ทำให้ Veggiology รังสรรค์แต่ละเมนูออกมาได้ตรงใจลูกค้า ส่วนวัตถุดิบออร์แกนิคนั้นก็แน่นอนอยู่แล้วว่าดีต่อสุขภาพ และดีต่อใจลูกค้าที่ใส่ใจเรื่องอาหารการกินเป็นไหน ๆ ทั้งนี้ Veggiology ยังตั้งใจผลิตน้ำเพื่อสุขภาพที่ปลอดภัยไร้สารเคมี มีโปรแกรมสำหรับลูกค้าแต่ละกลุ่ม เช่น กลุ่มที่ต้องการดีท็อกซ์และกลุ่มที่ต้องการวิตามิน ส่วนเมนูอาหาร กาแฟ และเครื่องดื่มอื่น ๆ ก็มีหลากหลายไว้เอาใจคนรักสุขภาพ ซึ่งจุดเด่นนี้เองที่ทำให้คาเฟ่แห่งนี้มัดใจลูกค้า และตอบโจทย์สายเฮลตี้ได้อย่างยอดเยี่ยม และความใส่ใจในการเลือกวัตถุดิบนี่เอง ที่ทำให้ Veggiology รังสรรค์แต่ละเมนูออกมาได้ตรงใจลูกค้า ส่วนวัตถุดิบออร์แกนิคนั้นก็แน่นอนอยู่แล้วว่าดีต่อสุขภาพ และดีต่อใจลูกค้าที่ใส่ใจเรื่องอาหารการกินเป็นไหน ๆ ทั้งนี้ Veggiology ยังตั้งใจผลิตน้ำเพื่อสุขภาพที่ปลอดภัยไร้สารเคมี มีโปรแกรมสำหรับลูกค้าแต่ละกลุ่ม เช่น กลุ่มที่ต้องการดีท็อกซ์และกลุ่มที่ต้องการวิตามิน ส่วนเมนูอาหาร กาแฟ และเครื่องดื่มอื่น ๆ ก็มีหลากหลายไว้เอาใจคนรักสุขภาพ ซึ่งจุดเด่นนี้เองที่ทำให้คาเฟ่แห่งนี้มัดใจลูกค้า และตอบโจทย์สายเฮลตี้ได้อย่างยอดเยี่ยม | Veggiology คาเฟ่อาหารและเครื่องดื่มในดวงใจของคนรักสุขภาพ ถือเป็นอีกหนึ่งร้านที่ประสบความสำเร็จและได้รับการตอบรับจากกลุ่มลูกค้าอย่างดีเสมอมา แต่กว่าจะมาถึงวันนี้ไม่ง่าย มาดูเบื้องหลังความสำเร็จกัน เริ่มจากคุณแตน เจ้าของร้านมีปัญหาสุขภาพ เนื่องจากการกินและการขับถ่าย จึงหันมาศึกษาและปรับเปลี่ยนวิถีการกิน เริ่มจากการทำน้ำผักผลไม้ทานและโพสลงโซเชี่ยล เมื่อรุ่นพี่เห็นจึงขอให้ทำขาย ผลตอบรับดี ก็ขายออนไลน์นานเกือบ 5 ปี จึงตัดสินใจเปิดร้าน Veggiology โดยจุดเด่น คือ การใส่ใจในเลือกวัตถุดิบ ทำให้รังสรรค์เมนูออกมาได้ตรงใจลูกค้า โปรแกรมสำหรับลูกค้าแต่ละกลุ่ม ซึ่งจุดเด่นนี้เองที่ทำให้คาเฟ่แห่งนี้มัดใจลูกค้า และตอบโจทย์สายเฮลตี้ได้อย่างยอดเยี่ยม และทางร้านยังมีการใช้ระบบ POS สโตร์ฮับ มาช่วยจัดการบริหารร้าน ซึ่งเป็นตัวช่วยให้ประสบความสำเร็จเช่นกัน | null | Summarization | cc-by-nc-4.0 |
Retail_51316 | Retail | การจัดการสต๊อกสินค้า หมายถึงอะไร | Business Photo โดย tirachardz – www.freepik.com การจัดการสต๊อกสินค้าคืออะไร รู้เทคนิคดี ๆ ไว้ ช่วยร้านได้แน่นอน! การจัดการสต๊อกสินค้า (Stock Management) หรือ สินค้าคงคลัง ถือว่าสำคัญกับธุรกิจเป็นอย่างมาก และการที่จะจัดสต๊อกสินค้าให้พอดีกับความต้องการของลูกค้าในร้าน ก็ยังเป็นเรื่องท้าทายสำหรับเจ้าของธุรกิจหลายคน โดยเฉพาะเจ้าของร้านค้าและร้านอาหารขนาดเล็กที่ยังนับสต๊อกสินค้าด้วยระบบแมนวล เช็ควัตถุดิบด้วยตัวเอง หรือทำทุกอย่างด้วยการจดมือ การจัดการสต๊อกสินค้า (Stock Management) หรือ สินค้าคงคลัง ถือว่าสำคัญกับธุรกิจเป็นอย่างมาก และการที่จะจัดสต๊อกสินค้าให้พอดีกับความต้องการของลูกค้าในร้าน ก็ยังเป็นเรื่องท้าทายสำหรับเจ้าของธุรกิจหลายคน โดยเฉพาะเจ้าของร้านค้าและร้านอาหารขนาดเล็กที่ยังนับสต๊อกสินค้าด้วยระบบแมนวล เช็ควัตถุดิบด้วยตัวเอง หรือทำทุกอย่างด้วยการจดมือ การจัดการสต๊อกสินค้า (Stock Management) หรือ สินค้าคงคลัง ถือว่าสำคัญกับธุรกิจเป็นอย่างมาก และการที่จะจัดสต๊อกสินค้าให้พอดีกับความต้องการของลูกค้าในร้าน ก็ยังเป็นเรื่องท้าทายสำหรับเจ้าของธุรกิจหลายคน โดยเฉพาะเจ้าของร้านค้าและร้านอาหารขนาดเล็กที่ยังนับสต๊อกสินค้าด้วยระบบแมนวล เช็ควัตถุดิบด้วยตัวเอง หรือทำทุกอย่างด้วยการจดมือ รู้ไหมว่า? การจัดการสต๊อกสินค้าที่ไม่มีประสิทธิภาพยังส่งผลต่อค่าใช้จ่ายในธุรกิจด้วย หมายความว่าคุณจะเสียเงินในการสั่งซื้อสินค้าจากซัพพลายเออร์โดยใช่เหตุ เช่น สต๊อกสินค้าเยอะเกินจนขายไม่ออก หรือสินค้าขาดสต๊อก ทำให้ไม่เพียงพอกับความต้องการของลูกค้าและเสียโอกาสในการขายได้ไปโดยปริยาย รู้ไหมว่า? การจัดการสต๊อกสินค้าที่ไม่มีประสิทธิภาพยังส่งผลต่อค่าใช้จ่ายในธุรกิจด้วย หมายความว่าคุณจะเสียเงินในการสั่งซื้อสินค้าจากซัพพลายเออร์โดยใช่เหตุ เช่น สต๊อกสินค้าเยอะเกินจนขายไม่ออก หรือสินค้าขาดสต๊อก ทำให้ไม่เพียงพอกับความต้องการของลูกค้าและเสียโอกาสในการขายได้ไปโดยปริยาย ดังนั้นวันนี้เราจึงจะพาเจ้าของธุรกิจเช่นคุณมาทำความรู้จักกับการจัดการสต๊อกสินค้าให้เข้าใจกันแบบละเอียด จะได้เข้าใจความสำคัญและบริหารธุรกิจของคุณได้ดีขึ้น รับรองว่าเป็นประโยชน์ต่อการบริหารจัดการสต๊อกสินค้าสำหรับร้านค้าและร้านอาหารของคุณแน่นอน ดังนั้นวันนี้เราจึงจะพาเจ้าของธุรกิจเช่นคุณมาทำความรู้จักกับการจัดการสต๊อกสินค้าให้เข้าใจกันแบบละเอียด จะได้เข้าใจความสำคัญและบริหารธุรกิจของคุณได้ดีขึ้น รับรองว่าเป็นประโยชน์ต่อการบริหารจัดการสต๊อกสินค้าสำหรับร้านค้าและร้านอาหารของคุณแน่นอน การจัดการสต๊อกสินค้าคืออะไร? Business Photo โดย senivpetro – www.freepik.com สต๊อกสินค้า (Stock) คือ สินค้าคงคลัง ดังนั้นการจัดการสต๊อกสินค้า จึงหมายถึง การติดตามและบริหารสินค้าในร้านให้พอดีกับความต้องการของลูกค้าหรือพอดีต่อการขาย โดยสินค้านี้อาจจะเป็นสินค้าขายหน้าร้านหรือวัตถุดิบที่ใช้ประกอบอาหารและเครื่องดื่มก็ได้ สต๊อกสินค้า (Stock) คือ สินค้าคงคลัง ดังนั้นการจัดการสต๊อกสินค้า จึงหมายถึง การติดตามและบริหารสินค้าในร้านให้พอดีกับความต้องการของลูกค้าหรือพอดีต่อการขาย โดยสินค้านี้อาจจะเป็นสินค้าขายหน้าร้านหรือวัตถุดิบที่ใช้ประกอบอาหารและเครื่องดื่มก็ได้ สต๊อกสินค้า (Stock) คือ สินค้าคงคลัง ดังนั้นการจัดการสต๊อกสินค้า จึงหมายถึง การติดตามและบริหารสินค้าในร้านให้พอดีกับความต้องการของลูกค้าหรือพอดีต่อการขาย โดยสินค้านี้อาจจะเป็นสินค้าขายหน้าร้านหรือวัตถุดิบที่ใช้ประกอบอาหารและเครื่องดื่มก็ได้ การจัดการสต๊อกสินค้า การติดตามและบริหารสินค้าในร้านให้พอดีกับความต้องการของลูกค้าหรือพอดีต่อการขาย และจุดประสงค์ของการจัดการสต๊อกสินค้าก็คือ และจุดประสงค์ของการจัดการสต๊อกสินค้าก็คือ สั่งซื้อสินค้าได้พอดีกับความต้องการของลูกค้า สั่งซื้อสินค้าได้พอดีกับความต้องการของลูกค้า ลดต้นทุนสินค้าคงคลังเกินจำเป็น ลดค่าใช้จ่ายในการกักตุนสินค้าและสต๊อกวัตถุดิบ ลดค่าใช้จ่ายในการกักตุนสินค้าและสต๊อกวัตถุดิบ ตัดปัญหาสินค้าคงคลังที่ไม่มีการเคลื่อนไหวหรือ Dead Stock ตัดปัญหาสินค้าคงคลังที่ไม่มีการเคลื่อนไหวหรือ Dead Stock บอกลาปัญหาสินค้าคงคลังมากเกินไป ป้องกันปัญหาเรื่องสินค้าหมดอายุ ป้องกันปัญหาเรื่องสินค้าหมดอายุ ให้การขายเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ให้การขายเป็นไปอย่างต่อเนื่อง รองรับความต้องการของลูกค้า/ตลาด รองรับความต้องการของลูกค้า / ตลาด รู้ว่าเมื่อไหร่ควรสั่งสินค้าเพิ่ม รู้ว่าเมื่อไหร่ควรสั่งสินค้าเพิ่ม ซึ่งหากคุณไม่รู้วิธีการจัดการสต๊อกสินค้าอย่างถูกต้อง หรือบริหารระบบสินค้าคงคลังได้ไม่มีประสิทธิภาพมากพอ ธุรกิจของคุณก็มีสะดุดแน่นอน แล้วถ้ามีปัญหาเกิดขึ้นล่ะ คุณจะรับมือกับสถานการณ์ได้ดีแค่ไหน? ซึ่งหากคุณไม่รู้วิธีการจัดการสต๊อกสินค้าอย่างถูกต้อง หรือบริหารระบบสินค้าคงคลังได้ไม่มีประสิทธิภาพมากพอ ธุรกิจของคุณก็มีสะดุดแน่นอน แล้วถ้ามีปัญหาเกิดขึ้นล่ะ คุณจะรับมือกับสถานการณ์ได้ดีแค่ไหน? ทำไมการจัดการสต๊อกสินค้าถึงสำคัญนัก? ภาพจาก Pixabay อย่างที่เราได้บอกไปแล้วว่า การจัดการสต๊อกสินค้าที่มีประสิทธิภาพสำคัญกับธุรกิจค้าปลีกหรือธุรกิจร้านอาหารเป็นอย่างมาก เพราะคุณจะได้มั่นใจว่าร้านของคุณมีสต๊อกสินค้าเพียงพอต่อการขาย แล้วถ้าคุณเช็คสต๊อกสินค้าได้ไม่ดีพอ ก็จะทำให้ธุรกิจของคุณเสียโอกาสในการขายที่คุณไม่สามารถเรียกกลับคืนมาได้ หรือส่งผลให้คุณเสียเงินเปล่าจากการสั่งสินค้ามาไว้ในสต๊อกมากเกินไป ดังนั้นข้อดีของการจัดการสินค้าคงคลังได้อย่างมีประสิทธิภาพจึงแบ่งเป็น 2 ข้อหลัก ๆ ดังนี้ :- อย่างที่เราได้บอกไปแล้วว่า การจัดการสต๊อกสินค้าที่มีประสิทธิภาพสำคัญกับธุรกิจค้าปลีกหรือธุรกิจร้านอาหารเป็นอย่างมาก เพราะคุณจะได้มั่นใจว่าร้านของคุณมีสต๊อกสินค้าเพียงพอต่อการขาย แล้วถ้าคุณเช็คสต๊อกสินค้าได้ไม่ดีพอ ก็จะทำให้ธุรกิจของคุณเสียโอกาสในการขายที่คุณไม่สามารถเรียกกลับคืนมาได้ หรือส่งผลให้คุณเสียเงินเปล่าจากการสั่งสินค้ามาไว้ในสต๊อกมากเกินไป ดังนั้นข้อดีของการจัดการสินค้าคงคลังได้อย่างมีประสิทธิภาพจึงแบ่งเป็น 2 ข้อหลัก ๆ ดังนี้ :- อย่างที่เราได้บอกไปแล้วว่า การจัดการสต๊อกสินค้าที่มีประสิทธิภาพสำคัญกับธุรกิจค้าปลีกหรือธุรกิจร้านอาหารเป็นอย่างมาก เพราะคุณจะได้มั่นใจว่าร้านของคุณมีสต๊อกสินค้าเพียงพอต่อการขาย แล้วถ้าคุณเช็คสต๊อกสินค้าได้ไม่ดีพอ ก็จะทำให้ธุรกิจของคุณเสียโอกาสในการขายที่คุณไม่สามารถเรียกกลับคืนมาได้ หรือส่งผลให้คุณเสียเงินเปล่าจากการสั่งสินค้ามาไว้ในสต๊อกมากเกินไป ดังนั้นข้อดีของการจัดการสินค้าคงคลังได้อย่างมีประสิทธิภาพจึงแบ่งเป็น การจัดการสต๊อกสินค้าที่มีประสิทธิภาพสำคัญกับธุรกิจค้าปลีกหรือธุรกิจร้านอาหารเป็นอย่างมาก 2 ข้อหลัก ๆ ดังนี้ :- 1. การจัดการสต๊อกสินค้าช่วยลดค่าใช้จ่ายและประหยัดงบ ป้องกันสินค้าเน่าเสีย – ถ้าร้านของคุณขายสินค้าที่มีวันหมดอายุอย่าง อาหาร หรือว่า เครื่องสำอาง สินค้าเหล่านี้ก็จะมีโอกาสเน่าเสียหรือหมดอายุหากคุณขายไม่ได้ก่อนถึงกำหนด ดังนั้นการจัดการสต๊อกสินค้าได้ถูกต้องเหมาะสมจึงช่วยป้องกันสินค้าเน่าเสียและช่วยให้คุณสต๊อกวัตถุดิบได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น ป้องกันปัญหาสินค้าคงคลังที่ไม่มีการเคลื่อนไหว – Dead Stock หรือ สินค้าคงคลังที่ไม่มีการเคลื่อนไหว คือ สินค้าที่ขายไม่ได้ อาจจะเป็นสินค้าหมดอายุ, สินค้าที่ไม่เป็นที่ต้องการ, สินค้าที่หมดฤดูกาลไปแล้ว หรือสินค้าที่ไม่ตรงกับความต้องการของลูกค้าในช่วงเวลานั้น ๆ โดยหากร้านมีการสต๊อกสินค้าประเภทนี้มากเกินไปก็จะมีแต่ผลเสีย และการจัดการ Stock สินค้าได้อย่างลงตัว ก็จะป้องกันปัญหานี้ได้ ลดค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บสินค้า – แน่นอนว่าการจัดเก็บสินค้าในโกดังนั้นก็มีค่าใช้จ่ายเช่นกัน โดยเฉพาะเมื่อคุณต้องเช่าโกดัง ค่าใช้จ่ายจะผันผวนไปตามจำนวนสินค้าที่จัดเก็บ เมื่อคุณสต๊อกสินค้ามากเกินไปหรือว่าสินค้าประเภทนั้น ๆ ขายไม่ค่อยได้ ค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บสินค้าก็จะสูงขึ้น ดังนั้นบริหารจัดการสต๊อกให้ดีไว้ก่อน จะได้ประหยัดเงินในส่วนนี้ได้ 2. การจัดการสต๊อกสินค้าช่วยให้กระแสเงินสดดีขึ้น กระแสเงินสด หรือ Cash Flow คือ การนับเงินไหลเข้า-ออกหรือเงินหมุนเวียนในร้าน ถ้าเดือนนี้มีเงินไหลเข้ามากกว่าไหลออก (มีรายได้มากกว่ารายจ่าย) กระแสเงินสดก็จะเป็นบวก แต่ถ้าเดือนนี้เงินไหลออกมากกว่าไหลเข้า (รายจ่ายมากกว่ารายรับ) กระแสเงินสดก็จะเป็นลบ ถ้ากระแสเงินสดเป็นบวกมาก ๆ เงินสดในร้านก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในทางกลับกัน ถ้ากระแสเงินสดเป็นลบบ่อย ๆ สุดท้ายเงินสดก็จะขาดมือ และส่งผลให้ธุรกิจหรือร้านก็จะเดินต่อไปไม่ได้ในที่สุด ซึ่งเหตุผลก็คือ กระแสเงินสด หรือ Cash Flow คือ การนับเงินไหลเข้า-ออกหรือเงินหมุนเวียนในร้าน ถ้าเดือนนี้มีเงินไหลเข้ามากกว่าไหลออก (มีรายได้มากกว่ารายจ่าย) กระแสเงินสดก็จะเป็นบวก แต่ถ้าเดือนนี้เงินไหลออกมากกว่าไหลเข้า (รายจ่ายมากกว่ารายรับ) กระแสเงินสดก็จะเป็นลบ ถ้ากระแสเงินสดเป็นบวกมาก ๆ เงินสดในร้านก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในทางกลับกัน ถ้ากระแสเงินสดเป็นลบบ่อย ๆ สุดท้ายเงินสดก็จะขาดมือ และส่งผลให้ธุรกิจหรือร้านก็จะเดินต่อไปไม่ได้ในที่สุด ซึ่งเหตุผลก็คือ การจัดการสต๊อกสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพไม่เพียงแต่ส่งผลดีในเรื่องของค่าใช้จ่ายเท่านั้น แต่ยังช่วยให้กระแสเงินสดดีขึ้นด้วย เพราะสต๊อกก็คือสินค้าที่คุณจ่ายเงินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว (โดยอาจจะจ่ายในรูปแบบของเงินสด เช็ค หรือว่าโอนก็ได้) แล้วคุณก็จะขายสินค้าเหล่านั้นเพื่อให้ได้เงินมา แต่เมื่อสินค้าที่ว่านี้ตั้งอยู่ในโกดัง เราจะเรียกเป็นเงินไม่ได้ การจัดการสต๊อกสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพไม่เพียงแต่ส่งผลดีในเรื่องของค่าใช้จ่ายเท่านั้น แต่ยังช่วยให้กระแสเงินสดดีขึ้นด้วย เพราะสต๊อกก็คือสินค้าที่คุณจ่ายเงินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว (โดยอาจจะจ่ายในรูปแบบของเงินสด เช็ค หรือว่าโอนก็ได้) แล้วคุณก็จะขายสินค้าเหล่านั้นเพื่อให้ได้เงินมา แต่เมื่อสินค้าที่ว่านี้ตั้งอยู่ในโกดัง เราจะเรียกเป็นเงินไม่ได้ การจัดการสต๊อกสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพไม่เพียงแต่ส่งผลดีในเรื่องของค่าใช้จ่ายเท่านั้น แต่ยังช่วยให้กระแสเงินสด ดีขึ้นด้วย เพราะสต๊อกก็คือสินค้าที่คุณจ่ายเงินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว (โดยอาจจะจ่ายในรูปแบบของเงินสด เช็ค หรือว่าโอนก็ได้) แล้วคุณก็จะขายสินค้าเหล่านั้นเพื่อให้ได้เงินมา แต่เมื่อสินค้าที่ว่านี้ตั้งอยู่ในโกดัง เราจะเรียกเป็นเงินไม่ได้ นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมสต๊อกสินค้าถึงสำคัญกับการจัดการกระแสเงินสดนัก เพราะสต๊อกสินค้าส่งผลกระทบโดยตรงต่อยอดขายและค่าใช้จ่าย เนื่องจากสินค้าเหล่านี้บอกได้ว่าคุณจะขายได้เท่าไหร่และคุณต้องซื้ออะไร แล้วทั้งสองปัจจัยก็มีผลกระทบต่อเงินที่คุณมีอยู่เป็นอย่างมาก พูดง่าย ๆ ก็คือ การจัดการสต๊อกสินค้า หรือ การจัดการสินค้าคงคลัง ที่ดี จะนำไปสู่การจัดการกระแสเงินสดที่ดี นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมสต๊อกสินค้าถึงสำคัญกับการจัดการกระแสเงินสดนัก เพราะสต๊อกสินค้าส่งผลกระทบโดยตรงต่อยอดขายและค่าใช้จ่าย เนื่องจากสินค้าเหล่านี้บอกได้ว่าคุณจะขายได้เท่าไหร่และคุณต้องซื้ออะไร แล้วทั้งสองปัจจัยก็มีผลกระทบต่อเงินที่คุณมีอยู่เป็นอย่างมาก พูดง่าย ๆ ก็คือ การจัดการสต๊อกสินค้า หรือ การจัดการสินค้าคงคลัง ที่ดี จะนำไปสู่การจัดการกระแสเงินสดที่ดี และเมื่อคุณมีระบบการจัดการสต๊อกสินค้าที่ดี คุณก็จะเช็คสต๊อกสินค้าได้อย่างแม่นยำ สามารถคาดการณ์ยอดขายได้ และรู้ว่าเมื่อไหร่ควรสั่งสินค้าเพิ่ม ดังนั้นระบบนี้จะไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มโอกาสในการขายให้คุณเท่านั้น แต่ยังช่วยให้คุณวางแผนซื้อสต๊อกสินค้าเพื่อให้แน่ใจว่าคุณมีสินค้าเพียงพอ และเมื่อคุณมีระบบการจัดการสต๊อกสินค้าที่ดี คุณก็จะเช็คสต๊อกสินค้าได้อย่างแม่นยำ สามารถคาดการณ์ยอดขายได้ และรู้ว่าเมื่อไหร่ควรสั่งสินค้าเพิ่ม ดังนั้นระบบนี้จะไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มโอกาสในการขายให้คุณเท่านั้น แต่ยังช่วยให้คุณวางแผนซื้อสต๊อกสินค้าเพื่อให้แน่ใจว่าคุณมีสินค้าเพียงพอ และเมื่อคุณมี ระบบการจัดการสต๊อกสินค้าที่ดี คุณก็จะเช็คสต๊อกสินค้าได้อย่างแม่นยำ สามารถคาดการณ์ยอดขายได้ และรู้ว่าเมื่อไหร่ควรสั่งสินค้าเพิ่ม ดังนั้นระบบนี้จะไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มโอกาสในการขายให้คุณเท่านั้น แต่ยังช่วยให้คุณวางแผนซื้อสต๊อกสินค้าเพื่อให้แน่ใจว่าคุณมีสินค้าเพียงพอ “เงินที่คุณใช้จ่ายไปกับสต๊อกสินค้าไม่ได้มีส่วนช่วยให้ธุรกิจของคุณเติบโต ดังนั้นคุณจึงต้องบริหารจัดการให้ดี” “เงินที่คุณใช้จ่ายไปกับสต๊อกสินค้าไม่ได้มีส่วนช่วยให้ธุรกิจของคุณเติบโต ดังนั้นคุณจึงต้องบริหารจัดการให้ดี” “เงินที่คุณใช้จ่ายไปกับสต๊อกสินค้าไม่ได้มีส่วนช่วยให้ธุรกิจของคุณเติบโต ดังนั้นคุณจึงต้องบริหารจัดการให้ดี” “เงินที่คุณใช้จ่ายไปกับสต๊อกสินค้าไม่ได้มีส่วนช่วย ให้ธุรกิจของคุณเติบโต ดังนั้นคุณจึงต้องบริหารจัดการให้ดี” การจัดการสต๊อกสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ ต้องเริ่มจากตรงไหน? Business Photo โดย freepik – www.freepik.com การจัดการสต๊อกสินค้าเป็นสิ่งที่คุณสามารถกำหนดได้ ซึ่งก็ถือเป็นข้อดีอย่างหนึ่งในการทำธุรกิจ แล้วระบบการจัดการของแต่ละร้านค้าหรือบริษัทก็จะแตกต่างกันออกไป การจัดการสต๊อกสินค้าเป็นสิ่งที่คุณสามารถกำหนดได้ ซึ่งก็ถือเป็นข้อดีอย่างหนึ่งในการทำธุรกิจ แล้วระบบการจัดการของแต่ละร้านค้าหรือบริษัทก็จะแตกต่างกันออกไป อย่างไรก็ตาม การจะทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จได้นั้น ต้องเริ่มจากการกำจัดความผิดพลาดในการจัดการสต๊อกสินค้าให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ นั่นหมายความว่าการใช้ระบบการจัดการสต๊อกสินค้าหรือว่าโปรแกรมสต๊อกสินค้าเป็นสิ่งที่น่าพิจารณา อย่างไรก็ตาม การจะทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จได้นั้น ต้องเริ่มจากการกำจัดความผิดพลาดในการจัดการสต๊อกสินค้าให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ นั่นหมายความว่าการใช้ระบบการจัดการสต๊อกสินค้าหรือว่าโปรแกรมสต๊อกสินค้าเป็นสิ่งที่น่าพิจารณา แล้วถ้าคุณเป็นลูกค้าสโตร์ฮับหรือว่าใช้งานระบบ POS ของเราอยู่แล้ว ก็ต้องบอกว่าโชคดีมาก เพราะในระบบของเรามีฟีเจอร์จัดการและนับสต๊อกสินค้ามาให้ในตัวด้วย แล้วถ้าคุณเป็นลูกค้าสโตร์ฮับหรือว่าใช้งานระบบ POS ของเราอยู่แล้ว ก็ต้องบอกว่าโชคดีมาก เพราะในระบบของเรามีฟีเจอร์จัดการและนับสต๊อกสินค้ามาให้ในตัวด้วย แล้วถ้าคุณเป็นลูกค้าสโตร์ฮับหรือว่าใช้งาน ระบบ POS ของเราอยู่แล้ว ก็ต้องบอกว่าโชคดีมาก เพราะในระบบของเรามีฟีเจอร์จัดการและนับสต๊อกสินค้ามาให้ในตัวด้วย และด้วยระบบ POS ที่มาพร้อมกับฟีเจอร์การจัดการสต๊อกสินค้าอันทรงประสิทธิภาพนี้เอง ที่จะทำให้การบริหารจัดการสินค้าและธุรกิจของคุณง่ายขึ้น ซึ่งเราก็มี 7 เทคนิคเล็ก ๆ น้อย ๆ มาฝากเจ้าของร้านเช่นคุณ ดังนี้ :- และด้วยระบบ POS ที่มาพร้อมกับฟีเจอร์การจัดการสต๊อกสินค้าอันทรงประสิทธิภาพนี้เอง ที่จะทำให้การบริหารจัดการสินค้าและธุรกิจของคุณง่ายขึ้น ซึ่งเราก็มี 7 เทคนิคเล็ก ๆ น้อย ๆ มาฝากเจ้าของร้านเช่นคุณ ดังนี้ :- และด้วยระบบ POS ที่มาพร้อมกับฟีเจอร์การจัดการสต๊อกสินค้าอันทรงประสิทธิภาพนี้เอง ที่จะทำให้การบริหารจัดการสินค้าและธุรกิจของคุณง่ายขึ้น ซึ่งเราก็มี 7 เทคนิคเล็ก ๆ น้อย ๆ มาฝากเจ้าของร้านเช่นคุณ ดังนี้ :- 7 เทคนิคที่จัดการสต๊อกสินค้าได้แบบอยู่หมัด ภาพโดย chuttersnap จาก Unsplash 1. ตั้งระดับการแจ้งเตือนสต๊อก คุณสามารถบริหารจัดการสินค้าคงคลังได้ง่ายขึ้นได้ด้วย “การตั้งระดับการแจ้งเตือนสต๊อก” ของแต่ละสินค้า โดยระดับแจ้งเตือนที่ว่านี้ก็คือ ปริมาณขั้นต่ำของจำนวนสินค้าที่คุณเตรียมไว้ให้พร้อมขายตลอดเวลา แล้วเมื่อสินค้าเหลือน้อยกว่าที่ตั้งไว้ ฟีเจอร์สต๊อกในระบบ POS ของคุณก็จะแจ้งเตือนทันที แล้วคุณก็จะรู้ว่ามีจำนวนสินค้าที่ต้องเติมเท่าไหร่ แถมยังแม่นยำกว่าการคำนวณสต๊อกสินค้าใน Excel หรือวิธีนับแบบจดกระดาษเสียอีก คุณสามารถบริหารจัดการสินค้าคงคลังได้ง่ายขึ้นได้ด้วย “การตั้งระดับการแจ้งเตือนสต๊อก” ของแต่ละสินค้า โดยระดับแจ้งเตือนที่ว่านี้ก็คือ ปริมาณขั้นต่ำของจำนวนสินค้าที่คุณเตรียมไว้ให้พร้อมขายตลอดเวลา แล้วเมื่อสินค้าเหลือน้อยกว่าที่ตั้งไว้ ฟีเจอร์สต๊อกในระบบ POS ของคุณก็จะแจ้งเตือนทันที แล้วคุณก็จะรู้ว่ามีจำนวนสินค้าที่ต้องเติมเท่าไหร่ แถมยังแม่นยำกว่าการคำนวณสต๊อกสินค้าใน Excel หรือวิธีนับแบบจดกระดาษเสียอีก จริง ๆ แล้วระดับการแจ้งเตือนสต๊อกสินค้าจะแตกต่างกันออกไปตามสินค้าแต่ละรายการและความต้องการของลูกค้า ซึ่งการที่คุณจะต้องระดับการแจ้งเตือนสต๊อกสินค้าได้นั้น ก็ต้องหาข้อมูลและเลือกว่าต้องมีสินค้าเท่าไหร่ถึงจะเพียงพอต่อการขายในร้าน จริง ๆ แล้วระดับการแจ้งเตือนสต๊อกสินค้าจะแตกต่างกันออกไปตามสินค้าแต่ละรายการและความต้องการของลูกค้า ซึ่งการที่คุณจะต้องระดับการแจ้งเตือนสต๊อกสินค้าได้นั้น ก็ต้องหาข้อมูลและเลือกว่าต้องมีสินค้าเท่าไหร่ถึงจะเพียงพอต่อการขายในร้าน อย่าลืมเช็คจำนวนสินค้าขั้นต่ำที่ว่านี้เป็นประจำด้วย เพราะในแต่ละช่วงเวลาอาจจะมีความต้องการของสินค้าแต่ละประเภทไม่เท่ากัน อย่ากลัวที่จะปรับระดับการแจ้งเตือนสินค้าให้เข้ากับสถานการณ์ของร้าน เท่านี้การจัดการสต๊อกสินค้าของคุณก็ง่ายขึ้นแล้ว อย่าลืมเช็คจำนวนสินค้าขั้นต่ำที่ว่านี้เป็นประจำด้วย เพราะในแต่ละช่วงเวลาอาจจะมีความต้องการของสินค้าแต่ละประเภทไม่เท่ากัน อย่ากลัวที่จะปรับระดับการแจ้งเตือนสินค้าให้เข้ากับสถานการณ์ของร้าน เท่านี้การจัดการสต๊อกสินค้าของคุณก็ง่ายขึ้นแล้ว 2. มาก่อนก็ไปก่อน มาก่อน ก็ไปก่อน หรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า “First-In First-Out (FIFO)” เป็นหลักการสำคัญในการบริหารจัดการสต๊อกสินค้า หมายความว่า ถ้าซื้อสินค้าไหนมาก่อน ก็ต้องขายสินค้านั้นไปก่อน แล้วหลักการนี้ก็สำคัญมากกับสินค้าที่เน่าเปื่อยหรือมีวันหมดอายุ เช่น สต๊อกวัตถุดิบในการทำอาหารและเครื่องดื่ม สินค้าของชำ และเครื่องสำอาง เป็นต้น มาก่อน ก็ไปก่อน หรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า “First-In First-Out (FIFO)” เป็นหลักการสำคัญในการบริหารจัดการสต๊อกสินค้า หมายความว่า ถ้าซื้อสินค้าไหนมาก่อน ก็ต้องขายสินค้านั้นไปก่อน แล้วหลักการนี้ก็สำคัญมากกับสินค้าที่เน่าเปื่อยหรือมีวันหมดอายุ เช่น ถ้าซื้อสินค้าไหนมาก่อน ก็ต้องขายสินค้านั้นไปก่อน สต๊อกวัตถุดิบในการทำอาหารและเครื่องดื่ม สินค้าของชำ และเครื่องสำอาง เป็นต้น หรือคุณจะใช้หลักการนี้กับการทำสต๊อกสินค้าทั่วไปก็ยังได้ เช่น สินค้าที่นั่งนิ่งอยู่ด้านหลังชั้นวางและไม่มีใครหยิบถึง เพราะแพ็คเกจและดีไซน์ของสินค้าก็มีช่วงที่ได้รับความนิยมกับช่วงที่กระแสตกเช่นกัน และแน่นอนว่าคุณคงไม่อยากให้สินค้าเหล่านั้นกลายเป็นสินค้าที่ขายไม่ออกหรอกจริงไหม? หรือคุณจะใช้หลักการนี้กับการทำสต๊อกสินค้าทั่วไปก็ยังได้ เช่น สินค้าที่นั่งนิ่งอยู่ด้านหลังชั้นวางและไม่มีใครหยิบถึง เพราะแพ็คเกจและดีไซน์ของสินค้าก็มีช่วงที่ได้รับความนิยมกับช่วงที่กระแสตกเช่นกัน และแน่นอนว่าคุณคงไม่อยากให้สินค้าเหล่านั้นกลายเป็นสินค้าที่ขายไม่ออกหรอกจริงไหม? ดังนั้นหากต้องการจัดสต๊อกสินค้าอย่างเหมาะสม คุณต้องมีการจัดเก็บสินค้าคงคลังที่สอดคล้องกับหลักการ “First-In First-Out (FIFO)” นั่นหมายความว่า คุณต้องจัดวางสินค้าใหม่ไว้ด้านหลัง แล้ววางสินค้าที่สั่งซื้อมาก่อนไว้ด้านหน้า จะได้หยิบจากโกดังไปขายได้คล่องยิ่งขึ้น แล้วเทคนิคนี้ก็ใช้กับการจัดวางสินค้าในร้านได้ด้วยนะ ดังนั้นหากต้องการจัดสต๊อกสินค้าอย่างเหมาะสม คุณต้องมีการจัดเก็บสินค้าคงคลังที่สอดคล้องกับหลักการ “First-In First-Out (FIFO)” นั่นหมายความว่า คุณต้องจัดวางสินค้าใหม่ไว้ด้านหลัง แล้ววางสินค้าที่สั่งซื้อมาก่อนไว้ด้านหน้า จะได้หยิบจากโกดังไปขายได้คล่องยิ่งขึ้น แล้วเทคนิคนี้ก็ใช้กับการจัดวางสินค้าในร้านได้ด้วยนะ Business Photo โดย jcomp – www.freepik.com 3. สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับซัพพลายเออร์ ซัพพลายเออร์ คือ ผู้จัดจำหน่ายสินค้าให้กับคุณ ถือเป็นอีกส่วนหนึ่งของความสำเร็จในการจัดการสต๊อกสินค้าหรือสินค้าคงคลัง แล้วคุณก็ต้องรับมือกับความเปลี่ยนแปลงได้เร็วพอ เช่น ซัพพลายเออร์ คือ ผู้จัดจำหน่ายสินค้าให้กับคุณ ถือเป็นอีกส่วนหนึ่งของความสำเร็จในการจัดการสต๊อกสินค้าหรือสินค้าคงคลัง แล้วคุณก็ต้องรับมือกับความเปลี่ยนแปลงได้เร็วพอ เช่น เช็คสต๊อกสินค้าอย่างสม่ำเสมอ คืนสินค้าที่ขายไม่ค่อยออกเพื่อเคลียร์พื้นที่ให้กับสินค้าใหม่ ๆ เติมสต๊อกสินค้าขายดี แก้ไขปัญหาการผลิต หรือว่าเพิ่มพื้นที่ในการจัดเก็บสินค้า ทั้งหมดนี้คุณล้วนแต่จำเป็นต้องมีความสัมพันธ์ที่ดีและแน่นแฟ้นกับซัพพลายเออร์ทั้งนั้น เพราะนี่จะทำให้ซัพพลายเออร์ยินดีที่จะทำงานกับคุณ หรือแม้กระทั่งเต็มใจช่วยเหลือเมื่อมีปัญหา ทั้งหมดนี้คุณล้วนแต่จำเป็นต้องมีความสัมพันธ์ที่ดีและแน่นแฟ้นกับซัพพลายเออร์ทั้งนั้น เพราะนี่จะทำให้ซัพพลายเออร์ยินดีที่จะทำงานกับคุณ หรือแม้กระทั่งเต็มใจช่วยเหลือเมื่อมีปัญหา มากไปกว่านั้น คุณยังสามารถต่อรองกับซัพพลายเออร์ได้เมื่อต้องสั่งสต๊อกสินค้าในปริมาณน้อย อย่ากลัวที่จะประนีประนอมกับผู้จัดซื้อ คุณจะได้ไม่ต้องสั่งสินค้ามากเกินจำเป็น มากไปกว่านั้น คุณยังสามารถต่อรองกับซัพพลายเออร์ได้เมื่อต้องสั่งสต๊อกสินค้าในปริมาณน้อย อย่ากลัวที่จะประนีประนอมกับผู้จัดซื้อ คุณจะได้ไม่ต้องสั่งสินค้ามากเกินจำเป็น นอกจากนี้ การมีความสัมพันธ์ที่ดีกับซัพพลายเออร์ ไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องทำตัวเป็นกันเองหรือว่าเข้าถึงง่ายเพียงอย่างเดียว แต่ยังหมายถึงการพูดคุยสื่อสารที่ชัดเจนและมั่นใจด้วย บอกให้พวกเขารู้ถึงความคาดหวังของคุณ เช่น คุณต้องการเพิ่มยอดขายในเดือนนั้น ๆ ซัพพลายเออร์จะได้เตรียมสต๊อกสินค้าได้ตรงตามที่คุณต้องการ หรือถ้าผลิตไม่ทันจริง ๆ คุณก็จะได้วางแผนโปรโมชั่นหรือหาสินค้าอื่นมาขายไปพลาง ๆ ยังไงล่ะ นอกจากนี้ การมีความสัมพันธ์ที่ดีกับซัพพลายเออร์ ไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องทำตัวเป็นกันเองหรือว่าเข้าถึงง่ายเพียงอย่างเดียว แต่ยังหมายถึงการพูดคุยสื่อสารที่ชัดเจนและมั่นใจด้วย บอกให้พวกเขารู้ถึงความคาดหวังของคุณ เช่น คุณต้องการเพิ่มยอดขายในเดือนนั้น ๆ ซัพพลายเออร์จะได้เตรียมสต๊อกสินค้าได้ตรงตามที่คุณต้องการ หรือถ้าผลิตไม่ทันจริง ๆ คุณก็จะได้วางแผนโปรโมชั่นหรือหาสินค้าอื่นมาขายไปพลาง ๆ ยังไงล่ะ บอกเลยว่าเมื่อสานสัมพันธ์ดี ๆ กับซัพพลายเออร์ได้แล้ว การจัดการสต๊อกสินค้าของคุณจะง่ายขึ้นมาก! บอกเลยว่าเมื่อสานสัมพันธ์ดี ๆ กับซัพพลายเออร์ได้แล้ว การจัดการสต๊อกสินค้าของคุณจะง่ายขึ้นมาก! 4. วางแผนล่วงหน้า มีหลายเรื่องที่เกิดขึ้นได้อย่างไม่คาดคิดในการจัดการสต๊อกสินค้า ซึ่งปัญหาที่ว่านี้ก็อาจจะเป็น มีหลายเรื่องที่เกิดขึ้นได้อย่างไม่คาดคิดในการจัดการสต๊อกสินค้า ซึ่งปัญหาที่ว่านี้ก็อาจจะเป็น ขายดีจนสินค้าขาดสต๊อก ขายดีจนสินค้าขาดสต๊อก ไม่มีกระแสเงินสดหรือเงินหมุนเวียนเมื่อคุณจำเป็นต้องซื้อสินค้าที่ต้องการ ไม่มีกระแสเงินสดหรือเงินหมุนเวียนเมื่อคุณจำเป็นต้องซื้อสินค้าที่ต้องการ พื้นที่ในโกดังไม่เพียงพอต่อการจัดเก็บสินค้าขายดีในช่วงเวลานั้น ๆ พื้นที่ในโกดังไม่เพียงพอต่อการจัดเก็บสินค้าขายดีในช่วงเวลานั้น ๆ คำนวณและนับสต๊อกสินค้าผิด ซึ่งทำให้มีสินค้าไม่พอต่อการขายหรือมีสินค้าบางรายการเยอะเกินไป คำนวณและนับสต๊อกสินค้าผิด ซึ่งทำให้มีสินค้าไม่พอต่อการขายหรือมีสินค้าบางรายการเยอะเกินไป มีสินค้าที่ขายไม่ค่อยดีเยอะเกินไป ทำให้ไม่มีพื้นที่เพียงพอในการจัดเก็บสินค้าอื่น ๆ มีสินค้าที่ขายไม่ค่อยดีเยอะเกินไป ทำให้ไม่มีพื้นที่เพียงพอในการจัดเก็บสินค้าอื่น ๆ ซัพพลายเออร์ไม่มีสินค้าและร้านคุณก็ต้องการสินค้านั้น ซัพพลายเออร์ไม่มีสินค้าและร้านคุณก็ต้องการสินค้านั้น ซัพพลายเออร์เลิกผลิตสินค้าโดยไม่บอกล่วงหน้า ซัพพลายเออร์เลิกผลิตสินค้าโดยไม่บอกล่วงหน้า ที่จริงแล้วมันไม่ได้เกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นหรอก แต่ช่วงเวลาที่ปัญหาเหล่านี้เกิดขึ้นต่างหากที่ส่งผลเสียต่อคุณ ลองหาข้อมูลหรือคำนวณดูว่าร้านคุณมีความเสี่ยงตรงไหนบ้าง แล้วก็วางแผนเตรียมรับมือไว้ได้เลย เช่น ถ้าเกิดปัญหานี้ขึ้นจะรับมือยังไง ต้องใช้อะไรในการแก้ปัญหาบ้าง และปัญหาที่ว่านี้จะส่งผลกระทบต่ออะไรบ้าง เป็นต้น แล้วคุณจะเห็นด้วยว่าการวางแผนล่วงหน้าช่วยให้การจัดการสต๊อกสินค้าของคุณจะราบรื่นยิ่งขึ้น และการบริหารสินค้าคงคลังก็จะมีประสิทธิภาพยิ่งกว่าเดิม ที่จริงแล้วมันไม่ได้เกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นหรอก แต่ช่วงเวลาที่ปัญหาเหล่านี้เกิดขึ้นต่างหากที่ส่งผลเสียต่อคุณ ลองหาข้อมูลหรือคำนวณดูว่าร้านคุณมีความเสี่ยงตรงไหนบ้าง แล้วก็วางแผนเตรียมรับมือไว้ได้เลย เช่น ถ้าเกิดปัญหานี้ขึ้นจะรับมือยังไง ต้องใช้อะไรในการแก้ปัญหาบ้าง และปัญหาที่ว่านี้จะส่งผลกระทบต่ออะไรบ้าง เป็นต้น แล้วคุณจะเห็นด้วยว่าการวางแผนล่วงหน้าช่วยให้การจัดการสต๊อกสินค้าของคุณจะราบรื่นยิ่งขึ้น และการบริหารสินค้าคงคลังก็จะมีประสิทธิภาพยิ่งกว่าเดิม ภาพโดย Wonderlane จาก Unsplash 5. คาดการณ์ความต้องการให้แม่นยำ สิ่งที่สำคัญที่สุดของการจัดการสต๊อกสินค้าก็คือ การคาดการณ์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างแม่นยำ เพราะแน่นอนว่าคุณไม่อยากมีสต๊อกสินค้ามากเกินไป หรือว่ามีสินค้าไม่เพียงพอต่อการขายแน่นอน และการคาดการณ์นี้ก็เป็นเรื่องที่ทำได้ยากเพราะมีหลายปัจจัยที่อาจทำให้การจัดการสต๊อกสินค้าไม่เป็นไปตามที่คาดไว้ อีกอย่างคุณก็ไม่สามารถคำนวณทุกอย่างและนับสต๊อกสินค้าได้เป๊ะ ๆ แต่ทำได้แค่คำนวณให้ใกล้เคียงที่สุดก็เท่านั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดของการจัดการสต๊อกสินค้าก็คือ การคาดการณ์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างแม่นยำ เพราะแน่นอนว่าคุณไม่อยากมีสต๊อกสินค้ามากเกินไป หรือว่ามีสินค้าไม่เพียงพอต่อการขายแน่นอน และการคาดการณ์นี้ก็เป็นเรื่องที่ทำได้ยากเพราะมีหลายปัจจัยที่อาจทำให้การจัดการสต๊อกสินค้าไม่เป็นไปตามที่คาดไว้ อีกอย่างคุณก็ไม่สามารถคำนวณทุกอย่างและนับสต๊อกสินค้าได้เป๊ะ ๆ แต่ทำได้แค่คำนวณให้ใกล้เคียงที่สุดก็เท่านั้น ซึ่งต่อไปนี้ก็คือสิ่งที่คุณควรพิจารณาเมื่อต้องการคาดการณ์ความต้องการของลูกค้าให้แม่นยำยิ่งขึ้น :- ซึ่งต่อไปนี้ก็คือสิ่งที่คุณควรพิจารณาเมื่อต้องการคาดการณ์ความต้องการของลูกค้าให้แม่นยำยิ่งขึ้น :- เทรนด์การตลาด เปรียบเทียบยอดขายในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว อัตราการเติบโตในแต่ละปี ปัจจัยที่มีผลต่อความต้องการของลูกค้าในแต่ละช่วง เศรษฐกิจ โปรโมชั่น ค่าใช้จ่ายในการทำโฆษณาและการตลาด ปัจจัยทางด้านการเมือง กระแสสังคม เทรนด์เทคโนโลยี 6. ควบคุมคุณภาพ แม้ว่าจะมีฟีเจอร์นับสต๊อกสินค้าในระบบ POS เป็นตัวช่วยในการติดตามจำนวนสินค้าคงคลัง แต่คุณควรตรวจสอบคุณภาพของสินค้าในสต๊อกเป็นประจำ โดยให้พนักงานเช็คเพื่อดูว่ามีสินค้าไหนเสียหายหรือเปล่า แม้ว่าจะมีฟีเจอร์นับสต๊อกสินค้าในระบบ POS เป็นตัวช่วยในการติดตามจำนวนสินค้าคงคลัง แต่คุณควรตรวจสอบคุณภาพของสินค้าในสต๊อกเป็นประจำ โดยให้พนักงานเช็คเพื่อดูว่ามีสินค้าไหนเสียหายหรือเปล่า แล้วก็อย่าลืมเช็คอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าสินค้าของคุณอยู่ในสภาพสมบูรณ์ก่อนขายให้กับลูกค้า เช่น มีฉลากกำกับและกล่องไม่ขาดหรือบุบ เป็นต้น จะได้ไม่มีข้อผิดพลาดใด ๆ ในการควบคุมและติดตามสต๊อกสินค้า แล้วก็อย่าลืมเช็คอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าสินค้าของคุณอยู่ในสภาพสมบูรณ์ก่อนขายให้กับลูกค้า เช่น มีฉลากกำกับและกล่องไม่ขาดหรือบุบ เป็นต้น จะได้ไม่มีข้อผิดพลาดใด ๆ ในการควบคุมและติดตามสต๊อกสินค้า คราวนี้เมื่อขายสินค้าให้กับลูกค้า ก็จะไม่มีปัญหาคืนเงินหรือคืนสินค้า แล้วยังทำให้ลูกค้าของคุณประทับใจในสินค้าอีกด้วย อย่าลืมว่าเมื่อมีสต๊อกสินค้าพร้อมขายแล้ว คุณภาพต้องมาเป็นอันดับหนึ่งด้วย คุณถึงจะมัดใจลูกค้าได้ คราวนี้เมื่อขายสินค้าให้กับลูกค้า ก็จะไม่มีปัญหาคืนเงินหรือคืนสินค้า แล้วยังทำให้ลูกค้าของคุณประทับใจในสินค้าอีกด้วย อย่าลืมว่าเมื่อมีสต๊อกสินค้าพร้อมขายแล้ว คุณภาพต้องมาเป็นอันดับหนึ่งด้วย คุณถึงจะมัดใจลูกค้าได้ ภาพจาก Pixabay 7. ใช้โปรแกรมการจัดการสต๊อกสินค้าที่ทำงานบนคลาวด์ (Cloud-based Stock Management Software) ในปัจจุบันมีโปรแกรมนับสต๊อกสินค้าให้เลือกใช้งานเยอะมาก แต่คำถามคือจะเลือกใช้โปรแกรม Stock สินค้า ของแบรนด์ไหนหรือว่าซื้อจากผู้ให้บริการไหนดีล่ะ? ในปัจจุบันมีโปรแกรมนับสต๊อกสินค้าให้เลือกใช้งานเยอะมาก แต่คำถามคือจะเลือกใช้โปรแกรม Stock สินค้า ของแบรนด์ไหนหรือว่าซื้อจากผู้ให้บริการไหนดีล่ะ? ง่าย ๆ เลย ก็เลือกระบบที่มีฟีเจอร์รายงานยอดขายแบบเรียลไทม์และการวิเคราะห์ข้อมูลสต๊อกสินค้าสิ คุณจะได้เข้าถึงข้อมูลร้านของคุณได้ทุกที่ทุกเวลา และถึงแม้จะไม่อยู่ร้านก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะคุณสามารเช็ค Stock สินค้าได้ทุกเมื่อตามต้องการ ง่าย ๆ เลย ก็เลือกระบบที่มีฟีเจอร์รายงานยอดขายแบบเรียลไทม์และการวิเคราะห์ข้อมูลสต๊อกสินค้าสิ คุณจะได้เข้าถึงข้อมูลร้านของคุณได้ทุกที่ทุกเวลา และถึงแม้จะไม่อยู่ร้านก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะคุณสามารเช็ค Stock สินค้าได้ทุกเมื่อตามต้องการ และแน่นอนว่าระบบการจัดการสต๊อกสินค้าสโตร์ฮับของเรามีคุณสมบัติครบถ้วนตรงตามที่พูดมาทั้งหมด และแน่นอนว่าระบบการจัดการสต๊อกสินค้าสโตร์ฮับของเรามีคุณสมบัติครบถ้วนตรงตามที่พูดมาทั้งหมด แต่เท่านั้นยังไม่พอ เพราะฟีเจอร์นี้ยังเชื่อมต่อกับระบบคิดเงินสุดอัจฉริยะอย่าง POS ของเราด้วย ดังนั้นทุกครั้งที่คุณขายสินค้า ตัวระบบก็จะตัดสต๊อกให้แบบอัตโนมัติ แต่เท่านั้นยังไม่พอ เพราะฟีเจอร์นี้ยังเชื่อมต่อกับระบบคิดเงินสุดอัจฉริยะอย่าง POS ของเราด้วย ดังนั้นทุกครั้งที่คุณขายสินค้า ตัวระบบก็จะตัดสต๊อกให้แบบอัตโนมัติ นอกจากนี้คุณยังจะได้รับรายงานสต๊อกสินค้าในแต่ละวันและได้รับแจ้งเตือนเมื่อสต๊อกสินค้าเหลือน้อยโดยอัตโนมัติด้วย แล้วที่ดีไปกว่านั้นคือ คุณสามารถตั้งระดับการแจ้งเตือนสต๊อกสินค้าได้ แล้วตัวระบบ POS สโตร์ฮับของเราจะส่งคำสั่งซื้อไปยังซัพพลายเออร์โดยอัตโนมัติเมื่อสต๊อกเหลือน้อยและต้องเติมสินค้า ทำให้คุณขายได้อย่างมั่นใจและไม่ต้องกังวลเรื่องสต๊อสินค้าอีกต่อไป นอกจากนี้คุณยังจะได้รับรายงานสต๊อกสินค้าในแต่ละวันและได้รับแจ้งเตือนเมื่อสต๊อกสินค้าเหลือน้อยโดยอัตโนมัติด้วย แล้วที่ดีไปกว่านั้นคือ คุณสามารถตั้งระดับการแจ้งเตือนสต๊อกสินค้าได้ แล้วตัวระบบ POS สโตร์ฮับของเราจะส่งคำสั่งซื้อไปยังซัพพลายเออร์โดยอัตโนมัติเมื่อสต๊อกเหลือน้อยและต้องเติมสินค้า ทำให้คุณขายได้อย่างมั่นใจและไม่ต้องกังวลเรื่องสต๊อสินค้าอีกต่อไป ถ้าจะพูดง่าย ๆ ก็คือ คุณสามารถจัดการสต๊อกสินค้าและทำสิ่งต่อไปนี้ได้ง่าย ๆ ด้วยระบบของสโตร์ฮับ :- ถ้าจะพูดง่าย ๆ ก็คือ คุณสามารถจัดการสต๊อกสินค้าและทำสิ่งต่อไปนี้ได้ง่าย ๆ ด้วยระบบของสโตร์ฮับ :- ลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มเงินหมุนเวียน ติดตามสต๊อกสินค้าได้แบบเรียลไทม์ ไม่ต้องเปิดคอมดู Excel สต๊อก สินค้าอีกต่อไป เข้าถึงสต๊อกสินค้าและวิเคราะห์ข้อมูลได้ด้วยอุปกรณ์ทุกชนิด ทุกที่ ทุกเวลา คาดการณ์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างแม่นยำ ช่วยให้วางแผนสต๊อกสินค้าได้ง่าย ป้องกันปัญหาสินค้าขาดตลาดหรือไม่พอต่อความต้องการของลูกค้า ป้องกันและแก้ปัญหาสต๊อกสินค้าเกิน เชื่อมต่อโดยตรงกับโปรแกรมคิดเงินหน้าร้านหรือระบบ POS ติดตามและควบคุมสต๊อกสินค้าได้รวดเร็ว เพียงแค่สแกนบาร์โค้ดและ SKU ของสินค้าแต่ละรายการเท่านั้น จัดการและถ่ายโอนสต๊อกสินค้าไปยังหลายสาขาได้ง่าย ๆ ส่งท้ายเรื่องสต๊อกสินค้า ทีนี้ก็รู้แล้วใช่ไหมล่ะว่าการจัดการสต๊อกสินค้านั้นสำคัญแค่ไหน แล้วทำไมถึงเป็นหัวใจหลักของร้านค้าและร้านอาหาร ทีนี้ก็รู้แล้วใช่ไหมล่ะว่าการจัดการสต๊อกสินค้านั้นสำคัญแค่ไหน แล้วทำไมถึงเป็นหัวใจหลักของร้านค้าและร้านอาหาร และถ้าคุณอยากบริหารสต๊อกสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพและแม่นยำยิ่งขึ้น ก็ต้องใช้ตัวช่วยอย่างระบบบขายหน้าร้านสุดอัจฉริยะ หรือที่เรารู้กันดีในชื่อของระบบ POS นั่นเอง เพราะเจ้าโปรแกรมคิดเงินสุดเจ๋งนี้มีกับฟีเจอร์โดน ๆ ที่จะทำให้การจัดการสต๊อกสินค้าและการบริหารร้านของคุณง่ายขึ้น ที่สำคัญขอบอกเลยว่าระบบ POS สโตร์ฮับของเราสามารถตอบโจทย์ข้อนี้ได้เป็นอย่างดี! และถ้าคุณอยากบริหารสต๊อกสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพและแม่นยำยิ่งขึ้น ก็ต้องใช้ตัวช่วยอย่างระบบบขายหน้าร้านสุดอัจฉริยะ หรือที่เรารู้กันดีในชื่อของระบบ POS นั่นเอง เพราะเจ้าโปรแกรมคิดเงินสุดเจ๋งนี้มีกับฟีเจอร์โดน ๆ ที่จะทำให้การจัดการสต๊อกสินค้าและการบริหารร้านของคุณง่ายขึ้น ที่สำคัญขอบอกเลยว่าระบบ POS สโตร์ฮับของเราสามารถตอบโจทย์ข้อนี้ได้เป็นอย่างดี! | การจัดการสต๊อกสินค้า หมายถึง การติดตามและบริหารสินค้าในร้าน ให้พอดีกับความต้องการของลูกค้าหรือพอดีต่อการขาย โดยสินค้านี้อาจจะเป็นสินค้าขายหน้าร้านหรือวัตถุดิบที่ใช้ประกอบอาหารและเครื่องดื่มก็ได้ | null | Closed QA | cc-by-nc-4.0 |
Retail_51319 | Retail | ความสำเร็จของร้านและธุรกิจไม่ได้มาจากสินค้า บริการ หรือว่ายอดขายเพียงอย่างเดียว แต่พื้นฐานสำคัญที่จะนำไปสู่ความสำเร็จ คืออะไร | 5 เคล็ดลับสู่ความสำเร็จร้านค้าปลีก 2020 ให้ปี 2563 เป็นปีทองของร้านคุณ! “ในปี 2019 ที่ผ่านมาร้านค้าปลีกของคุณเป็นยังไงกันบ้าง?
คุณพอใจในผลประกอบการมากแค่ไหน ?
และคิดว่าร้านของคุณประสบความสำเร็จในระดับใด ?” “ในปี 2019 ที่ผ่านมาร้านค้าปลีกของคุณเป็นยังไงกันบ้าง? “ในปี 2019 ที่ผ่านมาร้านค้าปลีกของคุณเป็นยังไงกันบ้าง? คุณพอใจในผลประกอบการมากแค่ไหน ? คุณพอใจในผลประกอบการมากแค่ไหน ? และคิดว่าร้านของคุณประสบความสำเร็จในระดับใด ?” และคิดว่าร้านของคุณประสบความสำเร็จในระดับใด ?” ตอนนี้ปี 2020 ก็ใกล้เข้ามาเต็มทีแล้ว หมายความว่าร้านค้าปลีกของคุณกำลังจะก้าวสู่ปีใหม่ที่เต็มไปด้วยโอกาสทางธุรกิจผสานกับความท้าทายที่คุณก้าวต้องผ่านไปให้ได้ แล้วคุณจะต้องเตรียมตัวยังไงกันถึงจะประสบความสำเร็จและผงาดในวงการธุรกิจค้าปลีกอย่างสง่างามในปี 2020 นี้ ? ตอนนี้ปี 2020 ก็ใกล้เข้ามาเต็มทีแล้ว หมายความว่าร้านค้าปลีกของคุณกำลังจะก้าวสู่ปีใหม่ที่เต็มไปด้วยโอกาสทางธุรกิจผสานกับความท้าทายที่คุณก้าวต้องผ่านไปให้ได้ แล้วคุณจะต้องเตรียมตัวยังไงกันถึงจะประสบความสำเร็จและผงาดในวงการธุรกิจค้าปลีกอย่างสง่างามในปี 2020 นี้ ? ในบทความนี้เราจึงจะพามาดู 5 เคล็ดลับสู่ความสำเร็จร้านค้าปลีก 2020 ที่เจ้าของธุรกิจอย่างคุณไม่ควรพลาด ถ้าอยากรู้ว่ามีวิธีไหนบ้างที่คุณจะเปลี่ยนปี 2563 ให้กลายเป็นปีทองของร้านคุณ ไปดูกันเลย! ในบทความนี้เราจึงจะพามาดู 5 เคล็ดลับสู่ความสำเร็จร้านค้าปลีก 2020 ที่เจ้าของธุรกิจอย่างคุณไม่ควรพลาด ถ้าอยากรู้ว่ามีวิธีไหนบ้างที่คุณจะเปลี่ยนปี 2563 ให้กลายเป็นปีทองของร้านคุณ ไปดูกันเลย! 1. อัพเดทข้อมูลร้าน/ธุรกิจของคุณ ภาพจาก Unsplash ไหนดูสิว่าข้อมูลของร้านคุณบน Google และช่องทาง Social Media ต่าง ๆ อย่าง Facebook, Instagram หรือ LINE เป็นข้อมูลล่าสุดหรือเปล่า หากไม่แน่ใจ ก็ลองใช้คำถามเหล่านี้เพื่อเช็คความถูกต้องของข้อมูลร้านดู เช่น ไหนดูสิว่าข้อมูลของร้านคุณบน Google และช่องทาง Social Media ต่าง ๆ อย่าง Facebook, Instagram หรือ LINE เป็นข้อมูลล่าสุดหรือเปล่า หากไม่แน่ใจ ก็ลองใช้คำถามเหล่านี้เพื่อเช็คความถูกต้องของข้อมูลร้านดู เช่น ที่อยู่ร้านบน Google และโซเชียลมีเดียถูกต้องหรือไม่ ? ลูกค้าสามารถเรียกเส้นทางมายังร้านได้อย่างแม่นยำมาก-น้อยเพียงใด ? ร้านของคุณปักหมุดบน Google อย่างถูกต้องหรือเปล่า ? คุณได้ปรับเปลี่ยนเวลาเปิด-ปิดร้านหรือไม่ ? ถ้าใช่ คุณแจ้งลูกค้าและอัพเดทข้อมูลเหล่านี้ครบทุกช่องทางหรือยัง ? คุณอัพเดทสินค้าและบริการผ่านช่องทางต่าง ๆ อย่าสม่ำเสมอหรือไม่ ? คำถามเหล่านี้จะช่วยให้ร้านของคุณน่าเชื่อถือและดึงดูดลูกค้าได้เป็นอย่างดี เพราะเมื่อข้อมูลร้านถูกต้องทันสมัยและร้านมีตัวตนในโลกออนไลน์แล้ว ลูกค้าก็จะเชื่อมั่นในร้านของคุณมากยิ่งขึ้น และโอกาสที่ลูกค้าจะมาเยือนร้านหรือสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ของร้านคุณก็จะเพิ่มขึ้นไปอีก คำถามเหล่านี้จะช่วยให้ร้านของคุณน่าเชื่อถือและดึงดูดลูกค้าได้เป็นอย่างดี เพราะเมื่อข้อมูลร้านถูกต้องทันสมัยและร้านมีตัวตนในโลกออนไลน์แล้ว ลูกค้าก็จะเชื่อมั่นในร้านของคุณมากยิ่งขึ้น และโอกาสที่ลูกค้าจะมาเยือนร้านหรือสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ของร้านคุณก็จะเพิ่มขึ้นไปอีก 2. ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าพวกเขาเป็นคนพิเศษ หนึ่งในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าและเพิ่มคุณค่าให้กับสินค้าในร้านก็คือการให้บริการลูกค้าอย่างเป็นกันเองและเป็นส่วนตัว พร้อมกับมอบประสบการณ์ที่ดีและสะดวกสบายที่สุดให้กับพวกเขา เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกว่าพวกเขาเป็นคนพิเศษของร้าน หนึ่งในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าและเพิ่มคุณค่าให้กับสินค้าในร้านก็คือการให้บริการลูกค้าอย่างเป็นกันเองและเป็นส่วนตัว พร้อมกับมอบประสบการณ์ที่ดีและสะดวกสบายที่สุดให้กับพวกเขา เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกว่าพวกเขาเป็นคนพิเศษของร้าน รู้ไหมว่าจากการศึกษาของ SuperOffice นั้นพบว่า 86% ของลูกค้ายินดีที่จะจ่ายเพิ่มให้กับประสบการณ์การช้อปที่ดีกว่า ดังนั้นวิธีที่ร้านค้าปลีกของคุณจะเปลี่ยนปี 2020 ให้กลายเป็นปีทองและครองใจลูกค้าก็คือ รู้ไหมว่าจากการศึกษาของ SuperOffice นั้นพบว่า 86% ของลูกค้ายินดีที่จะจ่ายเพิ่มให้กับประสบการณ์การช้อปที่ดีกว่า ดังนั้นวิธีที่ร้านค้าปลีกของคุณจะเปลี่ยนปี 2020 ให้กลายเป็นปีทองและครองใจลูกค้าก็คือ อบรมพนักงานให้บริการลูกค้าอย่างเต็มที่และดีที่สุด ลูกค้าจะได้ประทับใจทุกครั้งที่มาที่ร้าน ลองเปิดโอกาสให้ลูกค้าแสดงความคิดเห็น อาจจะเป็นกล่องแสดงความคิดเห็นในร้านหรือทำแบบสำรวจออนไลน์ก็ได้ จากนั้นนำผลสำรวจเหล่านั้นมาปรับปรุงสินค้าและบริการ เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีกว่าให้กับลูกค้า ปรับตัวให้เข้ากับออมนิชานแนล (Omnichannel) มีช่องทางให้ลูกค้าได้ช้อปปิ้งอย่างหลากหลาย ทั้งหน้าร้าน ร้านค้าปลีกออนไลน์ และขายสินค้าในโซเชียล มีดีไซน์เว็บไซต์สวยงามเพราะ 50% ของลูกค้าจะไม่เข้าเว็บขายของออนไลน์นั้น ๆ หากดีไซน์เว็บไม่สวยและใช้งานยาก (แม้ว่าพวกเขาจะชอบสินค้าหรือร้านแค่ไหนก็ตาม) เว็บไซต์ต้องโหลดเร็ว เพราะ 49% ของลูกค้ามักจะช้อปปิ้งผ่านมือถือ วิธีเหล่านี้จะช่วยสร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งร้านค้าปลีกที่ดีกว่าให้กับลูกค้า ทั้งยังช่วยมัดใจลูกค้าประจำและเปลี่ยนลูกค้าใหม่ให้กลายเป็นลูกค้าสมาชิกได้ด้วย วิธีเหล่านี้จะช่วยสร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งร้านค้าปลีกที่ดีกว่าให้กับลูกค้า ทั้งยังช่วยมัดใจลูกค้าประจำและเปลี่ยนลูกค้าใหม่ให้กลายเป็นลูกค้าสมาชิกได้ด้วย 3. เปิดบรรยายเพื่อสร้างแรงจูงใจให้กับพนักงาน ภาพจาก Freepik ความสำเร็จของร้านและธุรกิจไม่ได้มาจากสินค้า บริการ หรือว่ายอดขายเพียงอย่างเดียว แต่พื้นฐานสำคัญที่จะนำไปสู่ความสำเร็จก็คือ พนักงานในร้าน เพราะฉะนั้นอย่าลืมสร้างแรงจูงใจในการทำงานให้กับพนักงาน ด้วยการเปิดบรรยายหรือพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ความสำเร็จของร้านและธุรกิจไม่ได้มาจากสินค้า บริการ หรือว่ายอดขายเพียงอย่างเดียว แต่พื้นฐานสำคัญที่จะนำไปสู่ความสำเร็จก็คือ พนักงานในร้าน เพราะฉะนั้นอย่าลืมสร้างแรงจูงใจในการทำงานให้กับพนักงาน ด้วยการเปิดบรรยายหรือพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น โดยหัวข้อในการพูดบรรยายเพื่อสร้างแรงจูงใจให้กับพนักงานนั้นควรประกอบไปด้วยสิ่งต่อไปนี้ :- โดยหัวข้อในการพูดบรรยายเพื่อสร้างแรงจูงใจให้กับพนักงานนั้นควรประกอบไปด้วยสิ่งต่อไปนี้ :- ความสำคัญของพนักงาน ความเชื่อมั่นในพนักงาน เป้าหมายของร้าน/ธุรกิจ รางวัลหรือโบนัส เมื่อพนักงานสัมผัสได้ถึงความไว้วางใจและรู้ว่าพวกเขาคือคนสำคัญของร้าน ไม่ได้เป็นแค่ส่วนเล็ก ๆ เท่านั้น พวกเขาก็จะมีความสุขกับการทำงานและมีพลังให้บริการลูกค้ามากยิ่งขึ้น ที่สำคัญ มีการศึกษาจาก Forbes เผยว่า พนักงานรู้สึกมีกำลังใจในการทำงานและมีผลงานดีขึ้นมากถึง 4.6 เท่าเมื่อพวกเขาเห็นว่าเจ้านายรับฟังความคิดเห็นของพวกเขา เมื่อพนักงานสัมผัสได้ถึงความไว้วางใจและรู้ว่าพวกเขาคือคนสำคัญของร้าน ไม่ได้เป็นแค่ส่วนเล็ก ๆ เท่านั้น พวกเขาก็จะมีความสุขกับการทำงานและมีพลังให้บริการลูกค้ามากยิ่งขึ้น ที่สำคัญ มีการศึกษาจาก Forbes เผยว่า พนักงานรู้สึกมีกำลังใจในการทำงานและมีผลงานดีขึ้นมากถึง 4.6 เท่าเมื่อพวกเขาเห็นว่าเจ้านายรับฟังความคิดเห็นของพวกเขา 4. วางแผนโปรโมชั่นในแต่ละเดือน! ภาพจาก Pixabay การวางแผนโปรโมชั่นล่วงหน้าจะช่วยให้ร้านค้าปลีกของคุณดึงดูดลูกค้าเก่าและใหม่ให้กลับมาซื้อสินค้าที่ร้านได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งการวางแผนโปรโมชั่นที่ตรงใจลูกค้านั้น ร้านของคุณจะต้องมีข้อมูลของลูกค้าและรู้จักกลุ่มลูกค้าของคุณเป็นอย่างดี จะได้จัดโปรโมชั่นสินค้าที่เกี่ยวข้องและตอบโจทย์ลูกค้ามากยิ่งขึ้น เช่น การวางแผนโปรโมชั่นล่วงหน้าจะช่วยให้ร้านค้าปลีกของคุณดึงดูดลูกค้าเก่าและใหม่ให้กลับมาซื้อสินค้าที่ร้านได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งการวางแผนโปรโมชั่นที่ตรงใจลูกค้านั้น ร้านของคุณจะต้องมีข้อมูลของลูกค้าและรู้จักกลุ่มลูกค้าของคุณเป็นอย่างดี จะได้จัดโปรโมชั่นสินค้าที่เกี่ยวข้องและตอบโจทย์ลูกค้ามากยิ่งขึ้น เช่น โปรโมชั่นซื้อ 1 แถม 1 โปรลดราคาสำหรับลูกค้าสมาชิก สิทธิ์แลกซื้อเมื่อซื้อครบ XXX บาท ลด 50% สำหรับสินค้าประเภท XXX นี่เป็นเพียงตัวอย่างการวางแผนโปรโมชั่นประจำเดือนเพื่อดึงดูดลูกค้าในปี 2020 เท่านั้น ซึ่งหากร้านของคุณจะจัดโปรโมชั่นในลักษณะอื่นก็ไม่ผิด แต่ขอให้จำไว้ว่าต้องเกี่ยวกับข้องความชอบของลูกค้าเท่านั้น นี่เป็นเพียงตัวอย่างการวางแผนโปรโมชั่นประจำเดือนเพื่อดึงดูดลูกค้าในปี 2020 เท่านั้น ซึ่งหากร้านของคุณจะจัดโปรโมชั่นในลักษณะอื่นก็ไม่ผิด แต่ขอให้จำไว้ว่าต้องเกี่ยวกับข้องความชอบของลูกค้าเท่านั้น แล้วการจัดโปรโมชั่นจะช่วยเพิ่มยอดขายให้ร้านได้ยังไง ? แล้วการจัดโปรโมชั่นจะช่วยเพิ่มยอดขายให้ร้านได้ยังไง ? แล้วการจัดโปรโมชั่นจะช่วยเพิ่มยอดขายให้ร้านได้ยังไง ? ยังไงลูกค้าส่วนใหญ่ก็ชอบสินค้าราคาถูกอยู่แล้ว ยิ่งเป็นสินค้าจากร้านโปรดและสินค้าคุณภาพเยี่ยมลดราคาแล้ว พวกเขาจะไม่ลังเลที่จะซื้อเลยล่ะ แล้วอีกอย่างก็มีการศึกษาจาก Saleforce พบว่า 77% ของขาช้อปบอกว่าส่วนลดมีอิทธิพลในการซื้อสินค้าของพวกเขาและกว่าครึ่งหนึ่งของลูกค้าเหล่านี้ (48%) ยอมรับว่า ส่วนลด ช่วยให้พวกเขาตัดสินใจซื้อสินค้าได้เร็วขึ้น ยังไงลูกค้าส่วนใหญ่ก็ชอบสินค้าราคาถูกอยู่แล้ว ยิ่งเป็นสินค้าจากร้านโปรดและสินค้าคุณภาพเยี่ยมลดราคาแล้ว พวกเขาจะไม่ลังเลที่จะซื้อเลยล่ะ แล้วอีกอย่างก็มีการศึกษาจาก Saleforce พบว่า 77% ของขาช้อปบอกว่าส่วนลดมีอิทธิพลในการซื้อสินค้าของพวกเขา และกว่าครึ่งหนึ่งของลูกค้าเหล่านี้ (48%) ยอมรับว่า ส่วนลด ช่วยให้พวกเขาตัดสินใจซื้อสินค้าได้เร็วขึ้น 5. เช็คสต๊อกสินค้าและตุนไว้อย่าให้ขาด ภาพจาก Freepik การจัดสต๊อกสินค้าที่มีประสิทธิภาพจะช่วยเพิ่มโอกาสในการขายให้ร้านค้าปลีกของคุณได้ ลองคิดดูว่าถ้าลูกค้ามาซื้อสินค้าที่ร้าน แต่ร้านของคุณไม่มีสินค้าที่ลูกค้าต้องการ ลูกค้าจะผิดหวังมากแค่ไหน และที่ร้ายแรงยิ่งกว่า พวกเขาอาจจะไม่กลับมาที่ร้านของคุณอีกเลยก็ได้ เพราะ 74% ของลูกค้ามักจะเปลี่ยนแบรนด์หรือร้านหากพวกเขาพบว่าการซื้อสินค้ายากเกินไปสำหรับพวกเขา การจัดสต๊อกสินค้าที่มีประสิทธิภาพจะช่วยเพิ่มโอกาสในการขายให้ร้านค้าปลีกของคุณได้ ลองคิดดูว่าถ้าลูกค้ามาซื้อสินค้าที่ร้าน แต่ร้านของคุณไม่มีสินค้าที่ลูกค้าต้องการ ลูกค้าจะผิดหวังมากแค่ไหน และที่ร้ายแรงยิ่งกว่า พวกเขาอาจจะไม่กลับมาที่ร้านของคุณอีกเลยก็ได้ เพราะ 74% ของลูกค้ามักจะเปลี่ยนแบรนด์หรือร้านหากพวกเขาพบว่าการซื้อสินค้ายากเกินไปสำหรับพวกเขา ดังนั้นถ้าไม่อยากพลาดโอกาสขายในปี 2020 คุณก็ต้องบริหารจัดการสต๊อกสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งสามารถทำได้ดังนี้ :- ดังนั้นถ้าไม่อยากพลาดโอกาสขายในปี 2020 คุณก็ต้องบริหารจัดการสต๊อกสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งสามารถทำได้ดังนี้ :- นับสต๊อกสินค้าเป็นประจำ รู้ว่าสินค้าประเภทไหนขายดีและเป็นที่ต้องการของลูกค้า รู้ว่าช่วงไหนขายดีเพื่อวางแผนขายสินค้า ติดต่อซัพพลายเออร์และสั่งซื้อสินค้าก่อนสต๊อกจะหมดเกลี้ยง ทีนี้คุณก็จะไม่ต้องมานั่งกังวลว่าสินค้าจะพอขายหรือเปล่า หรือกลัวว่าจะสั่งสินค้ามาตุนไว้เกินควรแล้ว รับรองว่าร้านค้าปลีกของคุณจะไม่พลาดสักการขายแน่นอน ทีนี้คุณก็จะไม่ต้องมานั่งกังวลว่าสินค้าจะพอขายหรือเปล่า หรือกลัวว่าจะสั่งสินค้ามาตุนไว้เกินควรแล้ว รับรองว่าร้านค้าปลีกของคุณจะไม่พลาดสักการขายแน่นอน สรุป เคล็ดลับแห่งความสำเร็จร้านค้าปลีกในปี 2020 นั้นก็ยังคงเกี่ยวข้องกับความน่าเชื่อถือของร้าน ประสบการณ์ของลูกค้า ตัวพนักงาน และโอกาสในการขาย ซึ่งรวมถึงการจัดโปรโมชั่นที่โดนใจลูกค้าและการมีสต๊อกสินค้าพร้อมขายด้วย เคล็ดลับแห่งความสำเร็จร้านค้าปลีกในปี 2020 นั้นก็ยังคงเกี่ยวข้องกับความน่าเชื่อถือของร้าน ประสบการณ์ของลูกค้า ตัวพนักงาน และโอกาสในการขาย ซึ่งรวมถึงการจัดโปรโมชั่นที่โดนใจลูกค้าและการมีสต๊อกสินค้าพร้อมขายด้วย แล้วก็ต้องบอกว่าโชคดีมากที่เจ้าของร้านค้าปลีกกับผู้ประกอบการไม่ต้องมานั่งจดบันทึกรายการ, ดูยอดขาย, ติดตามการทำงานของพนักงาน, วางแผนโปรโมชั่น หรือนับสต๊อกสินค้าแบบจดมืออีกต่อไป เพราะในปัจจุบันมีระบบการจัดการร้านค้าประสิทธิภาพเยี่ยมอย่างระบบ POS ที่ช่วยบริหารจัดการร้านได้อย่างแม่นยำ ตั้งแต่หน้าร้านไปจนถึงหลังร้าน ดังนั้นทำไมคุณไม่ลองมองหาตัวช่วยสุดอัจฉริยะที่ว่านี้มาใช้งานในร้านล่ะ ? แล้วก็ต้องบอกว่าโชคดีมากที่เจ้าของร้านค้าปลีกกับผู้ประกอบการไม่ต้องมานั่งจดบันทึกรายการ, ดูยอดขาย, ติดตามการทำงานของพนักงาน, วางแผนโปรโมชั่น หรือนับสต๊อกสินค้าแบบจดมืออีกต่อไป เพราะในปัจจุบันมีระบบการจัดการร้านค้าประสิทธิภาพเยี่ยมอย่างระบบ POS ที่ช่วยบริหารจัดการร้านได้อย่างแม่นยำ ตั้งแต่หน้าร้านไปจนถึงหลังร้าน ดังนั้นทำไมคุณไม่ลองมองหาตัวช่วยสุดอัจฉริยะที่ว่านี้มาใช้งานในร้านล่ะ ? แล้วคุณจะเปลี่ยนปี 2020 ให้กลายเป็นปีทองของร้านได้ง่ายขึ้นด้วยระบบ POS! แค่นี้ความสำเร็จก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแล้ว แล้วคุณจะเปลี่ยนปี 2020 ให้กลายเป็นปีทองของร้านได้ง่ายขึ้นด้วยระบบ POS! แค่นี้ความสำเร็จก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแล้ว | ความสำเร็จของร้านและธุรกิจไม่ได้มาจากสินค้า บริการ หรือว่ายอดขายเพียงอย่างเดียว แต่พื้นฐานสำคัญที่จะนำไปสู่ความสำเร็จ คือ พนักงานในร้าน เพราะฉะนั้นอย่าลืมสร้างแรงจูงใจในการทำงานให้กับพนักงาน ด้วยการเปิดบรรยายหรือพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น โดยหัวข้อในการพูดบรรยายเพื่อสร้างแรงจูงใจให้กับพนักงานนั้น ควรประกอบไปด้วยสิ่งต่อไปนี้
- ความสำคัญของพนักงาน
- ความเชื่อมั่นในพนักงาน
- เป้าหมายของร้าน/ธุรกิจ
- รางวัลหรือโบนัส
เมื่อพนักงานสัมผัสได้ถึงความไว้วางใจและรู้ว่าพวกเขาคือคนสำคัญของร้าน ไม่ได้เป็นแค่ส่วนเล็ก ๆ เท่านั้น พวกเขาก็จะมีความสุขกับการทำงานและมีพลังให้บริการลูกค้ามากยิ่งขึ้น ที่สำคัญ มีการศึกษาจาก Forbes เผยว่า พนักงานรู้สึกมีกำลังใจในการทำงานและมีผลงานดีขึ้นมากถึง 4.6 เท่า เมื่อพวกเขาเห็นว่าเจ้านายรับฟังความคิดเห็นของพวกเขา | null | Closed QA | cc-by-nc-4.0 |
Retail_51321 | Retail | วิธีจัดเซ็ตเพื่อเพิ่มยอดขายร้านอาหาร มี 2 วิธีด้วยกัน คือวิธีใดบ้าง | สุดยอด 9 เทคนิคการตั้งราคาอาหาร เพิ่มยอดขาย ทำกำไรง่ายนิดเดียว การตั้งราคาอาหารและเมนูเครื่องดื่มต่าง ๆ ในร้านถือว่าสำคัญต่อร้านอาหารมาก ๆ เพราะการที่ร้านอาหารจะประสบความสำเร็จในระยะยาวได้หรือไม่ก็เริ่มจากตรงนี้ การตั้งราคาอาหารและเมนูเครื่องดื่มต่าง ๆ ในร้านถือว่าสำคัญต่อร้านอาหารมาก ๆ เพราะการที่ร้านอาหารจะประสบความสำเร็จในระยะยาวได้หรือไม่ก็เริ่มจากตรงนี้ อย่างไรก็ตาม การตั้งราคาเมนูอาหารไม่ใช่เรื่องง่าย อย่างไรก็ตาม การตั้งราคาเมนูอาหารไม่ใช่เรื่องง่าย คุณจำเป็นต้องมีหลักการและเทคนิคในการตั้งราคาอาหาร เพื่อจะได้ครอบคลุมทั้งต้นทุน ทำรายได้ให้ร้าน แล้วก็ราคาไม่แพงจนลูกค้าวิ่งหนี คุณจำเป็นต้องมีหลักการและเทคนิคในการตั้งราคาอาหาร เพื่อจะได้ครอบคลุมทั้งต้นทุน ทำรายได้ให้ร้าน แล้วก็ราคาไม่แพงจนลูกค้าวิ่งหนี เพราะถ้าคุณมีกลยุทธ์ตั้งราคาอาหารที่ถูกต้อง คุณก็จะเพิ่มยอดขายและทำกำไรให้ร้านอาหารได้ง่ายขึ้น! เพราะถ้าคุณมีกลยุทธ์ตั้งราคาอาหารที่ถูกต้อง คุณก็จะเพิ่มยอดขายและทำกำไรให้ร้านอาหารได้ง่ายขึ้น! ไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหน? ไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหน? อ่านบทความนี้เลย! เพราะเรารวบรวม 9 เทคนิคการตั้งราคาอาหารที่ดีและมีประสิทธิภาพมาไว้แล้ว รับรองว่าจะเพิ่มยอดขายร้านอาหารของคุณได้แน่นอน! อ่านบทความนี้เลย! เพราะเรารวบรวม 9 เทคนิคการตั้งราคาอาหารที่ดีและมีประสิทธิภาพมาไว้แล้ว รับรองว่าจะเพิ่มยอดขายร้านอาหารของคุณได้แน่นอน! 1. ศึกษาราคาอาหารของคู่แข่ง เมื่อคิดจะเริ่มต้นเปิดร้านอาหารหรือว่าเปิดร้านเครื่องดื่ม คุณจำเป็นต้องมีข้อมูลที่เพียงพอ ดังนั้นเราจึงขอแนะนำให้ศึกษาค้นคว้าการตั้งราคาเมนูอาหารและเครื่องดื่มของคู่แข่งให้ดีเสียก่อน เพื่อให้คุณเข้าใจราคาเมนูอาหารและเครื่องดื่มในท้องตลาดโดยเฉลี่ย เมื่อคิดจะเริ่มต้นเปิดร้านอาหารหรือว่าเปิดร้านเครื่องดื่ม คุณจำเป็นต้องมีข้อมูลที่เพียงพอ ดังนั้นเราจึงขอแนะนำให้ศึกษาค้นคว้าการตั้งราคาเมนูอาหารและเครื่องดื่มของคู่แข่งให้ดีเสียก่อน เพื่อให้คุณเข้าใจราคาเมนูอาหารและเครื่องดื่มในท้องตลาดโดยเฉลี่ย เมื่อคิดจะเริ่มต้นเปิดร้านอาหารหรือว่าเปิดร้านเครื่องดื่ม คุณจำเป็นต้องมีข้อมูลที่เพียงพอ ดังนั้นเราจึงขอแนะนำให้ศึกษาค้นคว้าการตั้งราคาเมนูอาหารและเครื่องดื่มของคู่แข่งให้ดีเสียก่อน และวิธีเก็บข้อมูลราคาเมนูอาหารคู่แข่งที่ดีที่สุดและทำได้ง่ายก็คือ . . . และวิธีเก็บข้อมูลราคาเมนูอาหารคู่แข่งที่ดีที่สุดและทำได้ง่ายก็คือ . . . และ ก็คือ . . . ศึกษาราคาและดูข้อมูลสัก 6 – 8 ร้าน ที่เป็นร้านอาหารสไตล์เดียวกันหรือคล้ายกันกับร้านที่คุณกำลังวางแผนเปิด ดูว่ามีเมนูไหนบ้างที่เหมือนกับเมนูร้านคุณ หากมีเมนูที่เหมือนหรือคล้ายกัน ให้จดราคาของแต่ละร้านไว้ แล้วดูว่าร้านไหนขายแพงที่สุดและร้านไหนขายถูกที่สุด จากนั้นก็นำราคามาคำนวณเพื่อหาราคาโดยเฉลี่ยของเมนูอาหารและเครื่องดื่มนั้น ๆ เมื่อได้ราคาอาหารกับราคาเครื่องดื่มคร่าว ๆ แล้ว ทีนี้ก็เลือกได้เลยว่าจะขายแพงหรือถูกกว่า เมื่อได้ราคาอาหารกับราคาเครื่องดื่มคร่าว ๆ แล้ว ทีนี้ก็เลือกได้เลยว่าจะขายแพงหรือถูกกว่า ซึ่งก็ขึ้นอยู่ว่า ซึ่งก็ขึ้นอยู่ว่า คุณอยากให้ร้านอาหารของคุณขึ้นชื่อว่าเป็นร้านที่ถูกที่สุด คุณอยากให้ร้านอาหารของคุณขึ้นชื่อว่าเป็นร้านที่ถูกที่สุด หรือว่าอยากเป็นร้านที่ขายแพงหน่อย แต่โดดเด่นเรื่องคุณภาพวัตถุดิบ? หรือว่าอยากเป็นร้านที่ขายแพงหน่อย แต่โดดเด่นเรื่องคุณภาพวัตถุดิบ? เพราะเมื่อคุณต้องตัดสินใจเลือกคอนเซ็ปต์ร้านอาหาร คุณต้องพิจารณาในเรื่องของภาพลักษณ์ร้าน ต้นทุนร้านอาหาร ค่าใช้จ่าย และกลุ่มลูกค้าของร้านด้วย เพราะเมื่อคุณต้องตัดสินใจเลือกคอนเซ็ปต์ร้านอาหาร คุณต้องพิจารณาในเรื่องของภาพลักษณ์ร้าน ต้นทุนร้านอาหาร ค่าใช้จ่าย และกลุ่มลูกค้าของร้านด้วย และในท้ายที่สุดแล้ว เจ้าของร้านเช่นคุณคงไม่อยากขาดทุนหรือขายแพงจนลูกค้าสู้ราคาไม่ไหวแน่ ๆ ! และในท้ายที่สุดแล้ว เจ้าของร้านเช่นคุณคงไม่อยากขาดทุนหรือขายแพงจนลูกค้าสู้ราคาไม่ไหวแน่ ๆ ! 2. คุณค่าของสินค้าและบริการต้องมาควบคู่กัน ภาพโดย Quang Nguyen Vinh จาก Pexels วิธีเพิ่มกำไรร้านอาหารและร้านเครื่องดื่มที่ได้ผลอีกวิธีก็คือ การมอบประสบการณ์ที่ดีเกินคาดและคุ้มค่าเกินกว่าราคาที่ลูกค้าจ่าย วิธีเพิ่มกำไรร้านอาหารและร้านเครื่องดื่มที่ได้ผลอีกวิธีก็คือ การมอบประสบการณ์ที่ดีเกินคาดและคุ้มค่าเกินกว่าราคาที่ลูกค้าจ่าย วิธีเพิ่มกำไรร้านอาหารและร้านเครื่องดื่มที่ได้ผลอีกวิธีก็คือ สิ่งนี้หมายความว่ายังไง? สิ่งนี้หมายความว่ายังไง? ทางร้านต้องมอบคุณค่าสินค้าและบริการเพื่อจูงใจให้ลูกค้าติดใจและกลับมาทานอาหารที่ร้านบ่อย ๆ ทางร้านต้องมอบคุณค่าสินค้าและบริการเพื่อจูงใจให้ลูกค้าติดใจและกลับมาทานอาหารที่ร้านบ่อย ๆ และประสบการณ์ดี ๆ ความคุ้มค่า หรือคุณค่าที่ร้านอาหารมอบให้กับลูกค้าได้ก็คือ การใส่ใจในทุกขั้นตอนและการบริการที่ดีเกินความคาดหมายของลูกค้า และประสบการณ์ดี ๆ ความคุ้มค่า หรือคุณค่าที่ร้านอาหารมอบให้กับลูกค้าได้ก็คือ การใส่ใจในทุกขั้นตอนและการบริการที่ดีเกินความคาดหมายของลูกค้า และประสบการณ์ดี ๆ ความคุ้มค่า หรือคุณค่าที่ร้านอาหารมอบให้กับลูกค้าได้ก็คือ เช่น ถ้าทางร้านจำเมนูโปรดของลูกค้าได้ ลูกค้าก็จะปลื้มสุด ๆ (ลองคิดว่าถ้าเป็นคุณไปทานที่ร้านประจำ แล้วพนักงานจำเมนูที่คุณทานบ่อย ๆ ได้ แล้วคุณจะประทับใจแค่ไหน?) เช่น ถ้าทางร้านจำเมนูโปรดของลูกค้าได้ ลูกค้าก็จะปลื้มสุด ๆ (ลองคิดว่าถ้าเป็นคุณไปทานที่ร้านประจำ แล้วพนักงานจำเมนูที่คุณทานบ่อย ๆ ได้ แล้วคุณจะประทับใจแค่ไหน?) ถ้าคุณทำให้ลูกค้าประทับใจได้ การตั้งราคาอาหารที่สูงกว่าคู่แข่งก็จะไม่เป็นปัญหา เพราะลูกค้าจะเต็มใจจ่ายให้กับบริการที่ดีกว่า ซึ่งจากการศึกษาของ McKinsey นั้นพบว่า 70% ของการซื้อสินค้าของลูกค้าขึ้นอยู่กับว่าพวกเขาได้รับการดูแลจากทางร้านยังไง ถ้าคุณทำให้ลูกค้าประทับใจได้ การตั้งราคาอาหารที่สูงกว่าคู่แข่งก็จะไม่เป็นปัญหา เพราะลูกค้าจะเต็มใจจ่ายให้กับบริการที่ดีกว่า ซึ่งจากการศึกษาของ McKinsey นั้นพบว่า 70% ของการซื้อสินค้าของลูกค้าขึ้นอยู่กับว่าพวกเขาได้รับการดูแลจากทางร้านยังไง ถ้าคุณทำให้ลูกค้าประทับใจได้ การตั้งราคาอาหารที่สูงกว่าคู่แข่งก็จะไม่เป็นปัญหา เพราะลูกค้าจะเต็มใจจ่ายให้กับบริการที่ดีกว่า ซึ่งจากการศึกษาของ McKinsey นั้นพบว่า 70% ของการซื้อสินค้าของลูกค้าขึ้นอยู่กับว่าพวกเขาได้รับการดูแลจากทางร้านยังไง และนี่ก็คือวิธีที่จะทำให้ลูกค้าสัมผัสได้ถึงคุณค่าของสินค้าและบริการของร้าน :- และนี่ก็คือวิธีที่จะทำให้ลูกค้าสัมผัสได้ถึงคุณค่าของสินค้าและบริการของร้าน :- และนี่ก็คือ :- การบริการที่ยอดเยี่ยมและการใส่ใจลูกค้าในทุกขั้นตอน บรรยากาศร้านอาหารที่เหมาะสม เช่น ถ้าเป็นร้านดินเนอร์ ก็ควรจัดไฟให้ละมุน โรแมนติก การจัดจานอาหารให้สวยงาม น่ากิน และน่าถ่ายภาพลงไอจีหรือเฟสบุ๊ค การมีดนตรีสดในร้านเพื่อให้ความสุนทรีย์ระหว่างทานอาหารและสร้างบรรยากาศให้ดียิ่งขึ้นไปอีก 3. มีเมนูอาหารที่น่าสนใจ ภาพโดย PHATTARANUN POPLUCK จาก Pixabay และ สูตรอาหารแม็กกี้ เทคนิคการตั้งราคาอาหารให้เหมาะสมและทำกำไรได้ด้วยก็คือ การมีตัวเลือกในแต่ละเมนูให้กับลูกค้า เทคนิคการตั้งราคาอาหารให้เหมาะสมและทำกำไรได้ด้วยก็คือ การมีตัวเลือกในแต่ละเมนูให้กับลูกค้า เทคนิคการตั้งราคาอาหารให้เหมาะสมและทำกำไรได้ด้วยก็คือ ลองนำเมนูที่มีอยู่แล้วมาเพิ่มเครื่องเคียงหรือส่วนผสม แล้วก็เพิ่มมูลค่าให้กับเมนูอาหารและเครื่องดื่มได้เลย รับรองว่าจะถูกใจลูกค้าและเพิ่มยอดขายให้กับร้านได้แน่นอน ลองนำเมนูที่มีอยู่แล้วมาเพิ่มเครื่องเคียงหรือส่วนผสม แล้วก็เพิ่มมูลค่าให้กับเมนูอาหารและเครื่องดื่มได้เลย รับรองว่าจะถูกใจลูกค้าและเพิ่มยอดขายให้กับร้านได้แน่นอน นอกจากนี้อย่าลืมตั้งชื่อเมนูเก๋ ๆ ให้โดนใจกลุ่มลูกค้าร้านอาหารของคุณด้วย แล้วร้านคุณจะเป็นที่จดจำของลูกค้ามากยิ่งขึ้น แถมยังขายได้ในราคาที่สูงขึ้นมาหน่อยได้ด้วย นอกจากนี้อย่าลืมตั้งชื่อเมนูเก๋ ๆ ให้โดนใจกลุ่มลูกค้าร้านอาหารของคุณด้วย แล้วร้านคุณจะเป็นที่จดจำของลูกค้ามากยิ่งขึ้น แถมยังขายได้ในราคาที่สูงขึ้นมาหน่อยได้ด้วย เช่น หากที่ร้านมีเมนูข้าวผัดต้มยำอยู่แล้ว ก็อาจจะเพิ่มไข่และแซลมอนเพื่อให้ดูมีมูลค่า จากนั้นก็ต้องชื่อเมนูเก๋ ๆ อย่าง “ข้าวผัดต้มยำแซลมอนจัมโบ้” ก็ดูเจ๋งไม่น้อย เช่น หากที่ร้านมีเมนูข้าวผัดต้มยำอยู่แล้ว ก็อาจจะเพิ่มไข่และแซลมอนเพื่อให้ดูมีมูลค่า จากนั้นก็ต้องชื่อเมนูเก๋ ๆ อย่าง “ข้าวผัดต้มยำแซลมอนจัมโบ้” ก็ดูเจ๋งไม่น้อย บอกเลยว่าหลายร้านใช้เทคนิคการตั้งราคานี้แล้วได้ผลสุด ๆ ดังนั้นลองหาวัตถุดิบหรือส่วนผสมที่เข้ากันมาทำเป็นเมนูพิเศษขึ้นมา แล้วตั้งชื่อเท่ ๆ แล้วร้านอาหารของคุณจะขายดีขึ้นแน่นอน บอกเลยว่าหลายร้านใช้เทคนิคการตั้งราคานี้แล้วได้ผลสุด ๆ ดังนั้นลองหาวัตถุดิบหรือส่วนผสมที่เข้ากันมาทำเป็นเมนูพิเศษขึ้นมา แล้วตั้งชื่อเท่ ๆ แล้วร้านอาหารของคุณจะขายดีขึ้นแน่นอน 4. มีเมนูพิเศษจากเชฟ เมนูพิเศษจากเชฟ คือ วิธีการตั้งราคาอาหารและเครื่องดื่มที่น่าสนใจ แถมยังได้ผล แล้วก็ถูกใจลูกค้าเป็นอย่างมาก ยิ่งถ้ามีเมนูพิเศษในอาหารทุกประเภทแล้ว ยิ่งจะเรียกลูกค้าเข้าร้านได้เป็นอย่างดี เมนูพิเศษจากเชฟ คือ วิธีการตั้งราคาอาหารและเครื่องดื่มที่น่าสนใจ แถมยังได้ผล แล้วก็ถูกใจลูกค้าเป็นอย่างมาก ยิ่งถ้ามีเมนูพิเศษในอาหารทุกประเภทแล้ว ยิ่งจะเรียกลูกค้าเข้าร้านได้เป็นอย่างดี นั่นก็เพราะว่าลูกค้าชอบอะไรที่มีความพิเศษและอยากได้ประสบการณ์การทานอาหารที่แตกต่างอยู่แล้ว หากคุณมีเมนูแนะนำจากเชฟก็จะดึงดูดความสนใจของลูกค้าและเพิ่มยอดขายร้านอาหารได้ไม่ยาก นั่นก็เพราะว่าลูกค้าชอบอะไรที่มีความพิเศษและอยากได้ประสบการณ์การทานอาหารที่แตกต่างอยู่แล้ว หากคุณมีเมนูแนะนำจากเชฟก็จะดึงดูดความสนใจของลูกค้าและเพิ่มยอดขายร้านอาหารได้ไม่ยาก เช่น ถ้าร้านมีเมนูก๋วยเตี๋ยว ก็ใส่วัตถุดิบพิเศษอย่างหมูกรอบ ไข่ยางมะตูม เติมผักเล็กน้อย แล้วก็จัดให้เป็นเมนู “ก๋วยเตี๋ยวพิเศษจากเชฟ” ได้เลย เช่น ถ้าร้านมีเมนูก๋วยเตี๋ยว ก็ใส่วัตถุดิบพิเศษอย่างหมูกรอบ ไข่ยางมะตูม เติมผักเล็กน้อย แล้วก็จัดให้เป็นเมนู “ก๋วยเตี๋ยวพิเศษจากเชฟ” ได้เลย หรือถ้าร้านมีเมนูราเมงและมาม่า ก็สามารถประยุกต์ด้วยการแต่งหน้าจานอาหารที่แปลกใหม่ เช่น ใส่ปลาไหล ไข่ต้มยางมะตูม และผัก เป็นต้น หรือถ้าร้านมีเมนูราเมงและมาม่า ก็สามารถประยุกต์ด้วยการแต่งหน้าจานอาหารที่แปลกใหม่ เช่น ใส่ปลาไหล ไข่ต้มยางมะตูม และผัก เป็นต้น จากนั้นก็ลองดูสิว่ามีเมนูอาหารและเครื่องดื่มไหนที่จะมาทำเป็น “เมนูพิเศษจากเชฟ” ได้อีก จากนั้นก็ลองดูสิว่ามีเมนูอาหารและเครื่องดื่มไหนที่จะมาทำเป็น “เมนูพิเศษจากเชฟ” ได้อีก บอกเลยว่าวิธีนี้จะช่วยให้คุณขายอาหารและเครื่องดื่มในราคาพรีเมี่ยมได้ง่าย ๆ แล้วก็ทำกำไรได้ไม่ยากเลย บอกเลยว่าวิธีนี้จะช่วยให้คุณขายอาหารและเครื่องดื่มในราคาพรีเมี่ยมได้ง่าย ๆ แล้วก็ทำกำไรได้ไม่ยากเลย น่าสนใจใช่ไหมล่ะ? น่าสนใจใช่ไหมล่ะ? 5. ไม่ใส่ค่าเงินบนเมนู รู้ไหมว่าเทคนิคการตั้งราคาอาหารที่ได้รับความนิยมมากที่สุดก็คือ การไม่ใส่ค่าเงินหรือสกุลเงินในเมนู? รู้ไหมว่าเทคนิคการตั้งราคาอาหารที่ได้รับความนิยมมากที่สุดก็คือ การไม่ใส่ค่าเงินหรือสกุลเงินในเมนู? รู้ไหมว่าเทคนิคการตั้งราคาอาหารที่ได้รับความนิยมมากที่สุดก็คือ เพราะมีการพิสูจน์แล้วว่า การที่ลูกค้าเห็นค่าเงินในเมนูจะทำให้ลูกค้าคิดหนักเวลาสั่งอาหาร ซึ่งส่งผลให้ลูกค้ามัวแต่กังวลเรื่องราคาและสั่งอาหารได้ไม่เต็มที่ เพราะมีการพิสูจน์แล้วว่า การที่ลูกค้าเห็นค่าเงินในเมนูจะทำให้ลูกค้าคิดหนักเวลาสั่งอาหาร ซึ่งส่งผลให้ลูกค้ามัวแต่กังวลเรื่องราคาและสั่งอาหารได้ไม่เต็มที่ ดังนั้นถ้าคุณจะทำเมนูร้าน ก็ควรคำนึงถึงข้อนี้ ดังนั้นถ้าคุณจะทำเมนูร้าน ก็ควรคำนึงถึงข้อนี้ โดยเราแนะนำให้ใส่แค่ตัวเลขราคา ไม่ควรใส่ “THB”, “บาท”, “บ.” แต่สามารถใส่สัญลักษณ์ “.-” แทนได้ โดยเราแนะนำให้ใส่แค่ตัวเลขราคา ไม่ควรใส่ “THB”, “บาท”, “บ.” แต่สามารถใส่สัญลักษณ์ “.-” แทนได้ เช่น ถ้าเป็นตำข้าวโพดกุ้งสด ราคา 80 บาท ก็ควรใส่แค่ตัวเลขและสัญลักษณ์ “.-” เช่น ถ้าเป็นตำข้าวโพดกุ้งสด ราคา 80 บาท ก็ควรใส่แค่ตัวเลขและสัญลักษณ์ “.-” หน้าตาในเมนูก็จะเป็น ตำข้าวโพดกุ้งสด 80.- หน้าตาในเมนูก็จะเป็น ตำข้าวโพดกุ้งสด 80.- หน้าตาในเมนูก็จะเป็น ตำข้าวโพดกุ้งสด 80.- บอกเลยว่าแค่เอาค่าเงินออก ลูกค้าก็จะสบายใจที่จะสั่งอาหารมากขึ้น แล้วร้านคุณก็จะขายได้มากขึ้น แบบนี้ยังไงก็คุ้มค่ากับการลองใช่ไหมล่ะ? บอกเลยว่าแค่เอาค่าเงินออก ลูกค้าก็จะสบายใจที่จะสั่งอาหารมากขึ้น แล้วร้านคุณก็จะขายได้มากขึ้น แบบนี้ยังไงก็คุ้มค่ากับการลองใช่ไหมล่ะ? 6. กฎ 3 ข้อ หรือ Rule of Three เทคนิคการตั้งราคาอาหารและเครื่องดื่มที่ทำได้ง่ายอีกหนึ่งวิธีก็คือ การใช้กฎ 3 ข้อหรือ Rule of Three เพราะวิธีนี้จะกระตุ้นให้ลูกค้าสั่งอาหารจานที่แพงกว่าได้ เทคนิคการตั้งราคาอาหารและเครื่องดื่มที่ทำได้ง่ายอีกหนึ่งวิธีก็คือ การใช้กฎ 3 ข้อหรือ Rule of Three เพราะวิธีนี้จะกระตุ้นให้ลูกค้าสั่งอาหารจานที่แพงกว่าได้ เทคนิคการตั้งราคาอาหารและเครื่องดื่มที่ทำได้ง่ายอีกหนึ่งวิธีก็คือ นั่นหมายความว่าที่ร้านต้องมีอาหารจานเดียวกันใน 3 เวอร์ชั่นให้ลูกค้าเลือก นั่นหมายความว่าที่ร้านต้องมีอาหารจานเดียวกันใน 3 เวอร์ชั่นให้ลูกค้าเลือก ตัวอย่างของเมนูสปาเก็ตตี้ เริ่มต้นที่ 150 บาท : ตัวอย่างของเมนูสปาเก็ตตี้ เริ่มต้นที่ 150 บาท : ตัวเลือกที่ 1 ราคา 150 บาท : ควรเป็นจานที่เบสิกที่สุด คือ สปาเก็ตตี้ซอสมะเขือเทศ ควรเป็นจานที่เบสิกที่สุด คือ สปาเก็ตตี้ซอสมะเขือเทศ ตัวเลือกที่ 2 ราคา 200 บาท : มีความพิเศษขึ้นมาหน่อย คือมีการใส่ท็อปปิ้งและเครื่องเคียงต่าง ๆ เช่น เห็ด, บร็อคโคลี่, แครอท, ผักปวยเล้ง ฯลฯ มีความพิเศษขึ้นมาหน่อย คือมีการใส่ท็อปปิ้งและเครื่องเคียงต่าง ๆ เช่น เห็ด, บร็อคโคลี่, แครอท, ผักปวยเล้ง ฯลฯ ตัวเลือกที่ 3 ราคา 250 บาท : เวอร์ชั่นที่ครบที่สุด คุ้มค่าที่สุด และราคาแพงที่สุดใน 3 เวอร์ชั่นนี้ ซึ่งคุณสามารถเติมโปรตีนให้กับสปาเก็ตตี้ได้ เช่น หมูสับ, ไก่, เนื้อ และซีฟู้ด เป็นต้น เวอร์ชั่นที่ครบที่สุด คุ้มค่าที่สุด และราคาแพงที่สุดใน 3 เวอร์ชั่นนี้ ซึ่งคุณสามารถเติมโปรตีนให้กับสปาเก็ตตี้ได้ เช่น หมูสับ, ไก่, เนื้อ และซีฟู้ด เป็นต้น รับรองเลยว่าเทคนิคการตั้งราคาอาหารนี้จะทำให้ลูกค้าคิดว่าตัวเลือกที่ 3 คือตัวเลือกที่ดีที่สุด เพราะจ่ายเพิ่มอีกแค่ 100 บาท ก็ได้กินสปาเก็ตตี้แบบครบเครื่อง แบบนี้คุ้มค่ากว่าเห็น ๆ ถือเป็นกลยุทธ์การตั้งราคาอาหารที่ดีไม่น้อย รับรองเลยว่าเทคนิคการตั้งราคาอาหารนี้จะทำให้ลูกค้าคิดว่าตัวเลือกที่ 3 คือตัวเลือกที่ดีที่สุด เพราะจ่ายเพิ่มอีกแค่ 100 บาท ก็ได้กินสปาเก็ตตี้แบบครบเครื่อง แบบนี้คุ้มค่ากว่าเห็น ๆ ถือเป็นกลยุทธ์การตั้งราคาอาหารที่ดีไม่น้อย แล้วถ้าเป็นคุณเอง ยังไงก็ยอมจ่ายเพิ่มให้กับจานที่คุ้มว่าใช่ไหมล่ะ? ดังนั้นกฎ 3 ข้อ หรือ Rule of Three จึงเป็นเทคนิคการตั้งราคาที่เป็นที่นิยมกันมาก แล้วถ้าเป็นคุณเอง ยังไงก็ยอมจ่ายเพิ่มให้กับจานที่คุ้มว่าใช่ไหมล่ะ? ดังนั้นกฎ 3 ข้อ หรือ Rule of Three จึงเป็นเทคนิคการตั้งราคาที่เป็นที่นิยมกันมาก 7. ปริมาณอาหารต้องพอดี การจัดสัดส่วนอาหารและปริมาณอาหารถือว่าสำคัญมาก ๆ ในการตั้งราคาอาหารและเครื่องดื่ม การจัดสัดส่วนอาหารและปริมาณอาหารถือว่าสำคัญมาก ๆ ในการตั้งราคาอาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งคุณจะต้องเทรนพนักงานครัวให้ทำตามสูตรอาหารที่มีได้อย่างแม่นยำ เพื่อให้สัดส่วนอาหารสวยงาม พอดีกันทุกจาน และสอดคล้องกับราคาอาหาร ที่สำคัญจะได้พอดีอิ่มสำหรับลูกค้าและไม่เหลือทิ้ง ซึ่งคุณจะต้องเทรนพนักงานครัวให้ทำตามสูตรอาหารที่มีได้อย่างแม่นยำ เพื่อให้สัดส่วนอาหารสวยงาม พอดีกันทุกจาน และสอดคล้องกับราคาอาหาร ที่สำคัญจะได้พอดีอิ่มสำหรับลูกค้าและไม่เหลือทิ้ง อีกอย่างร้านอาหารหลายร้านต้องขาดทุนเพราะให้เยอะ พอลูกค้าทานไม่หมดก็กลายเป็น Food Waste เป็นเศษอาหารที่ต้องทิ้งไป ดังนั้นการให้ปริมาณอาหารหรือจัดสัดส่วนอาหารที่พอดีก็จะช่วยลดต้นทุนค่าใช้จ่ายร้านอาหารในส่วนนี้ได้ อีกอย่างร้านอาหารหลายร้านต้องขาดทุนเพราะให้เยอะ พอลูกค้าทานไม่หมดก็กลายเป็น Food Waste เป็นเศษอาหารที่ต้องทิ้งไป ดังนั้นการให้ปริมาณอาหารหรือจัดสัดส่วนอาหารที่พอดีก็จะช่วยลดต้นทุนค่าใช้จ่ายร้านอาหารในส่วนนี้ได้ อีกอย่างร้านอาหารหลายร้านต้องขาดทุนเพราะให้เยอะ พอลูกค้าทานไม่หมดก็กลายเป็น Food Waste เป็นเศษอาหารที่ต้องทิ้งไป ดังนั้น ในส่วนนี้ได้ อีกหนึ่งเคล็ดลับในการช่วยร้านประหยัดค่าใช้จ่ายและเพิ่มยอดขายได้พร้อม ๆ กันก็คือ ร้านจะต้องมีหลายขนาดให้ลูกค้าเลือก เช่น มีอาหารและเครื่องดื่มขนาดปกติ แล้วก็มีตัวเลือกให้ลูกค้าอัพไซส์ได้ตามความต้องการ อีกหนึ่งเคล็ดลับในการช่วยร้านประหยัดค่าใช้จ่ายและเพิ่มยอดขายได้พร้อม ๆ กันก็คือ ร้านจะต้องมีหลายขนาดให้ลูกค้าเลือก เช่น มีอาหารและเครื่องดื่มขนาดปกติ แล้วก็มีตัวเลือกให้ลูกค้าอัพไซส์ได้ตามความต้องการ อีกหนึ่งเคล็ดลับในการช่วยร้านประหยัดค่าใช้จ่ายและเพิ่มยอดขายได้พร้อม ๆ กันก็คือ เช่น มีอาหารและเครื่องดื่มขนาดปกติ แล้วก็มีตัวเลือกให้ลูกค้าอัพไซส์ได้ตามความต้องการ อย่าลืมว่าแม้เมนูแต่ละไซส์จะราคาไม่ต่างกันมาก แต่ก็ส่งผลในเรื่องของกำไรร้านอาหารเช่นกัน อย่าลืมว่าแม้เมนูแต่ละไซส์จะราคาไม่ต่างกันมาก แต่ก็ส่งผลในเรื่องของกำไรร้านอาหารเช่นกัน 8. เลือกตลาดเป้าหมาย ภาพโดย Free-Photos จาก Pixabay อีกหนึ่งข้อสำคัญในการตั้งราคาอาหารก็คือ ตลาดเป้าหมาย เพราะก่อนที่จะตั้งราคาแต่ละเมนูได้ ทางร้านจะต้องรู้ว่ากลุ่มลูกค้าเป้าหมายเป็นใคร อายุเท่าไหร่ และมีรายได้มาก-น้อยแค่ไหน อีกหนึ่งข้อสำคัญในการตั้งราคาอาหารก็คือ ตลาดเป้าหมาย เพราะก่อนที่จะตั้งราคาแต่ละเมนูได้ ทางร้านจะต้องรู้ว่ากลุ่มลูกค้าเป้าหมายเป็นใคร อายุเท่าไหร่ และมีรายได้มาก-น้อยแค่ไหน ลองดูว่าร้านอาหารที่จะเปิดอยู่ในย่านไหน มีกลุ่มลูกค้าแบบไหนมากที่สุด ลองดูว่าร้านอาหารที่จะเปิดอยู่ในย่านไหน มีกลุ่มลูกค้าแบบไหนมากที่สุด วัยทำงาน? วัยทำงาน? นักเรียนนักศึกษา? นักเรียนนักศึกษา? กลุ่มวัยรุ่น? กลุ่มวัยรุ่น? หรือว่ากลุ่มไหน? หรือว่ากลุ่มไหน? เมื่อรู้ว่าลูกค้าเป้าหมายของคุณเป็นใคร คุณก็จะรู้รายได้คร่าว ๆ ของลูกค้า แล้วก็จะตั้งราคาอาหารได้เหมาะสมและมีคนเข้าร้านตลอดแน่นอน เมื่อรู้ว่าลูกค้าเป้าหมายของคุณเป็นใคร คุณก็จะรู้รายได้คร่าว ๆ ของลูกค้า แล้วก็จะตั้งราคาอาหารได้เหมาะสมและมีคนเข้าร้านตลอดแน่นอน เช่น ถ้าลูกค้ากลุ่มเป้าหมายคือวัยทำงาน ที่ร้านก็อาจจะมีเซ็ตอาหารกลางวัน หรือเซ็ตอาหารพร้อมเครื่องดื่มเพิ่มเข้ามา เช่น ถ้าลูกค้ากลุ่มเป้าหมายคือวัยทำงาน ที่ร้านก็อาจจะมีเซ็ตอาหารกลางวัน หรือเซ็ตอาหารพร้อมเครื่องดื่มเพิ่มเข้ามา 9. ขายเป็นเซ็ต ภาพโดย Nathan Dumlao จาก Unsplash ต่อจากข้อที่แล้ว เมื่อรู้แล้วว่ากลุ่มลูกค้าเป้าหมายของคุณเป็นใคร คราวนี้ก็มาลองใช้เทคนิคจัดเซ็ตคอมโบเพื่อเรียกลูกค้าเข้าร้านอาหารกันบ้าง ต่อจากข้อที่แล้ว เมื่อรู้แล้วว่ากลุ่มลูกค้าเป้าหมายของคุณเป็นใคร คราวนี้ก็มาลองใช้เทคนิคจัดเซ็ตคอมโบเพื่อเรียกลูกค้าเข้าร้านอาหารกันบ้าง ต่อจากข้อที่แล้ว เมื่อรู้แล้วว่ากลุ่มลูกค้าเป้าหมายของคุณเป็นใคร คราวนี้ก็มาลองใช้ กันบ้าง เพราะเทคนิคการตั้งราคาอาหารและเครื่องดื่มนี้ช่วยเพิ่มยอดขายและทำกำไรให้ร้านได้จริง เพราะเทคนิคการตั้งราคาอาหารและเครื่องดื่มนี้ช่วยเพิ่มยอดขายและทำกำไรให้ร้านได้จริง และวิธีจัดเซ็ตเพิ่มยอดขายร้านอาหารก็มี 2 วิธีด้วยกันคือ และวิธีจัดเซ็ตเพิ่มยอดขายร้านอาหารก็มี 2 วิธีด้วยกันคือ และ ก็มี 2 วิธีด้วยกันคือ เซ็ตอาหารหรือเซ็ตคอมโบ – เสนออาหารและเครื่องดื่มแบบแพ็คคู่ในราคาที่ถูกกว่า เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าใช้จ่ายมากขึ้น เช่น แซนด์วิชกับกาแฟ เค้กกับเครื่องดื่ม หรือจะจับคู่อาหารมาขายด้วยกันก็ยังได้ – เสนออาหารและเครื่องดื่มแบบแพ็คคู่ในราคาที่ถูกกว่า เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าใช้จ่ายมากขึ้น เช่น แซนด์วิชกับกาแฟ เค้กกับเครื่องดื่ม หรือจะจับคู่อาหารมาขายด้วยกันก็ยังได้ ส่วนลดเมื่อซื้อเพิ่ม – เสนอส่วนลดให้กับลูกค้าที่สั่งอาหารหรือเครื่องดื่มของร้าน เช่น การเพิ่มท็อปปิ้งและเครื่องเคียงต่าง ๆ บอกเลยว่าวิธีนี้สามารถเพิ่มยอดขายและทำกำไรให้ร้านอาหารของคุณได้ไม่น้อยแน่ ๆ บอกเลยว่าวิธีนี้สามารถเพิ่มยอดขายและทำกำไรให้ร้านอาหารของคุณได้ไม่น้อยแน่ ๆ สรุปเรื่องการตั้งราคาอาหาร สำหรับเทคนิคการตั้งราคาอาหารและเครื่องดื่มนั้น ไม่มีกฎตายตัว เพราะแต่ละร้านก็อาจจะต้องพลิกแพลงและปรับให้เข้ากับร้านของตัวเอง สำหรับเทคนิคการตั้งราคาอาหารและเครื่องดื่มนั้น ไม่มีกฎตายตัว เพราะแต่ละร้านก็อาจจะต้องพลิกแพลงและปรับให้เข้ากับร้านของตัวเอง แต่ทั้ง 9 วิธีนั้นจะช่วยให้ร้านมีแนวทางในการขายและทำกำไรให้กับร้านอาหารของคุณง่ายขึ้น แต่ทั้ง 9 วิธีนั้นจะช่วยให้ร้านมีแนวทางในการขายและทำกำไรให้กับร้านอาหารของคุณง่ายขึ้น นอกจากนี้ก็ยังมีอีกหลายปัจจัยที่ผู้ประกอบการร้านอาหารจะต้องพิจารณาในการตั้งราคาอาหาร เช่น ตำราอาหาร, สูตรลับ, ภาพลักษณ์ร้าน, การบริการลูกค้า, ค่าใช้จ่ายในร้าน และอื่น ๆ อีกมากมาย นอกจากนี้ก็ยังมีอีกหลายปัจจัยที่ผู้ประกอบการร้านอาหารจะต้องพิจารณาในการตั้งราคาอาหาร เช่น ตำราอาหาร, สูตรลับ, ภาพลักษณ์ร้าน, การบริการลูกค้า, ค่าใช้จ่ายในร้าน และอื่น ๆ อีกมากมาย แต่สุดท้ายแล้ว เจ้าของร้านจะต้องสามารถเช็คยอดขายและมีรายงานความเคลื่อนไหวในร้านเพื่อพัฒนาปรับปรุงร้านอาหารให้ดีขึ้นได้ด้วย แต่สุดท้ายแล้ว เจ้าของร้านจะต้องสามารถเช็คยอดขายและมีรายงานความเคลื่อนไหวในร้านเพื่อพัฒนาปรับปรุงร้านอาหารให้ดีขึ้นได้ด้วย ซึ่งการมีระบบ POS ร้านอาหารดี ๆ สักอันเข้ามาช่วยจัดการร้าน คุณก็จะรู้ความเคลื่อนไหวในร้านและดูรายงานยอดขายได้อย่างแม่นยำ ตลอดถึงสามารถวิเคราะห์สต๊อกสินค้า การจัดโปรโมชั่น เปิดให้บริการ Food Delivery ทั้งยังมีข้อดีอื่น ๆ อีกเพียบ ! เพราะถ้าหากไม่มีข้อมูลเหล่านี้คุณจะไม่รู้ว่าต้องปรับปรุงร้านในส่วนไหนนั่นเอง ซึ่งก็อาจยากต่อการวางแผนธุรกิจเมื่อต้องการขยับขยายสาขาได้ ซึ่งการมีระบบ POS ร้านอาหารดี ๆ สักอันเข้ามาช่วยจัดการร้าน คุณก็จะรู้ความเคลื่อนไหวในร้านและดูรายงานยอดขายได้อย่างแม่นยำ ตลอดถึงสามารถวิเคราะห์สต๊อกสินค้า การจัดโปรโมชั่น เปิดให้บริการ Food Delivery ทั้งยังมีข้อดีอื่น ๆ อีกเพียบ ! เพราะถ้าหากไม่มีข้อมูลเหล่านี้คุณจะไม่รู้ว่าต้องปรับปรุงร้านในส่วนไหนนั่นเอง ซึ่งก็อาจยากต่อการวางแผนธุรกิจเมื่อต้องการขยับขยายสาขาได้ ด้วยเหตุผลนี้เองที่ทำให้ร้านอาหารเล็ก-ใหญ่หลายร้าน หรือแม้กระทั่งร้านน้ำเองก็หันมาใช้ระบบ POS กันแทบทั้งหมดแล้ว ดังนั้นถึงเวลาของคุณแล้วหรือยัง? ด้วยเหตุผลนี้เองที่ทำให้ร้านอาหารเล็ก-ใหญ่หลายร้าน หรือแม้กระทั่งร้านน้ำเองก็หันมาใช้ระบบ POS กันแทบทั้งหมดแล้ว ดังนั้นถึงเวลาของคุณแล้วหรือยัง? | วิธีจัดเซ็ตเพื่อเพิ่มยอดขายร้านอาหาร มี 2 วิธีด้วยกัน คือ
1. เซ็ตอาหารหรือเซ็ตคอมโบ – เสนออาหารและเครื่องดื่มแบบแพ็คคู่ในราคาที่ถูกกว่า เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าใช้จ่ายมากขึ้น เช่น แซนด์วิชกับกาแฟ เค้กกับเครื่องดื่ม หรือจะจับคู่อาหารมาขายด้วยกันก็ยังได้
2. ส่วนลดเมื่อซื้อเพิ่ม – เสนอส่วนลดให้กับลูกค้าที่สั่งอาหารหรือเครื่องดื่มของร้าน เช่น การเพิ่มท็อปปิ้งและเครื่องเคียงต่าง ๆ | null | Closed QA | cc-by-nc-4.0 |
Retail_51324 | Retail | ร้านอาหารควรให้ความสำคัญในเรื่องความสะดวกสบายของลูกค้าเป็นอันดับต้น ๆ เพราะเหตุใด | วิธีเลือกกล่องใส่อาหาร
พร้อมไอเดีย Food Packaging รู้หรือเปล่าว่านอกจากรสชาติแสนอร่อยของแต่ละเมนูแล้ว กล่องใส่อาหาร ที่เราเรียกกันว่า Food Packaging ก็เป็นจุดขายของร้านได้ ? ซึ่งจากการคาดการณ์ของ Morgan Stanley นั้นพบว่า กล่องบรรจุอาหารจะช่วยเพิ่มยอดขายให้ร้านได้มากถึง 11% ภายในปี 2022! เพราะฉะนั้นหากร้านอาหารของคุณมีบริการ “ซื้อกลับบ้าน” หรือ “เดลิเวอรี่” ก็ต้องเลือกกล่องใส่อาหารให้เป็น เพื่อสะท้อนถึงตัวตน ความฉลาดเลือก และความใส่ใจของร้าน รู้หรือเปล่าว่านอกจากรสชาติแสนอร่อยของแต่ละเมนูแล้ว กล่องใส่อาหาร ที่เราเรียกกันว่า Food Packaging ก็เป็นจุดขายของร้านได้ ? ซึ่งจากการคาดการณ์ของ Morgan Stanley นั้นพบว่า กล่องบรรจุอาหารจะช่วยเพิ่มยอดขายให้ร้านได้มากถึง 11% ภายในปี 2022! เพราะฉะนั้นหากร้านอาหารของคุณมีบริการ “ซื้อกลับบ้าน” หรือ “เดลิเวอรี่” ก็ต้องเลือกกล่องใส่อาหารให้เป็น เพื่อสะท้อนถึงตัวตน ความฉลาดเลือก และความใส่ใจของร้าน ลองคิดดูว่า ถ้าคุณเองสั่งเมนูโปรดออนไลน์ หรือหิ้วอาหารเจ้าประจำกลับบ้าน แต่กว่าจะถึง อาหารกลับเย็นชืดเสียหมด คุณก็คงจะทานไม่อร่อยใช่ไหมล่ะ ? ลองคิดดูว่า ถ้าคุณเองสั่งเมนูโปรดออนไลน์ หรือหิ้วอาหารเจ้าประจำกลับบ้าน แต่กว่าจะถึง อาหารกลับเย็นชืดเสียหมด คุณก็คงจะทานไม่อร่อยใช่ไหมล่ะ ? นั่นเป็นเพราะว่า ร้านอาหารร้านนั้นอาจจะเลือกบรรจุภัณฑ์ไม่เหมาะกับประเภทอาหารก็เป็นได้ ดังนั้นเพื่อให้อาหารของร้านคุณยังคงความสดใหม่อยู่เสมอ คุณจึงจำเป็นต้องเลือกกล่องใส่อาหารให้เป็นนั่นเอง นั่นเป็นเพราะว่า ร้านอาหารร้านนั้นอาจจะเลือกบรรจุภัณฑ์ไม่เหมาะกับประเภทอาหารก็เป็นได้ ดังนั้นเพื่อให้อาหารของร้านคุณยังคงความสดใหม่อยู่เสมอ คุณจึงจำเป็นต้องเลือกกล่องใส่อาหารให้เป็นนั่นเอง ทำไมต้องให้ความสำคัญกับกล่องใส่อาหาร (Food Packaging)? ภาพจาก Unsplash กล่องใส่อาหาร (Food Packaging) มีประโยชน์มากกว่าแค่ใส่อาหาร ทำให้หลายร้านหันมาใส่ใจในการเลือกมากขึ้น หรือบางร้านก็ถึงขั้นออกแบบ Food Packaging เอง เพราะกล่องใส่อาหารที่ใช่ มีข้อดีมากมายดังนี้ :- กล่องใส่อาหาร (Food Packaging) มีประโยชน์มากกว่าแค่ใส่อาหาร ทำให้หลายร้านหันมาใส่ใจในการเลือกมากขึ้น หรือบางร้านก็ถึงขั้นออกแบบ Food Packaging เอง เพราะกล่องใส่อาหารที่ใช่ มีข้อดีมากมายดังนี้ :- เมื่อต้องส่งอาหารเดลิเวอรี่ให้ลูกค้า ถ้าลูกค้าได้รับอาหารในสภาพกล่องยับยู่ยี่ หรือมีอาหารเลอะเปื้อนกล่องออกมา ก็คงจะไม่น่าทานสักเท่าไหร่ จริงไหม ? ดังนั้นกล่องอาหารดีไซน์สวย สภาพสมบูรณ์ก็ช่วยให้อาหารน่าทานยิ่งขึ้น ไม่ต่างจากการเสิร์ฟอาหารบนจานเก๋ ๆ ที่มีการตกแต่งอาหารนั่นเอง อาหารที่ต้องเสิร์ฟร้อน ๆ ถึงจะอร่อยอย่างสปาเก็ตตี้, พิซซ่า, ซุป ฯลฯ เวลาที่ลูกค้ามาซื้อกลับไปทานบ้าน หรือสั่งอาหารออนไลน์ ก็ควรจะได้ทานร้อน ๆ เช่นกัน ลูกค้าหลายคนให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ หากร้านคุณใช้กล่องบรรจุอาหารที่ไม่เหมาะสม ลูกค้าก็อาจจะหันไปสั่งกับเจ้าอื่นก็เป็นได้ รู้ไหมว่าแพ็คเกจจิ้งอาหารที่สวยสะดุดตา หรือมีดีไซน์ที่สร้างสรรค์ก็ช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจซื้ออาหารจากร้านคุณเช่นกัน ? Food Packaging ที่ออกแบบมาอย่างดีและผลิตด้วยวัสดุคุณภาพเยี่ยม จะช่วยสร้างมูลค่าให้กับเมนูอาหารได้ ซึ่งจากการศึกษาของ Asia Pulp & Paper นั้นพบว่า ลูกค้าเต็มใจจ่ายมากขึ้นหากร้านใช้กล่องใส่อาหารรักษ์โลก แพ็คเกจจิ้งก็ช่วยสะท้อนถึงตัวตนร้านและแบรนด์ได้เช่นกัน และยังเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างคุณกับลูกค้า ดังนั้นร้านจึงต้องเลือกสี ดีไซน์ และข้อความบนกล่องอย่างใส่ใจ เช่น หากร้านอาหารของคุณเป็นที่รู้จักในเรื่องของรสชาติอร่อยและมีความเฮฮาในตัว ก็ควรเลือกกล่องที่สะท้อนถึงจุดขายตรงนี้ แค่เห็นแว้บแรกลูกค้าก็จะรู้ทันทีว่านี่คืออาหารจากร้านคุณ หากร้านของคุณใส่ใจในเรื่องของสิ่งแวดล้อมและให้ความสำคัญกับความยั่งยืนในอนาคต ก็ควรเลือกใช้ Food Packaging ที่ย่อยสลายทางชีวภาพ (Biodegradable Packaging) กล่องใส่อาหารแต่ละประเภทแพงไหม ราคาต่างกันเท่าไหร่ ? การเลือกวัสดุคือขั้นตอนสำคัญและเป็นขั้นตอนแรกของการเลือกกล่องใส่อาหารหรือ Food Packaging ซึ่งในปัจจุบัน การเลือกวัสดุคือขั้นตอนสำคัญและเป็นขั้นตอนแรกของการเลือกกล่องใส่อาหารหรือ Food Packaging ซึ่งในปัจจุบัน ช่วยคงความร้อนและรักษาความเย็นได้เป็นอย่างดี แต่ทำลายสิ่งแวดล้อม แข็งแรง ทนทาน ป้องกันอาหารหกหรือเลอะได้ค่อนข้างดี แต่ก็ไม่ดีต่อสิ่งแวดล้อมเช่นกัน สามารถย่อยสลายได้ทางชีวภาพ (Biodegradable Packaging) คุ้มค่าแก่การลงทุน ปริ้นต์และออกแบบ/ปรับแต่งได้ง่ายตามสไตล์ร้านอาหาร ทั้งยังแข็งแรงทนทาน สามารถควบคุมอุณหภูมิอาหารในกล่องได้เป็นอย่างดี ราคาจะแพงขึ้นมาหน่อย แต่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม อาจจะเลือกเป็นขวดแก้วที่รีไซเคิลสำหรับเครื่องดื่มสมูทตี้ หรือเลือกเป็น กล่องอาหารที่ทำจากชานอ้อย และย่อยสลายได้ตามธรรมชาติก็ได้ จากประเภทของวัสดุกล่องใส่อาหารที่เราได้ยกตัวอย่างมานี้ เราเชื่อว่า Food Packaging ที่ย่อยสลายทางชีวภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม จะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดของร้านอาหาร ซึ่งแม้จะมีราคาสูงขึ้นมาหน่อย แต่ก็คุ้มค่ากับการลงทุน แล้วอีกอย่างก็มีลูกค้าจำนวนไม่น้อยที่พร้อมจะสนับสนุนและเต็มใจจ่ายแพงขึ้นเพื่อดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม อย่าลืมว่า เทรนด์อาหารและเครื่องดื่มในปี 2020 นี้ กระแสรักษ์โลกยังคงมาแรงอย่างต่อเนื่อง จากประเภทของวัสดุกล่องใส่อาหารที่เราได้ยกตัวอย่างมานี้ เราเชื่อว่า Food Packaging ที่ย่อยสลายทางชีวภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม จะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดของร้านอาหาร ซึ่งแม้จะมีราคาสูงขึ้นมาหน่อย แต่ก็คุ้มค่ากับการลงทุน แล้วอีกอย่างก็มีลูกค้าจำนวนไม่น้อยที่พร้อมจะสนับสนุนและเต็มใจจ่ายแพงขึ้นเพื่อดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม อย่าลืมว่า เทรนด์อาหารและเครื่องดื่มในปี 2020 นี้ กระแสรักษ์โลกยังคงมาแรงอย่างต่อเนื่อง ควรเลือกกล่องใส่อาหาร (Food Packaging) ยังไงถึงจะสะท้อนตัวตนแบรนด์และโดนใจลูกค้า ? ภาพจาก Unsplash คราวนี้มาถึงวิธีเลือกกล่องใส่อาหารกันดีกว่า เรามาดูกันเลยว่าจะเลือก Food Packaging ยังไงให้สื่อถึงตัวตนร้านและสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าที่สั่งอาหาร หรือว่าซื้อกลับไปทานบ้าน ซึ่งเราก็ได้รวบรวมมาฝากร้านอาหาร 4 ข้อด้วยกัน คือ คราวนี้มาถึงวิธีเลือกกล่องใส่อาหารกันดีกว่า เรามาดูกันเลยว่าจะเลือก Food Packaging ยังไงให้สื่อถึงตัวตนร้านและสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าที่สั่งอาหาร หรือว่าซื้อกลับไปทานบ้าน ซึ่งเราก็ได้รวบรวมมาฝากร้านอาหาร 4 ข้อด้วยกัน คือ 1. เลือกกล่องใส่อาหารและเครื่องดื่มที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อย่างที่เรากล่าวไปแล้วว่า เทรนด์แพ็คเกจจิ้งที่ย่อยสลายทางชีวภาพได้และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเป็นเทรนด์มาแรงที่ร้านอาหารต้องให้ความสำคัญในปี 2020 นี้ นั่นก็เพราะว่าลูกค้ายุคใหม่ ไม่ได้ให้ความสำคัญกับรสชาติอาหารเท่านั้น แต่ลูกค้าต้องการจ่ายเงินให้กับร้านที่มีเรื่องราว คือรู้ที่มาของอาหารแต่ละเมนู รู้จักส่วนผสม และขั้นตอนการทำ อย่างที่เรากล่าวไปแล้วว่า เทรนด์แพ็คเกจจิ้งที่ย่อยสลายทางชีวภาพได้และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเป็นเทรนด์มาแรงที่ร้านอาหารต้องให้ความสำคัญในปี 2020 นี้ นั่นก็เพราะว่าลูกค้ายุคใหม่ ไม่ได้ให้ความสำคัญกับรสชาติอาหารเท่านั้น แต่ลูกค้าต้องการจ่ายเงินให้กับร้านที่มีเรื่องราว คือรู้ที่มาของอาหารแต่ละเมนู รู้จักส่วนผสม และขั้นตอนการทำ นอกจากนี้ลูกค้ายังให้คุณค่าและใส่ใจสิ่งรอบตัวมากขึ้น ทั้งยังส่งเสริมร้านอาหารที่คืนประโยชน์กลับสู่สังคม ดังนั้นการเลือกใช้กล่องใส่อาหารอย่างชาญฉลาด โดยเลือกแพ็คเกจจิ้งที่ย่อยสลายได้ง่ายและไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม จึงเป็นทางเลือกของร้านอาหารในยุคนี้และต่อไปในอนาคต นอกจากนี้ลูกค้ายังให้คุณค่าและใส่ใจสิ่งรอบตัวมากขึ้น ทั้งยังส่งเสริมร้านอาหารที่คืนประโยชน์กลับสู่สังคม ดังนั้นการเลือกใช้กล่องใส่อาหารอย่างชาญฉลาด โดยเลือกแพ็คเกจจิ้งที่ย่อยสลายได้ง่ายและไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม จึงเป็นทางเลือกของร้านอาหารในยุคนี้และต่อไปในอนาคต 2. เลือกใช้แพ็คเกจจิ้งสไตล์มินิมอล ไม่ว่าจะยุคสมัยไหน ดีไซน์ที่เรียบง่ายก็ยังครองใจลูกค้าร้านอาหารและร้านอื่น ๆ ได้เป็นอย่างดีเสมอมา เพราะบางทีกล่องที่เต็มไปด้วยลวดลายหรือตกแต่งด้วยอะไรที่ไม่จำเป็น มีแต่จะทำให้อาหารของคุณน่าทานน้อยลง และลูกค้าก็อาจจะไม่ปลื้มหรือสั่งอาหารเดลิเวอรี่ร้านคุณอีกเลยก็ได้ ในทางกลับกันกล่องใส่อาหารสไตล์มินิมอลมีแต่จะส่งผลดีต่อร้านอาหารคุณ เพราะว่า . . . ไม่ว่าจะยุคสมัยไหน ดีไซน์ที่เรียบง่ายก็ยังครองใจลูกค้าร้านอาหารและร้านอื่น ๆ ได้เป็นอย่างดีเสมอมา เพราะบางทีกล่องที่เต็มไปด้วยลวดลายหรือตกแต่งด้วยอะไรที่ไม่จำเป็น มีแต่จะทำให้อาหารของคุณน่าทานน้อยลง และลูกค้าก็อาจจะไม่ปลื้มหรือสั่งอาหารเดลิเวอรี่ร้านคุณอีกเลยก็ได้ ในทางกลับกันกล่องใส่อาหารสไตล์มินิมอลมีแต่จะส่งผลดีต่อร้านอาหารคุณ เพราะว่า . . . กล่องอาหารหรือเครื่องดื่มสไตล์มินิมอล เป็นดีไซน์ที่ไม่เน้นขายหรือทำการตลาดมากเกินไป เป็นการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ไม่สิ้นเปลือง ประหยัด และส่วนใหญ่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ช่วยให้ร้านหรือแบรนด์มีภาพลักษณ์ที่ดีและสร้างมูลค่าให้กับอาหาร ร้านจึงเรียบหรูดูแพง และคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายมากขึ้นในสายตาลูกค้า ด้วยดีไซน์ที่เรียบง่ายและไม่ตกแต่งกล่องอาหารจนเกินงาม ทำให้ร้านของคุณสามารถสื่อสารกับลูกค้าร้านอาหารและสื่อถึงคีย์เมสเสจ (Key Message) ได้ดียิ่งขึ้น ทำให้ลูกค้าตระหนักและรับรู้เรื่องราวของแบรนด์ได้ดียิ่งขึ้น ดังนั้นถ้าอยากได้เปรียบคู่แข่งร้านอาหารอื่น ๆ อย่าลืมใส่ข้อมูลและดีไซน์กราฟิกที่สอดคล้องกับตัวตนร้านมากที่สุด 3. เลือกกล่องที่เขียน/ใส่ข้อความถึงลูกค้าได้ หลายแบรนด์ดังเลือกที่จะใส่ข้อความอินเทรนด์หรือข้อความที่เจาะจงเฉพาะกลุ่มลูกค้าเพื่อสร้างความประทับใจ ซึ่งก็ถือว่าได้ผลดีและมีประสิทธิภาพมาก ๆ อย่างโค้ก หรือ Coca-Cola แบรนด์เครื่องดื่มน้ำอัดลมชื่อดังก็ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก เพราะมักจะมีข้อความข้างกระป๋องหรือขวดไว้เรียกลูกค้า ทั้ง แชร์โค้ก แชร์ความรู้สึกว้าว, ส่งโค้กให้แม่ และส่งโค้กให้คิมจองฮุน เป็นต้น หลายแบรนด์ดังเลือกที่จะใส่ข้อความอินเทรนด์หรือข้อความที่เจาะจงเฉพาะกลุ่มลูกค้าเพื่อสร้างความประทับใจ ซึ่งก็ถือว่าได้ผลดีและมีประสิทธิภาพมาก ๆ อย่างโค้ก หรือ Coca-Cola แบรนด์เครื่องดื่มน้ำอัดลมชื่อดังก็ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก เพราะมักจะมีข้อความข้างกระป๋องหรือขวดไว้เรียกลูกค้า ทั้ง แชร์โค้ก แชร์ความรู้สึกว้าว, ส่งโค้กให้แม่ และส่งโค้กให้คิมจองฮุน เป็นต้น ดังนั้นในฐานะร้านอาหาร คุณสามารถปรับกลยุทธ์นี้ใช้ร้านเมื่อลูกค้าสั่งอาหารและเครื่องดื่มได้ อาจจะเขียนชื่อลูกค้าพร้อมข้อความขอบคุณที่ลูกค้าสั่งอาหาร หรือปริ้นต์ข้อความที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกพิเศษก็ได้ แล้วลูกค้าจะติดใจและกลับมาสั่งอาหารกับเครื่องดื่มของร้านอีกบ่อย ๆ แน่นอน ! ดังนั้นในฐานะร้านอาหาร คุณสามารถปรับกลยุทธ์นี้ใช้ร้านเมื่อลูกค้าสั่งอาหารและเครื่องดื่มได้ อาจจะเขียนชื่อลูกค้าพร้อมข้อความขอบคุณที่ลูกค้าสั่งอาหาร หรือปริ้นต์ข้อความที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกพิเศษก็ได้ แล้วลูกค้าจะติดใจและกลับมาสั่งอาหารกับเครื่องดื่มของร้านอีกบ่อย ๆ แน่นอน ! 4. เลือกแพ็คเกจจิ้งที่สะดวกสบาย ไม่ยุ่งยาก ร้านอาหารควรให้ความสำคัญในเรื่องความสะดวกสบายของลูกค้าเป็นอันดับต้น ๆ เพราะลูกค้ายุคปัจจุบันมีไลฟ์สไตล์ที่ค่อนข้างยุ่งยากอยู่แล้ว เมื่อลูกค้าซื้ออาหารกลับบ้าน หรือว่าสั่งอาหารออนไลน์ นั่นหมายความว่าพวกเขาไม่อยากเสียเวลาทำอาหารหรือล้างจาน ร้านอาหารควรให้ความสำคัญในเรื่องความสะดวกสบายของลูกค้าเป็นอันดับต้น ๆ เพราะลูกค้ายุคปัจจุบันมีไลฟ์สไตล์ที่ค่อนข้างยุ่งยากอยู่แล้ว เมื่อลูกค้าซื้ออาหารกลับบ้าน หรือว่าสั่งอาหารออนไลน์ นั่นหมายความว่าพวกเขาไม่อยากเสียเวลาทำอาหารหรือล้างจาน คุณจึงควรเลือกกล่องใส่อาหารที่สะดวกสบายและดีต่อใจลูกค้า คือ น้ำหนักเบา หิ้ว/ถือง่าย ปิดได้ รักษาอาหารได้ดี แม้ทานไม่หมด เช่น ถ้าคุณเปิดร้านก๋วยเตี๋ยว ด้านบนของกล่องก็ควรจะมีหูหิ้วให้ลูกค้าหยิบจับสะดวกและแยกน้ำซุป เส้นจะได้ไม่อืดก่อนถึงเวลากิน คุณจึงควรเลือกกล่องใส่อาหารที่สะดวกสบายและดีต่อใจลูกค้า คือ น้ำหนักเบา หิ้ว/ถือง่าย ปิดได้ รักษาอาหารได้ดี แม้ทานไม่หมด เช่น ถ้าคุณเปิดร้านก๋วยเตี๋ยว ด้านบนของกล่องก็ควรจะมีหูหิ้วให้ลูกค้าหยิบจับสะดวกและแยกน้ำซุป เส้นจะได้ไม่อืดก่อนถึงเวลากิน 10 ไอเดียกล่องใส่อาหาร (Food Packaging) สุดเก๋ที่จะทำให้ร้านอาหารเรียกลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น คราวนี้มาดูกันดีกว่าว่ามีแพ็คเกจจิ้งหรือกล่องใส่อาหารสไตล์ไหนน่าสนใจบ้าง โดยเรามี 10 ไอเดียมานำเสนอเพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้กับร้านอาหาร ดังนี้ :- คราวนี้มาดูกันดีกว่าว่ามีแพ็คเกจจิ้งหรือกล่องใส่อาหารสไตล์ไหนน่าสนใจบ้าง โดยเรามี 10 ไอเดียมานำเสนอเพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้กับร้านอาหาร ดังนี้ :- 1. กล่องใส่ข้าว ภาพจาก 1 และ 2 จาก Pinterest 2. กล่องใส่สลัด ภาพจาก 1 และ 2 จาก Pinterest 3. กล่องใส่อาหารฟาสต์ฟู้ด ภาพที่ 1 จาก Pinterest, ภาพที่ 2 จาก Envato Element 4. กล่องใส่อาหารประเภทผัดเส้น ภาพที่ 1 และ 2 จาก Pinterest 5. กล่องใส่ซูชิ ภาพที่ 1 และ 2 จาก Pinterest 6. กล่องใส่ไอศกรีม ภาพที่ 1 และ 2 จาก Pinterest 7. กล่องใส่ขนมและเบเกอรี่ ภาพที่ 1 และ 2 จาก Pinterest 8. แพ็คเกจจิ้งกาแฟ ภาพที่ 1 และ 2 จาก Pinterest 9. แพ็คเกจจิ้งชาไข่มุก ภาพที่ 1 และ 2 จาก Pinterest 10. แพ็คเกจจิ้งน้ำผลไม้เพื่อสุขภาพ ภาพที่ 1 และ 2 จาก Pinterest และทั้งหมดนี้ก็คือวิธีเลือกกล่องใส่อาหารและไอเดีย Food Packaging ที่เรานำมาฝาก หากใครมีไอเดียเพิ่มเติม หรือต้องการนำเสนอเคล็ดลับในการเลือกแพ็คเกจจิ้งอาหารสำหรับเดลิเวอรี่และซื้อกลับบ้าน สามารถคอมเมนต์ใต้บล็อกเพื่อแชร์กับเราได้เลยนะคะ ขอย้ำอีกทีว่า ควรเลือกกล่องที่มีดีไซน์เข้ากับร้านหรือแบรนด์ของคุณ แล้วดีไซน์ ข้อความ หรือว่าข้อมูลบนกล่องต้องตรงประเด็นที่ร้านต้องการสื่อสารกับลูกค้าค่ะ และทั้งหมดนี้ก็คือวิธีเลือกกล่องใส่อาหารและไอเดีย Food Packaging ที่เรานำมาฝาก หากใครมีไอเดียเพิ่มเติม หรือต้องการนำเสนอเคล็ดลับในการเลือกแพ็คเกจจิ้งอาหารสำหรับเดลิเวอรี่และซื้อกลับบ้าน สามารถคอมเมนต์ใต้บล็อกเพื่อแชร์กับเราได้เลยนะคะ ขอย้ำอีกทีว่า ควรเลือกกล่องที่มีดีไซน์เข้ากับร้านหรือแบรนด์ของคุณ แล้วดีไซน์ ข้อความ หรือว่าข้อมูลบนกล่องต้องตรงประเด็นที่ร้านต้องการสื่อสารกับลูกค้าค่ะ เข้าถึงลูกค้าร้านอาหารและส่งตรงความอร่อยง่ายขึ้น ด้วย Beep Delivery จากสโตร์ฮับ Beep Delivery คลิกที่นี่เพื่อดูว่าสโตร์ฮับสามารถช่วยคุณจัดการร้านอาหารได้อย่างไร คลิกที่นี่ | ร้านอาหารควรให้ความสำคัญในเรื่องความสะดวกสบายของลูกค้าเป็นอันดับต้น ๆ เพราะลูกค้ายุคปัจจุบันมีไลฟ์สไตล์ที่ค่อนข้างยุ่งยากอยู่แล้ว เมื่อลูกค้าซื้ออาหารกลับบ้าน หรือว่าสั่งอาหารออนไลน์ นั่นหมายความว่าพวกเขาไม่อยากเสียเวลาทำอาหารหรือล้างจาน
จึงควรเลือกกล่องใส่อาหารที่สะดวกสบายและดีต่อใจลูกค้า คือ น้ำหนักเบา หิ้ว/ถือง่าย ปิดได้ รักษาอาหารได้ดี แม้ทานไม่หมด เช่น ถ้าเปิดร้านก๋วยเตี๋ยว ด้านบนของกล่องก็ควรจะมีหูหิ้วให้ลูกค้าหยิบจับสะดวกและแยกน้ำซุป เส้นจะได้ไม่อืดก่อนถึงเวลากิน | null | Closed QA | cc-by-nc-4.0 |
Retail_51326 | Retail | ระบบ POS หรือระบบจัดการร้าน คือ ตัวช่วยที่ดีที่สุดในการคำนวณต้นทุนสินค้าให้แม่นยำ เพื่ออะไร | กำจัดจุดอ่อน COVID-19 กับ 5 วิธีเพิ่มยอดขายร้านค้า และร้านอาหาร ต้องยอมรับว่า COVID-19 ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของไทยเราเป็นอย่างมาก แล้วก็เป็นผลกระทบในรูปแบบโดมิโน่เสียด้วย เพราะนอกจากธุรกิจท่องเที่ยวและธุรกิจนำเข้า–ส่งออกที่ซบเซาอย่างเห็นได้ชัดแล้ว ธุรกิจค้าปลีกและร้านอาหารก็เจ็บตัวไม่แพ้กัน ต้องยอมรับว่า COVID-19 ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของไทยเราเป็นอย่างมาก แล้วก็เป็นผลกระทบในรูปแบบโดมิโน่เสียด้วย เพราะนอกจากธุรกิจท่องเที่ยวและธุรกิจนำเข้า – ส่งออกที่ซบเซาอย่างเห็นได้ชัดแล้ว ธุรกิจค้าปลีกและร้านอาหารก็เจ็บตัวไม่แพ้กัน ที่เห็นได้ชัดเลยก็คือ ลูกค้าเดินห้างน้อยลง ผู้คนบนท้องถนนบางตา และบางบริษัทก็ให้พนักงานทำงานที่บ้าน (work from home) เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อโควิด-19 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ที่เห็นได้ชัดเลยก็คือ ลูกค้าเดินห้างน้อยลง ผู้คนบนท้องถนนบางตา และบางบริษัทก็ให้พนักงานทำงานที่บ้าน (work from home) เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อโควิด -19 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าของธุรกิจค้าปลีกและร้านอาหารต่างก็ต้องมองหาวิถีทางปรับตัวกันยกใหญ่ หลายคนเลือกที่จะหยุดให้บริการ หลายคนเลือกที่ปลดพนักงานเพื่อให้มีเงินหมุนเวียนร้านมากที่สุด และหลายคนก็เกือบจะถอดใจปิดร้านแบบถาวรไปเลยก็มี เมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าของธุรกิจค้าปลีกและร้านอาหารต่างก็ต้องมองหาวิถีทางปรับตัวกันยกใหญ่ หลายคนเลือกที่จะหยุดให้บริการ หลายคนเลือกที่ปลดพนักงานเพื่อให้มีเงินหมุนเวียนร้านมากที่สุด และหลายคนก็เกือบจะถอดใจปิดร้านแบบถาวรไปเลยก็มี แต่ ! ! ! คุณไม่จำเป็นต้องทำถึงขั้นนั้น เพราะคุณสามารถรับมือกับวิกฤต COVID-19 นี้ได้ง่าย ๆ ด้วย 5 วิธีเพิ่มยอดขายในช่วงนี้ได้ ซึ่งก็คือ . . . แต่ ! ! ! คุณไม่จำเป็นต้องทำถึงขั้นนั้น เพราะคุณสามารถรับมือกับวิกฤต COVID-19 นี้ได้ง่าย ๆ ด้วย 5 วิธี เพิ่มยอดขายในช่วงนี้ได้ ซึ่งก็คือ . . . 1. ขายออนไลน์ ภาพจาก Freepik สำหรับผู้ประกอบการและเจ้าของธุรกิจขายของชำ ของใช้จำเป็น หรือสินค้าอุปโภคบริโภค ผลกระทบน่าจะไม่รุนแรงเท่าร้านค้าปลีกอย่างร้านขายเสื้อผ้าแฟชั่น แต่ถ้าหันมาขายออนไลน์ ยอดขายร้านก็จะมีแต่พุ่งกับพุ่ง เพราะในช่วงวิกฤตโควิด-19 อย่างนี้ ใคร ๆ ก็กลัวที่จะออกบ้าน อีกอย่างยังมีการรายงานอีกว่าเชื้อ COVID-19 สามารถอยู่บนธนบัตรได้หลายวัน สำหรับผู้ประกอบการและเจ้าของธุรกิจขายของชำ ของใช้จำเป็น หรือสินค้าอุปโภคบริโภค ผลกระทบน่าจะไม่รุนแรงเท่าร้านค้าปลีกอย่างร้านขายเสื้อผ้าแฟชั่น แต่ถ้าหันมาขายออนไลน์ ยอดขายร้านก็จะมีแต่พุ่งกับพุ่ง เพราะในช่วงวิกฤตโควิด -19 อย่างนี้ ใคร ๆ ก็กลัวที่จะออกบ้าน อีกอย่างยังมีการรายงานอีกว่า เชื้อ COVID-19 สามารถอยู่บนธนบัตรได้หลายวัน ดังนั้นการหันมาขายออนไลน์ที่รองรับการจ่ายเงินดิจิตอล อี เพย์เมนต์ และการโอนเงินออนไลน์ต่าง ๆ นี่เอง ที่จะเป็นตัวแปรสำคัญในการขับเคลื่อนร้านของคุณ และยิ่งจำนวนเคสผู้ติดเชื้อโคโรน่าไวรัสยังคงเพิ่มขึ้นเช่นนี้ ยอดขายออนไลน์ก็ยิ่งมีแนวโน้มเติบโตแบบก้าวกระโดดแน่นอน ดังนั้นการหันมาขายออนไลน์ที่รองรับการจ่ายเงินดิจิตอล อี เพย์เมนต์ และการโอนเงินออนไลน์ต่าง ๆ นี่เอง ที่จะเป็นตัวแปรสำคัญในการขับเคลื่อนร้านของคุณ และยิ่งจำนวนเคสผู้ติดเชื้อโคโรน่าไวรัสยังคงเพิ่มขึ้นเช่นนี้ ยอดขายออนไลน์ก็ยิ่งมีแนวโน้มเติบโตแบบก้าวกระโดดแน่นอน และที่สะดวกสบายยิ่งว่าคือ เมื่อเว็บไซต์ขายของออนไลน์ ลูกค้าของคุณก็สามารถเข้าถึงสินค้าและบริการของร้านได้ตลอดเวลา ! แถมคุณยังไม่ต้องนั่งรอลูกค้าเข้าร้านและเสี่ยงกับเชื้อโคโรน่าไวรัสอีกต่างหาก เพราะฉะนั้นทำไมไม่ลองเปิดร้านค้าออนไลน์กันดูล่ะ ? และที่สะดวกสบายยิ่งว่าคือ เมื่อเว็บไซต์ขายของออนไลน์ ลูกค้าของคุณก็สามารถเข้าถึงสินค้าและบริการของร้านได้ตลอดเวลา ! แถมคุณยังไม่ต้องนั่งรอลูกค้าเข้าร้านและเสี่ยงกับเชื้อโคโรน่าไวรัสอีกต่างหาก เพราะฉะนั้นทำไมไม่ลองเปิดร้านค้าออนไลน์กันดูล่ะ ? เมื่อมีร้านค้าออนไลน์เป็นของคุณเองแล้ว คุณจะวางใจได้ในเรื่องของการพยุงยอดขายร้าน เผลอ ๆ อาจมีรายได้มากกว่าเมื่อก่อนก็ได้ เมื่อมีร้านค้าออนไลน์เป็นของคุณเองแล้ว คุณจะวางใจได้ในเรื่องของการพยุงยอดขายร้าน เผลอ ๆ อาจมีรายได้มากกว่าเมื่อก่อนก็ได้ หรือถ้าใครกำลังเล็งขายตามมาร์เก็ตเพลส (Market Place) อย่าง Lazada, Shopee หรือ Facebook ก็ต้องดูค่าธรรมเนียมหน่อยว่าได้คุ้มเสียหรือเปล่า และแต่ละที่จัดลำดับร้าน หรือเลือกแสดงสินค้ายังไง เพราะตามหลักการแล้ว อย่าง Lazada กับ Shopee ก็จะโชว์สินค้าร้านดัง ๆ และน่าเชื่อถือเท่านั้น ส่วนโอกาสที่สินค้าของร้านเล็ก ๆ จะแสดงบนหน้าแรก ๆ ก็อาจจะยากหน่อย ยังไงมีเว็บไซต์เป็นของตัวเองที่คุณสามารถออกแบบและควบคุมทุกอย่างเองได้ก็ดีกว่าแน่นอน หรือถ้าใครกำลังเล็งขายตามมาร์เก็ตเพลส (Market Place) อย่าง Lazada, Shopee หรือ Facebook ก็ต้องดูค่าธรรมเนียมหน่อยว่าได้คุ้มเสียหรือเปล่า และแต่ละที่จัดลำดับร้าน หรือเลือกแสดงสินค้ายังไง เพราะตามหลักการแล้ว อย่าง Lazada กับ Shopee ก็จะโชว์สินค้าร้านดัง ๆ และน่าเชื่อถือเท่านั้น ส่วนโอกาสที่สินค้าของร้านเล็ก ๆ จะแสดงบนหน้าแรก ๆ ก็อาจจะยากหน่อย ยังไงมีเว็บไซต์เป็นของตัวเองที่คุณสามารถออกแบบและควบคุมทุกอย่างเองได้ก็ดีกว่าแน่นอน 2. ฟู้ด เดลิเวอรี (Food Delivery) ภาพจาก Pixabay Social Distancing หรือ การเว้นระยะห่างทางสังคม ทำให้บริการฟู้ด เดลิเวอรี (food delivery) กลายเป็นขวัญใจของเจ้าของร้านอาหารและลูกค้าในช่วงวิกฤต COVID-19 Social Distancing หรือ การเว้นระยะห่างทางสังคม ทำให้บริการฟู้ด เดลิเวอรี (food delivery) กลายเป็นขวัญใจของเจ้าของร้านอาหารและลูกค้าในช่วงวิกฤต COVID-19 เพราะแม้หลายร้านจะกันมาสรรสร้างเมนูอาหารจานเดี่ยวเพื่อช่วยลดการสัมผัส เปิดโอกาสให้ลูกค้าซื้อกลับบ้าน (take away) หรือลดราคาอาหารเพื่อเรียกลูกค้า แต่ก็ดูเหมือนว่าวิธีนี้ยังไม่สามารถเรียกยอดขายได้อย่างเต็มที่ นั่นก็เพราะลูกค้าหลายคนไม่มั่นใจและยังกลัวที่จะออกมาเผชิญเชื้อโคโรน่าไวรัสนอกบ้านอยู่ดี ยิ่งช่วงนี้หามาส์กและเจลล้างมือยากแล้ว ลูกค้ายิ่งไม่อยากออกไปไหน เพราะแม้หลายร้านจะกันมาสรรสร้างเมนูอาหารจานเดี่ยวเพื่อช่วยลดการสัมผัส เปิดโอกาสให้ลูกค้าซื้อกลับบ้าน (take away) หรือลดราคาอาหารเพื่อเรียกลูกค้า แต่ก็ดูเหมือนว่าวิธีนี้ยังไม่สามารถเรียกยอดขายได้อย่างเต็มที่ นั่นก็เพราะลูกค้าหลายคนไม่มั่นใจและยังกลัวที่จะออกมาเผชิญเชื้อโคโรน่าไวรัสนอกบ้านอยู่ดี ยิ่งช่วงนี้หามาส์กและเจลล้างมือยากแล้ว ลูกค้ายิ่งไม่อยากออกไปไหน อย่างไรก็ตามต้องขอบคุณเทคโนโลยีที่เข้ามามีบทบาทและทำให้ชีวิตของเราง่ายขึ้น เพราะปัจจุบันมีแอพสั่งอาหาร food delivery มากมายที่ร้านอาหารสามารถฝากขาย และให้ลูกค้าสั่งอาหารออนไลน์มาทานได้ง่าย ๆ ที่บ้าน เช่น LINE MAN, GrabFood, Foodpanda และ Get Food เป็นต้น ซึ่งแต่จะแอพจะมีอัตราค่าธรรมเนียมที่แตกต่างกันออกไป หากใครคิดจะใช้บริการก็ต้องศึกษาข้อมูลและเปรียบเทียบข้อดี–ข้อเสียให้ดี ๆ อย่างไรก็ตามต้องขอบคุณเทคโนโลยีที่เข้ามามีบทบาทและทำให้ชีวิตของเราง่ายขึ้น เพราะปัจจุบันมีแอพสั่งอาหาร food delivery มากมายที่ร้านอาหารสามารถฝากขาย และให้ลูกค้าสั่งอาหารออนไลน์มาทานได้ง่าย ๆ ที่บ้าน เช่น LINE MAN, GrabFood, Foodpanda และ Get Food เป็นต้น ซึ่งแต่จะแอพจะมีอัตราค่าธรรมเนียมที่แตกต่างกันออกไป หากใครคิดจะใช้บริการก็ต้องศึกษาข้อมูลและเปรียบเทียบข้อดี – ข้อเสียให้ดี ๆ นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยให้ร้านอาหารของคุณไม่เงียบหายไปจากสายตาลูกค้าประจำ ซึ่งก็คือ มีบริการส่งอาหารเป็นของคุณเอง ลองใช้เครื่องคิดเงินหรือระบบ POS อย่างสโตร์ฮับที่มีฟีเจอร์ CRM ช่วยเก็บข้อมูลลูกค้าเพื่อบอกต่อข่าวสารดี ๆ และแจ้งลูกค้าเรื่องบริการส่งอาหารของร้าน ซึ่งระหว่างนี้ก็อาจจะส่งกันเองไปก่อน เมื่อลูกค้าเยอะขึ้นก็ค่อยมองหาช่องทางขยับขยายต่อไป เท่านี้ก็จะเพิ่มยอดขายร้านอาหารได้แล้ว นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยให้ร้านอาหารของคุณไม่เงียบหายไปจากสายตาลูกค้าประจำ ซึ่งก็คือ มีบริการส่งอาหารเป็นของคุณเอง ลองใช้เครื่องคิดเงินหรือระบบ POS อย่างสโตร์ฮับ ที่มีฟีเจอร์ CRM ช่วยเก็บข้อมูลลูกค้าเพื่อบอกต่อข่าวสารดี ๆ และแจ้งลูกค้าเรื่องบริการส่งอาหารของร้าน ซึ่งระหว่างนี้ก็อาจจะส่งกันเองไปก่อน เมื่อลูกค้าเยอะขึ้นก็ค่อยมองหาช่องทางขยับขยายต่อไป เท่านี้ก็จะเพิ่มยอดขายร้านอาหารได้แล้ว ล่าสุด สโตร์ฮับได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ที่ชื่อว่า Beep Delivery เพื่อออกมาช่วยเหลือร้านอาหาร ให้ร้านมีเดลิเวอรี่เป็นของตัวเอง ทั้งยังมีพาร์ทเนอร์ขนส่งแถวหน้าของไทยคอยส่งตรงความอร่อยไปยังลูกค้า เพราะเราต้องการ #Saveร้านอาหาร อย่างแท้จริง คุณจึงเพิ่มรายได้ให้กับร้านอาหารของคุณได้ง่ายแม้จะมีวิกฤต COVID-19 (เผลอ ๆ อาจจะขายดีกว่าแต่ก่อนที่จะมีไวรัสโคโรน่าเข้ามาอีกด้วยนะ !) ล่าสุด สโตร์ฮับได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ที่ชื่อว่า Beep Delivery เพื่อออกมาช่วยเหลือร้านอาหาร ให้ร้านมีเดลิเวอรี่เป็นของตัวเอง ทั้งยังมีพาร์ทเนอร์ขนส่งแถวหน้าของไทยคอยส่งตรงความอร่อยไปยังลูกค้า เพราะเราต้องการ #Saveร้านอาหาร อย่างแท้จริง คุณจึงเพิ่มรายได้ให้กับร้านอาหารของคุณได้ง่ายแม้จะมีวิกฤต COVID-19 (เผลอ ๆ อาจจะขายดีกว่าแต่ก่อนที่จะมีไวรัสโคโรน่าเข้ามาอีกด้วยนะ !) 3. ประหยัดต้นทุนให้ได้มากที่สุด ภาพจาก Freepik คำนวณต้นทุนสินค้าให้แม่นยำเพื่อลดต้นทุนและค่าใช้จ่ายในร้านให้ได้มากยิ่งสุด ซึ่งแน่นอนว่าระบบ POS หรือระบบจัดการร้านคือตัวช่วยที่ดีที่สุดในข้อนี้ เพราะระบบหลังบ้านจะบอกข้อมูลและคำนวณรายรับ–รายจ่ายของร้านได้อย่างละเอียด สามารถบอกได้ว่าวันนี้สินค้าขายไปกี่ชิ้น ต้องเติมสินค้าไหนบ้าง ยิ่งเป็นสินค้าขายดียิ่งต้องมีข้อมูลที่แม่นยำเพื่อจะได้ไม่พลาดโอกาสในการขาย คำนวณต้นทุนสินค้าให้แม่นยำเพื่อลดต้นทุนและค่าใช้จ่ายในร้านให้ได้มากยิ่งสุด ซึ่งแน่นอนว่าระบบ POS หรือระบบจัดการร้านคือตัวช่วยที่ดีที่สุดในข้อนี้ เพราะระบบหลังบ้านจะบอกข้อมูลและคำนวณรายรับ – รายจ่ายของร้านได้อย่างละเอียด สามารถบอกได้ว่าวันนี้สินค้าขายไปกี่ชิ้น ต้องเติมสินค้าไหนบ้าง ยิ่งเป็นสินค้าขายดียิ่งต้องมีข้อมูลที่แม่นยำเพื่อจะได้ไม่พลาดโอกาสในการขาย หรืออย่างร้านอาหารที่ต้องใช้ส่วนประกอบหรือวัตถุดิบ ฟีเจอร์ติดตามสต๊อกแบบแยกส่วนจะช่วยให้คุณคาดการณ์ความต้องการของลูกค้าได้เป็นอย่างดี ช่วยให้คุณไม่เสียเงินไปกับวัตถุดิบหรือสั่งสินค้ามาเยอะเกินไป ช่วยป้องกันสินค้าเน่าเสีย ทั้งยังช่วยให้คุณนำเงินในส่วนนี้ไปวางแผนโปรโมทร้านพร้อมกับดูแลร้านในส่วนอื่น ๆ ต่อไปได้ หรืออย่างร้านอาหารที่ต้องใช้ส่วนประกอบหรือวัตถุดิบ ฟีเจอร์ติดตามสต๊อกแบบแยกส่วนจะช่วยให้คุณคาดการณ์ความต้องการของลูกค้าได้เป็นอย่างดี ช่วยให้คุณไม่เสียเงินไปกับวัตถุดิบหรือสั่งสินค้ามาเยอะเกินไป ช่วยป้องกันสินค้าเน่าเสีย ทั้งยังช่วยให้คุณนำเงินในส่วนนี้ไปวางแผนโปรโมทร้านพร้อมกับดูแลร้านในส่วนอื่น ๆ ต่อไปได้ 4. จัดโปรโมชั่นกระตุ้นลูกค้า ภาพจาก Pixabay ห้างสรรพสินค้าชื่อดังต่างก็ปรับตัวสู้กับ COVID-19 เพื่อหวังกระตุ้นยอดขายจากลูกค้า โดยมีแคมเปญโปรโมชั่นสำหรับขาช้อปออนไลน์โดยเฉพาะ อย่างเซ็นทรัลก็จัดโปรโมชั่นสู้โควิด-19 Central Hot Price Hot Deal เพื่อพัฒนาค้าปลีกสู่ออมนิชานแนล (Omnichannel) รวมออนไลน์และออฟไลน์เข้าด้วยกันเพื่อหวังฝ่าวิกฤตโควิด-19 ไปให้ได้ โดยโปรโมชั่นก็จะมีทั้งซื้อ 1 แถม 1 ลดราคาพิเศษ หรือแลกรับส่วนลดเพิ่มเติม 12.5% เมื่อใช้พ้อยท์บัตร The 1 Card ห้างสรรพสินค้าชื่อดังต่างก็ปรับตัวสู้กับ COVID-19 เพื่อหวังกระตุ้นยอดขายจากลูกค้า โดยมีแคมเปญโปรโมชั่นสำหรับขาช้อปออนไลน์โดยเฉพาะ อย่างเซ็นทรัลก็จัดโปรโมชั่นสู้โควิด -19 Central Hot Price Hot Deal เพื่อพัฒนาค้าปลีกสู่ออมนิชานแนล (Omnichannel) รวมออนไลน์และออฟไลน์เข้าด้วยกันเพื่อหวังฝ่าวิกฤตโควิด -19 ไปให้ได้ โดยโปรโมชั่นก็จะมีทั้งซื้อ 1 แถม 1 ลดราคาพิเศษ หรือแลกรับส่วนลดเพิ่มเติม 12.5% เมื่อใช้พ้อยท์บัตร The 1 Card หรืออย่าง เดอะ มอลล์ ก็มีแคมเปญช้อป ช่วย ไทย ไทยสู้สู้! เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าออกมาใช้จ่าย ทั้งยังมีมาตรการความปลอดภัยขั้นสูงสุดสำหรับลูกค้า ซึ่งกลุ่มลูกค้าเป้ากมายที่ทาง เดอะ มอลล์ มุ่งเน้นก็จะเป็นลูกค้าสมาชิกที่มี M Card และสร้างแรงจูงใจให้ลูกค้าออกมาช้อปกันมากเป็นพิเศษในช่วงเสาร์–อาทิตย์ หรืออย่าง เดอะ มอลล์ ก็มีแคมเปญช้อป ช่วย ไทย ไทยสู้สู้ ! เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าออกมาใช้จ่าย ทั้งยังมีมาตรการความปลอดภัยขั้นสูงสุดสำหรับลูกค้า ซึ่งกลุ่มลูกค้าเป้ากมายที่ทาง เดอะ มอลล์ มุ่งเน้นก็จะเป็นลูกค้าสมาชิกที่มี M Card และสร้างแรงจูงใจให้ลูกค้าออกมาช้อปกันมากเป็นพิเศษในช่วงเสาร์ – อาทิตย์ เห็นไหมล่ะว่า นอกจากการขายของออนไลน์และวิธีอื่น ๆ แล้ว เจ้าของร้านค้าปลีกหรือแม้กระทั่งร้านอาหารเองก็ต้องไม่มองข้ามเรื่องการจัดโปรโมชั่นด้วย อย่าลืมมีโปรโมชั่นซื้อยกแพ็คราคาถูกกว่า หรือเซ็ตสินค้าราคาถูก ซึ่งในฝั่งของร้านอาหารเองก็อาจจะจัดโปรโมชั่นลดราคาเมื่อลูกค้าจับคู่ออาหารกับเครื่องดื่ม หรือแถมฟรีเครื่องดื่มสำหรับอาหารบางเมนู หรือมีอาหารเซ็ตสำหรับครอบครัว ก็ได้ เท่านี้โอกาสเพิ่มยอดขายช่วง COVID-19 เห็นไหมล่ะว่า นอกจากการขายของออนไลน์และวิธีอื่น ๆ แล้ว เจ้าของร้านค้าปลีกหรือแม้กระทั่งร้านอาหารเองก็ต้องไม่มองข้ามเรื่องการจัดโปรโมชั่นด้วย อย่าลืมมีโปรโมชั่นซื้อยกแพ็คราคาถูกกว่า หรือเซ็ตสินค้าราคาถูก ซึ่งในฝั่งของร้านอาหารเองก็อาจจะจัดโปรโมชั่นลดราคาเมื่อลูกค้าจับคู่ออาหารกับเครื่องดื่ม หรือแถมฟรีเครื่องดื่มสำหรับอาหารบางเมนู หรือมีอาหารเซ็ตสำหรับครอบครัว ก็ได้ เท่านี้โอกาสเพิ่มยอดขายช่วง COVID-19 5. เปลี่ยนพนักงานให้เป็น Influencer ภาพจาก Freepik แทนที่จะปลดพนักงานออก คุณควรแสดงแผนธุรกิจรับมือโควิด-19 ของร้าน แล้วลองทำให้พนักงานรู้สึกว่าพวกเขาก็เป็นหนึ่งในเจ้าของร้านก่อน ทำให้พวกเขารู้สึกว่าพวกเขาคือส่วนสำคัญที่จะชี้ชะตาร้าน หากทุกคนไม่ช่วยกัน ร้านค้าปลีกและร้านอาหารของคุณก็จะไปต่อยาก ดังนั้นลองขอความร่วมมือจากพนักงานทุกคนให้ช่วยโปรโมทร้านตามโซเชียลมีเดียส่วนตัวของพวกเขาเพื่อให้ร้านของคุณเป็นที่รู้จักและน่าจดจำสำหรับลูกค้าออนไลน์มากที่สุด แล้วคุณก็จะขยาย brand awareness ไปในวงกว้างขึ้น แทนที่จะปลดพนักงานออก คุณควรแสดง แผนธุรกิจรับมือโควิด -19 ของร้าน แล้วลองทำให้พนักงานรู้สึกว่าพวกเขาก็เป็นหนึ่งในเจ้าของร้านก่อน ทำให้พวกเขารู้สึกว่าพวกเขาคือส่วนสำคัญที่จะชี้ชะตาร้าน หากทุกคนไม่ช่วยกัน ร้านค้าปลีกและร้านอาหารของคุณก็จะไปต่อยาก ดังนั้นลองขอความร่วมมือจากพนักงานทุกคนให้ช่วยโปรโมทร้านตามโซเชียลมีเดียส่วนตัวของพวกเขาเพื่อให้ร้านของคุณเป็นที่รู้จักและน่าจดจำสำหรับลูกค้าออนไลน์มากที่สุด แล้วคุณก็จะขยาย brand awareness ไปในวงกว้างขึ้น แนะนำว่ารูปต้องสวยคมชัด แล้วเนื้อหาวิดีโอของคุณก็ต้องมีเรื่องราวที่น่าสนใจด้วย อย่าลืมว่านี่คือการสร้างแบรนดิ้ง (branding) ซึ่งจะประสบความสำเร็จหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับความสร้างสรรค์ที่คุณมี ดังนั้นควรให้ความรู้พนักงานในเรื่องของการโปรโมทร้านด้วย แนะนำว่ารูปต้องสวยคมชัด แล้วเนื้อหาวิดีโอของคุณก็ต้องมีเรื่องราวที่น่าสนใจด้วย อย่าลืมว่านี่คือการสร้างแบรนดิ้ง (branding) ซึ่งจะประสบความสำเร็จหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับความสร้างสรรค์ที่คุณมี ดังนั้นควรให้ความรู้พนักงานในเรื่องของการโปรโมทร้านด้วย จำไว้ว่ายิ่งคนเห็นร้านของคุณมากเท่าไหร่ และเรื่องราวของร้านคุณน่าสนใจมากเท่าไหน โอกาสที่คุณจะสร้างยอดขายก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น จำไว้ว่ายิ่งคนเห็นร้านของคุณมากเท่าไหร่ และเรื่องราวของร้านคุณน่าสนใจมากเท่าไหน โอกาสที่คุณจะสร้างยอดขายก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น สรุป หากอยากพยุงร้านและเพิ่มยอดขายร้านค้าปลีกหรือร้านอาหารของคุณในช่วงวิกฤต COVID-19 นี้ คุณต้องตามให้ทันเทรนด์ขายของออนไลน์ เกาะกระแส food delivery แล้วก็สร้างโปรโมชั่นกระตุ้นให้ลูกค้าซื้อของด้วย ที่สำคัญคุณต้องมีข้อมูลที่แม่นยำเพื่อลดค่าใช้จ่ายและนำส่วนที่เหลือไปวางแผนร้าน หรือเก็บเป็นเงินหมุนเวียนร้านต่อไปได้ นอกจากนี้ก่อนจะปลดพนักงาน คุณควรลองเปลี่ยนพนักงานให้เป็น Influencer ช่วยโปรโมทสินค้าและบริการของร้านอย่างสร้างสรรค์และน่าสนใจเพื่อให้ร้านของคุณเป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น เท่านี้คุณก็จะมีโอกาสสร้างยอดขายและใกล้ชิดกับลูกค้าของคุณมากขึ้นแล้ว เรียกว่าแม้จะมี COVID-19 ก็ไม่ทำให้ร้านของคุณสะดุดแน่นอน ! หากอยากพยุงร้านและเพิ่มยอดขายร้านค้าปลีกหรือร้านอาหารของคุณในช่วงวิกฤต COVID-19 นี้ คุณต้องตามให้ทันเทรนด์ขายของออนไลน์ เกาะกระแส food delivery แล้วก็สร้างโปรโมชั่นกระตุ้นให้ลูกค้าซื้อของด้วย ที่สำคัญคุณต้องมีข้อมูลที่แม่นยำเพื่อลดค่าใช้จ่ายและนำส่วนที่เหลือไปวางแผนร้าน หรือเก็บเป็นเงินหมุนเวียนร้านต่อไปได้ นอกจากนี้ก่อนจะปลดพนักงาน คุณควรลองเปลี่ยนพนักงานให้เป็น Influencer ช่วยโปรโมทสินค้าและบริการของร้านอย่างสร้างสรรค์และน่าสนใจเพื่อให้ร้านของคุณเป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น เท่านี้คุณก็จะมีโอกาสสร้างยอดขายและใกล้ชิดกับลูกค้าของคุณมากขึ้นแล้ว เรียกว่าแม้จะมี COVID-19 ก็ไม่ทำให้ร้านของคุณสะดุดแน่นอน ! | ระบบ POS หรือระบบจัดการร้าน คือ ตัวช่วยที่ดีที่สุดในการคำนวณต้นทุนสินค้าให้แม่นยำ เพื่อลดต้นทุนและค่าใช้จ่ายในร้านให้ได้มากยิ่งสุด เพราะระบบหลังบ้านจะบอกข้อมูลและคำนวณรายรับ–รายจ่ายของร้านได้อย่างละเอียด สามารถบอกได้ว่าวันนี้สินค้าขายไปกี่ชิ้น ต้องเติมสินค้าไหนบ้าง ยิ่งเป็นสินค้าขายดียิ่งต้องมีข้อมูลที่แม่นยำ เพื่อจะได้ไม่พลาดโอกาสในการขาย | null | Closed QA | cc-by-nc-4.0 |
Retail_51340 | Retail | เขียนย่อหน้าเกี่ยวกับ ความหมายของ New Retail | null | New Retail เป็นคำที่มาจาก แจ็ค หม่า เจ้าของ Alibaba หมายถึง การนำการค้าปลีกระหว่างแบบออฟไลน์และแบบออนไลน์มารวมเข้าด้วยกัน โดยใช้เทคโนโลยีเป็นตัวเชื่อมต่อการขายทั้งสองเข้าด้วยกัน มีจุดประสงค์เพื่อให้การค้าปลีกมีความไร้ขีดจำกัดและไม่มีเส้นแบ่งแยกระหว่างออนไลน์และออฟไลน์
บทเรียนจากย่อหน้านี้
New Retail คืออะไร เป็นค้าปลีกใหม่ที่ใหม่จริงหรือเปล่า ?
New Retail มาจากเจ้าพ่อแห่ง Alibaba ที่เรารู้จักกันดีในชื่อของ แจ็ค หม่า (Jack Ma) ซึ่งเขาคือบุคคลที่คิดค้นคำนี้และใช้ครั้งแรกในกลยุทธ์ 5 New (Five New Strategy) ของ Alibaba เพื่อเตรียมส่งต่อกิจการให้กับ แดเนียล จาง (Daniel Zhang) CEO คนปัจจุบัน ซึ่งกลยุทธ์ 5 New ที่ว่านี้ก็ได้แก่ New Retail: ค้าปลีกใหม่, New Finance: การเงินใหม่, New Manufacturing: การผลิตใหม่, New Technology: เทคโนโลยีใหม่ และNew Energy: พลังงานใหม่
โดยความหมายของคำว่า New Retail จาก Alibaba ก็คือ การนำค้าปลีกแบบออฟไลน์และออนไลน์มารวมเข้าด้วยกัน โดยใช้เทคโนโลยีเป็นตัวเชื่อมต่อการขายทั้งสองแบบนี้เข้าด้วยกัน เพื่อให้การค้าปลีกไร้ขีดจำกัดและไม่มีเส้นแบ่งแยกชัดเจนระหว่างค้าปลีกออนไลน์และออฟไลน์อีกต่อไป ซึ่งถ้าใครได้อ่านการคาดการณ์เทรนด์ค้าปลีก 2020 ของสโตร์ฮับก็จะรู้ว่า ที่จริงแล้ว คำว่า New Retail ของ Alibaba นั้นไม่ได้ใหม่เสียทีเดียว | null | Creative writing | cc-by-nc-4.0 |
Retail_51342 | Retail | ช่วยสรุปบทความ ไอเดียถ่ายรูปอาหารให้น่ากินจนลูกค้าต้องน้ำลายสอ | 1. ถ่ายด้วยแสงธรรมชาติ
ปกติแล้ว Food Blogger ทั้งหลายมักถ่ายรูปอาหารด้วยแสงธรรมชาติอยู่แล้ว หรือแม้กระทั่งช่างภาพมืออาชีพก็ต้องเรียนรู้วิธีถ่ายภาพอาหารให้ออกมาเพอร์เฟ็กต์ด้วยแสงธรรมชาติเช่นกัน ดังนั้นคุณจึงจำเป็นต้องรู้ที่จะใช้ประโยชน์จากแสงที่มีอยู่เพื่อรังสรรค์ให้ภาพอาหารและเครื่องดื่มออกมาสวยงามน่าทาน และแสงธรรมชาติที่ดีที่สุดในการถ่ายภาพอาหารก็คือ แสงตอนกลางวัน
แล้วรู้ไหมว่าต้องนั่งที่ไหนถึงจะได้แสงธรรมชาติที่สวยที่สุด ? คำตอบก็คือ ริมหน้าต่างร้านหรือประตู นั่นเอง ! เพราะพื้นที่ตรงนั้นจะมีแสงผ่าน ทำให้คุณได้มุมแสงที่สวยและดูธรรมชาติที่สุด ดังนั้นเวลาจะถ่ายรูปโปรโมทเมนูร้านอาหารของคุณ อย่าลืมพื้นที่สำคัญอย่างริมหน้าต่างหรือประตูเป็นอันขาด
2. พื้นหลังสะอาดตา
วิธีถ่ายรูปอาหารและเครื่องดื่มที่น่าสนใจอีกวิธีหนึ่งก็คือ การถ่ายรูปด้วยพื้นหลังที่สะอาดตา เพราะพื้นหลังเป็นส่วนประกอบที่สำคัญไม่แพ้ตัววัตถุ ถ้าหากพื้นหลังรกรุงรังหรือไม่เป็นระเบียบ ก็จะทำให้รูปดูไม่น่าสนใจ
เพราะฉะนั้นถ้าอยากให้รูปอาหารเครื่องดื่มของร้านคุณออกมาเก๋และดูมีศิลปะ ก็ต้องเลือกใช้พื้นหลังสะอาดตา
แต่จงจำไว้ว่า พื้นหลังสะอาดตานั้นไม่ได้หมายความว่าจะต้องเป็นพื้นหลังเปลือยเปล่าหรือไร้ซึ่งองค์ประกอบเท่านั้น เพราะคุณสามารถเลือกใช้พร็อบในการถ่ายรูป เพื่อจัดองค์ประกอบภาพอาหารอาหารดูดีและสมบูรณ์ขึ้นได้ เช่น ถ้าถ่ายรูปเค้กสตรอเบอร์รี่ ก็สามารถใช้เค้กแบบเดียวกันหรือสีเดียวกันมาเป็นองค์ประกอบพื้นหลังได้ แต่อย่าลืมเบลอพื้นหลังด้วยนะคะ ภาพเค้กที่คุณต้องการเน้นจะได้ดูน่ากินมากขึ้น
แล้วก็อย่าลืมว่า อาหารสีเข้ม คู่กับ พื้นหลังสีเข้ม และ อาหารสีอ่อน ๆ ก็คู่กับ พื้นหลังสีอ่อน ๆ เรียกง่าย ๆ ก็คือ ถ้าอาหารเป็นโทนสีไหนก็ให้เลือกพื้นหลังโทนสีนั้น
เท่านี้ภาพอาหารและเครื่องดื่มที่ได้ก็จะดูโดดเด่นสะดุดตามากยิ่งขึ้นแล้ว !
3. เล่นสี
ไม่ว่าคุณจะถ่ายรูปอาหารลงไอจี, เฟสบุ๊ค, ไลน์ หรือว่าเว็บไซต์ การจัดสีของภาพหรือว่าการแต่งจานจะดึงดูดลูกค้าได้ดีที่สุด แล้วสีแต่ละสีก็จะก่อให้เกิดอารมณ์และความรู้สึกที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้นในฐานะเจ้าของร้าน คุณจะต้องเข้าใจวิธีการใช้สีของรูปอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสื่อสารถึงเรื่องราวของแต่ละเมนู ให้ลูกค้าที่เห็นรูปอาหารรู้สึกอยากกินและมาที่ร้านทันที
การจัดองค์ประกอบภาพอาหารด้วยสีโทนร้อนและเย็นจะช่วยให้ภาพออกมาสวยน่ากินเป็นอย่างมาก ยิ่งเป็นสีส้มกับน้ำเงินหรือฟ้าแล้ว ยิ่งเข้ากันสุด ๆ โดยคุณสามารถใช้เทคนิคนี้กับภาพของหวานอย่างเบเกอรี่ เค้ก หรือว่าพาย
และรูปอาหารแนวสดใสโปร่งสบายกับแนวเข้มโทนอุ่น ก็เป็นอีก 2 เทคนิคถ่ายรูปอาหารและเครื่องดื่มง่าย ๆ ที่สามารถดึงดูดความสนใจของลูกค้าได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้สีแนวคอนทราสต์ก็ทำให้อาหารดูน่ากินเช่นกัน ลองดูว่าเทคนิคไหนเหมาะกับทักษะการถ่ายภาพคุณและโทนสีไหน | 1. ถ่ายด้วยแสงธรรมชาติ
Food Blogger ควรถ่ายรูปอาหารในแสงธรรมชาติ เพื่อให้ภาพอาหารออกมาสวยงามและน่าทาน แสงตอนกลางวันถือเป็นแสงที่เหมาะสมที่สุดในการถ่ายภาพอาหาร การเลือกที่นั่งที่ตรงริมหน้าต่างหรือประตูร้านเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากพื้นที่นี้จะมีแสงผ่านเข้ามามากที่สุด ช่วยให้ได้มุมแสงที่สวยงามและธรรมชาติที่สุดในการถ่ายรูปอาหาร
2. พื้นหลังสะอาดตา
การถ่ายรูปอาหารและเครื่องดื่มที่น่าสนใจคือการใช้พื้นหลังที่สะอาดตา พื้นหลังที่เรียบร้อยจะช่วยให้รูปดูน่าสนใจมากขึ้น ไม่จำเป็นต้องเป็นพื้นหลังเปลือยเปล่า สามารถใช้พร็อบเพื่อจัดองค์ประกอบของรูปได้ เช่นถ้าถ่ายรูปเค้กสตรอเบอร์รี่ สามารถใช้เค้กหรือสีเดียวกันเป็นพื้นหลัง อย่าลืมเบลอพื้นหลังเพื่อให้เน้นที่อาหารที่ต้องการ ยังควรจับคู่สีของอาหารกับพื้นหลัง เช่น อาหารสีเข้มกับพื้นหลังสีเข้ม และอาหารสีอ่อนกับพื้นหลังสีอ่อน เพื่อให้ภาพดูโดดเด่นและสะดุดตามากยิ่งขึ้น
3. เล่นสี
การใช้สีในการถ่ายรูปอาหาร สำคัญในการดึงดูดความสนใจของลูกค้า การจัดองค์ประกอบภาพด้วยสีโทนร้อนและเย็นช่วยให้รูปดูน่าสนใจมากขึ้น การเล่นสีส้มกับน้ำเงินหรือฟ้าช่วยในการสร้างความประทับใจที่ดี การใช้สีแนวคอนทราสต์ยังทำให้อาหารดูน่ากินเป็นพิเศษ ดังนั้นคุณควรลองใช้เทคนิคนี้กับภาพของของหวานและเครื่องดื่มที่คุณถ่ายรูป เพื่อดูว่าเทคนิคไหนเหมาะกับทักษะถ่ายภาพของคุณและโทนสีไหนที่เหมาะสมสำหรับร้านของคุณ | null | Summarization | cc-by-nc-4.0 |
Retail_51352 | Retail | วิธีการใช้โลกโซเชียลเพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจค้าปลีก มีอะไรบ้าง | 5 เทคนิคเพิ่มยอดขายธุรกิจค้าปลีกขนาดเล็ก ทำง่าย ได้ผลจริง ! คุณเปิดธุรกิจค้าปลีกมานานแต่ยังไม่มีวี่แววว่าร้านจะขายดีหรือทำกำไรใช่หรือเปล่า ? คุณเปิดธุรกิจค้าปลีกมานานแต่ยังไม่มีวี่แววว่าร้านจะขายดีหรือทำกำไรใช่หรือเปล่า ? ถ้าใช่ ก็คงถึงเวลาแล้วที่คุณต้องคิดหาวิธีรับมือกับปัญหาต่าง ๆ เพราะถ้าหากปล่อยไว้แบบนี้ มีหวังร้านค้าปลีกของคุณได้ปิดตัวลงแน่ ๆ ถ้าใช่ ก็คงถึงเวลาแล้วที่คุณต้องคิดหาวิธีรับมือกับปัญหาต่าง ๆ เพราะถ้าหากปล่อยไว้แบบนี้ มีหวังร้านค้าปลีกของคุณได้ปิดตัวลงแน่ ๆ แล้วมีวิธีไหนบ้างละที่จะช่วยกู้สถานการณ์ธุรกิจหรือว่าร้านค้าของคุณได้ ? แล้วมีวิธีไหนบ้างละที่จะช่วยกู้สถานการณ์ธุรกิจหรือว่าร้านค้าของคุณได้ ? วันนี้เราก็ได้รวบรวมเคล็ดลับที่ทำตามง่าย ๆ และได้ผลจริงมาให้คุณกอบกู้ธุรกิจค้าปลีกได้ทันการและเพิ่มยอดขายแบบเห็นได้ชัดมาแนะนำด้วย วันนี้เราก็ได้รวบรวมเคล็ดลับที่ทำตามง่าย ๆ และได้ผลจริงมาให้คุณกอบกู้ธุรกิจค้าปลีกได้ทันการและเพิ่มยอดขายแบบเห็นได้ชัดมาแนะนำด้วย 1. เริ่มจากพนักงาน ภาพจาก Pixabay ภาพจาก Pixabay แน่นอนว่าพื้นฐานที่สำคัญในการจัดการธุรกิจค้าปลีกนั้นเริ่มจากพนักงาน แต่แทนที่จะฝึกฝนให้พวกเขาขายของเก่ง ๆ คุณควรเปลี่ยนให้พวกเขาเป็นที่ปรึกษาของลูกค้าและผู้เชี่ยวชาญด้านสินค้าจะดีกว่า พนักงานทุกคนควรมีความรู้และข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับสินค้าภายในร้านเป็นอย่างดี เมื่อลูกค้ามีคำถามจะได้ให้คำตอบที่ชัดเจนและตรงจุดมากที่สุด เพียงเท่านี้ก็สร้างความประทับใจให้ลูกค้าได้ง่าย ๆ แล้ว นอกจากนี้คุณควรปฏิบัติต่อพนักงานให้เหมือนคนในครอบครัว, มีความเป็นกันเอง, ให้ความสำคัญ และให้เกียรติพวกเขาเสมอ เพราะคงไม่มีใครอยากทำงานภายใต้แรงกดดันและอยู่กับเจ้านายที่คุมเข้มตลอดเวลาหรอก จริงไหม ? 2. ใส่ใจในการบริการลูกค้า ภาพจาก Pixabay ภาพจาก Pixabay เราต่างรู้กันดีว่าการบริการคือหัวใจหลักของธุรกิจทุกประเภท ซึ่งก็รวมถึงธุรกิจค้าปลีกด้วย ลองคิดดูสิว่า ถ้าหากร้านคุณมีสินค้าคุณภาพเยี่ยม ถูกใจกลุ่มเป้าหมาย และอินเทรนด์ที่สุดในตอนนั้น แต่ว่าการบริการย่ำแย่ โอกาสที่ลูกค้าจะกลับมาซื้อของที่ร้านค้าปลีกของคุณจะมีสักกี่เปอร์เซ็นต์ ? เราต่างรู้กันดีว่าการบริการคือหัวใจหลักของธุรกิจทุกประเภท ซึ่งก็รวมถึงธุรกิจค้าปลีกด้วย ลองคิดดูสิว่า ถ้าหากร้านคุณมีสินค้าคุณภาพเยี่ยม ถูกใจกลุ่มเป้าหมาย และอินเทรนด์ที่สุดในตอนนั้น แต่ว่าการบริการย่ำแย่ โอกาสที่ลูกค้าจะกลับมาซื้อของที่ร้านค้าปลีกของคุณจะมีสักกี่เปอร์เซ็นต์ ? ดังนั้นต้องฝึกฝนพนักงานให้มีใจรักในการบริการด้วย เพราะสิ่งนี้สามารถเพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจได้ดีมาก ๆ ดังนั้นต้องฝึกฝนพนักงานให้มีใจรักในการบริการด้วย เพราะสิ่งนี้สามารถเพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจได้ดีมาก ๆ แล้วจะมีอะไรบ้างที่สร้างความประทับใจและช่วยให้ลูกค้ากลับมาซื้อของที่ร้านของคุณอีก ? แล้วจะมีอะไรบ้างที่สร้างความประทับใจและช่วยให้ลูกค้ากลับมาซื้อของที่ร้านของคุณอีก ? เคล็ดลับการสร้างความประทับใจให้ลูกค้า มอบความรู้สึกดี ๆ ให้กับลูกค้าที่เข้ามาในร้านทุกครั้ง ทักทายด้วยความจริงใจที่ลูกค้าสามารถสัมผัสได้ ไม่ใช่ทักทายตามหน้าที่เท่านั้น หากสังเกตเห็นว่าลูกค้ามีปัญหาหรือดูมีข้อสงสัย อย่ารอช้าที่จะเสนอความช่วยเหลือ เพราะคุณอาจจะทำให้ลูกค้ารู้สึกเหมือนทางร้านไม่สนใจ หรือดูแลไม่ทั่วถึงก็เป็นได้ ฝึกฝนให้พนักงานมีใจรักในการบริการและคอยให้ความช่วยเหลือลูกค้า แต่ไม่ใช่ตามติดจนรู้สึกอึดอัด เพราะเราเชื่อว่าคุณก็เคยเข้าร้านที่มีพนักงานเดินตามแทบทุกก้าว จนทำให้รู้สึกไม่มีอิสระในการเลือกซื้อ แล้วก็อยากเดินออกจากร้านในที่สุด อย่าลืมกล่าวขอบคุณพร้อมกับยิ้มอย่างจริงใจทุกครั้งที่ยื่นใบเสร็จให้ลูกค้า เพื่อแสดงให้เห็นว่าพวกเขาคือคนสำคัญที่คุณเต็มใจให้บริการและอยากให้กลับมาอีก 3. ตกแต่งร้านให้น่าสนใจ ภาพจาก Unsplash ภาพจาก Unsplash ไม่มีใครอยากซื้อสินค้าที่น่าเบื่อหรือว่าเข้าร้านที่ดูจืดชืดแน่นอน ดังนั้นการตกแต่งร้าน การจัดวางสินค้า และป้ายต่าง ๆ ภายในร้านจึงสำคัญ ซึ่งเทคนิคการตกแต่งร้านเอาใจลูกค้าก็ทำได้ไม่ยาก เพียงแค่คุณทำตามข้อแนะนำของเราดังต่อไปนี้ :– ไม่มีใครอยากซื้อสินค้าที่น่าเบื่อหรือว่าเข้าร้านที่ดูจืดชืดแน่นอน ดังนั้นการตกแต่งร้าน การจัดวางสินค้า และป้ายต่าง ๆ ภายในร้านจึงสำคัญ ซึ่งเทคนิคการตกแต่งร้านเอาใจลูกค้าก็ทำได้ไม่ยาก เพียงแค่คุณทำตามข้อแนะนำของเราดังต่อไปนี้ :– แบ่งสินค้าในร้านให้ชัดเจนและโดดเด่นกว่าร้านอื่น เช่น ถ้าหากคุณมีร้านขายเสื้อผ้า ก็ให้จัดวางตามขนาด ความสูง หรือสี ถ้าสินค้าลดราคาก็ให้ติดป้ายชัดเจนและแยกโซนหญิง – ชาย จัดแสดงสินค้าที่ดีที่สุดไว้ด้านหน้าและตรงกลางของร้าน อาจจะเป็นสินค้าใหม่หรือสินค้าขายดีก็ได้ อย่าลืมมีตัวสาธิตการใช้งานสินค้าภายในร้าน จะได้ช่วยให้ลูกค้าเห็นภาพและเห็นประโยชน์ในการใช้สอยมากยิ่งขึ้น นอกจากความสะอาดภายในร้านแล้ว ควรจัดร้านให้เป็นระเบียบ ร้านจะได้ดูดีและลูกค้าก็จะหาสินค้าที่ต้องการได้ง่ายขึ้น 4. ใช้โซเชียลให้เป็นประโยชน์ ภาพจาก Pexels ภาพจาก Pexels อย่าลืมว่าในปัจจุบันโลกโซเชียลอย่างเฟสบุ๊ค (Facebook), เฟสบุ๊ค เมสเซนเจอร์ (Facebook Messenger), อินสตาแกรม (Instagram) และไลน์ (Line) กลายเป็นส่วนสำคัญในชีวิตเราไปแล้ว และช่องทางนี้แหละที่ช่วยให้ลูกค้าเข้าใกล้ธุรกิจค้าปลีกกับร้านค้าได้มากยิ่งขึ้น เพราะพวกเขาไม่จำเป็นต้องเดินทางไปร้าน ก็สามารถอัพเดตสินค้าใหม่ ๆ กับโปรโมชั่นของร้านได้ตลอดเวลา อย่าลืมว่าในปัจจุบันโลกโซเชียลอย่างเฟสบุ๊ค (Facebook), เฟสบุ๊ค เมสเซนเจอร์ (Facebook Messenger), อินสตาแกรม (Instagram) และไลน์ (Line) กลายเป็นส่วนสำคัญในชีวิตเราไปแล้ว และช่องทางนี้แหละที่ช่วยให้ลูกค้าเข้าใกล้ธุรกิจค้าปลีกกับร้านค้าได้มากยิ่งขึ้น เพราะพวกเขาไม่จำเป็นต้องเดินทางไปร้าน ก็สามารถอัพเดตสินค้าใหม่ ๆ กับโปรโมชั่นของร้านได้ตลอดเวลา และวิธีการใช้โลกโซเชียลเพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจค้าปลีกของคุณก็ทำได้ง่าย ๆ ดังนี้ :– และวิธีการใช้โลกโซเชียลเพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจค้าปลีกของคุณก็ทำได้ง่าย ๆ ดังนี้ :– มีป้ายเล็ก ๆ บอกช่องทางออนไลน์ตรงแคชเชียร์ เพราะเป็นจุดสังเกตง่าย เท่านี้ลูกค้าก็ติดตามข้อมูลข่าวสารได้ง่าย ๆ และไม่พลาดดีล โปรโมชั่น กับส่วนลดแล้ว มีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับสินค้าและเป็นประโยชน์ต่อลูกค้า อาจจะเป็นบทความหรือวิดีโอก็ได้ และหากคุณยังใหม่กับการทำวิดีโอ ก็ลองใช้โปรแกรม RendrFX, Wideo หรือ Animoto อย่าลืมแจกโค้ดส่วนลดให้กับลูกค้าที่คอมเมนต์และแชร์โพสต์ด้วย เปิดรับคำติชม ทำแบบสอบถามผ่าน Google Forms, SurveyMonkey, Typeform, โพลในเฟสบุ๊ค (Facebook Poll) หรือจะขอให้ลูกค้ารีวิวเพจของร้านเพื่อนำไปปรับปรุงสินค้ากับการบริการต่อไปก็ได้ ควรมีแอดมินเพจคอยตอบคำถามลูกค้าหรือตั้งค่าข้อความอัตโนมัติเพื่อทักทายและแจ้งรายละเอียดกับลูกค้าเมื่อคลิกเข้ามาที่แชท เพราะถ้าลูกค้าต้องทิ้งข้อความไว้เป็นเวลานาน ๆ ก็คงจะไม่น่าประทับใจสักเท่าไหร่ และคุณก็มีโอกาสที่จะเสียลูกค้าเพิ่มมากขึ้น 5. มีโปรแกรมสะสมแต้ม สมัยนี้ใคร ๆ ก็หันมาใช้โปรแกรมสะสมแต้ม (loyalty program) ระบบสมาชิก (member) หรือโปรแกรมคืนเงิน (cash back) กันหมดแล้ว และโปรแกรมที่ว่านี้ก็เพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจค้าปลีกได้เป็นอย่างดี เพราะนอกจากจะได้ลูกค้าใหม่แล้ว ยังเพิ่มโอกาสให้ลูกค้าเก่ากลับมาใช้บริการอีก สมัยนี้ใคร ๆ ก็หันมาใช้โปรแกรมสะสมแต้ม (loyalty program) ระบบสมาชิก (member) หรือโปรแกรมคืนเงิน (cash back) กันหมดแล้ว และโปรแกรมที่ว่านี้ก็เพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจค้าปลีกได้เป็นอย่างดี เพราะนอกจากจะได้ลูกค้าใหม่แล้ว ยังเพิ่มโอกาสให้ลูกค้าเก่ากลับมาใช้บริการอีก นอกจากโปรแกรมที่ว่าแล้ว คุณก็สามารถมอบสิทธิพิเศษให้กับลูกค้าในช่วงเทศกาลและวันสำคัญต่าง ๆ ได้ เช่น ปีใหม่ วาเลนไทน์ และสงกรานต์ เป็นต้น เมื่อใกล้ถึงช่วงเวลาดังกล่าวก็แค่แจ้งดีล โปรโมชั่น และโค้ดส่วนลดผ่านมือถือหรืออีเมลของสมาชิก นอกจากโปรแกรมที่ว่าแล้ว คุณก็สามารถมอบสิทธิพิเศษให้กับลูกค้าในช่วงเทศกาลและวันสำคัญต่าง ๆ ได้ เช่น ปีใหม่ วาเลนไทน์ และสงกรานต์ เป็นต้น เมื่อใกล้ถึงช่วงเวลาดังกล่าวก็แค่แจ้งดีล โปรโมชั่น และโค้ดส่วนลดผ่านมือถือหรืออีเมลของสมาชิก แล้วถ้าร้านค้าปลีกของคุณไม่เคยมีโปรแกรมแบบนี้มาก่อนละ ต้องเริ่มจากตรงไหน ? แล้วถ้าร้านค้าปลีกของคุณไม่เคยมีโปรแกรมแบบนี้มาก่อนละ ต้องเริ่มจากตรงไหน ? ควรเริ่มจากการเก็บข้อมูลสมาชิกและพฤติกรรมการซื้อสินค้า ซึ่งระบบ POS คือตัวช่วยชั้นเยี่ยมในการจัดเก็บข้อมูลที่ว่านี้ เพราะสามารถเก็บข้อมูลเชิงลึกและรู้ความต้องการของลูกค้าได้เป็นอย่างดี เมื่อมีระบบนี้คุณจึงจัดโปรโมชั่นสินค้าได้ตรงกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้นและบริหารธุรกิจค้าปลีกได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม ในปัจจุบันจึงมีหลายผู้ประกอบการเลือกใช้ระบบนี้ในการจัดการธุรกิจค้าปลีก ควรเริ่มจากการเก็บข้อมูลสมาชิกและพฤติกรรมการซื้อสินค้า ซึ่งระบบ POS คือตัวช่วยชั้นเยี่ยมในการจัดเก็บข้อมูลที่ว่านี้ เพราะสามารถเก็บข้อมูลเชิงลึกและรู้ความต้องการของลูกค้าได้เป็นอย่างดี เมื่อมีระบบนี้คุณจึงจัดโปรโมชั่นสินค้าได้ตรงกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้นและบริหารธุรกิจค้าปลีกได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม ในปัจจุบันจึงมีหลายผู้ประกอบการเลือกใช้ระบบนี้ในการจัดการธุรกิจค้าปลีก ถ้าอยากกู้สถานการณ์และเพิ่มยอดขายให้ธุรกิจค้าปลีกของคุณง่าย ๆ ก็สามารถนำเทคนิคเหล่านี้ไปลองใช้กันดู หรือหากคุณมีคำแนะนำเพิ่มเติมในการเพิ่มยอดขายและทำกำไรให้ร้านค้า ก็สามารถแชร์กับเราได้เช่นกัน ถ้าอยากกู้สถานการณ์และเพิ่มยอดขายให้ธุรกิจค้าปลีกของคุณง่าย ๆ ก็สามารถนำเทคนิคเหล่านี้ไปลองใช้กันดู หรือหากคุณมีคำแนะนำเพิ่มเติมในการเพิ่มยอดขายและทำกำไรให้ร้านค้า ก็สามารถแชร์กับเราได้เช่นกัน | วิธีการใช้โลกโซเชียลเพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจค้าปลีก มีดังนี้
- บอกให้รู้ มีป้ายเล็ก ๆ บอกช่องทางออนไลน์ตรงแคชเชียร์ เพราะเป็นจุดสังเกตง่าย เท่านี้ลูกค้าก็ติดตามข้อมูลข่าวสารได้ง่าย ๆ และไม่พลาดดีล โปรโมชั่นกับส่วนลดแล้ว
- แชร์เนื้อหาที่เป็นประโยชน์ มีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับสินค้าและเป็นประโยชน์ต่อลูกค้า อาจจะเป็นบทความหรือวิดีโอก็ได้ และหากยังใหม่กับการทำวิดีโอ ก็ลองใช้โปรแกรม RendrFX, Wideo หรือ Animoto อย่าลืมแจกโค้ดส่วนลดให้กับลูกค้าที่คอมเมนต์และแชร์โพสต์ด้วย
- รับฟังความคิดเห็น เปิดรับคำติชม ทำแบบสอบถามผ่าน Google Forms, SurveyMonkey, Typeform, โพลในเฟสบุ๊ค (Facebook Poll) หรือจะขอให้ลูกค้ารีวิวเพจของร้าน เพื่อนำไปปรับปรุงสินค้ากับการบริการต่อไปก็ได้
- อย่าปล่อยให้ลูกค้ารอนาน ควรมีแอดมินเพจคอยตอบคำถามลูกค้าหรือตั้งค่าข้อความอัตโนมัติ เพื่อทักทายและแจ้งรายละเอียดกับลูกค้าเมื่อคลิกเข้ามาที่แชท เพราะถ้าลูกค้าต้องทิ้งข้อความไว้เป็นเวลานาน ๆ ก็คงจะไม่น่าประทับใจสักเท่าไหร่ และก็มีโอกาสที่จะเสียลูกค้าเพิ่มมากขึ้น | null | Closed QA | cc-by-nc-4.0 |
Retail_51354 | Retail | เขียนแนวคิดที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับ "สังคมแห่งการสร้างความผูกพัน: การเชื่อมโยงและสร้างความสัมพันธ์ผ่าน Loyalty Program" | null | "เปิดวาร์ป Loyalty Program ของ 10 ร้านดังในไทย เบื้องหลังแห่งความสำเร็จของธุรกิจ - StoreHub Thailand"
1. การเข้าใจลูกค้า: การสำรวจและเข้าใจลึกลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้โปรแกรม Loyalty ของร้านได้รับความนิยมและความไว้วางใจจากลูกค้า ร้านควรทำการวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า เช่น พฤติกรรมการซื้อ ความสนใจ และความต้องการ เพื่อสร้างโปรแกรมที่ตอบโจทย์และน่าสนใจต่อลูกค้า
2. การให้ประสบการณ์ที่น่าจดจำ: การสร้างประสบการณ์ที่ดีและน่าจดจำให้กับลูกค้าที่มาใช้บริการหรือซื้อสินค้า โดยการนำเสนอสิ่งที่น่าสนใจ เช่น โปรโมชั่นพิเศษ ส่วนลด หรือของแถม เพื่อเพิ่มความพอใจและสนุกสนานให้กับลูกค้า
3. การใช้เทคโนโลยีในการสร้าง Loyalty Program: การนำเทคโนโลยีมาใช้ในการสร้าง Loyalty Program เช่น แอปพลิเคชันมือถือ หรือระบบสแกน QR Code เพื่อให้ลูกค้าสะดวกและสามารถรับข้อเสนอพิเศษได้อย่างง่ายดาย
4. การสร้างความสัมพันธ์ที่ยั่งยืน: โปรแกรม Loyalty ที่ดีควรสร้างความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนระหว่างลูกค้ากับร้าน เช่น การให้ของแถมหรือส่วนลดสำหรับลูกค้าที่มีประวัติการซื้อมากๆ หรือการจัดกิจกรรมพิเศษสำหรับสมาชิก
5. การวัดผลและปรับปรุง: การทำการวัดผลและปรับปรุงโปรแกรม Loyalty เพื่อให้ตรงกับความต้องการและความสนใจของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง โดยการใช้ข้อมูลและความคิดเห็นจากลูกค้าในการปรับปรุงโปรแกรม
6. การสร้างพันธมิตรกับธุรกิจอื่น: การสร้างพันธมิตรกับธุรกิจอื่นๆ เพื่อเสนอสิ่งที่น่าสนใจแก่ลูกค้าร่วมกัน เช่น โปรโมชั่นร่วมกับบริการอื่นๆ เพื่อสร้างความสะดวกสบายแก่ลูกค้าและเพิ่มมูลค่าให้กับโปรแกรม Loyalty
7. การสร้างการตลาด: การใช้โปรแกรม Loyalty เพื่อสร้างการตลาดและโปรโมทสินค้าหรือบริการให้กับลูกค้า โดยการใช้ข้อมูลลูกค้าในการสร้างกลุ่มเป้าหมายและการโปรโมทที่เหมาะสม
8. การสร้างความน่าเชื่อถือ: การสร้างความน่าเชื่อถือให้กับโปรแกรม Loyalty โดยการให้บริการที่ดีและเป็นกันเองต่อลูกค้า และการให้ข้อมูลที่ถูกต้องและชัดเจนเกี่ยวกับโปรแกรม
9. การสร้างความแตกต่าง: การสร้างโปรแกรม Loyalty ที่มีความแตกต่างและน่าสนใจต่อไปจากโปรแกรม Loyalty ของร้านค้าอื่นๆ โดยการนำเสนอสิ่งที่ไม่เหมือนใครและสร้างประสบการณ์ที่ไม่ซ้
การเปิดตัวโปรแกรม Loyalty Program ของ 10 ร้านดังในไทย เบื้องหลังของความสำเร็จของธุรกิจที่น่าสนใจนับด้วยความสำคัญของข้อมูลลูกค้าและการเข้าใจพฤติกรรมซื้อของลูกค้า เพื่อสร้างโปรแกรมที่ตอบโจทย์และน่าสนใจ นอกจากนี้ยังมีการใช้เทคโนโลยีในการสร้างโปรแกรม การสร้างความสัมพันธ์ที่ยั่งยืน การวัดผลและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง การสร้างพันธมิตรกับธุรกิจอื่นๆ เพื่อเสนอสิ่งที่น่าสนใจร่วมกับลูกค้า การสร้างการตลาด การสร้างความน่าเชื่อถือ และการสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง ทั้งนี้เพื่อสร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำและมีคุณค่าต่อลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการหรือซื้อสินค้าในร้านนั้นๆ สรุปได้ว่าความสำเร็จของโปรแกรม Loyalty Program ขึ้นอยู่กับการเข้าใจลึกลูกค้าและการสร้างความพึงพอใจและความสุขในการใช้บริการของร้านค้านั้นๆ ผ่านโปรแกรม Loyalty ที่มีคุณค่าและน่าสนใจต่อลูกค้า. | null | Creative writing | cc-by-nc-4.0 |
Retail_51355 | Retail | ข้อคำนึงในการเลือกทำเล สร้างร้านกาแฟเล็ก ๆ ได้แก่อะไรบ้าง | เปิดร้านกาแฟเล็ก ๆ ให้ประสบความสำเร็จ กับ 6 สิ่งที่ต้องคำนึง เปิดร้านกาแฟเล็ก ๆ ต้องเริ่มจากอะไรบ้าง? เปิดร้านกาแฟเล็ก ๆ ต้องเริ่มจากอะไรบ้าง? ธุรกิจร้านกาแฟเป็นธุรกิจที่ได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศไทย หลาย ๆ คนที่อยากเป็นเจ้าของธุรกิจมักจะมีไอเดียการเปิดร้านกาแฟเล็ก ๆ เปิดคาเฟ่ เป็นอันดับแรก ข้อมูลจากยูโรมอนิเตอร์ปี 2561 เผยว่าประเทศไทยมีร้านกาแฟกว่า 8,025 ร้าน ดังนั้นวันนี้เราจะมาคุยกันว่า การสร้างร้านกาแฟเล็ก ๆ ให้มีกำไรในตลาดที่มีการแข่งขันสูงนั้น จะสามารถเริ่มต้นได้อย่างไร ธุรกิจร้านกาแฟเป็นธุรกิจที่ได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศไทย หลาย ๆ คนที่อยากเป็นเจ้าของธุรกิจมักจะมีไอเดียการเปิดร้านกาแฟเล็ก ๆ เปิดคาเฟ่ เป็นอันดับแรก ข้อมูลจากยูโรมอนิเตอร์ปี 2561 เผยว่าประเทศไทยมีร้านกาแฟกว่า 8,025 ร้าน ดังนั้นวันนี้เราจะมาคุยกันว่า การสร้างร้านกาแฟเล็ก ๆ ให้มีกำไรในตลาดที่มีการแข่งขันสูงนั้น จะสามารถเริ่มต้นได้อย่างไร 1. ศึกษาตลาดกาแฟ 1. ศึกษาตลาดกาแฟ ประเภทกาแฟ ประเภทกาแฟ ก่อนที่จะเริ่มสร้างร้านกาแฟ คุณจะต้องเริ่มศึกษาตลาดเสียก่อน ว่าผู้บริโภคมีแนวโน้มไปในการดื่มกาแฟประเภทไหน กาแฟมีหลากหลายชนิด แต่ที่นิยมกันก็จะมีดังนี้:- ก่อนที่จะเริ่มสร้างร้านกาแฟ คุณจะต้องเริ่มศึกษาตลาดเสียก่อน ว่าผู้บริโภคมีแนวโน้มไปในการดื่มกาแฟประเภทไหน กาแฟมีหลากหลายชนิด แต่ที่นิยมกันก็จะมีดังนี้:- Espresso (เอสเปรสโซ) Caffe latte (ลาเต้) Cappuccino (คาปูชิโน) Americano (อเมริกาโน่) Caffè Mocha (มอคค่า) นอกจากกาแฟสดแล้ว คุณต้องศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการซื้อสินค้าประเภทอื่น ๆ ในร้านกาแฟเช่น เมล็ดกาแฟ, เบเกอรี่, ชา, เครื่องดื่มไม่มีคาเฟอีนอื่น ๆ ราคากาแฟ ราคากาแฟ นอกจากประเภทของกาแฟแล้ว การศึกษาราคาในท้องตลอดยังเป็นสิ่งที่สำคัญอีกสิ่งหนึ่ง นอกจากประเภทของกาแฟแล้ว การศึกษาราคาในท้องตลอดยังเป็นสิ่งที่สำคัญอีกสิ่งหนึ่ง คุณต้องศึกษาเพิ่มเติมว่ากาแฟสดในท้องตลาดมีการวางขายอยู่ในช่วงราคาเท่าไร อะไรคือปัจจัยที่ส่งผลต่อการตั้งราคานั้น ๆ เช่นต้นทุนการผลิต, คุณภาพของเมล็ดกาแฟ, การนำเข้าของวัตถุดิบ, บรรยากาศภายในร้าน, ชื่อแบรนด์ของร้าน คุณต้องศึกษาเพิ่มเติมว่ากาแฟสดในท้องตลาดมีการวางขายอยู่ในช่วงราคาเท่าไร อะไรคือปัจจัยที่ส่งผลต่อการตั้งราคานั้น ๆ เช่นต้นทุนการผลิต, คุณภาพของเมล็ดกาแฟ, การนำเข้าของวัตถุดิบ, บรรยากาศภายในร้าน, ชื่อแบรนด์ของร้าน หลังจากที่คุณศึกษาตลาดร้านกาแฟในท้องตลาดแล้ว คุณก็จะได้ไอเดียว่า การสร้างร้านกาแฟเล็ก ๆ นั้นจะต้องขายอะไรบ้าง และตั้งราคาอย่างไรถึงจะเหมาะกับธุรกิจร้านกาแฟของคุณ หลังจากที่คุณศึกษาตลาดร้านกาแฟในท้องตลาดแล้ว คุณก็จะได้ไอเดียว่า การสร้างร้านกาแฟเล็ก ๆ นั้นจะต้องขายอะไรบ้าง และตั้งราคาอย่างไรถึงจะเหมาะกับธุรกิจร้านกาแฟของคุณ 2. ทำเลของธุรกิจร้านกาแฟ 2. ทำเลของธุรกิจร้านกาแฟ ทะเลดีมีชัยไปกว่าครึ่งเป็นคำพูดชินหูที่เรามักได้ยินในอดีต เมื่อผู้บริโภคต้องการกาแฟก็ต้องไปหาซื้อจากร้านที่อยู่ใกล้ ๆ ดังนั้นการเลือกสร้างร้านกาแฟเล็ก ๆ ที่อยู่ในทำเลที่ดี มีกลุ่มผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อย่อมเป็นประโยชน์ ทะเลดีมีชัยไปกว่าครึ่งเป็นคำพูดชินหูที่เรามักได้ยินในอดีต เมื่อผู้บริโภคต้องการกาแฟก็ต้องไปหาซื้อจากร้านที่อยู่ใกล้ ๆ ดังนั้นการเลือกสร้างร้านกาแฟเล็ก ๆ ที่อยู่ในทำเลที่ดี มีกลุ่มผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อย่อมเป็นประโยชน์ ไอเดียทำเลสร้างร้านกาแฟเล็ก ๆ สถานที่ราชการ ออฟฟิศทำงาน ห้างสรรพสินค้า มหาวิทยาลัย สถานที่เหล่านี้น่าจะเป็นทะเลที่มีโอกาสในการขาย เนื่องจากกลุ่มผู้บริโภคมีกำลังซื้อ และพวกเขามักต้องการคาเฟอีนในการขับเคลื่อนการทำงานในแต่ละวัน อีกทั้งร้านก็ยังสามารถเป็นจุดนัดพบของผู้บริโภคในการทำงานได้อีกด้วย สถานที่เหล่านี้น่าจะเป็นทะเลที่มีโอกาสในการขาย เนื่องจากกลุ่มผู้บริโภคมีกำลังซื้อ และพวกเขามักต้องการคาเฟอีนในการขับเคลื่อนการทำงานในแต่ละวัน อีกทั้งร้านก็ยังสามารถเป็นจุดนัดพบของผู้บริโภคในการทำงานได้อีกด้วย ข้อคำนึงในการเลือกทำเล สร้างร้านกาแฟเล็ก ๆ ควรมีที่จอดรถ เนื่องจากลูกค้ามักจะต้องการใช้เวลาในร้านกาแฟ ดังนั้นการมีที่จอดรถอาจจะเป็นจุดดึงดูดในลูกค้าอยากจะมาที่ร้านของคุณ แต่ถ้าหากคุณ สร้างร้านกาแฟเล็ก ๆ ในสถานที่อื่นเช่นสถานที่ราชการ หรือห้างสรรพสินค้า คุณก็จะได้รับประโยชน์เต็ม ๆ เลือกทำเลเปิดคาเฟ่ ในที่ที่มีผู้คนพลุกพล่าน มี foot traffic ที่จะเข้ามาเป็นลูกค้าของคุณ ถ้าหากพวกเขาเห็นร้านของคุณได้ง่าย โอกาสในการเป็นลูกค้าก็จะมากยิ่งขึ้น ตั้งให้มองเห็นง่าย ยิ่งร้านของคุณเห็นง่ายเท่าไร คุณยิ่งมีโอกาสในการขายเพิ่มมากเท่านั้น ถือเป็นหนึ่งในการทำการโฆษณาได้ไปในตัวเอง 3. ซัพพลายเออร์ 3. ซัพพลายเออร์ อีกหนึ่งคนสำคัญในการเปิดร้านกาแฟของคุณคือคู่ค้าหรือซัพพลายเออร์ แหล่งจำหน่ายวัตถุดิบที่คุณต้องใช้ในร้านกาแฟ การสร้างร้านกาแฟเล็ก ๆ นั้น คุณควรมีซัพพลายเออร์ที่รู้ใจ ให้ราคาดี และคุณภาพสูง อีกหนึ่งคนสำคัญในการเปิดร้านกาแฟของคุณคือคู่ค้าหรือซัพพลายเออร์ แหล่งจำหน่ายวัตถุดิบที่คุณต้องใช้ในร้านกาแฟ การสร้างร้านกาแฟเล็ก ๆ นั้น คุณควรมีซัพพลายเออร์ที่รู้ใจ ให้ราคาดี และคุณภาพสูง และนี่คือเหล่าซัพพลายเออร์ที่คุณควรติดต่อเพื่อเตรียมการเปิดร้านของคุณ และนี่คือเหล่าซัพพลายเออร์ที่คุณควรติดต่อเพื่อเตรียมการเปิดร้านของคุณ ซัพพลายเออร์เมล็ดกาแฟ ซัพพลายเออร์เครื่องชงกาแฟ ซัพพลายเออร์แพ็คเกจจิ้ง เช่นแก้วกาแฟ, ฝาแก้วกาแฟ, ถุงหิ้วกาแฟ, กล่องใส่ขนม, สติกเกอร์ติดแก้วกาแฟ สำหรับร้านกาแฟเล็ก ๆ ในต่างจังหวัดอาจจะต้องพึ่งพาห้างสรรพสินค้าอย่างเช่น Makro, Tesco, BigC เป็นต้น การเป็นคู่ค้าในเชิงธุรกิจอาจจะสร้างความสัมพันธ์ได้ยากเนื่องจากเป็นธุรกิจเอกชน คุณอาจจะต้องลองค้นหาซัพพลายเออร์ในจังหวัดใหญ่ ๆ ใกล้เคียงที่เป็นธุรกิจขนาดเล็กถึงกลาง เพื่อสร้างความสัมพันธ์ในการทำธุรกิจ และคุณอาจจะได้รับข้อเสนอพิเศษและวัตถุดิบคุณภาพดีก็เป็นได้ สำหรับร้านกาแฟเล็ก ๆ ในต่างจังหวัดอาจจะต้องพึ่งพาห้างสรรพสินค้าอย่างเช่น Makro, Tesco, BigC เป็นต้น การเป็นคู่ค้าในเชิงธุรกิจอาจจะสร้างความสัมพันธ์ได้ยากเนื่องจากเป็นธุรกิจเอกชน คุณอาจจะต้องลองค้นหาซัพพลายเออร์ในจังหวัดใหญ่ ๆ ใกล้เคียงที่เป็นธุรกิจขนาดเล็กถึงกลาง เพื่อสร้างความสัมพันธ์ในการทำธุรกิจ และคุณอาจจะได้รับข้อเสนอพิเศษและวัตถุดิบคุณภาพดีก็เป็นได้ 4. เลือกใช้ระบบ POS บริหารร้านกาแฟ 4. เลือกใช้ระบบ POS บริหารร้านกาแฟ การเปิดคาเฟ่ หรือการสร้างร้านกาแฟ คุณต้องวางระบบภายในร้านกาแฟของคุณให้ดี เพื่อให้สามารถให้บริการลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด และนี่คือระบบภายในร้านที่คุณต้องวางแผนก่อนที่จะเริ่มสร้างร้านกาแฟ การเปิดคาเฟ่ หรือการสร้างร้านกาแฟ คุณต้องวางระบบภายในร้านกาแฟของคุณให้ดี เพื่อให้สามารถให้บริการลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด และนี่คือระบบภายในร้านที่คุณต้องวางแผนก่อนที่จะเริ่มสร้างร้านกาแฟ โปรแกรมคิดเงิน โปรแกรมคิดเงิน ร้านกาแฟเล็ก ๆ ส่วนมากจะคิดเงินค่าสินค้าแบบแมนนวล จดราคาลงในใบเสร็จ แล้วจดยอดขายแต่ละเมนูลงในสมุด เกิดข้อผิดพลาดได้บ่อยครั้ง จึงทำให้ร้านกาแฟหลายร้านที่มีลูกค้าเยอะ แต่เจ๊งก็มีมากมาย เนื่องจากพวกเขาไม่มีระบบบันทึกยอดขายที่แม่นยำ ร้านกาแฟเล็ก ๆ ส่วนมากจะคิดเงินค่าสินค้าแบบแมนนวล จดราคาลงในใบเสร็จ แล้วจดยอดขายแต่ละเมนูลงในสมุด เกิดข้อผิดพลาดได้บ่อยครั้ง จึงทำให้ร้านกาแฟหลายร้านที่มีลูกค้าเยอะ แต่เจ๊งก็มีมากมาย เนื่องจากพวกเขาไม่มีระบบบันทึกยอดขายที่แม่นยำ ดังนั้นการมีโปรแกรมคิดเงินที่ใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย จึงเป็นสิ่งที่เจ้าของร้านกาแฟยุคใหม่เลือกใช้ ไม่ว่าจะเป็นร้านกาแฟขนาดเล็กหรือใหญ่ โปรแกรมคิดเงินก็คงจะเป็นสิ่งจำเป็นในการบริหารร้านในยุคนี้ ดังนั้นการมีโปรแกรมคิดเงินที่ใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย จึงเป็นสิ่งที่เจ้าของร้านกาแฟยุคใหม่เลือกใช้ ไม่ว่าจะเป็นร้านกาแฟขนาดเล็กหรือใหญ่ โปรแกรมคิดเงินก็คงจะเป็นสิ่งจำเป็นในการบริหารร้านในยุคนี้ ระบบพนักงาน ระบบพนักงาน พนักงานมักเป็นปัญหาสำหรับธุรกิจ ดังนั้นการวางระบบร้านกาแฟที่สามารถควบคุมพนักงานได้ จะช่วยลดภาระการทำงานของคุณลงได้เยอะ เจ้าของธุรกิจที่เลือกใช้ระบบ POS จะสามารถบันทึกเวลาเข้าออกของพนักงานได้ นอกจากนี้พนักงานจะไม่สามารถโกงเงินของร้านได้ เนื่องจากข้อมูลการขายทุกอย่างจะถูกบันทึกลงในเครื่อง POS และเจ้าของธุรกิจจะสามารถเช็คดูการใช้งานได้อย่างละเอียด ถ้าหากภายในร้านมีการติดตั้งกล้องวงจรปิดแล้วด้วย คุณก็ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการโกงของพนักงานอีกต่อไป พนักงานมักเป็นปัญหาสำหรับธุรกิจ ดังนั้นการวางระบบร้านกาแฟที่สามารถควบคุมพนักงานได้ จะช่วยลดภาระการทำงานของคุณลงได้เยอะ เจ้าของธุรกิจที่เลือกใช้ระบบ POS จะสามารถบันทึกเวลาเข้าออกของพนักงานได้ นอกจากนี้พนักงานจะไม่สามารถโกงเงินของร้านได้ เนื่องจากข้อมูลการขายทุกอย่างจะถูกบันทึกลงในเครื่อง POS และเจ้าของธุรกิจจะสามารถเช็คดูการใช้งานได้อย่างละเอียด ถ้าหากภายในร้านมีการติดตั้งกล้องวงจรปิดแล้วด้วย คุณก็ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการโกงของพนักงานอีกต่อไป ระบบสต๊อกสินค้า ระบบสต๊อกสินค้า เนื่องจากร้านกาแฟมีวัตถุดิบมากมายที่ต้องดูแล ไม่ว่าจะเป็น เมล็ดกาแฟ, นมสด, น้ำตาล, เครื่องปรุงต่าง ๆ ดังนั้นการดูแลจำนวนวัตถุดิบให้มีปริมาณที่พอเหมาะในการเปิดร้านจึงเป็นเรื่องสำคัญ ถ้าหากคุณมียอดขายดีแต่สินค้าไม่พร้อมขาย ก็จะขายโอกาสในการขายไปได้เยอะ ดังนั้นวางระบบการจัดการสต๊อกให้ละเอียดและแม่นยำ เนื่องจากร้านกาแฟมีวัตถุดิบมากมายที่ต้องดูแล ไม่ว่าจะเป็น เมล็ดกาแฟ, นมสด, น้ำตาล, เครื่องปรุงต่าง ๆ ดังนั้นการดูแลจำนวนวัตถุดิบให้มีปริมาณที่พอเหมาะในการเปิดร้านจึงเป็นเรื่องสำคัญ ถ้าหากคุณมียอดขายดีแต่สินค้าไม่พร้อมขาย ก็จะขายโอกาสในการขายไปได้เยอะ ดังนั้นวางระบบการจัดการสต๊อกให้ละเอียดและแม่นยำ 5. สร้างร้านกาแฟเล็ก ๆ ให้มีบรรยากาศดีเพื่อดึงดูดลูกค้า 5. สร้างร้านกาแฟเล็ก ๆ ให้มีบรรยากาศดีเพื่อดึงดูดลูกค้า ร้านกาแฟปัจจุบันไม่ใช่แค่ร้านขายกาแฟอีกต่อไป ผู้บริโภคต้องการประสบการณ์จากร้านกาแฟมากยิ่งขึ้น พวกเขาต้องการร้านกาแฟที่เป็นที่แฮงเอาท์กับเพื่อน หรือครอบครัว ดังนั้นร้านกาแฟต้องมอบประสบการณ์การดื่มกาแฟที่เหนือกว่า โดยไอเดียการออกแบบร้านกาแฟมีหลากหลายสไตล์ ไม่ว่าจะเป็น สไตล์โมเดิร์น สไตล์ลอฟท์ สไตล์วินเทจ และสไตล์ผสมผสาน ลองเลือกสไตล์ร้านกาแฟที่โดดเด่นในพื้นที่ของคุณเพื่อเป็นจุดขายให้สำหรับร้าน ร้านกาแฟปัจจุบันไม่ใช่แค่ร้านขายกาแฟอีกต่อไป ผู้บริโภคต้องการประสบการณ์จากร้านกาแฟมากยิ่งขึ้น พวกเขาต้องการร้านกาแฟที่เป็นที่แฮงเอาท์กับเพื่อน หรือครอบครัว ดังนั้นร้านกาแฟต้องมอบประสบการณ์การดื่มกาแฟที่เหนือกว่า โดยไอเดียการออกแบบร้านกาแฟมีหลากหลายสไตล์ ไม่ว่าจะเป็น สไตล์โมเดิร์น สไตล์ลอฟท์ สไตล์วินเทจ และสไตล์ผสมผสาน ลองเลือกสไตล์ร้านกาแฟที่โดดเด่นในพื้นที่ของคุณเพื่อเป็นจุดขายให้สำหรับร้าน นอกจากสไตล์ร้านกาแฟแล้วนั้น คุณอาจจะมีกิมมิคภายในร้านอย่างเช่นมุมถ่ายรูป, เกมหรือกิจกรรมให้กับลูกค้าได้เล่นเมื่ออยู่ในร้านกาแฟ สิ่งเหล่านี้จะเป็นตัวสร้างบรรยากาศ และสร้างความแตกต่างให้กับ ร้านกาแฟเล็ก ๆ ของคุณ นอกจากสไตล์ร้านกาแฟแล้วนั้น คุณอาจจะมีกิมมิคภายในร้านอย่างเช่นมุมถ่ายรูป, เกมหรือกิจกรรมให้กับลูกค้าได้เล่นเมื่ออยู่ในร้านกาแฟ สิ่งเหล่านี้จะเป็นตัวสร้างบรรยากาศ และสร้างความแตกต่างให้กับ ร้านกาแฟเล็ก ๆ ของคุณ 6. โปรโมทร้านกาแฟผ่านช่องทางการตลาด 6. โปรโมทร้านกาแฟผ่านช่องทางการตลาด หลังจากที่คุณเปิดร้านกาแฟเล็ก ๆ แล้ว คุณจะต้องโปรโมทร้านของคุณให้เป็นที่รู้จักผ่านเครื่องมือทางการตลาด ซึ่งเครื่องมือเหล่านี้มีทั้งแบบมีค่าใช้จ่าย และไม่มีค่าใช้จ่าย หลังจากที่คุณเปิดร้านกาแฟเล็ก ๆ แล้ว คุณจะต้องโปรโมทร้านของคุณให้เป็นที่รู้จักผ่านเครื่องมือทางการตลาด ซึ่งเครื่องมือเหล่านี้มีทั้งแบบมีค่าใช้จ่าย และไม่มีค่าใช้จ่าย โปรโมทร้านกาแฟแบบไม่มีค่าใช้จ่าย โปรโมทร้านกาแฟแบบไม่มีค่าใช้จ่าย เครื่องมือในการโปรโมทร้านกาแฟที่ไม่เสียค่าใช้จ่ายมีมากมาย อย่างไรก็ตามเครื่องมือที่ได้รับความนิยมสำหรับร้านกาแฟและคุณก็ไม่ควรพลาดที่จะใช้เครื่องมือเหล่านี้ได้แก่:- เครื่องมือในการโปรโมทร้านกาแฟที่ไม่เสียค่าใช้จ่ายมีมากมาย อย่างไรก็ตามเครื่องมือที่ได้รับความนิยมสำหรับร้านกาแฟและคุณก็ไม่ควรพลาดที่จะใช้เครื่องมือเหล่านี้ได้แก่:- สร้าง Facebook Fan Page สร้าง Instagram Account ปักหมุดบน Google My Business โปรโมทร้านกาแฟแบบมีค่าใช้จ่าย โปรโมทร้านกาแฟแบบมีค่าใช้จ่าย คุณสามารถโปรโมทให้คนรู้จักธุรกิจร้านกาแฟของคุณได้โดยการ Boost Post หรือทำโฆษณาบน Facebook และ Instagram การทำโฆษณาบน Google Ads ติดป้ายโฆษณาในสถานที่ใกล้เคียง ให้คนที่เดินทางผ่านไปมารู้จักกับร้านของคุณ เชิญชวนเหล่า Influencer ให้เข้ามาทานกาแฟที่ร้านของคุณ แล้วให้พวกเขารีวิวเป็นค่าตอบแทน การสร้างร้านกาแฟเล็ก ๆ ของคุณอาจจะมีงบประมาณไม่มากนัก แต่ถ้าหากคุณเลือกใช้ช่องทางโปรโมทธุรกิจได้ตรงกลุ่มเป้าหมาย ผลตอบแทนจากการโปรโมทก็อาจจะได้ผลลัพธ์เกินคาด การสร้างร้านกาแฟเล็ก ๆ ของคุณอาจจะมีงบประมาณไม่มากนัก แต่ถ้าหากคุณเลือกใช้ช่องทางโปรโมทธุรกิจได้ตรงกลุ่มเป้าหมาย ผลตอบแทนจากการโปรโมทก็อาจจะได้ผลลัพธ์เกินคาด การสร้างร้านกาแฟ เปิดคาเฟ่เล็ก ๆ นั้นคงเป็นความฝันของนักธุรกิจหลายคนในประเทศไทย ดังนั้นก่อนที่คุณจะเริ่มลงมือสร้างธุรกิจในฝัน ลองวางแผนการเปิดร้านกาแฟ ด้วย 6 ข้อในการเริ่มต้นธุรกิจ แล้วคุณจะสามารถวางแผนธุรกิจร้านกาแฟของคุณได้ยอดเยี่ยมยิ่งขึ้น และถ้าหากคุณต้องการ แผนธุรกิจร้านกาแฟ อย่างละเอียดคลิกอ่านบทความได้ที่ลิงก์ การสร้างร้านกาแฟ เปิดคาเฟ่เล็ก ๆ นั้นคงเป็นความฝันของนักธุรกิจหลายคนในประเทศไทย ดังนั้นก่อนที่คุณจะเริ่มลงมือสร้างธุรกิจในฝัน ลองวางแผนการเปิดร้านกาแฟ ด้วย 6 ข้อในการเริ่มต้นธุรกิจ แล้วคุณจะสามารถวางแผนธุรกิจร้านกาแฟของคุณได้ยอดเยี่ยมยิ่งขึ้น และถ้าหากคุณต้องการ แผนธุรกิจร้านกาแฟ อย่างละเอียดคลิกอ่านบทความได้ที่ลิงก์ | ข้อคำนึงในการเลือกทำเล สร้างร้านกาแฟเล็ก ๆ ได้แก่
1. ควรมีที่จอดรถ เนื่องจากลูกค้ามักจะต้องการใช้เวลาในร้านกาแฟ ดังนั้นการมีที่จอดรถอาจจะเป็นจุดดึงดูดในลูกค้าอยากจะมาที่ร้าน แต่ถ้าหากสร้างร้านกาแฟเล็ก ๆ ในสถานที่อื่น เช่น สถานที่ราชการ หรือห้างสรรพสินค้า ก็จะได้รับประโยชน์เต็ม ๆ
2. เลือกทำเลเปิดคาเฟ่ ในที่ที่มีผู้คนพลุกพล่าน มี foot traffic ที่จะเข้ามาเป็นลูกค้า ถ้าหากพวกเขาเห็นร้านได้ง่าย โอกาสในการเป็นลูกค้าก็จะมากยิ่งขึ้น
3. ตั้งให้มองเห็นง่าย ยิ่งร้านเห็นง่ายเท่าไร ยิ่งมีโอกาสในการขายเพิ่มมากเท่านั้น ถือเป็นหนึ่งในการทำการโฆษณาได้ไปในตัวเอง | null | Closed QA | cc-by-nc-4.0 |
Retail_52394 | Retail | การร่วมมือกันระหว่างกรุงศรีและกรุงศรี คอนซูมเมอร์ ผ่านบริการโอนคะแนนบัตรเครดิตเป็นเงินฝากออมทรัพย์ ส่งผลดีต่อธุรกิจ Retail อย่างไร? | null | การร่วมมือกันระหว่างกรุงศรีและกรุงศรี คอนซูมเมอร์ ผ่านบริการโอนคะแนนบัตรเครดิตเป็นเงินฝากออมทรัพย์ ส่งผลดีต่อธุรกิจ Retail ในหลายแง่มุม ดังนี้
1. เพิ่มทางเลือกในการใช้คะแนนสะสม: บริการใหม่นี้ช่วยให้ลูกค้าบัตรเครดิตกรุงศรีมีทางเลือกในการใช้คะแนนสะสมที่หลากหลายมากขึ้น
2. กระตุ้นการใช้จ่าย: ลูกค้าสามารถนำคะแนนสะสมมาโอนเป็นเงินฝากออมทรัพย์เพื่อใช้จ่ายในร้านค้าต่างๆ
3. เพิ่มฐานลูกค้า: ดึงดูดลูกค้าใหม่ให้เปิดบัญชีออมทรัพย์กับกรุงศรี
4. เสริมสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า:
5. ขยายฐานลูกค้า Retail:
ตัวอย่าง:
ลูกค้า A สะสมคะแนนบัตรเครดิตกรุงศรีได้ 50,000 คะแนน ปกติแล้วลูกค้า A สามารถใช้คะแนนเหล่านี้แลกเป็นส่วนลดที่ร้านค้า หรือแลกเป็นเครดิตเงินคืนเข้าบัญชีบัตรเครดิต แต่ด้วยบริการใหม่นี้ ลูกค้า A สามารถโอนคะแนน 50,000 คะแนน เป็นเงินฝากออมทรัพย์ 5,000 บาท
เงินฝาก 5,000 บาทนี้สามารถใช้จ่ายในร้านค้าต่างๆ ผ่านบัตรเดบิต หรือโอนเข้าบัญชีอื่นเพื่อใช้จ่ายออนไลน์
ลูกค้า B สนใจใช้บริการโอนคะแนนสะสมเป็นเงินฝากออมทรัพย์ ลูกค้า B จำเป็นต้องเปิดบัญชีออมทรัพย์กับกรุงศรี
ลูกค้า C พอใจกับบริการโอนคะแนนสะสมเป็นเงินฝากออมทรัพย์ บริการนี้ช่วยให้ลูกค้า C สะดวกในการบริหารจัดการคะแนนสะสม และช่วยให้ลูกค้า C ตัดสินใจใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตกรุงศรีมากขึ้น
โดยสรุป:
นอกจากนี้ ยังมีประเด็นอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับ Retail ดังนี้:
บริการโอนคะแนนสะสมเป็นเงินฝากออมทรัพย์ ช่วยให้ลูกค้าสามารถใช้คะแนนสะสมเพื่อซื้อสินค้าและบริการต่างๆ ในร้านค้าได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องเงื่อนไขการแลกคะแนน
บริการนี้ช่วยให้ลูกค้าสามารถติดตามคะแนนสะสมและการใช้จ่ายได้ง่ายขึ้นผ่านแอปพลิเคชัน UCHOOSE
บริการนี้ช่วยให้กรุงศรีสามารถเข้าถึงข้อมูลการใช้จ่ายของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งสามารถนำไปวิเคราะห์เพื่อพัฒนาสินค้าและบริการให้ตรงกับความต้องการของลูกค้ามากขึ้น
ด้วยเหตุผลดังกล่าว บริการโอนคะแนนสะสมเป็นเงินฝากออมทรัพย์จึงถือเป็นกลยุทธ์ที่ส่งผลดีต่อธุรกิจ Retail ของกรุงศรี | null | Open QA | cc-by-nc-4.0 |
Retail_52415 | Retail | มีรายงานว่า Apple เตรียมทดสอบรูปแบบการขายใหม่ของ Apple Store ในชื่ออะไร ที่จะเปิดโอกาสให้พนักงานสามารถทำงานได้ทั้งจากสาขาของ Apple Store เอง รวมถึงทำงานได้จาก “ที่อื่น” ด้วย | มีรายงานว่าแอปเปิล (Apple) เตรียมทดสอบรูปแบบการขายใหม่ของ Apple Store ในชื่อ “Retail Flex” ที่จะเปิดโอกาสให้พนักงานสามารถทำงานได้ทั้งจากสาขาของ Apple Store เอง รวมถึงทำงานได้จาก “ที่อื่น” ด้วย ไม่เฉพาะพนักงานของ Apple ที่จะได้ออปชัน Work From Anywhere สัปดาห์ละ 2 วัน แต่พนักงานของ Apple Store เองก็กำลังจะได้ทดลองทำงานในรูปแบบ Work From Anywhere เช่นกัน เพราะมีรายงานว่า Apple เตรียมทดสอบการทำงานแบบไฮบริดกับร้านสาขาของตัวเองแล้ว โดยพนักงานในร้านสาขาสามารถเข้ามาที่ร้านในบางสัปดาห์ และบางสัปดาห์พวกเขาก็อาจทำงานจากระยะไกล โดยที่ไม่ต้องพาตัวเองมาที่ร้านก็ได้ สำหรับระบบที่ Apple วางแผนไว้ก็คือ แม้พนักงานจะอยู่ที่บ้าน พวกเขาก็สามารถจัดการกับการขายของออนไลน์ได้ ดูแลลูกค้าได้ รวมถึงให้บริการด้านคำปรึกษา (Technical Support) ได้ โดยในช่วงแรกของการทดสอบ อาจเป็นการทดสอบในพนักงานกลุ่มเล็ก ๆ ก่อน และจะใช้เวลาทดสอบประมาณ 6 เดือนเป็นอย่างน้อย สวัสดิการระดับ Apple นอกจากส่งเครื่อง Mac ให้พนักงานนับพันคนใช้ทำงานระหว่างที่ปิดออฟฟิศไปในช่วง Pandemic แล้ว ในส่วนของแผน Retail Flex นี้ รายงานจาก Bloomberg ระบุว่า Apple จะมีงบสนับสนุนเรื่องค่าอินเทอร์เน็ตและอุปกรณ์สำนักงานให้กับพนักงานที่เข้าร่วมโครงการนี้้ด้วย และเป็นไปได้ว่าพนักงานที่เข้าร่วมจะได้รับเงินเดือนเท่าเดิม เหตุที่เป็นเช่นนั้น ส่วนหนึ่งมาจากการปรับตัวของลูกค้าที่ Apple พบว่าหันไปซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น นั่นเอง ขณะที่ในส่วนของตัวร้านสาขาเอง พบว่า Apple Store บางร้านในสหรัฐอเมริกา ก็เริ่มอนุญาตให้ลูกค้าและพนักงานไม่ต้องสวมหน้ากากอนามัยตอนที่เข้าร้านแล้วเช่นกัน ซึ่งกำลังสะท้อนว่า นอกจากปรับตัวสู่การทำงานแบบไฮบริดแล้ว พวกเขากำลังทำให้บรรยากาศในการเข้าร้านกลับสู่สภาพปกติให้เร็วที่สุดด้วยเช่นกัน | มีรายงานว่า Apple เตรียมทดสอบรูปแบบการขายใหม่ของ Apple Store ในชื่อ “Retail Flex” ที่จะเปิดโอกาสให้พนักงานสามารถทำงานได้ทั้งจากสาขาของ Apple Store เอง รวมถึงทำงานได้จาก “ที่อื่น” ด้วย ไม่เฉพาะพนักงานของ Apple ที่จะได้ออปชัน Work From Anywhere สัปดาห์ละ 2 วัน แต่พนักงานของ Apple Store เองก็กำลังจะได้ทดลองทำงานในรูปแบบ Work From Anywhere เช่นกัน เพราะมีรายงานว่า Apple เตรียมทดสอบการทำงานแบบไฮบริดกับร้านสาขาของตัวเองแล้ว โดยพนักงานในร้านสาขาสามารถเข้ามาที่ร้านในบางสัปดาห์ และบางสัปดาห์พวกเขาก็อาจทำงานจากระยะไกล โดยที่ไม่ต้องพาตัวเองมาที่ร้านก็ได้ | null | Closed QA | cc-by-nc-4.0 |
Retail_52424 | Retail | แพลตฟอร์มซอฟต์แวร์ของ Crescendo Lab ช่วยให้ธุรกิจค้าปลีกสามารถเข้าใจพฤติกรรมของลูกค้าได้ดีขึ้นหรือไม่? | null | ใช่ เหตุผล:
การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก: แพลตฟอร์ม Crescendo Lab ช่วยให้ธุรกิจค้าปลีกสามารถวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับลูกค้าจาก LINE Official Account ซึ่งรวมถึงข้อมูลประชากร ข้อมูลการซื้อ พฤติกรรมการใช้งาน และอื่นๆ ข้อมูลเหล่านี้ช่วยให้ธุรกิจเข้าใจลูกค้าของตนได้ดีขึ้น
การแบ่งกลุ่มลูกค้า: Crescendo Lab ช่วยให้ธุรกิจค้าปลีกสามารถแบ่งกลุ่มลูกค้าตามเกณฑ์ต่างๆ เช่น ข้อมูลประชากร พฤติกรรมการซื้อ และความสนใจ แบ่งกลุ่มลูกค้าช่วยให้ธุรกิจสามารถกำหนดกลยุทธ์การตลาดที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าแต่ละกลุ่ม
การติดตามผลลัพธ์: Crescendo Lab ช่วยให้ธุรกิจค้าปลีกสามารถติดตามผลลัพธ์ของแคมเปญการตลาดต่างๆ ข้อมูลเหล่านี้ช่วยให้ธุรกิจวัดผลประสิทธิภาพของแคมเปญและปรับแต่งกลยุทธ์การตลาดให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
การสร้างประสบการณ์ส่วนตัว: Crescendo Lab ช่วยให้ธุรกิจค้าปลีกสามารถสร้างประสบการณ์ส่วนตัวสำหรับลูกค้า ธุรกิจสามารถใช้ข้อมูลลูกค้าเพื่อส่งข้อความที่ตรงใจ นำเสนอสินค้าที่เกี่ยวข้อง และมอบส่วนลดพิเศษ
การเพิ่มยอดขาย: Crescendo Lab ช่วยให้ธุรกิจค้าปลีกสามารถเพิ่มยอดขาย ธุรกิจสามารถใช้ข้อมูลลูกค้าเพื่อกำหนดกลยุทธ์การตลาดที่มีประสิทธิภาพ นำเสนอสินค้าที่ตรงใจ และสร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ราบรื่น
ตัวอย่าง:
ธุรกิจค้าปลีกสามารถวิเคราะห์ข้อมูลการซื้อของลูกค้าเพื่อระบุสินค้าที่มักซื้อร่วมกัน ธุรกิจสามารถนำเสนอสินค้าเหล่านี้เป็นชุดเพื่อเพิ่มยอดขาย
ธุรกิจค้าปลีกสามารถใช้ข้อมูลประชากรของลูกค้าเพื่อกำหนดเป้าหมายแคมเปญการตลาด ธุรกิจสามารถส่งข้อความโฆษณาที่ตรงใจลูกค้าแต่ละกลุ่ม
ธุรกิจค้าปลีกสามารถใช้ข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานของลูกค้าเพื่อปรับแต่งหน้าเว็บไซต์ ธุรกิจสามารถนำเสนอสินค้าที่ลูกค้าสนใจและนำเสนอเนื้อหาที่ตรงใจ
สรุป:
แพลตฟอร์มซอฟต์แวร์ของ Crescendo Lab ช่วยให้ธุรกิจค้าปลีกสามารถเข้าใจพฤติกรรมของลูกค้าได้ดีขึ้น ธุรกิจสามารถใช้ข้อมูลลูกค้าเพื่อสร้างกลยุทธ์การตลาดที่มีประสิทธิภาพ นำเสนอสินค้าที่ตรงใจ และมอบประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ราบรื่น ผลลัพธ์ที่ได้คือ ธุรกิจสามารถเพิ่มยอดขายและสร้างความพึงพอใจของลูกค้า | null | Classification | cc-by-nc-4.0 |
Retail_52430 | Retail | เขียนแนวคิดที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับ "เส้นทางอาหารรอบดึกในสีลมเอจ ด้วยการเปิดร้านอาหาร 24 ชั่วโมงเพื่อสร้างชีวิตชีวาในเมือง" | null | แนวคิด: เปิดผังพื้นที่รีเทล 'สีลมเอจ' จุดขายร้านอาหาร 24 ชั่วโมง
1. ความสำคัญของการเปิดร้านอาหาร 24 ชั่วโมง
- กับการเปลี่ยนแปลงในรูปแบบการใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ที่มีรอบการทำงานและกิจกรรมต่างๆ ในช่วงเวลากลางคืนหรือดึกดำบรรพ์ เปิดร้านอาหาร 24 ชั่วโมงมอบความสะดวกสบายและความเลือกในการทานอาหารในเวลาที่ไม่เป็นทางการ
2. การจัดเส้นทางร้านอาหารในพื้นที่ 'สีลมเอจ'
- การตระเวนและวางแผนการจัดเส้นทางร้านอาหารในพื้นที่ 'สีลมเอจ' เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าและรอบการทำงานในพื้นที่นั้น โดยคำนึงถึงความหลากหลายของเมนู คุณภาพของอาหาร และการบริการที่ดี
3. ผลกระทบต่อการเปิดบริการในช่วงเวลาที่ไม่ธรรมดา
- การเปิดร้านอาหาร 24 ชั่วโมงมีผลกระทบต่อการจัดการงาน การจัดสรรทรัพยากรบุคคลและการบำรุงรักษาอุปกรณ์ในระหว่างช่วงเวลาที่ไม่ธรรมดา การพิจารณาและจัดการกับความเสี่ยงและปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าว
4. การตลาดและการโปรโมต
- การใช้กลยุทธ์การตลาดและการโปรโมตในช่วงเวลาที่ไม่ธรรมดา เช่น การใช้สื่อสังคม การส่งเสริมการขายร่วมกับแหล่งท่องเที่ยวและธุรกิจในพื้นที่ และการให้บริการลูกค้าที่เป็นเอกลักษณ์
5. การพัฒนาและการปรับปรุง
- การตรวจสอบและปรับปรุงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินกิจการร้านอาหาร การสร้างและพัฒนาเมนูใหม่ การใช้เทคโนโลยีในการบริหารจัดการและการบริการ
6. การรับฟังและการปรับตัว
- การรับฟังความคิดเห็นและความพึงพอใจของลูกค้า และการปรับตัวในการดำเนินการและการบริการเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาด
การเปิดผังพื้นที่รีเทล 'สีลมเอจ' เป็นการกระตุ้นและสร้างโอกาสให้กับธุรกิจร้านอาหารในพื้นที่ดังกล่าว เพื่อให้บริการลูกค้าอย่างต่อเนื่องและครอบคลุมทุกช่วงเวลาของวัน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อทั้งผู้ประกอบการและลูกค้าในพื้นที่นั้นๆ อย่างสมบูรณ์แบบ ในทางกลับกัน การที่ร้านอาหารเปิดบริการในช่วงเวลาที่ไม่ธรรมดา ยังส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่นั้นด้วย โดยสร้างงานและเพิ่มรายได้ให้กับชุมชนและเครือข่ายธุรกิจใน | null | Creative writing | cc-by-nc-4.0 |
Retail_52431 | Retail | “Culture Convenience Club” (CCC) บริษัทแม่ของ Tsutaya และ “Sojitz Corporation” จับมือจัดตั้งบริษัทร่วมทุน เพื่อขยายแฟรนไชส์ร้านหนังสือ Tsutaya ไปยังประเทศมาเลเซีย โดยสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรท้องถิ่นในมาเลเซีย เพื่อเปิดร้านหนังสือและคาเฟ่ชื่อว่าอะไร | หากใครเกิดยุค ‘80s – ‘90s จะได้เห็นความรุ่งโรจน์ของธุรกิจร้านเช่าวิดีโอ ที่ต่อมาเป็นเช่าดีวีดี มีทั้งร้านของผู้ประกอบการรายย่อย และรูปแบบเชนที่ขยายสาขาในทำเลต่างๆ หนึ่งในนั้นคือ “Tsutaya” (ซึทาญ่า ประเทศไทย) เป็นแฟรนไชส์ซีของ Tsutaya ประเทศญี่ปุ่น แม้ทุกวันนี้ชื่อ “Tsutaya” ในไทยหายไปพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย แต่ในญี่ปุ่น “Tsutaya” ยังคงดำเนินธุรกิจมายาวนานเป็นเวลาเกือบ 40 ปีแล้ว อยู่ในเครือบริษัท “Culture Convenience Club” (CCC) โดยมีทั้งเชนร้านหนังสือใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น และร้านซีดี – ดีวีดี และเกมออนไลน์ต่างๆ รวมแล้วมีสาขากว่า 1,100 สาขา อีกทั้งยังมีช่องทางออนไลน์ และระบบ Loyalty Program “T Members” กว่า 70 ล้านสมาชิก (ณ ปี 2019) นอกจากฐานตลาดในญี่ปุ่นแล้ว ยังเปิดร้านหนังสือ Tsutaya Books ไปตลาดต่างประเทศ เช่น ไต้หวัน 6 สาขา จีน 3 สาขา และภายในปี 2022 เตรียมเปิดสาขาแรกในอาเซียนที่ประเทศมาเลเซีย เปิดร้านหนังสือ Tsutaya Books ที่มาเลเซีย สาขาแรกในอาเซียน ล่าสุด “Culture Convenience Club” (CCC) บริษัทแม่ของ Tsutaya และ “Sojitz Corporation” จับมือจัดตั้งบริษัทร่วมทุน เพื่อขยายแฟรนไชส์ร้านหนังสือ Tsutaya ไปยังประเทศมาเลเซีย โดยสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรท้องถิ่นในมาเลเซีย เพื่อเปิดร้านหนังสือและคาเฟ่ “BUKIT JALIL TSUTAYA BOOKS” บริหารโดย “TSUTAYA BOOKS Malaysia Sdn.Bhd” “BUKIT JALIL TSUTAYA BOOKS” อยู่ในศูนย์การค้า Pavilion Bukit Jalil ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ สร้างขึ้นภายใต้คอนเซ็ปต์ “Cultivate Lifestyle & Culture” ขนาดพื้นที่ 31,000 ตารางฟุต ออกแบบด้วยโมเดล Hybrid Store ภายในร้านประกอบด้วยสินค้า-บริการหลากหลาย – โซนหนังสือขนาดใหญ่ – ร้านกาแฟ – พื้นที่ทำกิจกรรมสำหรับครอบครัว – สนามเด็กเล่น และชั้นวางหนังสือที่ออกแบบมาเพื่อเด็กโดยเฉพาะ ให้น้องๆ หนูๆ ได้สนุกกับการอ่านหนังสือ – เครื่องเขียน – อุปกรณ์ศิลปะ – งานฝีมือ – สินค้าไลฟ์สไตล์ – ของตกแต่งภายใน – น้ำหอม และอื่นๆ อีกมากมาย คาดว่า BUKIT JALIL TSUTAYA BOOKS จะเปิดให้บริการภายในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2022 นับเป็นก้าวแรกของการเปิดร้านหนังสือ Tsutaya ในตลาดอาเซียน GDP Per Capita มาเลเซียสูงเป็นอันดับ 3 ของอาเซียน – กำลังซื้อชาวมาเลเซียโต เหตุผลสำคัญที่ทำให้เลือกเปิดร้าน Tsutaya Books สาขาแรกในอาเซียนที่ประเทศมาเลเซีย เนื่องจาก – เป็นประเทศที่มีศักยภาพในการเติบโตในอนาคต – GDP Per Capita (ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศต่อหัว) สูงเป็นอันดับ 3 ของอาเซียน โดยข้อมูลจากกระทรวงคลังของมาเลเซีย คาดการณ์ว่าในปี 2022 จะโตอยู่ที่ 5.5% – 6.5% – มาเลเซียมีประชากร 32.7 ล้านคนในปี 2021 และกำลังซื้อเติบโตตามรายได้ครัวเรือนที่เพิ่มสูงขึ้น – สนใจในวิถีชีวิต และวัฒนธรรมของประเทศมาเลเซีย “Culture Convenience Club” วางแผนจะเปิด 55 สาขาในมาเลเซียภายในช่วงต้นทศวรรษ 2030s นอกจากนี้ยังพิจารณาขยายไปยังประเทศอื่นของอาเซียน ร้านหนังสือรูปแบบ “Hybrid Store” ดึงคนมาใช้บริการ – สร้างการเติบโตของยอดขาย ในสถานการณ์ COVID-19 เป็นช่วงเวลายากลำบากสำหรับบริษัท “Culture Convenience Club” โดยผลประกอบการปีงบประมาณล่าสุด (สิ้นสุดมีนาคม 2021) CCC ขาดทุนสุทธิ 14,500 ล้านเยน หรือประมาณ 126 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัส ทำให้ต้องปิดให้บริการร้านหนังสือชั่วคราว ซึ่งปัจจุบันธุรกิจร้านหนังสือ และธุรกิจให้เช่า คิดเป็นสัดส่วน 30% ของกำไรจากการดำเนินงาน ส่งผลให้ CCC ต้องตัดสินใจปิดบางสาขาที่ไม่ทำกำไร ประกอบกับที่ผ่านมาพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนมาซื้อสินค้าผ่านออนไลน์มากขึ้น โดยข้อมูลกระทรวงเศรษฐกิจของญี่ปุ่น คาดการณ์ว่ายอดขายของหนังสือ ภาพยนตร์ และเพลงในญี่ปุ่น ปี 2020 มาจากช่องทางออนไลน์ 43% แม้ผู้คนจะหันมาช้อปออนไลน์มากขึ้น แต่ขณะเดียวกันก็พบว่าผู้บริโภคยังคงอยากออกมาใช้ชีวิตข้างนอก และต้องการค้าปลีกที่เป็น Hybrid Retail มีพื้นที่ให้ลูกค้าได้สนุกและเพลินเพลินไปกับอาหาร และกิจกรรมต่างๆ เช่น ในย่าน Daikanyama (ไดคังยามะ) เมืองโตเกียว มีโครงการ Daikanyama T-Site เป็นโครงการรีเทลของ Tsutaya เปิดให้บริการในปี 2011 ภายในประกอบด้วยร้านต่างๆ เช่น ร้านหนังสือ Tsutaya Books ออกแบบในคอนเซ็ปต์ A Library in the woods ร้านกาแฟ ร้านอาหาร ร้านของเล่นเด็ก และบริการสำหรับเด็ก ร้านสัตว์เลี้ยง ร้านจักรยาน และที่นั่ง Outdoor เพื่อให้ลูกค้าที่มาใช้บริการได้ใช้เวลาอ่านหนังสือ จิบกาแฟในบรรยากาศชิลๆ ที่ผ่านมา Daikanyama T-Site มียอดขายเพิ่มขึ้น 60% และมียอด Traffic เพิ่มขึ้น 20% นับตั้งแต่เปิดให้บริการปี 2011 สะท้อนให้เห็นว่าผู้บริโภคให้การตอบรับกับโมเดล Hybrid Retail Store เพราะไม่เพียงแต่สร้างความสะดวก มาที่เดียว ได้ครบเท่านั้น แต่ยังได้สัมผัสประสบการณ์ที่หลากหลาย Muneaki Masuda ผู้ก่อตั้งและประธาน Culture Convenience Club บอกว่าขณะนี้กำลังดำเนินการปรับเปลี่ยนร้าน 900 สาขาให้เป็นรูปแบบ Hybrid Store Daikanyama T-Site (Photo Credit : Facebook 代官山 蔦屋書店 DAIKANYAMA T-SITE) ทั้งนี้ Culture Convenience Club มีแผนจะขยายร้านให้ได้ 3,000 สาขา ในจำนวนนี้อยู่ในญี่ปุ่น 1,500 สาขา จีน 1,100 สาขา และ 400 สาขาในเอเชีย ซึ่งรวมไต้หวันด้วย อย่างไรก็ตาม ด้วยกฎระเบียบท้องถิ่นของแต่ละประเทศ ทำให้ดำเนินการขยายสาขาตามแผนได้ช้า อย่างการเปิดสาขาแรกในมาเลเซีย ต้องใช้เวลาดำเนินการ 2 ปี “เราตั้งตารอคอยที่จะเปิดร้านหนังสือ Tsutaya Books แห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อยากให้ชาวมาเลเซียได้สัมผัสกับแบรนด์ Tsutaya เป็นครั้งแรก โดยหวังว่าจะเป็นพื้นที่สำหรับครอบครัว เด็กผู้รักการอ่านหนังสือ การออกแบบ งานศิลปะ ให้ได้สำรวจ และเติบโตไปพร้อมกับ Tsutaya Books” Hideyuki Uemoto ผู้บริหาร Tsutaya Books มาเลเซีย กล่าวทิ้งท้าย Source Source | “Culture Convenience Club” (CCC) บริษัทแม่ของ Tsutaya และ “Sojitz Corporation” จับมือจัดตั้งบริษัทร่วมทุน เพื่อขยายแฟรนไชส์ร้านหนังสือ Tsutaya ไปยังประเทศมาเลเซีย โดยสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรท้องถิ่นในมาเลเซีย เพื่อเปิดร้านหนังสือและคาเฟ่ “BUKIT JALIL TSUTAYA BOOKS” บริหารโดย “TSUTAYA BOOKS Malaysia Sdn.Bhd”
“BUKIT JALIL TSUTAYA BOOKS” อยู่ในศูนย์การค้า Pavilion Bukit Jalil ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ สร้างขึ้นภายใต้คอนเซ็ปต์ “Cultivate Lifestyle & Culture” ขนาดพื้นที่ 31,000 ตารางฟุต ออกแบบด้วยโมเดล Hybrid Store ภายในร้านประกอบด้วยสินค้า-บริการหลากหลาย
– โซนหนังสือขนาดใหญ่
– ร้านกาแฟ
– พื้นที่ทำกิจกรรมสำหรับครอบครัว
– สนามเด็กเล่น และชั้นวางหนังสือที่ออกแบบมาเพื่อเด็กโดยเฉพาะ ให้น้องๆ หนูๆ ได้สนุกกับการอ่านหนังสือ
– เครื่องเขียน
– อุปกรณ์ศิลปะ – งานฝีมือ
– สินค้าไลฟ์สไตล์
– ของตกแต่งภายใน
– น้ำหอม และอื่นๆ อีกมากมาย
คาดว่า BUKIT JALIL TSUTAYA BOOKS จะเปิดให้บริการภายในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2022 นับเป็นก้าวแรกของการเปิดร้านหนังสือ Tsutaya ในตลาดอาเซียน | null | Closed QA | cc-by-nc-4.0 |
Retail_52446 | Retail | เขียนสิ่งที่น่าสนใจที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับ "เข้าสู่ยุคใหม่: วอลโว่ คาร์ และการเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทย" | null | หัวข้อ: วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย: การตอกย้ำความสำเร็จของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าและกลยุทธ์ธุรกิจปี 2565
ในรอบไม่กี่ปีที่ผ่านมา ตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในประเทศไทยกลับมีการเติบโตอย่างมหาศาล แม้ว่ามันจะเริ่มช้ากว่าหลายประเทศในภูมิภาค แต่กับความตั้งใจของรัฐบาลและการสนับสนุนจากภาคเอกชน ตอนนี้เริ่มมีการเข้าร่วมของผู้ผลิตรถยนต์หลายยี่ห้อในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทยอย่างจริงจัง
หลังจากที่รถยนต์ไฟฟ้าเข้าสู่ตลาดประเทศไทยอย่างเต็มที่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา วอลโว่คาร์ เป็นหนึ่งในผู้นำในตลาดนี้ ด้วยการผลิตและจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าที่มีคุณภาพและเทคโนโลยีที่ทันสมัย ส่งผลให้มีความนิยมและความได้เปรียบในการขายที่สูงขึ้นเรื่อยๆ
กลยุทธ์ธุรกิจปี 2565 ของวอลโว่คาร์เน้นไปที่การเป็นผู้นำอุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานสะอาดอย่างเต็มรูปแบบ โดยมุ่งเน้นทั้งการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อให้รถยนต์ไฟฟ้ามีประสิทธิภาพมากขึ้น และการสร้างพื้นฐานสำคัญเช่น ระบบชาร์จไฟฟ้าและสถานที่บริการที่สะดวกสบายสำหรับผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า
นอกจากนี้ วอลโว่คาร์ยังเน้นการสร้างความต่อเนื่องในการพัฒนาระบบอินเทอร์เน็ตของรถยนต์ และการนำเทคโนโลยีอัจฉริยะเข้ามาใช้ในรถยนต์ เช่น ระบบขับอัตโนมัติ ระบบเตือนการชนกัน และการเชื่อมต่อกับโลกดิจิทัล
ด้วยกลยุทธ์ที่ชัดเจนและการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ วอลโว่คาร์มีโอกาสที่จะเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทยในอนาคตอันใกล้นี้ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ทั้งสำหรับบริษัทเองและสำหรับการลดโลกร้อนในที่สุด | null | Creative writing | cc-by-nc-4.0 |
Retail_52448 | Retail | บัตรเครดิตกรุงศรีอยุธยา ร่วมกับหน่วยงานใด จัดโปรคุ้มยกเครือรับรวมสูงสุด 30% ตั้งแต่ 15 พฤศจิกายน – 31 ธันวาคม 2564 | สมหวัง โตรักตระกูล (ขวา) กรรมการผู้จัดการ บริษัท บัตรกรุงศรีอยุธยา จำกัด ร่วมกับ ปิยวรรณ ลีละสมภพ (ซ้าย) รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ฝ่ายการตลาด บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จัดโปรคุ้มยกเครือรับรวมสูงสุด 30% มอบความคุ้มเอาใจสมาชิกบัตรเครดิต กรุงศรี และลูกค้าเซ็นทรัล รีเทล รับช่วงเวลาแห่งความสุขส่งท้ายปี ด้วยดีลสุดพิเศษ จัดหนักจัดเต็มทั้งเครือ CRC กับสิทธิพิเศษ 2 ต่อที่พลาดไม่ได้ ตั้งแต่ 15 พฤศจิกายน – 31 ธันวาคม 2564 เมื่อช้อปสินค้าในเครือเซ็นทรัล รีเทล ทั้งหน้าเว็บ และหน้าร้าน ที่ร่วมรายการ ได้แก่ ท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต, ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล, โรบินสัน, ซูเปอร์สปอร์ต, เพาเวอร์บาย, ไทวัสดุ, บ้านแอนด์บียอนด์, ออโต้วัน, ออฟฟิศเมท, บีทูเอส, ซีเอ็มจี, เซ็นทรัล ออนไลน์ และท็อปส์ ออนไลน์ ต่อที่ 1 รับบัตรกำนัล หรือส่วนลดมูลค่า 300 บาท (15%) เมื่อใช้จ่ายผ่านบัตรครบ 2,000 บาทขึ้นไปต่อเซลส์สลิป ตามเงื่อนไข เฉพาะสาขาหรือเว็บไซต์ที่ร่วมรายการ (รับสิทธิพิเศษส่วนลดสูงสุด 300 บาท เฉพาะช่องทางเซ็นทรัล ออนไลน์ และเซ็นทรัล แอป) ต่อที่ 2 แลกกรุงศรีพอยต์รับเครดิตเงินคืน 15% หรือเทียบเท่า 300 บาท เมื่อใช้จ่ายผ่านบัตร 2,000 บาทขึ้นไป/เซลล์สลิป และใช้ 2,000 พอยต์ แลกพอยต์ผ่านแอป UCHOOSE เงื่อนไขตามที่บริษัทกำหนด ข้อมูลเพิ่มเติม www.krungsricard.com/th/Promotion/department_stores/CRC | บัตรเครดิตกรุงศรีอยุธยา ร่วมกับ เซ็นทรัล รีเทล จัดโปรคุ้มยกเครือรับรวมสูงสุด 30% มอบความคุ้มเอาใจสมาชิกบัตรเครดิต กรุงศรี และลูกค้าเซ็นทรัล รีเทล รับช่วงเวลาแห่งความสุขส่งท้ายปี ด้วยดีลสุดพิเศษ จัดหนักจัดเต็มทั้งเครือ CRC กับสิทธิพิเศษ 2 ต่อที่พลาดไม่ได้ ตั้งแต่ 15 พฤศจิกายน – 31 ธันวาคม 2564
เมื่อช้อปสินค้าในเครือเซ็นทรัล รีเทล ทั้งหน้าเว็บ และหน้าร้าน ที่ร่วมรายการ ได้แก่ ท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต, ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล, โรบินสัน, ซูเปอร์สปอร์ต, เพาเวอร์บาย, ไทวัสดุ, บ้านแอนด์บียอนด์, ออโต้วัน, ออฟฟิศเมท, บีทูเอส, ซีเอ็มจี, เซ็นทรัล ออนไลน์ และท็อปส์ ออนไลน์ ต่อที่ 1 รับบัตรกำนัล หรือส่วนลดมูลค่า 300 บาท (15%) เมื่อใช้จ่ายผ่านบัตรครบ 2,000 บาทขึ้นไปต่อเซลส์สลิป ตามเงื่อนไข เฉพาะสาขาหรือเว็บไซต์ที่ร่วมรายการ (รับสิทธิพิเศษส่วนลดสูงสุด 300 บาท เฉพาะช่องทางเซ็นทรัล ออนไลน์ และเซ็นทรัล แอป) ต่อที่ 2 แลกกรุงศรีพอยต์รับเครดิตเงินคืน 15% หรือเทียบเท่า 300 บาท เมื่อใช้จ่ายผ่านบัตร 2,000 บาทขึ้นไป/เซลล์สลิป และใช้ 2,000 พอยต์ แลกพอยต์ผ่านแอป UCHOOSE เงื่อนไขตามที่บริษัทกำหนด | null | Closed QA | cc-by-nc-4.0 |
Retail_52449 | Retail | เขียนโฆษณาแคมเปญที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับ"เซ็นทรัล รีเทล: สร้างความเป็นเลิศในการช้อป คว้า 5 รางวัลระดับเอเชีย!" | null | เรียนท่านผู้สนใจการช้อปและเป็นที่รู้จักของเราทุกท่าน,
เซ็นทรัล รีเทล - ชื่อที่คุ้นเคยและได้รับการยอมรับอย่างแรงกล้าในวงการการค้าและบริการทั่วโลก บอกเล่าความเป็นไปได้ที่เราได้รับความยอมรับอย่างสูงใน Asian Excellence Awards 2021 ที่เป็นที่ตั้งของความเป็นผู้นำด้านรีเทลและองค์กรเป็นเลิศระดับเอเชียได้อย่างชัดเจน!
เราได้คว้ารางวัลที่สำคัญได้แก่
1. รางวัลความเป็นผู้นำที่เน้นการบริการ: เรามุ่งมั่นในการให้บริการที่ยอดเยี่ยมและปรับปรุงอย่างต่อเนื่องเพื่อความพึงพอใจของลูกค้าทุกท่าน!
2. รางวัลความคิดสร้างสรรค์ในการตลาด : เราพัฒนาและสร้างสรรค์ประสบการณ์การช้อปที่ไม่เหมือนใคร เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่สุดยอดและหลงใหล!
3. รางวัลความยืดหยุ่นและการปรับตัว: เราก้าวข้ามและปรับปรุงตนเองในการตอบสนองความต้องการและเปลี่ยนแปลงของตลาดอย่างมีประสิทธิภาพ!
4. รางวัลความยอดเยี่ยมในการสร้างภูมิคุ้มกัน: เราให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลของลูกค้าอย่างสูงสุด!
5. รางวัลความยอดเยี่ยมในการสร้างภูมิคุ้มกัน: เราให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลของลูกค้าอย่างสูงสุด!
ทีมงานของเราหวังว่าท่านจะได้สนุกสนานและเพลิดเพลินกับประสบการณ์การช้อปที่เซ็นทรัล รีเทล เสมอ และขอขอบคุณที่ท่านเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จนี้!
มาร่วมเพลิดเพลินกับการช้อปและประสบการณ์ที่หลากหลายที่เซ็นทรัล รีเทล ให้ได้รับรางวัลและความพึงพอใจอย่างแท้จริง! | null | Creative writing | cc-by-nc-4.0 |
Retail_52473 | Retail | เขียนเรื่องสั้นที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับ "เส้นทางสู่ความเจริญ: การเปิดตัว IPO ของ ORZON และการแรงบันดาลใจจาก 'ยูนิคอร์น'" | null | บันทึกเหตุการณ์: วันนี้ 27 มีนาคม พ.ศ. 2567
ฉันยืนหนึ่งหน้าตู้เอดีอาร์ที่ห้องส่วนตัวของฉัน หลังจากที่ได้ยินข่าวว่ากองทุน ORZON จะเปิดตัวการรันเวย์ดันสตาร์ทอัพไทย IPO ตามรอยพี่ใหญ่ OR มั่นใจ 3 ปีมี 'ยูนิคอร์น' อยู่ในพอร์ต ที่เพื่อนหนึ่งในวงการการเงินเปิดเผยเมื่อสักคืน นี่เป็นข่าวที่เข้ามาในทางที่ดี มันทำให้ฉันเต็มไปด้วยความหวังและความตื่นตาตื่นใจ
ตัวเลือกการลงทุนต่าง ๆ มักจะทำให้ฉันสับสน แต่เมื่อได้ยินข่าวเหล่านี้ มันกลายเป็นเรื่องที่น่าตื่นตาตื่นใจมากขึ้น เปิดตัวการรันเวย์ดันสตาร์ทอัพแบบนี้อาจจะเป็นโอกาสที่ดีในการลงทุนที่ไม่ควรพลาด
ORZON มีชื่อเสียงด้านการลงทุนที่ดี และการรันเวย์ดันสตาร์ทอัพในไทยอาจจะเป็นอีกหนึ่งขั้นตอนสำคัญในการขยายฐานการลงทุนของพวกเขาในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
หลังจากที่เห็นว่าการรันเวย์ดันสตาร์ทอัพ IPO ของ ORZON มี 'ยูนิคอร์น' อยู่ในพอร์ต ฉันรู้สึกมั่นใจมากขึ้น ยูนิคอร์นเป็นบริษัทที่มีความนิยมในวงการเทคโนโลยีและการพัฒนาซอฟต์แวร์ ซึ่งมันเป็นสัญลักษณ์ที่ดีที่ ORZON ให้ความสำคัญและมีในพอร์ตของพวกเขา
การลงทุนใน IPO ไม่ได้มีความเสี่ยงเท่าที่คนอาจจะคิด เพราะมันเป็นโอกาสที่จะซื้อหุ้นในราคาต่ำกว่าราคาตลาด และเมื่อ ORZON เปิดตัว IPO ของตัวเองในที่สุด มันอาจจะเป็นโอกาสที่ดีในการทำกำไร
สำหรับฉัน นี่เป็นเวลาที่จะลงทุนอย่างรอบคอบ และฉันไม่สามารถรอให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นได้มากกว่านี้แล้ว ฉันจะติดตามและทำการวิเคราะห์ข้อมูลให้ดีที่สุดเพื่อให้มั่นใจว่าการลงทุนของฉันเป็นไปอย่างปลอดภัยและมั่นใจได้อย่างแน่นอน วันที่ฉันรอคอยกำลังเข้ามาใกล้แล้ว | null | Creative writing | cc-by-nc-4.0 |
Retail_52477 | Retail | “ยูนิโคล่” (Uniqlo) เปิดสาขาแรกในไทยที่ไหน | null | “ยูนิโคล่” (Uniqlo) เปิดสาขาแรกในไทยที่ “เซ็นทรัลเวิลด์” ในเดือนกันยายน 2554 โดยไทยเป็นประเทศที่ 3 ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ต่อจากสิงคโปร์ และมาเลเซีย ปี 2556 ยูนิโคล่เปิดสาขาแรกในต่างจังหวัดที่พัทยา จังหวัดชลบุรี เพื่อเจาะตลาดภาคตะวันออก ตามด้วยภาคเหนือ เปิดสาขาที่เชียงใหม่ ภาคใต้ที่จังหวัดภูเก็ต ภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่จังหวัดอุดรธานี และภาคตะวันตกที่หัวหิน ประจวบคีรีขันธ์ ปี 2559 เปิด “ยูนิโคล่ ออนไลน์ สโตร์” (Uniqlo Online Store) เพื่อให้ลูกค้าช้อปปิ้งออนไลน์ได้ตลอด24 ชั่วโมง ปี 2561 เปิด “ยูนิโคล่ โรดไซด์ พัฒนาการ” (Uniqlo Roadside Store) สาขาแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นโมเดล Stand Alone อยู่ในย่านที่พักอาศัย – ชุมชน ถึงปัจจุบันมี 6 สาขาคือ ลาซาล บุญถาวร อินเด็กซ์ลิฟวิ่งมอลล์ชัยพฤกษ์ มีนบุรี และนวมินทร์ ปี 2562 เปิดตัวนิตยสาร LifeWear Magazine ฉบับที่ 1 เป็นนิตยสารแจกฟรี ตีพิมพ์ช่วงฤดูใบไม้ร่วง/ฤดูหนาว และฤดูใบไม้ผลิ/ฤดูร้อน เพื่อเป็นช่องทางในการสื่อสารข้อมูลข่าวสารยูนิโคล่ และปรัชญา LifeWear ไปยังผู้บริโภคไทย ปี 2563 เปิดตัวพรีเซนเตอร์คนแรกของยูนิโคล่ ประเทศไทย “ญาญ่า – อุรัสยา เสปอร์บันด์” ปัจจุบันยูนิโคล่มีสาขาในไทยทั้งหมด 54 สาขา โดยสาขาล่าสุดคือ ยูนิโคล่ ที่เซ็นทรัลพลาซา นครศรีธรรมราช และมีแผนที่จะขยายสาขาใหม่คือ เซ็นทรัล ศรีราชา และ เซ็นทรัล อยุธยา ผลประกอบการยูนิโคล่ ประเทศไทย (กรมพัฒนาธุรกิจการค้า) ปี 2563 รายได้ 10,550 ล้านบาท / กำไร 2,007 ล้านบาท – ปี 2562 รายได้ 12,173 ล้านบาท / กำไร 2,424 ล้านบาท – ปี 2561 รายได้ 10,130 ล้านบาท / กำไร 1,971 ล้านบาท | null | Open QA | cc-by-nc-4.0 |
Retail_52491 | Retail | จงเขียนเรื่องสั้นที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับ ""สมรภูมิอีคอมเมิร์ซ: การประชัน Lazada และ Shopee ในโลกของการค้าออนไลน์" | null | ในโลกของการค้าออนไลน์ในปัจจุบันนี้ สมรภูมิ "อีคอมเมิร์ซ" กลายเป็นเหมือนเขตสงครามที่แข่งเลือดกันอย่างไม่มีวันสิ้นสุดระหว่างแพลตฟอร์มชั้นยอดอย่าง Shopee และ Lazada ซึ่งเป็นสองนายแบบที่คอยต่อสู้เพื่อควบคุมตลาดออนไลน์ในประเทศไทยอย่างไม่มีเมตตา
เมื่อความแข่งขันกลายเป็นเรื่องของความสำเร็จและความเสี่ยง การเป็นผู้นำในตลาดนี้มิได้มาเพียงแค่การเดินเร็ว แต่ต้องมีความสามารถในการปรับตัวและทำให้ผู้บริโภคต้องการสินค้าและบริการของตนมากที่สุด
ในช่วงเวลาที่ประเทศไทยเข้าสู่ช่วงปีใหม่ สมรภูมิ "อีคอมเมิร์ซ" เต็มไปด้วยความเศร้าสลดเมื่อ Lazada และ Shopee ประกาศอัปเกรดระบบของตนในวันเดียวกัน โดยทั้งสองนั้นหวังจะครองแชมป์ในตลาดออนไลน์อย่างสมบูรณ์แบบ
การประชันระหว่าง Lazada และ Shopee เป็นเรื่องระหว่างไฟและไฟฟ้า โซนของสมรภูมินี้แห่งการแข่งขันอันดุเดือดได้แก่การลดราคาสินค้าที่ขายดีเพื่อดึงดูดลูกค้า การให้บริการลูกค้าอย่างมีความเร็วและมีประสิทธิภาพ เช่นการจัดส่งสินค้าในเวลาที่สั้นที่สุด และการสร้างโปรโมชั่นที่น่าตื่นเต้น
เมื่อวันที่เฉลิมฉลองของการอัปเกรดสมรภูมินี้มาถึง ทั้งสองฝ่ายได้ประกาศรายการโปรโมชั่นและส่วนลดที่ไม่เหมือนใคร การแข่งขันในวันนั้นกลับกลายเป็นเหมือนการต่อสู้ในสนามรบของนักรบสามัญที่มีเพียงหนึ่งคนที่จะได้ยินเสียงแห่งชัยชนะ
ลูกค้าก็คือนักทัวร์นาเมนต์ที่ยามนี้กลายเป็นผู้ที่คอยให้กำลังใจและพลังงานให้กับแพลตฟอร์มที่พวกเขาชื่นชม และในที่สุด เมื่อเวลาประกาศผลการแข่งขันมาถึง มันก็คือ Lazada ที่เอาชนะ Shopee ด้วยรายได้จากการขายสินค้าที่มากกว่า และเป็นผู้ครองแชมป์ในสมรภูมิ "อีคอมเมิร์ซ" ที่แข่งเดือดทะลุ 7.5 แสนล้าน
แต่การเป็นแชมป์ในโลกของ "อีคอมเมิร์ซ" ไม่ได้มาพร้อมกับการพักผ่อนหรือการหยุดพัก เพราะการแข่งขันนี้ไม่มีวันสิ้นสุด และ Shopee ที่พ่ายแพ้ในครั้งนี้ก็ยังคงมุ่งมั่นที่จะกลับมาอยู่ในสุดยอดของสมรภูมิอีกครั้ง ในรอบต่อไปของการต่อสู้ในโลกของ "อีคอมเมิร์ซ" ที่หากว่าคุณมองดูอย่างใกล้ชิดก็จะพบว่า ยังคงยืนอยู่ในสมรภูมิ "อีคอมเมิร์ซ" หลังจากการแข่งขันอันดุเดือดระหว่าง Lazada และ Shopee เมื่อคืนนี้ แต่ในสุดท้ายเมื่อเวลาของการประกาศผลการแข่งขันกลับมาถึง มันก็คือ Lazada ที่ยืนยันตัวเป็นผู้ครองแชมป์ของสมรภูมิ "อีคอมเมิร์ซ" ครั้งนี้ | null | Creative writing | cc-by-nc-4.0 |
Retail_52524 | Retail | Masan ถือหุ้นใน The CrownXกี่เปอร์เซ็นต์ | a. 70.9%
b. 80.1%
c. 80.2%
d. 79.8% | ข้อที่ถูกต้องได้แก่ c. เนื่องจาก ร้านมินิมาร์ท Vinmart+ อีกหนึ่งเชนค้าปลีกของ VinCommerce กลุ่มธุรกิจค้าปลีกที่ปัจจุบันอยู่ในเครือ Masan Group (Photo Credit: Facebook VinMart+ Truyền cảm hứng) Alibaba Group และ Baring Private Equity Asia พร้อมด้วยพาร์ทเนอร์ ระดมทุน 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อเข้าถือหุ้น 5.5% ใน “The CrownX” บริษัทธุรกิจค้าปลีกในเครือ Masan Group Corporation ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ประกอบหลายธุรกิจในเวียดนาม ทั้งค้าปลีก สินค้าอุปโภคบริโภค ผลิตเนื้อสัตว์ครบวงจร ธุรกิจการเงิน ธุรกิจแร่และเคมี “The CrownX” ก่อตั้งขึ้นจากการควบรวมกิจการระหว่าง Masan Consumer Holdings และกลุ่มค้าปลีกของ Vingroup ที่ดำเนินธุรกิจภายใต้ VinCommerce โดย Masan ถือหุ้นใน The CrownX 80.2% และมีมูลค่าธุรกิจอยู่ที่ 6,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายใต้ข้อตกลงการเข้าถือหุ้นในครั้งนี้ของ Alibaba จะสร้างความร่วมมือ Win-Win Strategy ทั้งสองฝ่าย | null | Multiple choice | cc-by-nc-4.0 |
Retail_52527 | Retail | จงเขียนเรื่องสั้นที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับ"ก้าวสู่ความสำเร็จ: เรื่องราวของ CRC ในการฟื้นตัวหลังจากโควิด-19" | null | ชื่อ: ความเร็วของการฟื้นตัว
ในปีที่ผ่านมาหลังจากการระบาดของโรคระบาดจากไวรัสโคโรนา โควิด-19 ธุรกิจและกิจกรรมต่างๆ ในชาติได้รับความกระทบอย่างหนัก มีผู้คนและองค์กรต่างกันเจอความยากลำบากทั้งเศรษฐกิจและสังคมอย่างไม่น้อย แต่เมื่อมองดูในมุมมองที่แตกต่าง จะพบว่ามีกลุ่มบริษัทที่สามารถพลิกไตรมาสแรกของปีให้กลับมาสู่สภาพปกติเกือบสมบูรณ์ได้เช่นกัน ซึ่งบริษัทที่มีส่วนสำคัญในการผันผวนนี้คือ CRC หรือ บริษัทต่อสู้กับสายพันธุกรรม (CRC) ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทางยาที่มีชื่อเสียงในตลาดที่ทั่วไปและในสาขาการแพทย์อย่างเฉพาะยิ่งกว่า ความสำเร็จนี้ทำให้เกิดการตกแต่งให้กับผู้บริหารหน้าใหม่ในบริษัทที่ได้ส่งผลให้มีการดันผลประกอบการที่มากขึ้นและแตะถึงเป้าหมายที่กำหนดไว้ในช่วงเวลานั้นถึง 90% ของก่อนโควิด
เมื่อมองย้อนกลับไปที่ช่วงเริ่มแรกของการระบาดโควิด ทุกคนในบริษัท CRC ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง การปิดโรงงานและการจำกัดการเดินทางได้ทำให้กระบวนการผลิตขัดข้อง การค้าขายลดลงอย่างสมหวัง และส่งผลให้กำไรลดลงอย่างมหาศาล แต่นับเป็นเครื่องมือบางอย่างสำหรับบริษัทนี้ที่มีประสบการณ์ในการต่อสู้กับความท้าทาย และด้วยความรู้และประสบการณ์ที่มีอยู่ เขาได้ดำเนินการต่างๆ เพื่อให้บริษัทมีการฟื้นตัวกลับมาอย่างรวดเร็ว
การดำเนินงานและการดูแลรักษาลูกค้าเก่าที่มีอยู่ การสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าใหม่ การลงทุนในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ และการปรับตัวให้เข้ากับสภาพการเปลี่ยนแปลงในตลาด ทั้งนี้เป็นเพียงบางส่วนของกิจกรรมที่เขาทำเพื่อให้บริษัทมีการกลับมาฟื้นตัวได้ และเป็นเหตุให้มีการดันผลประกอบการสู่ระดับสูงสุด
ด้วยความพยายามและความมุ่งมั่น บริษัท CRC สามารถฟื้นตัวกลับมาอย่างมั่นคงและประสบความสำเร็จอย่างน่าประทับใจ แสดงให้เห็นถึงความเชื่อที่มีในความสามารถของตนเองและความมุ่งมั่นที่จะทำให้สำเร็จอย่างต่อเนื่องในอนาคต | null | Creative writing | cc-by-nc-4.0 |
Retail_52528 | Retail | อะไรคือ กลยุทธ์ของโลตัสในการเปิดสาขาใหม่ที่เดอะ มาร์เก็ต แบงคอก? | null | กลยุทธ์ของโลตัสในการเปิดสาขาใหม่ที่เดอะ มาร์เก็ต แบงคอก มีดังนี้:
1. เจาะกลุ่มลูกค้าใจกลางเมือง: โลตัสเลือกเปิดสาขาในศูนย์การค้าเดอะ มาร์เก็ต แบงคอก ตั้งอยู่ใจกลางเมืองราชประสงค์ แหล่งรวมนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติ ทำเลนี้ช่วยให้โลตัสเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่ต้องการความสะดวก รวดเร็ว และต้องการสินค้าอุปโภคบริโภคในชีวิตประจำวัน
2. เพิ่มโอกาสเข้าถึงลูกค้าต่างชาติ: โลตัสเล็งเห็นศักยภาพของนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในย่านราชประสงค์ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีนและเวียดนาม ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าหลักของบิ๊กซี ราชดำริ คู่แข่งหลักในย่านนี้ การเปิดสาขาใหม่นี้ช่วยให้โลตัสมีโอกาสเข้าถึงลูกค้ากลุ่มนี้มากขึ้น
3. เสริมสร้างแบรนด์ดิ้ง: โลตัสต้องการใช้สาขานี้เป็น Touch Point ในการสร้างการรับรู้แบรนด์โลตัส และสินค้า บริการในเครือซีพี ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น
4. ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมือง: โลตัสออกแบบสาขานี้ให้เป็นซูเปอร์มาร์เก็ต เน้นสินค้าในชีวิตประจำวัน ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองที่ต้องการความสะดวกรวดเร็ว
5. สร้าง Win-Win กับเดอะ มาร์เก็ต แบงคอก: โลตัสต้องการสร้าง Win-Win กับเดอะ มาร์เก็ต แบงคอก โดยโลตัสจะดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาใช้บริการในศูนย์การค้า
6. เติมเต็มจุดอ่อนของเดอะ มาร์เก็ต แบงคอก: เดอะ มาร์เก็ต แบงคอก เผชิญปัญหาเรื่องจำนวนลูกค้าที่ยังไม่คึกคัก การเปิดสาขาของโลตัสจะช่วยดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาใช้บริการมากขึ้น
7. เพิ่มความครบวงจรให้กับศูนย์การค้า: ซูเปอร์มาร์เก็ตเป็นหนึ่งใน Magnet สำคัญของธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ การมีโลตัสมาเปิดสาขา จะช่วยเพิ่มความครบวงจรให้กับเดอะ มาร์เก็ต แบงคอก
8. เตรียมพร้อมรับการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว: โลตัสคาดการณ์ว่าเมื่อสถานการณ์ COVID-19 คลี่คลาย การท่องเที่ยวจะกลับมาฟื้นตัว การเปิดสาขาใหม่นี้จะช่วยให้โลตัสพร้อมรองรับนักท่องเที่ยวที่จะกลับมาเที่ยวประเทศไทย
9. เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน: การเปิดสาขาใหม่ในย่านที่มีการแข่งขันสูง จะช่วยให้โลตัสเรียนรู้กลยุทธ์ และพัฒนาตัวเองเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน
10. ขยายฐานลูกค้า: การเปิดสาขาใหม่ช่วยให้โลตัสขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ
โดยสรุป: กลยุทธ์ของโลตัสในการเปิดสาขาใหม่ที่เดอะ มาร์เก็ต แบงคอก มุ่งเน้นไปที่การเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใจกลางเมือง เพิ่มโอกาสเข้าถึงลูกค้าต่างชาติ เสริมสร้างแบรนด์ดิ้ง ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมือง สร้าง Win-Win กับเดอะ มาร์เก็ต แบงคอก เติมเต็มจุดอ่อนของเดอะ มาร์เก็ต แบงคอก เพิ่มความครบวงจรให้กับศูนย์การค้า เตรียมพร้อมรับการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และขยายฐานลูกค้า | null | Open QA | cc-by-nc-4.0 |
Retail_52533 | Retail | กลุ่มค้าปลีกและบริการมีกลยุทธ์อย่างไรในการดึงดูดลูกค้าให้กลับมาใช้จ่ายในร้านค้าปลีกและบริการหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย | null | กลยุทธ์ดึงดูดลูกค้ากลับมาใช้จ่าย
กลุ่มค้าปลีกและบริการมีกลยุทธ์ดึงดูดลูกค้ากลับมาใช้จ่าย ดังนี้
1. เน้นความปลอดภัยและสุขอนามัย:
เพิ่มมาตรการรักษาความสะอาดและสุขอนามัยในร้านค้า
จัดหาเจลแอลกอฮอล์ล้างมือ และหน้ากากอนามัยให้ลูกค้า
ควบคุมจำนวนลูกค้าในร้าน
นำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อลดการสัมผัส เช่น การชำระเงินผ่าน QR Code
2. มอบประสบการณ์การช้อปปิ้งที่สะดวก:
พัฒนาระบบการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์และจัดส่งสินค้า
นำเสนอบริการ Click & Collect
พัฒนาระบบชำระเงินออนไลน์ที่ปลอดภัยและสะดวก
3. เสนอโปรโมชั่นและส่วนลด:
จัดแคมเปญส่งเสริมการขาย
เสนอส่วนลดพิเศษ
มอบคะแนนสะสม
4. เน้นสินค้าและบริการที่ตรงกับความต้องการ:
ศึกษาพฤติกรรมของลูกค้า
นำเสนอสินค้าและบริการที่ตรงกับความต้องการ
พัฒนาสินค้าและบริการใหม่ ๆ
5. สร้างบรรยากาศการช้อปปิ้งที่น่าสนใจ:
ตกแต่งร้านค้าใหม่
จัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย
นำเสนอความบันเทิง
ตัวอย่าง
ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล จัดแคมเปญ "Central Let's Shopping Festival" มอบส่วนลดสูงสุด 70% และคะแนนสะสม The 1 Card เท่าตัว
ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน จัดแคมเปญ "Robinson Crazy Sale" มอบส่วนลดสูงสุด 80% และผ่อน 0% นาน 10 เดือน
เทสโก้ โลตัส จัดแคมเปญ "Lotus Big Sale" มอบส่วนลดสินค้าอุปโภคบริโภคและสินค้าราคาประหยัด
ผลลัพธ์ที่คาดหวัง:
ดึงดูดลูกค้ากลับมาใช้จ่ายในร้านค้าปลีกและบริการ
เพิ่มยอดขาย
กระตุ้นเศรษฐกิจ
สรุป
กลุ่มค้าปลีกและบริการต้องปรับกลยุทธ์เพื่อดึงดูดลูกค้ากลับมาใช้จ่าย โดยเน้นความปลอดภัย สะดวก ตรงใจ และน่าสนใจ
คำแนะนำเพิ่มเติม
กลุ่มค้าปลีกและบริการควรใช้ประโยชน์จากข้อมูลเชิงลึกของลูกค้าเพื่อนำเสนอสินค้าและบริการที่ตรงใจ
ควรพัฒนาช่องทางออนไลน์ควบคู่ไปกับช่องทางออฟไลน์
ควรสร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ไม่เหมือนใครเพื่อดึงดูดลูกค้า | null | Brainstorming | cc-by-nc-4.0 |
Retail_52536 | Retail | ตั้งแต่วันที่ 23 เมษายน 2021 ทาง Muji ตัดสินใจเปลี่ยนมาใช้สิ่งใดในการบรรจุเครื่องดื่มต่าง ๆ ในร้านสาขาทั่วประเทศญี่ปุ่นแทนพลาสติก | แม้ว่าพลาสติกจะนำไปรีไซเคิลได้ไม่ต่างกับวัสดุอื่น ๆ แต่ดูเหมือน Muji จะไม่อยากให้มีขวดเครื่องดื่มพลาสติกอยู่ในร้านของตนเองอีกต่อไป ด้วยเหตุนี้ ตั้งแต่วันที่ 23 เมษายนที่ผ่านมา ทาง Muji ก็เลยตัดสินใจเปลี่ยนมาใช้ “อลูมิเนียม” ในการบรรจุเครื่องดื่มต่าง ๆ ในร้านสาขาทั่วประเทศญี่ปุ่นแทนเรียบร้อย เหตุผลนั้นก็ไม่ซับซ้อน Muji บอกว่า เพราะอลูมิเนียมนั้นรีไซเคิลได้ง่ายกว่า และสามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้มากกว่าพลาสติกนั่นเอง ยกตัวอย่างเครื่องดื่มที่เปลี่ยนมาอยู่ในขวดอลูมิเนียม อาทิ น้ำโซดา น้ำชา ที่ในตอนนี้ถูกบรรจุอยู่ในขวดเรียบหรูดูดีขนาด 200 มิลลิลิตรแล้ว Muji ยังบอกด้วยว่า ขวดอลูมิเนียมที่ปิดทึบนั้นยังช่วยปกป้องเครื่องดื่มจากแสงสว่างภายนอกได้ด้วย ซึ่งการที่อลูมิเนียมช่วยรักษาคุณภาพสินค้าได้ดีกว่าขวดพลาสติกนั้น ยังเป็นการช่วยยืดอายุสินค้าบนชั้นวางให้อยู่ได้นานขึ้นด้วย ทั้งนี้ ข้อมูลจากสมาคมรีไซเคิลกระป๋องอลูมิเนียมของญี่ปุ่นระบุว่า ในแต่ละปี ญี่ปุ่นสามารถรีไซเคิลกระป๋องอลูมิเนียมได้ราว 97.9% ของกระป๋องทั้งหมดเลยทีเดียว | ตั้งแต่วันที่ 23 เมษายน 2021 ทาง Muji ตัดสินใจเปลี่ยนมาใช้ “อลูมิเนียม” ในการบรรจุเครื่องดื่มต่าง ๆ ในร้านสาขาทั่วประเทศญี่ปุ่นแทนพลาสติก เหตุผลเพราะอลูมิเนียมนั้นรีไซเคิลได้ง่ายกว่า และสามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้มากกว่าพลาสติกนั่นเอง | null | Closed QA | cc-by-nc-4.0 |
Retail_52541 | Retail | ข้อมูลอินไซต์ของลูกค้าในการใช้บัตรเดบิต มีทั้งหมด 4 เรื่องสำคัญที่ลูกค้าให้ความสนใจได้แก่อะไรบ้าง | null | 1.Convenience & Access สามารถใช้จ่ายทุกที่ได้สะดวก ไม่ต้องพกเงินสด หรือเงินสดไม่พอ บัตรเดบิตใช้จ่ายที่ point of sale ได้ทุกจุด และใช้ได้หลายสกุลเงินเมื่อต้องซื้อสินค้าออนไลน์ และหากต้องการใช้เงินสด ก็สามารถกดเงินได้ทุกสกุลเงิน
2.Safety & Security ความปลอดภัยในการใช้จ่ายไม่ต้องพกเงินสด โดยเฉพาะในช่วงโควิด-19 ที่อาจมีความเสี่ยงในการติดเชื้อโรคได้ ลดความเสี่ยงการทำเงินหาย
3.Financial Discipline มีวินัยทางการเงิน คือ มีเงินเท่าไหร่จ่ายตามวงเงิน (บัตรเดบิตรูดไม่ได้ถ้าไม่มีเงินเหลือ) ทำให้ไม่ใช้จ่ายเกินตัวและไม่ต้องมาเป็นหนี้จากการใช้บัตร
4.สิทธิประโยชน์ และพริวิเลจต่างๆ ลูกค้าจะรู้สึกดีหากได้สิทธิพิเศษต่างๆ จากการใช้บัตรเดบิต และจะชอบมากขึ้นหากเลือกในสิ่งที่ชอบได้ บัตรเดบิตจึงต้องทำหน้าที่ให้มูลค่ามากกว่าเงินสด (More Value Than Cash) | null | Open QA | cc-by-nc-4.0 |
Retail_52557 | Retail | แอปพลิเคชัน “UCHOOSE” (ยูชูส) แอปพลิเคชันสำหรับสมาชิกบัตรเครดิตในเครือกรุงศรี คอนซูมเมอร์ คว้ารางวัลใด จากงาน Global Retail Banking Innovation Awards 2020 | “ยูชูส แอปตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ดีเด่น – นางสาวฉัตราพร อิงคนันทวารี ผู้อำนวยการอาวุโส บริหารงานช่องทางดิจิทัล แผนกนวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการเงิน กรุงศรี คอนซูมเมอร์ เป็นตัวแทนกรุงศรี คอนซูมเมอร์ ผู้นำในธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล คว้ารางวัลชนะเลิศแอปพลิเคชันตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ดีเด่น (Winner of Best Lifestyle App) จากงาน Global Retail Banking Innovation Awards 2020 จากความสำเร็จของแอปพลิเคชัน “UCHOOSE” (ยูชูส) แอปพลิเคชันสำหรับสมาชิกบัตรเครดิตในเครือกรุงศรี คอนซูมเมอร์ ที่มอบการบริการหลากหลาย ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การใช้จ่าย อาทิ บริการตรวจสอบยอดใช้จ่ายและจัดการบัญชีบัตรเครดิต, บริการชำระเงินด้วย QR บัตรเครดิต, บริการจ่ายบิลบัตรเครดิตและบัตรสินเชื่อโดยเชื่อมต่อกับแอป KMA, สมัครบัตรเครดิตและบัตรสินเชื่อในเครือกรุงศรี คอนซูมเมอร์, บริการแลกคะแนนสะสม, พร้อมเอาใจนักช้อปให้เลือกซื้อสินค้าหรือบริการจาก 25 พันธมิตรชั้นนำผ่านแอป เป็นต้น ปัจจุบันมีสมาชิกบัตรลงทะเบียนใช้งาน 6 ล้านใบ | แอปพลิเคชัน “UCHOOSE” (ยูชูส) แอปพลิเคชันสำหรับสมาชิกบัตรเครดิตในเครือกรุงศรี คอนซูมเมอร์ คว้ารางวัลชนะเลิศแอปพลิเคชันตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ดีเด่น (Winner of Best Lifestyle App) จากงาน Global Retail Banking Innovation Awards 2020 จากความสำเร็จของแอปพลิเคชันสำหรับสมาชิกบัตรเครดิตในเครือกรุงศรี คอนซูมเมอร์ ที่มอบการบริการหลากหลาย ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การใช้จ่าย อาทิ บริการตรวจสอบยอดใช้จ่ายและจัดการบัญชีบัตรเครดิต, บริการชำระเงินด้วย QR บัตรเครดิต, บริการจ่ายบิลบัตรเครดิตและบัตรสินเชื่อโดยเชื่อมต่อกับแอป KMA, สมัครบัตรเครดิตและบัตรสินเชื่อในเครือกรุงศรี คอนซูมเมอร์, บริการแลกคะแนนสะสม, พร้อมเอาใจนักช้อปให้เลือกซื้อสินค้าหรือบริการจาก 25 พันธมิตรชั้นนำผ่านแอป เป็นต้น | null | Closed QA | cc-by-nc-4.0 |
Retail_52567 | Retail | การพัฒนาฟีเจอร์รับชำระเงินในชื่อ Uniqlo Pay เป็นความร่วมมือกันของ Fast Retailing กับบริษัทใด | Uniqlo ผนวกฟังก์ชันการชำระเงินที่พัฒนาขึ้นเองลงในแอปพลิเคชันแล้ว ในชื่อ “Uniqlo Pay” หลังจากก่อนหน้านี้ให้ Third Party รับหน้าที่ดูแล ซึ่งคาดว่าจะช่วยให้ Uniqlo และบริษัทแม่อย่าง Fast Retailing เข้าถึงประวัติการซื้อของลูกค้าแต่ละรายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงสามารถนำข้อมูลเหล่านี้มาใช้ในการวางแผนการผลิต การจัดจำหน่ายได้ดีขึ้นด้วย สำหรับการพัฒนาฟีเจอร์รับชำระเงินในชื่อ Uniqlo Pay นี้ เป็นความร่วมมือกันของ Fast Retailing กับ Sumitomo Mitsui Banking Corp. โดยจะมีการเชื่อมโยงข้อมูลบัญชีธนาคาร และบัตรเครดิตเข้ามาภายในแอปฯ เมื่อต้องการชำระเงิน ระบบจะสร้างเป็น QR Code ให้กับแคชเชียร์เพื่อการชำระเงินได้เลยทันที โดยในช่วงเริ่มต้น พบว่ามีธนาคารที่เข้าร่วม 3 แห่งได้แก่ SMBC, Mitsubishi UFJ Financial Group และ Resona Holdings ซึ่งเท่ากับว่า ลูกค้าธนาคารทั้ง 3 แห่งนี้สามารถเชื่อมบัญชีของตัวเองเข้ากับแอปพลิเคชันของ Uniqlo และใช้ฟีเจอร์ Uniqlo Pay ได้ ส่วนสาขาที่รองรับการจ่ายเงินผ่านแอปฯ นั้น รายงานจาก Nikkei ระบุว่า อาจใช้งานได้เกือบทุกสาขาที่มีในญี่ปุ่น (ปัจจุบัน Uniqlo มีสาขาในญี่ปุ่นประมาณ 800 แห่ง) รวมถึงร้านในเครือเดียวกันอย่าง GU ด้วย แต่ไปใช้จ่ายในร้านอื่นที่ไม่ใช่เครือเดียวกับ Fast Retailing ไม่ได้ ไม่เฉพาะการจ่ายเงินภายในร้านเท่านั้น แต่การซื้อสินค้าของ Uniqlo ผ่านออนไลน์ก็สามารถจ่ายเงินได้ผ่านฟีเจอร์ Uniqlo Pay เช่นกัน ปัจจุบัน แอปพลิเคชันของ Uniqlo พบว่ามียอดการดาวน์โหลดประมาณ 30 ล้านครั้ง ซึ่งการเพิ่มฟังก์ชันให้รองรับการจ่ายเงินได้ภายในแอปฯ จะทำให้ Fast Retailing กลายเป็นธุรกิจค้าปลีกใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นที่ให้บริการในระดับดังกล่าวเลยทีเดียว | การพัฒนาฟีเจอร์รับชำระเงินในชื่อ Uniqlo Pay เป็นความร่วมมือกันของ Fast Retailing กับ Sumitomo Mitsui Banking Corp. โดยจะมีการเชื่อมโยงข้อมูลบัญชีธนาคาร และบัตรเครดิตเข้ามาภายในแอปฯ เมื่อต้องการชำระเงิน ระบบจะสร้างเป็น QR Code ให้กับแคชเชียร์เพื่อการชำระเงินได้เลยทันที | null | Closed QA | cc-by-nc-4.0 |
Retail_52572 | Retail | เขียนแนวคิดที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับ "เปิดรับโลกให้ 'MUJI': การขยายตัวของแบรนด์ระดับโลกในเวียดนามและอาเซียน" | null | "จับตา “เวียดนาม” เสือเศรษฐกิจตัวใหม่เอเชีย! แบรนด์ระดับโลกแห่ลงทุน - “MUJI” เปิดช้อปใหญ่สุดในอาเซียน"
เมื่อ "MUJI" เดินหน้าเข้าสู่ตลาดใหม่ในภูมิภาคเอเชีย โดยการเปิดร้านใหญ่ในประเทศเวียดนาม เราจึงเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและการค้าในภูมิภาคนี้อย่างชัดเจน การเปิดร้านครั้งนี้ไม่เพียงเติมเต็มความต้องการในการช้อปและการบริโภคในประเทศที่กำลังพัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ แต่ยังเป็นการยืนยันถึงความเชื่อของ "MUJI" ในศักยภาพและความสำคัญของตลาดเอเชียในยุคปัจจุบัน
ด้วยการเปิดร้านใหญ่ในเวียดนาม ที่ถือเป็นหนึ่งในเศรษฐกิจที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงเป็นการลงทุนที่ชัดเจนและแสดงถึงการมองเห็นทางกลยุทธ์ในการขยายตัวของ "MUJI" ในภูมิภาคนี้ แบรนด์นี้ไม่เพียงเติมเต็มความต้องการในการช้อปของผู้บริโภคในเวียดนามเท่านั้น แต่ยังเป็นการเริ่มต้นในการเข้าถึงตลาดในอาเซียนทั้งหมด โดยที่เฉพาะเจาะจงตลาดที่มีอุตสาหกรรมการผลิตและการสร้างผลิตภัณฑ์ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว
การเปิดร้านใหญ่ในเวียดนามยังส่งผลให้ "MUJI" เป็นที่รู้จักมากขึ้นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นเครื่องช่วยสร้างความไว้วางใจในสินค้าและบริการของพวกเขาในภูมิภาคนี้ ซึ่งสามารถเป็นประโยชน์ต่อยอดการขยายตัวในอนาคต อีกทั้งยังเสริมสร้างภาพลักษณ์ของตนเองในฐานะแบรนด์ระดับโลกที่นำเสนอสินค้าที่มีคุณภาพและดีต่อสิ่งแวดล้อม
ดังนั้น เมื่อพิจารณาถึงการเปิดร้านใหญ่ในเวียดนามของ "MUJI" ไม่เพียงแค่เป็นการขยายตัวและสร้างรายได้ใหม่ในตลาดที่กำลังเจริญขึ้น แต่ยังเป็นการแสดงถึงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมที่ "MUJI" มีต่อภูมิภาคนี้ และยังเป็นการเชื่อมโยงกับผู้บริโภคในระดับโลก ซึ่งทั้งหมดนี้น่าจะเป็นประโยชน์ทั้งสองฝ่ายในยุคที่การค้าและการเชื่อมโยงระหว่างประเทศมีความสำคัญอย่างมากในการสร้างความเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในปัจจุบันและอนาคต | null | Creative writing | cc-by-nc-4.0 |
Retail_52575 | Retail | เซ็นทรัล รีเทลมีจุดประสงค์อะไรในการดึง "ญาญ่า อุรัสยา" มาร่วมโครงการนี้? | หัวข้อ เซ็นทรัล รีเทล ดึง “ญาญ่า อุรัสยา” ร่วมมอบความสุขให้กับน้องๆ ผู้บกพร่องทางสายตา ชวนคนไทยส่งต่อคะแนน The 1 แทนเงินบริจาค ให้กับน้องๆ [PR] - Brand Buffet
เซ็นทรัล รีเทล ผุดกลยุทธ์การสร้างแบรนด์รูปแบบใหม่ ปล่อยภาพยนตร์โฆษณา “Happiness Forward” มอบความสุขส่งท้ายปีให้คนไทยกลับมายิ้มได้อีกครั้ง สร้างแรงบันดาลใจให้ทุกคนก้าวเดินต่อไปข้างหน้าอย่างมีความหวัง ชวนรับชมภาพยนตร์โฆษณาสุดซึ้งแห่งปีและร่วมส่งต่อความสุขให้กับน้อง ๆ ผู้บกพร่องทางสายตา ด้วยการดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน The 1 แลกคะแนนเริ่มต้นเพียง 10 คะแนน ร่วมสมทบทุนการศึกษาให้กับน้อง ๆ โรงเรียนสอนคนตาบอดกรุงเทพ ตั้งแต่วันนี้ ถึง 31 ธันวาคม 2563 และพิเศษ! สำหรับสมาชิกที่มีแอปพลิเคชัน The 1 สามารถครีเอทการ์ดอวยพรเป็นคลิปญาญ่า เพื่อส่งต่อความสุขให้คนที่คุณรักในปีใหม่นี้ โดยภาพยนตร์โฆษณา “Happiness Forward” ได้นักแสดงสาว “ญาญ่า อุรัสยา เสปอร์บันด์” ร่วมถ่ายทอดเรื่องราวเกี่ยวกับความตั้งใจในการสร้างประสบการณ์ความสุขสุดพิเศษให้กับน้อง ๆ โรงเรียนสอนคนตาบอดกรุงเทพ เนื่องในวันปีใหม่ ด้วยการทำการ์ดตัวอักษรเบรลล์ ให้สามารถอ่านและเข้าใจได้ ถึงแม้ว่าจะมองไม่เห็นด้วยตา แต่ยังสามารถรับรู้ถึงความสุขที่ถูกส่งต่อจากคนหนึ่งสู่อีกคนหนึ่งได้
ในตอนท้าย ทั้งญาญ่าและน้อง ๆ ต่างก็รับรู้ถึงความสุขที่ต่างฝ่ายต่างมอบให้กันได้อย่างเต็มอิ่ม พิเศษ! สำหรับสมาชิกที่มีแอปพลิเคชัน The 1 สามารถครีเอทการ์ดอวยพรสุดสร้างสรรค์ส่งต่อความสุขแบบต่อเนื่องในรูปแบบคลิปญาญ่าสไตล์ต่าง ๆ พร้อมลุ้นรับรางวัลกับเซ็นทรัล รีเทล ถึง 2 ต่อ เพียงแชร์การ์ดอวยพรที่เป็นคลิปญาญ่าให้คนที่คุณรัก พร้อมแคปชั่นในสไตล์ของคุณ ติด #CentralRetailCard บน Facebook และตั้งค่าเป็นสาธารณะ สามารถร่วมกิจกรรมได้ตั้งแต่วันที่ 24 ธันวาคม 2563 – วันที่ 5 มกราคม 2564 ส่วนใครที่ยังไม่มี The 1 Application ต้องรีบดาวน์โหลดไว้ จะได้ไม่พลาดกิจกรรมดีๆ แบบนี้! เซ็นทรัล รีเทล เชื่อว่าความสุขที่ยั่งยืนจะต้องมาพร้อมกับการให้อย่างไม่สิ้นสุด และพร้อมที่จะสร้างแรงบันดาลใจใหม่ ๆ เคียงข้างคนไทยในทุกช่วงเวลา ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน The 1 เพื่อทำการ์ดปีใหม่ และร่วมบริจาคคะแนนได้ที่ : ชมหนังสั้น “Happiness Forward” ได้ที่ : www.facebook.com/watch/?v=684524212243226
| เซ็นทรัล รีเทลเลือก "ญาญ่า อุรัสยา" มาร่วมโครงการนี้เพื่อใช้ความมีชื่อเสียงและความนิยมของเธอในการดึงดูดความสนใจและความรู้สึกของคนไทยให้มาร่วมบริจาคคะแนน The 1 เพื่อการศึกษาให้กับน้อง ๆ ผู้บกพร่องทางสายตา โดยผ่านการถ่ายทอดเรื่องราวที่สร้างแรงบันดาลใจและความหวังผ่านภาพยนตร์โฆษณา "Happiness Forward" ซึ่งมุ่งเน้นถึงความสำคัญของการแบ่งปันและการให้ ซึ่งญาญ่าในบทบาทนี้ช่วยเพิ่มความน่าสนใจและความอบอุ่นให้กับโครงการ ทำให้ผู้คนรู้สึกอยากมีส่วนร่วมและส่งต่อความสุขให้กับเด็ก ๆ ที่ต้องการความช่วยเหลือ. | null | Closed QA | cc-by-nc-4.0 |
Retail_52577 | Retail | จงสรุปบทความเรื่อง จีนสอบอาลีบาบาข้อหาผูกขาดการค้า ให้หน่อย | น่าจะเป็นข่าวใหญ่ส่งท้ายปีสำหรับวิบากกรรมที่บริษัทอีคอมเมิร์ซในจีนแผ่นดินใหญ่กำลังเผชิญ กับการที่อาลีบาบา (Alibaba) กำลังถูกทางการจีนสอบสวนในประเด็นผูกขาดตลาด ส่งผลให้หุ้นของอาลีบาบาในวันคริสต์มาสอีฟตกทันทีถึง 8.1% หนึ่งในข้อกล่าวหาที่เกิดขึ้นก็คือ การที่อาลีบาบาเรียกร้องให้คู่ค้าที่อยากขายของกับบริษัทต้องจัดสินค้าให้กับแพลตฟอร์มเป็นกรณีพิเศษ ซึ่งข้อกล่าวหาเดียวกันนี้ อาลีบาบาเคยถูกคู่แข่งอย่าง JD.com ฟ้องร้องมาแล้วเมื่อปี 2017 แต่พบว่าไม่มีการดำเนินการใด ๆ เกิดขึ้นตามมา ส่วนผู้ค้ารายย่อยบนแพลตฟอร์มก็พบว่าไม่มีทางเลือกมากนัก เห็นได้ Jeffrey Towson ผู้เชี่ยวชาญด้านดิจิทัลของจีนออกมาให้ความเห็นว่า ถ้าพวกผู้ค้ารายย่อยไม่ทำตามที่แพลตฟอร์มต้องการ ก็อาจถูกคิดค่าธรรมเนียมเพิ่ม หรือไม่ก็ลดการแชร์ข้อมูลลูกค้าให้ทราบ ทำให้พวกเขาแข่งขันได้ยากขึ้น แต่กรณีของอาลีบาบาอาจเป็นแค่ยอดของภูเขาน้ำแข็ง เพราะความเคลื่อนไหวของหน่วยงานภาครัฐในจีนในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมานี้ มีความเข้มข้นอย่างมาก เห็นได้จากหน่วยงานต่าง ๆ ของจีนได้มีการออกกฎหมายใหม่ ซึ่งกฎหมายเหล่านี้มีวัตถุประสงค์เพื่อควบคุมการดำเนินการของบริษัทเทคโนโลยีทั้งในอุตสาหกรรมการเงิน และมีเดีย ซึ่งทำให้นักวิเคราะห์จากฟากญี่ปุ่นให้ความเห็นว่า ช่วงเวลาแสนสุขของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ในจีนน่าจะใกล้หมดลงเต็มที เพราะทางการจีนเริ่มมองเห็นถึงปัญหา และมองว่าถึงเวลาที่จะลงมาควบคุมการทำธุรกิจของบริษัทยักษ์ใหญ่มากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว หนึ่งในหลักฐานก็คือ เมื่อต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา อาลีบาบาและเท็นเซนต์ถูกทางการจีนสั่งปรับเป็นเงิน 500,000 หยวน (ประมาณ 2.3 ล้านบาท) เนื่องจากอาลีบาบาไปลงทุนใน Intime Retail ซึ่งเป็นเชนห้างสรรพสินค้าในระหว่างปี 2014 – 2018 โดยไม่แจ้งให้หน่วยงานภาครัฐทราบ ส่วนเท็นเซนต์ที่โดนปรับนั้นพบว่ามีความเกี่ยวโยงกับการควบกิจการของสองแพลตฟอร์มเกมสตรีมมิ่งออนไลน์อย่าง Huya Inc กับ DouYu International โดยไม่รอให้ทางการจีนอนุมัติเสียก่อน ซึ่งสองบริษัทเกมนี้มีส่วนแบ่งตลาดรวมกันมากกว่า 80% ของจีนนั่นเอง ยังดีที่การปรับเกิดขึ้นในปีนี้ เพราะในปีหน้า จะมีการปรับกฎหมายป้องกันการผูกขาดของจีนออกมาใหม่ ซึ่งค่าปรับสูงสุดจะกระโดดขึ้นไปเป็น 10% ของรายได้บริษัท นั่นหมายความว่า บริษัทมีสิทธิเสียค่าปรับเป็นเงินหลายพันล้านเหรียญสหรัฐได้เลยทีเดียว หุ้นบ.เทคโนโลยีจีนปรับตัวลดลง ไม่แปลกที่ความตึงเครียดที่เกิดขึ้นกับอาลีบาบานี้ กระทบถึงหุ้นของบริษัทเทคโนโลยีอื่นๆ ให้ปรับตัวลดลงไปตามๆ กัน โดยบริษัทอย่าง Meituan, Tencent และ JD.com ต่างก็มีมูลค่าหุ้นลดลง 2 – 3% ทั้งสิ้น ส่วนสื่อของทางการจีนอย่าง People’s Daily บอกว่า การสอบสวนที่เกิดขึ้น (กับอาลีบาบา) ไม่ได้หมายความว่า ทางการจีนไม่สนับสนุนแพลตฟอร์มเหล่านี้ แต่เป็นการทำเพื่อให้มั่นใจว่าพวกเขาจะสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืนจริง ๆ ประกอบกับเป้าหมายสำคัญของพรรคคอมมิวนิสต์จีนในปี 2021 ตามการรายงานของสำนักข่าวซินหัวก็คือการต่อต้านการผูกขาด และการป้องกันการเคลื่อนย้ายของเงินทุนที่ไม่เหมาะสม สาเหตุที่ทางการจีนตั้งเป้าหมายไว้เช่นนั้น อาจเป็นเพราะการหยั่งรากของสามพี่น้องค้างคาวอย่าง อาลีบาบา เท็นเซนต์ และไป่ตู้ (Alibaba, Tencent, Baidu : Baidu) ที่ฝังลึกลงในตลาดจีนจนทำให้แพลตฟอร์มของพวกเขามีผู้ใช้งานมากกว่าหนึ่งพันล้านคน และทำรายได้เป็นกอบเป็นกำ ปฏิเสธไม่ได้ว่า นอกจากขยายกิจการแล้ว ทั้งอาลีบาบา เท็นเซนต์ และไป่ตู้ ยังนำเงินที่ได้มาไปซื้อกิจการสตาร์ทอัพต่างๆ มากมาย ซึ่งภาพนี้ทำให้บริษัทน้องใหม่อย่าง Pinduaduo, Meituan, JD.com, DiDi Chuxing, Bytedance ที่เติบโตขึ้นมาทีหลัง เลือกเจริญรอยตามพี่ใหญ่ในวงการด้วยการซื้อกิจการของคนอื่นเช่นกัน และการทำธุรกิจเช่นนี้เองที่อาจเป็นการผูกขาดการค้า และทำให้บริษัทรุ่นหลังเติบโตได้ยาก ปรากฎการณ์เหล่านี้จึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากรัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่ที่มีวิสัยทัศน์จะเป็นกังวล Source Source Source | Alibaba ถูกทางการจีนสอบสวนในประเด็นผูกขาดตลาด ส่งผลให้หุ้นในวันคริสต์มาสอีฟตก 8.1% หนึ่งในข้อกล่าวหาคือ อาลีบาบาเรียกร้องให้คู่ค้าที่อยากขายของกับบริษัทจัดสินค้าให้กับแพลตฟอร์มเป็นกรณีพิเศษ ซึ่งข้อกล่าวหานี้อาลีบาบาเคยถูกคู่แข่งอย่าง JD.com ฟ้องร้องมาแล้วเมื่อปี 2017 แต่ไม่มีการดำเนินการใด ๆ Jeffrey Towson ผู้เชี่ยวชาญด้านดิจิทัลของจีนให้ความเห็นว่า ถ้าผู้ค้ารายย่อยไม่ทำตามที่แพลตฟอร์มต้องการ อาจถูกคิดค่าธรรมเนียมเพิ่ม หรือไม่ก็ลดการแชร์ข้อมูลลูกค้าให้ทราบ ทางการจีนเริ่มมองเห็นถึงปัญหา และมองว่าถึงเวลาที่จะลงมาควบคุมการทำธุรกิจของบริษัทยักษ์ใหญ่ เมื่อต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา อาลีบาบาและเท็นเซนต์ถูกทางการจีนสั่งปรับ 500,000 หยวน เนื่องจากอาลีบาบาไปลงทุนใน Intime Retail ซึ่งเป็นเชนห้างสรรพสินค้า โดยไม่แจ้งให้หน่วยงานภาครัฐทราบ ส่วนเท็นเซนต์ที่โดนปรับนั้นพบว่ามีความเกี่ยวโยงกับการควบกิจการของสองแพลตฟอร์มเกมสตรีมมิ่งออนไลน์อย่าง Huya Inc กับ DouYu International ที่ไม่รอให้ทางการจีนอนุมัติ People’s Daily สื่อของทางการจีนบอกว่า การสอบสวนที่เกิดขึ้น (กับอาลีบาบา) ไม่ได้หมายความว่า ทางการจีนไม่สนับสนุนแพลตฟอร์มเหล่านี้ แต่เป็นการทำเพื่อให้มั่นใจว่าจะสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน ตามการรายงานของสำนักข่าวซินหัวคือการต่อต้านการผูกขาด และการป้องกันการเคลื่อนย้ายของเงินทุนที่ไม่เหมาะสม เพราะ Alibaba, Tencent, Baidu ที่ฝังลึกลงในตลาดจีนจนทำให้แพลตฟอร์มของพวกเขามีผู้ใช้งานมากกว่าหนึ่งพันล้านคนทำรายได้เป็นกอบเป็นกำ นอกจากขยายกิจการแล้วยังซื้อกิจการสตาร์ทอัพต่างๆ ทำให้บริษัทน้องใหม่ที่เติบโตขึ้นมาทีหลัง เลือกทำตามด้วยการซื้อกิจการของคนอื่น และการทำธุรกิจเช่นนี้เองที่อาจเป็นการผูกขาดการค้า และทำให้บริษัทรุ่นหลังเติบโตได้ยาก ปรากฎการณ์เหล่านี้จึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากรัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่ที่มีวิสัยทัศน์จะเป็นกังวล | null | Summarization | cc-by-nc-4.0 |
Retail_52590 | Retail | ข้อใดเป็นข้อจำกัดของ Online Platform | a. สินค้าหมด
b. เวลาในการให้บริการจำกัด
c. พื้นที่ร้านจำกัด
d. ไม่มีบริการหลังการขาย
e. ระยะทางการเดินทางไปที่ร้าน | ข้อที่ถูกต้องคือ d. เนื่องจาก เพราะการไม่มีบริการหลังการขาย เป็นข้อจำกัดของ Online Platform
ภายใน 5 ปี ธุรกิจค้าปลีก และแบรนด์ต่างๆ ในไทย ไม่ว่าจะเป็นเซ็นทรัล เดอะมอลล์ กรุ๊ป Pomelo LAZADA จะมาในทิศทาง Omni-channel เพราะเป็นเทรนด์แห่งอนาคตของทุกคน การเกิดขึ้นของ Omni-channel คือ การดึงเอาจุดเด่นทั้ง Physical Store/Shop กับแพลตฟอร์มออนไลน์ผสานเข้าด้วยกัน และเชื่อมต่อทั้งสองช่องทางนี้ เพื่อนำเสนอ Seamless Experience ให้กับลูกค้าได้อย่างไม่มีสะดุด
เนื่องจากทั้งรูปแบบ Physical Store หรือหน้าร้าน และ Online Platform ต่างมี “ข้อจำกัด” ในตัวเอง นั่นคือ
ข้อจำกัดของ Physical Store ประกอบด้วย
– พื้นที่ร้านจำกัด
– ระยะทางการเดินทางไปที่ร้าน
– เวลาในการให้บริการจำกัด
– สินค้าหมด
– รอคิวในการรับบริการ
ข้อจำกัดของ Online Platform ประกอบด้วย
– สัมผัสสินค้าไม่ได้
– ทดลองสวมใส่ไม่ได้
– ไม่มีปฏิสัมพันธ์กับพนักงาน
– ไม่มีบริการหลังการขาย
– รอเวลาในการขนส่ง | null | Multiple choice | cc-by-nc-4.0 |
Retail_52591 | Retail | เขียนแนวคิดที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับ "เซ็นทรัล รีเทล: การฟื้นคืนแบบ 'V-Shape' ในไตรมาส 3: เลขที่สุดท้ายของการฟื้นตัวของตลาด" | null | "ฟื้นแบบ "V-Shape" ในเซ็นทรัล รีเทล: การเปิดเผยเลขไตรมาส 3 รายได้รวม 4.7 หมื่นล้านบาท และการเติบโตขึ้น 15%"
ในช่วงสถานการณ์ที่เรากำลังผ่านมา การตอบสนองของตลาดทางการค้ามีความสำคัญมากเพื่อให้เศรษฐกิจฟื้นตัวจากสถานการณ์ฉุกเฉินที่เกิดขึ้นโดยเฉพาะในช่วงระยะเวลาสำคัญอย่างไตรมาส 3 ของปีนี้ การเปิดเผยเลขทางการเงินที่สำคัญจากเซ็นทรัล รีเทลที่เป็นศูนย์การค้าใหญ่ที่มีชื่อเสียงอาจจะเป็นสัญญาณที่ดีให้กับตลาดทั้งหมดว่าเศรษฐกิจกำลังฟื้นตัวอย่างมั่นคงต่อไป
โดยมีเลขที่เปิดเผยในไตรมาส 3 รายได้รวมที่สูงถึง 4.7 หมื่นล้านบาท และการเติบโตขึ้น 15% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่แล้ว นี่เป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่ากิจกรรมการซื้อขายในธุรกิจของเซ็นทรัล รีเทลกำลังเริ่มฟื้นตัวอย่างแข็งแรง
แนวคิดที่สำคัญที่นี่คือการฟื้นคืนแบบ "V-Shape" ซึ่งหมายถึงการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วและแข็งแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของรายได้และกิจกรรมการค้า นี่เป็นสัญญาณที่ดีสำหรับธุรกิจและตลาดที่กำลังพยายามฟื้นตัวหลังจากช่วงวิกฤตทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น
การเติบโตของเซ็นทรัล รีเทลในไตรมาส 3 นี้ยังสะท้อนถึงการตอบสนองที่ดีจากผู้บริโภคซึ่งเริ่มมีการกลับมาใช้จ่ายในสินค้าและบริการอย่างมากขึ้น และการฟื้นตัวของกิจกรรมธุรกิจหลักๆ ที่เป็นไปในทิศทางที่ดี ซึ่งอาจเป็นผลมาจากมูลค่าเงินที่มั่งคั่งและความมั่นคงทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น
ดังนั้น นอกจากเซ็นทรัล รีเทล ยังส่งเสริมสัญญาณที่ดีให้กับตลาดโดยรวมว่าเศรษฐกิจกำลังฟื้นตัวอย่างมั่นคง และการคืนความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและธุรกิจอาจจะเป็นเป้าหมายที่สำคัญสำหรับช่วงเวลาที่จะมาในอนาคต. | null | Creative writing | cc-by-nc-4.0 |
Retail_52597 | Retail | กลยุทธ์การดึงดูดลูกค้ากลุ่มใหม่ของ OtterBox ผ่านเคส iPhone 12 series ใหม่ มีอะไรน่าสนใจบ้าง และแบรนด์อื่น ๆ ในกลุ่ม Retail สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้อย่างไร | null | กลยุทธ์การดึงดูดลูกค้ากลุ่มใหม่ของ OtterBox ผ่านเคส iPhone 12 series ใหม่ มีดังนี้:
1. เน้นจุดเด่นด้านนวัตกรรม: OtterBox นำเสนอเคส iPhone 12 series ที่มี Antimicrobial glass ช่วยป้องกันแบคทีเรีย ซึ่งได้รับการจดทะเบียนกับ EPA (สำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อม) ตัวแรกของโลก นวัตกรรมนี้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน ที่มีความกังวลเรื่องสุขอนามัย
2. มุ่งเจาะกลุ่มลูกค้าเฉพาะ: OtterBox ออกแบบเคส iPhone 12 series หลากหลายรุ่น เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าแต่ละกลุ่ม เช่น
Symmetry Series: เน้นความเพรียวบาง มีสไตล์ เหมาะกับผู้ใช้ทั่วไป
Otter + Pop Series: เน้นความสนุกสนาน คล่องตัว เหมาะกับวัยรุ่น
Defender Series: เน้นความทนทาน เหมาะกับผู้ใช้งานที่สมบุกสมบัน
Commuter Series: เน้นความคุ้มค่า เหมาะกับการใช้งานทั่วไป
Strada Series: เน้นความหรูหรา เหมาะกับผู้ใช้ที่ต้องการความมีระดับ
3. ผสมผสานการกุศลเข้ากับกลยุทธ์ทางการตลาด: OtterBox มอบโอกาสให้ลูกค้าได้ร่วมบริจาคเงินให้กับองค์กรการกุศลด้านการศึกษา เมื่อซื้อเคส OtterBox รุ่นใหม่ กลยุทธ์นี้สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับแบรนด์ ดึงดูดลูกค้าที่สนใจการช่วยเหลือสังคม
4. ขยายช่องทางจำหน่าย: OtterBox วางจำหน่ายเคส iPhone 12 series ผ่านช่องทางออนไลน์และออฟไลน์หลากหลายช่องทาง
แบรนด์อื่น ๆ ในกลุ่ม Retail สามารถนำกลยุทธ์ของ OtterBox ไปประยุกต์ใช้ได้ดังนี้:
เน้นจุดเด่นด้านนวัตกรรม: พัฒนาสินค้าที่มีนวัตกรรมใหม่ ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน
มุ่งเจาะกลุ่มลูกค้าเฉพาะ: ออกแบบสินค้าให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าแต่ละกลุ่ม
ผสมผสานการกุศลเข้ากับกลยุทธ์ทางการตลาด: สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับแบรนด์ ดึงดูดลูกค้าที่สนใจการช่วยเหลือสังคม
ขยายช่องทางจำหน่าย: เพิ่มช่องทางการซื้อสินค้าให้สะดวกและเข้าถึงลูกค้าได้มากที่สุด
ตัวอย่างการประยุกต์ใช้กลยุทธ์:
แบรนด์เสื้อผ้าสามารถออกแบบเสื้อผ้าที่มีเทคโนโลยีระบายอากาศ หรือป้องกันรังสียูวี
แบรนด์เครื่องสำอางสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสภาพผิวแพ้ง่าย
แบรนด์ของเล่นสามารถออกแบบของเล่นที่ส่งเสริมพัฒนาการเด็ก
ผลลัพธ์ที่คาดหวัง:
เพิ่มฐานลูกค้าใหม่
เพิ่มยอดขาย
สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับแบรนด์
เพิ่มความผูกพันกับลูกค้า
ข้อควรระวัง:
กลยุทธ์เหล่านี้อาจไม่เหมาะกับทุกแบรนด์
แบรนด์ควรศึกษาความต้องการของลูกค้าและกลุ่มเป้าหมายอย่างละเอียด
แบรนด์ควรพัฒนาสินค้าที่มีคุณภาพและตรงกับความต้องการของลูกค้า
สรุป:
กลยุทธ์การดึงดูดลูกค้ากลุ่มใหม่ของ OtterBox ผ่านเคส iPhone 12 series ใหม่ มีความน่าสนใจและสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับแบรนด์อื่น ๆ ในกลุ่ม Retail ได้ แบรนด์ควรศึกษาและเลือกกลยุทธ์ที่เหมาะสมกับสินค้าและกลุ่มเป้าหมาย | null | Brainstorming | cc-by-nc-4.0 |
Retail_52598 | Retail | เขียนแนวคิดที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับ "บูรณาการความงาม: เซ็นทรัลเดินหน้าเป็นเจ้าอาณาจักรในสาขา 'Health & Beauty Store'" | null | "เซ็นทรัล" เป็นชื่อที่มีชื่อเสียงในวงการค้าปลีกทั่วโลก โดยเฉพาะในเรื่องของความหลากหลายและคุณภาพสินค้าที่มีให้เลือกมากมาย ในขณะที่ความสำเร็จของเซ็นทรัลมาจากการที่พวกเขาตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างทันท่วงที ซึ่งด้วยกลยุทธ์และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี การเป็นเจ้าอาณาจักรในสาขา "Health & Beauty Store" ไม่เพียงแค่เป็นความท้าทายและโอกาส แต่ยังเป็นการตอบสนองความต้องการของตลาดความงามที่กว้างขวางและกำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง
1. การปรับเปลี่ยนตลาด
- การเป็นเจ้าอาณาจักรในสาขา "Health & Beauty Store" จะเป็นการขยายตลาดในส่วนที่เซ็นทรัลยังไม่เคยเข้าถึงอย่างเต็มที่
- การวิเคราะห์และเข้าใจความต้องการของลูกค้าในสาขานี้ ซึ่งอาจจะต้องพิจารณาถึงการรับรู้ที่ต่างกันของผู้บริโภคในแต่ละภูมิภาค
2. การสร้างพื้นที่หรือสถานที่ที่เป็นประสิทธิภาพ
- การสร้างพื้นที่ใหม่หรือสถานที่ที่เน้นความสะดวกสบายและประสิทธิภาพสำหรับลูกค้า เช่น การออกแบบบริการและระบบจองคิวออนไลน์
3. การพัฒนาสินค้าและบริการที่พิเศษ
- การเน้นสร้างแบรนด์ของตนเองที่มีคุณภาพและการตรวจสอบสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
- การพัฒนาบริการลูกค้าที่โดดเด่น เช่น การให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพและความงามจากผู้เชี่ยวชาญ
4. การใช้เทคโนโลยี
- การใช้เทคโนโลยีในการพัฒนาประสบการณ์การซื้อของลูกค้า เช่น แอปพลิเคชันมือถือที่ให้บริการและข้อมูลที่เป็นประโยชน์
5. การสร้างความต่อเนื่องและความผูกพัน
- การสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกับลูกค้าผ่านการให้บริการที่มีคุณภาพและการส่งเสริมสิทธิประโยชน์สำหรับสมาชิก
6. การตลาดและโปรโมชั่น
- การใช้กลยุทธ์การตลาดที่เหมาะสมเพื่อดึงดูดความสนใจและสร้างความต้องการในสินค้าและบริการใหม่ ๆ
- การวางโปรโมชั่นที่น่าสนใจและมีประสิทธิภาพเพื่อสร้างการขายและสร้างความพึงพอใจในลูกค้า
สรุป การเป็นเจ้าอาณาจักรในสาขา "Health & Beauty Store" เกี่ยวข้องกับการขยายตลาดในสาขาใหม่โดยไม่ได้มองว่าเพียงแค่เป็นการขยายตลาดในสาขาใหม่ ๆ เท่านั้น แต่ยังเป็นการเชื่อมโยงกับความสำเร็จและความเชื่อมั่นในแบรนด์ของกลุ่มเซ็นทรัลด้วย เป็นการขยายศักยภาพธุรกิจอย่างก้าวกระโดด โดยมองเป็นโอกาสในการตอบสนองความต้องการของตลาดความงามที่กว้างขวางและกำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น การเป็นเจ้าอาณาจักรในสาขา "Health & Beauty Store" เกี่ยวข้องกับการสร้างความเชื่อมั่นและความสำเร็จที่มีมูลค่าสูงให้กับแบรนด์ของเซ็นทรัลในวงการค้าปลีกโดยรวมด้วย | null | Creative writing | cc-by-nc-4.0 |
Retail_52605 | Retail | เขียนแนวคิดที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับ "รถยนต์สุดหรูแห่งประสบการณ์: เส้นทางของความหลงใหลในวอลโว่ S60" | null | ในช่วงเวลาที่คุณเลือกที่จะขับขี่วอลโว่ S60, มันก็ไม่ใช่แค่การขับขี่ธรรมดา มันเป็นการผจญภัยที่น่าตื่นเต้นและเป็นประสบการณ์ที่จะเหลือใจไปนานหลังจากที่คุณลงจากรถด้วยความพึงพอใจอย่างล้นหลาม นี่คือเหตุผลที่วอลโว่ S60 มีค่าและเหนือกว่าการเป็นเพียงแค่ยานพาหนะ
1. ความสุขในการขับขี่: การขับขี่วอลโว่ S60 เป็นการเพลิดเพลินกับทุกตอนของการเคลื่อนไหว รู้สึกถึงความราบรื่นและความเป็นไปได้ที่เต็มเปี่ยมด้วยความสนุกสนานและความสุข
2. ความสบายและสบายใจ: ที่นั่งของวอลโว่ S60 ออกแบบมาอย่างพิถีพิถันเพื่อให้ความสบายสูงสุดในทุกๆ ระยะทาง และระบบเสียงขั้นสูงที่ช่วยลดเสียงรบกวนภายนอก ทำให้คุณสามารถเพลิดเพลินกับทุกเสียงและระบบเพลงในความสงบสุข
3. ความสวยงามของดีไซน์: วอลโว่ S60 มาพร้อมกับดีไซน์ที่สวยงามและเป็นเอกลักษณ์ ไม่ว่าจะเป็นด้านภายนอกหรือด้านภายใน ทุกส่วนของรถยนต์นี้ถูกออกแบบด้วยความลงตัวและความลงตัวที่ยอดเยี่ยม
4. เทคโนโลยีที่ช่วยในการขับขี่: ระบบช่วยเหลือการขับขี่ขั้นสูงในวอลโว่ S60 ช่วยให้คุณมั่นใจในทุกการเปลี่ยนเลนที่ทำได้รวดเร็วและปลอดภัย
5. ความปลอดภัยที่เหนือชั้น: วอลโว่ S60 เป็นตัวแทนของความปลอดภัย ด้วยระบบความปลอดภัยที่ทันสมัยและระบบช่วยเหลือการขับขี่ ทำให้คุณสามารถเข้าถึงสิ่งนี้ได้อย่างไม่มีข้อจำกัด
เมื่อคุณเลือกวอลโว่ S60 เป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์ของคุณ มันก็คือการเลือกที่ดีที่สุดที่คุณจะทำในการเดินทางของคุณและครอบครัวของคุณ และมันจะเป็นประสบการณ์ที่คุณจะประทับใจและจำไว้ไปนานในอนาคตที่กำลังจะมาให้แน่นอน | null | Creative writing | cc-by-nc-4.0 |
Retail_52609 | Retail | แผนระยะสั้น เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว และเพื่อร่วมกันเร่งฟื้นฟูและขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศจากวิกฤติการณ์โควิด-19 มีอะไรบ้าง | ปฏิเสธไม่ได้ว่า อุตสาหกรรมศูนย์การค้าและค้าปลีก นับเป็นภาคธุรกิจหนึ่งที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศ ในแต่ละปีสามารถสร้างเม็ดเงินและการจ้างงานเป็นจำนวนมาก จนกระทั่งเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่กินเวลายาวนานหลายเดือน ส่งผลให้ศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้าต้องปิดให้บริการชั่วคราวจากมาตรการเข้มเว้นระยะห่างทางสังคม เพื่อต่อสู้กับไวรัสร้าย ยิ่งทำให้ธุรกิจได้รับผลกระทบอย่างหนัก และถึงแม้ว่าตอนนี้สถานการณ์จะเริ่มคลี่คลาย แต่ภาพรวมของอุตสาหกรรมกลับยังไม่ฟื้นตัวมากนัก สมาคมศูนย์การค้าไทย หรือ TSCA จึงเสนอ 3 แผนงานต่อภาครัฐเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการและแรงงาน รวมถึงฟื้นฟูเศรษฐกิจและธุรกิจการท่องเที่ยวของไทยให้กลับมาเดินหน้าต่อไปได้ ศูนย์การค้า เส้นเลือดใหญ่ของประเทศ คุณนพพร วิฑูรชาติ นายกสมาคมศูนย์การค้าไทย และประธานกรรมการบริหาร บริษัท สยามฟิวเจอร์ ดีเวลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) บอกว่า อุตสาหกรรมศูนย์การค้าและค้าปลีก นับเป็นภาคธุรกิจสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศ โดยเป็นสถานที่ที่รวมผู้ประกอบการจำนวนมากกว่า 120,000 ราย ก่อให้เกิดการจ้างงานกว่า 2.4 ล้านคน และสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียนกว่า 750,000 ล้านบาทต่อปี ศูนย์การค้าจึงเปรียบเสมือน “บ้านหลังใหญ่” ของผู้ประกอบการทั้งรายเล็กและรายใหญ่ ซึ่งนับตั้งแต่เกิดวิกฤติการณ์โควิด-19 มาจนถึงปัจจุบัน ธุรกิจศูนย์การค้าได้รับผลกระทบอย่างหนัก โดยภาคธุรกิจศูนย์การค้ามีความพยายามช่วยเหลือธุรกิจเอสเอ็มอีของประเทศอย่างต่อเนื่องรวมระยะเวลากว่า 6 เดือน รวมรายได้ที่สูญเสียและเม็ดเงินช่วยเหลือเกือบ 2 แสนล้านบาท อาทิ การลดค่าเช่า 30-100% เพื่อให้ร้านค้ายังคงมีกระแสเงินสดหมุนเวียนและประคองธุรกิจต่อไปได้ รวมถึงจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายจัดแคมเปญลดราคา 50-90% รวมไปถึงเปิดพื้นที่การขายฟรีให้เอสเอ็มอีและผู้ประกอบอาชีพต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติการณ์ในครั้งนี้ เพื่อกระตุ้นการจับจ่ายของผู้บริโภค ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นวิธีประคองธุรกิจในระยะสั้น แต่ไม่เพียงพอให้ธุรกิจอยู่รอดได้อย่างต่อเนื่อง ชู 3 แผนเร่งฟื้นธุรกิจศูนย์การค้าและท่องเที่ยว คุณวัลยา จิราธิวัฒน์ อดีตนายกสมาคมศูนย์การค้าไทย 2 สมัย (ปี 2557-2561) และรองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) บอกว่า ทางสมาคมศูนย์การค้า ได้นำเสนอแผนกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว เพื่อร่วมกันเร่งฟื้นฟูและขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ โดยมุ่ง 3 แนวทาง ได้แก่ แผนระยะสั้น แผนระยะกลาง และแผนระยะยาว ซึ่งมีสาระสำคัญ ดังนี้ 1.ส่งเสริมธุรกิจเอสเอ็มอี ให้สามารถกลับมาค้าขายได้ คงการจ้างงาน และกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอย ด้วยมาตรการออกเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ 2.ส่งเสริมโครงการช้อปและเที่ยวช่วยชาติ โดยอนุมัติมาตรการ “ชิม ช้อป ใช้” แจก 3,000 บาทต่อคน พร้อมขยายมายังผู้ค้ารายย่อยในศูนย์อาหาร (Food Center) ให้สามารถเข้าร่วมได้ 3.พิจารณาอนุมัติมาตรการเยียวยาค่าใช้จ่ายผ่านศูนย์การค้าเพื่อช่วยเหลือเอสเอ็มอีต่อไป ตามข้อเสนอมาตรการเยียวยาโควิดทั้งด้านภาษีและค่าใช้จ่ายๆ ตามจดหมายที่สมาคมฯ เคยนำเสนอเมื่อวันที่ 15 เม.ย. และ 29 มิ.ย. 2563 พร้อมขยายระยะเวลามาตรการช่วยเหลือด้านการลงทุน และต่ออายุการลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในอัตรา 90% ออกไปถึงปี 2566 1.ส่งเสริมการลงทุนต่อเนื่อง ด้วยการยกระดับธุรกิจศูนย์การค้าให้อยู่ในแผนแม่บทพัฒนาประเทศ อนุญาตให้ลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษของประเทศ 2.ส่งเสริม Seamless Connectivity เชื่อมต่ออาคาร, ระบบคมนาคม, สะพานลอย, รถไฟฟ้า, ถนนหลวง ฯลฯ 3.พิจารณาปรับกฎหมายที่เกี่ยวเนื่องให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตใหม่ และส่งเสริมมาตรการด้านภาษีเพื่อการลงทุน 1.ผลักดันให้ศูนย์การค้าไทยเป็นจุดหมายปลายทางของการท่องเที่ยวในระดับโลก เพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ด้วยการยกระดับคุณภาพและดีไซน์สินค้าของไทยให้ดึงดูดนักท่องเที่ยว ไปพร้อมกับการทยอยปรับลดภาษีสินค้านำเข้า เพื่อให้สามารถแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียนได้ 2.จัดแคมเปญระดับประเทศเพื่อโปรโมท Attraction & Unique Product ภายในศูนย์การค้า และการจัดงานส่งเสริมวัฒนธรรมระดับประเทศ (Cultural Event) โดยภาครัฐเป็นเจ้าภาพ เช่น กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงพาณิชย์ ร่วมกันส่งเสริม Art / Music / Food ของไทยในศูนย์การค้า เช่น งาน Bangkok Art Biennale เพื่อทำให้ศูนย์การค้าไทยเป็นสวรรค์แห่งการช้อปปิ้งของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก สำหรับกลุ่มเป้าหมายหลักที่ทางสมาคมฯ ผลักดันให้เกิดการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนคือผู้ประกอบการ SMEs ทั่วประเทศ เพื่อรักษาไว้ซึ่งห่วงโซ่ธุรกิจ เพื่อช่วยประคองธุรกิจไม่ให้ปิดกิจการ คงการจ้างงาน ลดอัตราการว่างงาน และกระตุ้นเงินหมุนเวียนในระบบ รวมถึงการแบ่งเบาภาระของผู้ประกอบการจากต้นน้ำถึงปลายน้ำ เพื่อให้ธุรกิจรอดไปด้วยกันทั้งหมด นอกจากนี้ สำหรับแผนระยะกลาง เราหวังให้เกิดการลงทุนอย่างต่อเนื่อง และการยกระดับให้ธุรกิจศูนย์การค้าเป็นหนึ่งในแผนยุทธศาสตร์ของประเทศ ด้วยเราเล็งเห็นบทบาทของศูนย์การค้าที่มีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวอย่างมาก รวมถึงในระยะยาวเราต้องการผลักดันให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลก โดยมีศูนย์การค้าเป็นหนึ่งในแม่เหล็กหลักที่จะช่วยดึงดูดรายได้ให้กับประเทศ นอกจากนี้ ทางสมาคมศูนย์การค้าไทยยังเสนอเพิ่มเติมว่า หากภาครัฐผลักดันและดำเนินการตามวิสัยทัศน์ที่นำเสนอดังกล่าวข้างต้น จะช่วยส่งเสริมและสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้ประกอบการธุรกิจศูนย์การค้าดำเนินตามแผนการลงทุนตามที่ได้วางไว้ที่กว่า 171,000 ล้านบาทภายใน 3 ปีต่อจากนี้ (ประมาณ 57,000 ล้านบาทต่อปี) ซึ่งจะนำไปสู่การจ้างงานอย่างต่อเนื่อง รวมถึงสนับสนุนให้เกิดการกระจายรายได้ และความเป็นอยู่ที่ดีตามแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ Photo Credit : NUMBER 24 – Authorized Shutterstock Partner in Thailand | แผนระยะสั้น เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว และเพื่อร่วมกันเร่งฟื้นฟูและขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศจากวิกฤติการณ์โควิด-19 ได้แก่
1. ส่งเสริมธุรกิจเอสเอ็มอี ให้สามารถกลับมาค้าขายได้ คงการจ้างงาน และกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอย ด้วยมาตรการออกเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ
2. ส่งเสริมโครงการช้อปและเที่ยวช่วยชาติ โดยอนุมัติมาตรการ “ชิม ช้อป ใช้” แจก 3,000 บาทต่อคน พร้อมขยายมายังผู้ค้ารายย่อยในศูนย์อาหาร (Food Center) ให้สามารถเข้าร่วมได้
3. พิจารณาอนุมัติมาตรการเยียวยาค่าใช้จ่ายผ่านศูนย์การค้าเพื่อช่วยเหลือเอสเอ็มอีต่อไป ตามข้อเสนอมาตรการเยียวยาโควิดทั้งด้านภาษีและค่าใช้จ่ายๆ ตามจดหมายที่สมาคมฯ เคยนำเสนอเมื่อวันที่ 15 เม.ย. 2563 และ 29 มิ.ย. 2563 พร้อมขยายระยะเวลามาตรการช่วยเหลือด้านการลงทุน และต่ออายุการลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในอัตรา 90% ออกไปถึงปี 2566 | null | Closed QA | cc-by-nc-4.0 |
Retail_52619 | Retail | จงเขียนความน่าสนใจในเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่อง "UCC ยักษ์กาแฟญี่ปุ่น: 5 เหตุผลในการรุกตลาดกาแฟไทย" | null | "UCC" ยักษ์กาแฟญี่ปุ่นได้เข้ามายุคใหม่ในการรุกตลาดกาแฟไทยด้วยเช่นกัน โดยมีเหตุผลที่น่าสนใจต่อไปนี้
1. ความมีชื่อเสียงและความเชื่อถือ: UCC เป็นแบรนด์กาแฟชั้นนำจากประเทศญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงและความเชื่อถือจากผู้บริโภคทั่วโลก การเข้ามาตลาดไทยจึงเป็นการเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้บริโภคไทยในคุณภาพของกาแฟที่ได้รับมา.
2. โมเดลร้านใหม่: UCC อาจเปิดตัวโมเดลร้านใหม่ที่เน้นการบริการและประสบการณ์การสัมผัสที่ต่างหาก อาจมีการนำเสนอรูปแบบร้านที่สร้างบรรยากาศที่โดดเด่นและมีเอกลักษณ์เฉพาะ เพื่อดึงดูดความสนใจและเป็นจุดแตกต่างจากร้านกาแฟอื่นๆ ในตลาด.
3. ปรับราคาลง: การปรับราคาลงอาจเป็นกลไกที่น่าสนใจที่ UCC นำเสนอ เนื่องจากการแข่งขันในตลาดกาแฟไทยที่เติบโตอย่างรวดเร็ว การลดราคาอาจเป็นวิธีที่ UCC ใช้เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่กว้างขวางและเพิ่มยอดขาย.
4. เพิ่มช่องทางขาย: UCC อาจเริ่มเปิดขายผลิตภัณฑ์กาแฟของตนผ่านช่องทางการขายออนไลน์หรือแพลตฟอร์มอื่นๆ เพื่อเพิ่มความสะดวกให้กับผู้บริโภคในการเข้าถึงสินค้าของพวกเขา.
5. การสร้างความต่อเนื่องในการบริการ: UCC อาจเน้นการสร้างความต่อเนื่องในการบริการหลังการขาย เช่น การให้คำแนะนำเกี่ยวกับการชงกาแฟที่เหมาะสมหรือการให้บริการด้านการซ่อมบำรุงเครื่องชงกาแฟ เพื่อสร้างความพึงพอใจและความภักดีในตลาดไทย.
ในสรุป UCC ยักษ์กาแฟญี่ปุ่นทำการรุกตลาดกาแฟไทยด้วยโมเดลทางธุรกิจที่น่าสนใจและหลากหลาย เพื่อเข้าทางการแข่งขันในตลาดที่มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในปัจจุบัน. | null | Creative writing | cc-by-nc-4.0 |
Retail_52626 | Retail | ช่วยสรุปบทความ เป็นทายาทธุรกิจครอบครัวใครว่าง่าย? เปิดใจ 3 ทายาทธุรกิจ How to…รันวงการต่อจากรุ่นพ่อ | ในสายตาคนทั่วไปมักคิดว่าการเป็นทายาทธุรกิจนั้นแสนจะสบายง่ายดายกว่าการเปิดธุรกิจใหม่ของตัวเอง เพราะมีรุ่นพ่อรุ่นแม่ปู่ย่าตายายปูทางสร้างกิจการเอาไว้ให้ แต่ใครจะรู้บ้างว่า การเป็นทายาทรับไม้ต่อธุรกิจครอบครัวมีความ ยาก และต้องรับ แรงกดดัน ไม่ต่างจากการเปิดธุรกิจใหม่เลยสักนิด ทั้งโลกธุรกิจที่หมุนเร็วและเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา รวมถึงต้องประคองธุรกิจของครอบครัวให้ไปต่อหรือต่อยอดธุรกิจเดิมให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม ลองมาฟังวิธีคิด 3 ทายาทธุรกิจรุ่นใหม่ในวันที่ต้องเข้ามาสืบทอดกิจการครอบครัวจากเวทีสัมมนา ฮาวทู…DO FAMILY BUSINESS ธุรกิจครอบครัว…ทำมั่วๆ ไม่ได้ พวกเขาและเธอมีมุมมองและบริหารธุรกิจท่ามกลางความท้าทายต่างๆ อย่างไรจนสามารถนำพาธุรกิจครอบครัวให้เติบโตไปไกลกว่าเดิม
ต่อยอดข้าวเกรียบปักษ์ใต้รุ่นพ่อสู่ตลาดโลก
คุณวราภรณ์ วังวิวัฒน์ ผู้จัดการฝ่ายส่งออก และ OEM บริษัท มโนห์ราอุตสาหกรรมอาหาร จำกัด (ผลิตภัณฑ์ข้าวเกรียบมโนห์รา) เล่าถึงจุดกำเนิดกิจการครอบครัวว่า ย้อนกลับไปเมื่อปี 2506 คุณพ่อเริ่มทำข้าวเกรียบขายในจังหวัดสงขลา ก่อนจะใส่โบกี้รถไฟเพื่อมาขายที่กรุงเทพฯ บริเวณวัดมหาธาตุ หลังมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งการทำธุรกิจในช่วงแรกค่อนข้างยากลำบากมาก เพราะเครื่องมือยังไม่ทันสมัย อีกทั้งทุนทรัพย์ก็ยังมีไม่มาก
กระทั่งกิจการค่อยๆ เติบโตมาอย่างต่อเนื่อง จนปัจจุบันข้าวเกรียบแบรนด์มโนห์ราอยู่ในตลาดมาเป็นเวลากว่า 57 ปี และส่งไม้ต่อมาสู่ทายาทรุ่น 2 โดยคุณวราภรณ์ เล่าว่า ได้เริ่มเข้ามาช่วยกิจการของครอบครัวตั้งแต่เด็ก เริ่มจากการนำขนมไปขายเพื่อน ครู ที่โรงเรียน เป็นการฝึกทักษะการขาย พอโตขึ้นก็จะแพ็คข้าวเกรียบ จัดบิล และตามพี่ทีมขายไปดูแลลูกค้า จนปัจจุบันเข้ามาทำงานกับมโนห์ราเต็มตัว ตำแหน่งแรก คือ Marketing Trainee ต้องไปเยี่ยมลูกค้าตามต่างจังหวัด ตรวจตลาดกับเซลล์ในกรุงเทพฯ ก่อนจะขยับมาดูแลด้านตลาดส่งออก
คุณวราภรณ์ บอกถึงวิธีการถ่ายทอดการทำธุรกิจครอบครัวในแบบของคุณพ่อ และทำให้ในวันที่ต้องเข้ามารับผิดชอบธุรกิจของครอบครัวเต็มตัว สิ่งที่อยากทำอย่างแรกเลยคือ การปรับปรุงในส่วนของการเปิดบิลการขาย เพราะจากประสบการณ์ที่เคยเจอมาตั้งแต่เด็กสมัยคุณพ่อจะใช้วิธีการเขียน เนื่องจากสมัยนั้นสินค้ายังน้อย แต่ปัจจุบันสินค้ามากขึ้น ความผิดพลาดก็มีมากขึ้นตามไปด้วย
คุณวราภรณ์ บอกว่า โชคดีที่คุณพ่อเป็นคนหัวสมัยใหม่ และเปิดใจรับเรื่องเทคโนโลยีพอสมควร เพราะไม่ใช่แค่เซลล์ขายได้แล้วจบ แต่หลังการขายมักจะคุยกันเสมอถึงการทำงานที่จะทำให้เกิดความสะดวก เซลล์ออกไปขายสินค้า รับเงินเข้าบริษัท ระบบเอกสาร ระบบคอมพิวเตอร์ ระบบสรรพากร ที่เกิดขึ้นหลังการขายเสร็จสิ้น ต้องมี คุณพ่อจึงนำคอมพิวเตอร์สมัยยุคดอส จอเขียวมาใช้ในสำนักงาน ดังนั้น เมื่อถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนแปลงบางอย่างจึงไม่ยากเกินไปในการนำเสนอกับท่าน หากทำแล้วเกิดประโยชน์กับบริษัท ท่านก็ค่อนข้างเปิดใจยอมรับได้ง่าย | การเป็นทายาทธุรกิจมักถูกมองว่าง่ายดาย แต่ความจริงแล้วมีความยากลำบากเช่นเดียวกับการเปิดธุรกิจใหม่ เจ้าของต้องรับมือกับแรงกดดันและการเปลี่ยนแปลงของโลกธุรกิจ ทั้งยังต้องพัฒนาและต่อยอดธุรกิจครอบครัวให้เติบโต
สามทายาทธุรกิจรุ่นใหม่ต้องเผชิญกับท้าทายต่างๆ ในการสืบทอดธุรกิจจากครอบครัว แต่พวกเขามีมุมมองและวิธีการบริหารที่ทำให้ธุรกิจเจริญเติบโตได้ ไม่ว่าจะเป็นการปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงของโลกธุรกิจหรือการพัฒนาธุรกิจให้ดียิ่งขึ้น ทำให้ธุรกิจครอบครัวสามารถเข้าไปสู่ตลาดและเป็นที่ยอมรับในวงกว้างได้
ต่อยอดข้าวเกรียบปักษ์ใต้รุ่นพ่อสู่ตลาดโลก
คุณวราภรณ์ วังวิวัฒน์ ผู้จัดการฝ่ายส่งออกและOEM บริษัท มโนห์ราอุตสาหกรรมอาหาร จำกัด เล่าถึงกำเนิดธุรกิจครอบครัวของบริษัท มโนห์ราอุตสาหกรรมอาหาร ซึ่งเริ่มต้นในปี 2506 โดยคุณพ่อขายข้าวเกรียบที่สงขลาและขยับมาขายที่กรุงเทพฯ จนกลายเป็นแบรนด์มีมาตรฐานมากกว่า 57 ปี คุณวราภรณ์ได้เข้ามาร่วมช่วยกิจการตั้งแต่เด็ก ทำงานต่างๆ เช่น การนำขนมไปขายเพื่อน ครู และจากนั้นเข้ามาทำงานกับบริษัทเต็มตัว จนกลายเป็นผู้จัดการฝ่ายส่งออกและOEM ในปัจจุบัน
คุณวราภรณ์แสดงถึงการปรับปรุงในการเปิดบิลการขายในธุรกิจครอบครัว โดยทำให้ดูเป็นเรื่องสำคัญเนื่องจากประสบการณ์ในการทำธุรกิจครอบครัวของคุณพ่อที่ใช้วิธีการเขียนบิลต่อกับปริมาณสินค้าที่มากขึ้นในปัจจุบัน ทำให้การจัดการขายและระบบทำงานหลังการขายเริ่มมีความซับซ้อนมากขึ้น คุณวราภรณ์เสนอให้นำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการทำงานที่ทำให้เกิดความสะดวกและประสิทธิภาพ และชมคุณพ่อที่เปิดใจรับเรื่องเทคโนโลยีเพื่อประโยชน์ของบริษัท | null | Summarization | cc-by-nc-4.0 |
Retail_52646 | Retail | รายได้ของUniqloลดลงกี่เปอร์เซ็น | A. 44%
B. 33%
C. 55%
D. 66% | ข้อที่ถูกต้องคือ A. เพราะว่า เรียกว่าเป็นแบรนด์ที่ได้รับผลกระทบจากไวรัส Covid-19 ไม่น้อยเลยทีเดียวสำหรับ Uniqlo เห็นได้จากการประกาศปิดสาขาในประเทศต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก รวมถึงประเทศแม่อย่าง “ญี่ปุ่น” ซึ่งส่งผลให้ Fast Retailing บริษัทแม่ของ Uniqlo ต้องออกมาประกาศหั่นตัวเลขคาดการณ์รายได้ในปีการเงินนี้ (กันยายน 2019 – สิงหาคม 2020) ลง 44% แล้วเรียบร้อย โดย Fast Retailing คาดการณ์ว่า กำไรจากการดำเนินงานในปีนี้จะอยู่ที่ 145,000 ล้านเยน ต่ำกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ก่อนหน้าที่ 245,000 ล้านเยน หรือลดลง 44% เมื่อเทียบกับผลประกอบการในปีก่อนหน้า ส่วนปัจจัยที่ทำให้สถานการณ์ในปีนี้ของบริษัทไม่สู้ดีนักมาจากไวรัส Covid-19 ที่ระบาดอย่างหนักในตลาดใหญ่ของ Uniqlo ไม่ว่าจะเป็นจีน ญี่ปุ่น หรือภูมิภาคที่ Uniqlo กำลังไปบุกเพื่อชิงส่วนแบ่งอย่างสหรัฐอเมริกา และสหภาพยุโรป โดยเมื่อ 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา Uniqlo ได้มีการปิดร้านค้าราว 100 แห่งในกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่นเป็นการชั่วคราว หลังพบการแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 เป็นจำนวนมาก เช่นเดียวกับจีนแผ่นดินใหญ่ซึ่ง Uniqlo ต้องปิดร้านสาขาไปกว่า 390 แห่งจากที่มีทั้งหมด 750 แห่งทั่วประเทศ | null | Multiple choice | cc-by-nc-4.0 |
Retail_52649 | Retail | TMRW มีวิธีการสนับสนุนลูกค้าในการใช้ชีวิตประจำวันอย่างไรเพื่อหลีกเลี่ยงการออกจากบ้านบ่อยๆ? | หัวข้อ TMRW สนับสนุนให้ทุกคนรักษาระยะห่างทางสังคม รับเงินคืน 15% เมื่อสั่งอาหารหรือซื้อสินค้าออนไลน์ผ่านบัตรเครดิต [PR] - Brand Buffet
TMRW (ทูมอร์โรว์) โดย ยูโอบี ธนาคารบนโทรศัพท์มือถือเพื่อดิจิทัลเจเนอเรชัน สนับสนุนนโยบาย Social Distancing ในการช่วยยับยั้งการแพร่ระบาดของโควิด-19 มอบโปรโมชั่น 15 on 15 คืนเงิน 15% สำหรับยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต TMRW เมื่อสั่งอาหารหรือซื้อสินค้าออนไลน์กับร้านค้าชื่อดัง[1] อาทิ Grab, Lazada, Shopee และ Tops Supermarket ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 สิงหาคมนี้ นายนที ศรีรัศมี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ Retail Digital ธนาคารยูโอบี (ไทย) กล่าวว่า “เราหวังว่า TMRW จะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยสนับสนุนให้ทุกคนอยู่บ้าน เพื่อลดความเสี่ยงในสถานการณ์โรคระบาดเช่นนี้
นอกจากลูกค้าสามารถทำธุรกรรมทั่วไปผ่านทางแอปพลิเคชันได้แล้ว โปรโมชั่นเครดิตเงินคืนนี้จะช่วยจูงใจให้ลูกค้าใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างปกติ และเดินทางออกจากบ้านน้อยที่สุด” ทั้งนี้ ด้วยความห่วงใยในสุขภาพของลูกค้าในช่วงการแพร่ระบาดของ COVID-19 นี้ TMRW จึงของดกิจกรรมโปรโมชั่นประจำเดือน Movie Premiere และ Wow 1 Baht ไปจนถึงสิ้นดือนเมษายน เนื่องจากร้านค้า ห้างสรรพสินค้า และโรงภาพยนตร์ที่ร่วมรายการจำเป็นต้องปิดให้บริการในขณะนี้ ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์ TMRW – โปรโมชั่น 15 on 15 [1] 15 ร้านค้าที่ร่วมรายการ ได้แก่ After you, Au Bon Pain, DEAN & DELUCA, Dolfin Wallet,Grab, KOI Thé, Krispy Kreme, Lazada, MRT, Rabbit Line Pay, SF Cinema, Shopee, Tops Supermarket, TrueCoffee and TrueMoney Wallet | TMRW สนับสนุนลูกค้าในการใช้ชีวิตประจำวันโดยการมอบโปรโมชั่น "15 on 15" ซึ่งคืนเงิน 15% สำหรับยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต TMRW เมื่อสั่งอาหารหรือซื้อสินค้าออนไลน์กับร้านค้าชื่อดังต่างๆ เช่น Grab, Lazada, Shopee และ Tops Supermarket โดยโปรโมชั่นนี้มีระยะเวลาถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2024 ซึ่งช่วยให้ลูกค้าได้ทำธุรกรรมและช้อปปิ้งจากที่บ้านได้ง่ายขึ้นและปลอดภัยขึ้น โดยไม่ต้องออกไปยังสถานที่ต่างๆ นอกจากนี้ TMRW ยังให้บริการทำธุรกรรมทั่วไปผ่านแอปพลิเคชัน TMRW ซึ่งช่วยให้ลูกค้าสามารถจัดการเรื่องการเงินได้สะดวกและรวดเร็วจากที่บ้านอีกด้วยค่ะ. | null | Closed QA | cc-by-nc-4.0 |
Retail_52659 | Retail | ช่วยเขียนแนวคิดทีมีเนื้อหาเกี่ยวกับ"บูรณาการออนไลน์: การเชื่อมโยงระหว่าง PepsiCo และตลาดสแน็คออนไลน์ในจีน" | null | "แนวคิดทีมีเนื้อหาเกี่ยวกับ PepsiCo ควัก 705 ล้านเหรียญสหรัฐ ซื้อบริษัทสแน็คออนไลน์จีน"
PepsiCo ควัก 705 ล้านเหรียญสหรัฐ การสืบค้นหาความหลากหลายทางเลือกในการขยายธุรกิจของบริษัท ไม่น้อยเนื่องจากต้องการที่จะเข้าสู่ตลาดที่ก้าวขึ้นอย่างรวดเร็วของสแน็คออนไลน์ในประเทศจีน ซื้อบริษัทสแน็คออนไลน์จีนนี้เป็นการสะท้อนถึงยุคใหม่ของการบริโภคที่ก้าวล้ำเข้าสู่โลกดิจิทัล ด้วยการที่ผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลงในการช้อปปิ้งและการบริโภคสินค้าอาหารและเครื่องดื่มอย่างสำคัญผ่านช่องทางออนไลน์
1. การก้าวเข้าสู่ตลาดใหม่: การซื้อบริษัทสแน็คออนไลน์จีนนี้เป็นการก้าวข้ามทางเดินที่ชัดเจนสำหรับ PepsiCo เข้าสู่ตลาดการบริโภคออนไลน์ในจีน ซึ่งเป็นที่ยอมรับว่ามีฐานลูกค้าที่ใหญ่และกำลังต้องการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
2. การสร้างกลยุทธ์การตลาดออนไลน์: การซื้อบริษัทสแน็คออนไลน์จีนนี้ไม่เพียงแค่เป็นการเข้าสู่ตลาดใหม่ แต่ยังเป็นการสร้างกลยุทธ์การตลาดออนไลน์ที่มั่นคงในอนาคต ทำให้ PepsiCo มีโอกาสเพิ่มผลกำไรและสร้างความเชื่อมั่นในตลาดนี้
3. การเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภครุ่นใหม่: ผู้บริโภครุ่นใหม่ในจีนมักมีนิสัยในการช้อปปิ้งออนไลน์มากขึ้น ดังนั้นการเข้าถึงกลุ่มลูกค้านี้ผ่านการซื้อบริษัทสแน็คออนไลน์จีนอาจเป็นวิธีที่ดีในการสร้างฐานลูกค้าใหม่และเพิ่มยอดขาย
4. การเสถียรภาพในการแข่งขัน: การลงทุนในธุรกิจออนไลน์อาจมีความเสี่ยงที่สูงขึ้นในบางกรณี แต่การซื้อบริษัทสแน็คออนไลน์จีนที่มีรายได้และยอดขายที่มั่นคงอาจช่วยเพิ่มความเสถียรให้กับธุรกิจของ PepsiCo ในระยะยาว
5. การนำเสนอสินค้าใหม่: ด้วยการเข้าสู่ตลาดออนไลน์ บริษัทสามารถทดลองและนำเสนอสินค้าใหม่ได้ในรูปแบบที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ซึ่งอาจช่วยให้ PepsiCo มีการตอบสนองต่อความต้องการของตลาดได้อย่างรวดเร็ว
การซื้อบริษัทสแน็คออนไลน์จีนนี้ไม่เพียงแค่เป็นการขยายธุรกิจของ PepsiCo ในตลาดออนไลน์ แต่ยังเป็นการสร้างพื้นฐานและก้าวไปสู่อนาคตของการบริโภคที่มีการเปลี่ยนแปลงอ | null | Creative writing | cc-by-nc-4.0 |
Retail_52663 | Retail | เขียนย่อหน้าเกี่ยวกับ การเพิ่มบริการยืนยันตัวตนผ่านเซเว่น อีเลฟเว่น ของ SCB | null | การเพิ่มบริการยืนยันตัวตนผ่านเซเว่น อีเลฟเว่น ของ SCB เป็นการเพิ่มการให้บริการ “ยืนยันตัวตนผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิส” ภายใต้แนวคิด “ฉันเองคนนี้ที่เซเว่นฯ” ผ่านเทคโนโลยี Facial Recognition สำหรับลูกค้าใหม่ที่ไม่เคยใช้บริการของธนาคาร เพื่อมาเปิดบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ eSaving โดยไม่จำเป็นต้องไปยืนยันตัวตนที่สาขาอีกต่อไป ถือว่าเป็นการเติมเต็มบริการของกลุ่มลูกค้ารายย่อยให้สะดวกยิ่งขึ้น
SCB เพิ่มบริการยืนยันตัวตน ผ่านเซเว่นฯ
หนึ่งในธนาคารที่เร่งเดินเครื่องเพิ่มฐานลูกค้าใหม่เข้ามาในระบบอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะบนแพลตฟอร์มดิจิทัลแบ้งกิ้ง คือ ธนาคารไทยพาณิชย์ หรือ SCB นอกจากที่เป็นหนึ่งธนาคารในแซนด์บ็อกซ์เพื่อร่วมทดสอบแพลตฟอร์ม NDID แล้ว ยังต่อยอดการยืนยันตัวตนกับพาร์ทเนอร์สำคัญอย่างร้านเซเว่น อีเลฟเว่น โดย บริษัท เคาน์เตอร์เซอร์วิส จำกัด เพื่อให้สามารถขยายฐานไปยังกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลายมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มที่อาจจะยังไม่คุ้นเคยการใช้งานดิจิทัลแพลตฟอร์มต่างๆ และยังมีปริมาณที่ค่อนข้างมากอยู่เช่นเดียวกัน
โดยร้านเซเว่นฯ ในฐานะ Banking Agent ของทาง SCB ได้เปิดให้บริการทางการเงินในฟากของรีเทลแบ้งกิ้งให้กับลูกค้า SCB ในปี 2562 โดยที่ SCB ยังเป็นธนาคารแรกที่สามารถให้บริการรับฝากเงินผ่านร้านเซเว่นฯ ได้ด้วย ซึ่งในปี 2563 SCB และเซเว่นฯ ได้เติมเต็มบริการของกลุ่มลูกค้ารายย่อยด้วยการเพิ่มการให้บริการ “ยืนยันตัวตนผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิส” ภายใต้แนวคิด “ฉันเองคนนี้ที่เซเว่นฯ” ผ่านเทคโนโลยี Facial Recognition สำหรับลูกค้าใหม่ที่ไม่เคยใช้บริการของไทยพาณิชย์มาก่อน (New to bank) เพื่อเปิดบัญชีเงินฝากออมทรัพย์แบบไม่มีสมุด หรือ eSaving โดยไม่จำเป็นต้องไปยืนยันตัวตนที่สาขาอีกต่อไป | null | Creative writing | cc-by-nc-4.0 |
Retail_52683 | Retail | ในการให้คำปรึกษาด้านความงามมีกี่แบบ | a. 2
b. 4
c. 1
d. 3 | คำตอบคือ a. เนื่องจาก ในการให้คำปรึกษาด้านความงาม 2 แบบ คือ AI สำหรับการตอบคำถามทั่วไป และผู้ช่วยส่วนตัวสำหรับลูกค้าที่ต้องการคำแนะนำส่วนตัว เป็นต้น โดยทั้งหมดนี้คือตัวอย่างการทำ CRM ด้วยจุดประสงค์และรูปแบบกิจกรรมที่แตกต่างกันไปบน LINE OA ทั้งสิ้น ด้วยแพลตฟอร์มของ LINE ที่เปิดกว้าง และการพัฒนาเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ ทั้งหมดเหล่านี้ สะท้อนให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่า LINE สามารถเข้ามาตอบทุกโจทย์ของการตลาดดิจิทัลสำหรับนักการตลาดยุคใหม่ได้อย่างแท้จริง โดยแบรนด์ต่างๆ ควรจะต้องมีการวิเคราะห์ถึงกลุ่มเป้าหมาย จุดประสงค์ในการใช้งานแพลตฟอร์มอย่างรอบคอบ เพื่อให้ทุกกิจกรรมในทุกแพลตฟอร์ม ทุกช่องทางสามารถตอบโจทย์ทางการตลาดอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด | null | Multiple choice | cc-by-nc-4.0 |
Retail_52688 | Retail | โครงการ WALDEN THONGLOR มีกี่โครงการ อะไรบ้าง | ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ปัจจุบัน รูปแบบการพัฒนาโครงการส่วนใหญ่ จะเป็น “การพัฒนาเพื่อขาย” ไม่ว่าโครงการบ้านจัดสรร หรือคอนโดมิเนียม แต่เมื่อไลฟ์สไตล์ของคนยุคปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไป และรูปแบบการสร้างรายได้ในยุคปัจจุบัน ไม่ได้มีแต่วิธีการเดิมๆ อย่างเช่น การนำเงินฝากธนาคาร หรือเล่นหุ้น ทำให้ “ฮาบิแทท กรุ๊ป” (HABITAT GROUP) มองเห็นโอกาสทางการตลาด พัฒนาโมเดลธุรกิจรูปแบบ “ไลฟ์สไตล์ อินเวสเม้นท์” (Lifestyle Investment) ซึ่งเป็นการบริหารอสังหาริมทรัพย์แบบปล่อยเช่า ที่มีการบริการจัดการแบบโรงแรมเข้ามาเพิ่มมูลค่าของโครงการ โดยผู้ลงทุนที่เข้ามาซื้อโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนของ ฮาบิแทท กรุ๊ป จะได้ผลตอบแทนในอัตรา 6% ในช่วง 3 ปีแรก และเมื่อระบบเข้าที่ในปีที่ 4 เป็นต้นไปจะได้ในรูปของ Profit Sharing ไปตลอด 30 ปี จากการนำห้องชุดที่ซื้อไว้มาปล่อยเช่า ซึ่งเจ้าของยังสามารถมาใช้บริการห้องพักของตนเองได้ 14 วัน แต่หากต้องการพักมากกว่ายังได้รับสิทธิพิเศษด้วย ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของห้องที่มาพักหรือผู้เช่า จะได้รับการบริการและการดูแลตามมาตรฐานโรงแรมหรู ไม่ต่างจากการบริการของโรงแรมชั้นนำด้วย หรือเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ ต้องการขายอสังหาฯ ที่ซื้อไว้ก็สามารถทำได้ แถมยังได้ capital Gain จากราคาที่ดินและมูลค่าโครงการที่เพิ่มขึ้นด้วย ถือเป็นการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน ซึ่งตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ และผู้สนใจลงทุนในตลาดอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งได้ทั้งการเป็นเจ้าของและยังได้ผลตอบแทนจากกลับมา ทั้งรูปแบบ Capital gain และ Rental yield ด้วย ฮาบิแทท กรุ๊ป ได้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนมาแล้วกว่า 12 โครงการ โดยเฉพาะในเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี ที่ได้ดึงแบรนด์โรงแรมชั้นนำของโลกเข้ามาบริหารถึง 4 แบรนด์ ได้แก่ ครอสทู , วินด์ดัม, เบสท์ เวสเทิร์น และรามาด้า บาย วินด์ดัม ล่าสุด ได้จับมือกับ “ลิสต์ กรุ๊ป” (List Group) ผู้เชี่ยวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์จากประเทศญี่ปุ่น พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมลักชัวรี่โลว์ไรซ์ โครงการ วาลเด้น ทองหล่อ 8 (Walden Thonglor 8) และ โครงการ วาลเด้น ทองหล่อ 13 (Walden Thonglor 13) มูลค่ากว่า 2,800 ล้านบาท พร้อมดึงผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารที่พักอาศัย “เจอาร์อี ดีเวลลอปเม้นท์” (JRE Development) บริษัทลูกของ “แจลุกซ์” (JALUX Inc.) จากญี่ปุ่นมาบริหาร สร้างมูลค่าเพิ่มและเสริมจุดแข็งให้กับโครงการด้วย เปิดอาณาจักร JALUX สำหรับแจลุกซ์ หลายคนอาจจะยังไม่รู้จักว่าบริษัทนี้ดำเนินธุรกิจอะไรบ้าง มีบทบาทและความสำคัญอย่างไร ซึ่งความเป็นจริงแจลุกซ์ มีธุรกิจหลากหลาย ทั้งในประเทศญี่ปุ่นและต่างประเทศ มีบริษัทในเครือกว่า 10 แห่ง ปัจจุบันมี 4 กลุ่มธุรกิจสำคัญ ประกอบด้วย 1. กลุ่มธุรกิจการบินและสนามบิน (Aviation & Airport Unit) โดยจำหน่ายและให้บริการเกี่ยวกับธุรกิจการบิน ไม่ว่าจะเป็นระบบเครื่องบิน อุปกรณ์ ชิ้นส่วน การรับบริหารสนามบิน เช่น บริหารสนามบิน Mandalay International Airport และ Wattay International Airport in Vientiane, Lao PDR 2. กลุ่มธุรกิจค้าปลีก (Retail Unit) ได้แก่ บริหารร้านค้าปลอดภาษี ร้านจำหน่ายสินค้าของฝาก ภายในสนามบิน ชื่อร้าน BLUE SKY จำนวน 74 ร้านค้า และ JAL Duty Free จำนวน 11 ร้าน ใน 27 สนามบินของประเทศญี่ปุ่น ส่วนในประเทศไทย ได้จัดตั้งบริษัท Jalux Asia จำกัด เป็นตัวแทนจำหน่ายขนมและช็อคโกแลตของ Royce และมี Japan Station จำหน่ายขนมนำเข้าจากญี่ปุ่น อยู่ในห้างสรรพสินค้า อาทิ สยามพารากอน ไอคอนสยาม เอ็มโพเรียม เป็นต้น 3. กลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม (Food and Beverage Unit) ดำเนินธุรกิจด้านนำเข้า ส่งออกสินค้าและจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากทะเล ผลผลิตทางการเกษตร และไวน์ ในประเทศญี่ปุ่น และในไทยจัดตั้ง J Value Co.,Ltd. เพื่อนำเข้าสินค้าทางทะเล และผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรจากญี่ปุ่นมาขายในไทย และมีหน้าร้านที่ตลาดญี่ปุ่น “Thonglor Nihon Ichiba” บริเวณทองหล่อ ซอย 13 ด้วย 4. กลุ่มธุรกิจ Life Service Unit เป็นการบริการด้านอุปกรณ์ที่ใช้ในการตรวจสอบสะพาน และวัสดุในการซ่อมแซมถนน การรับประกันภัยทั้งบุคคลและองค์กร ที่สำคัญ กลุ่มธุรกิจนี้ ยังมีธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ไม่ว่าจะเป็นด้านการก่อสร้าง การพัฒนาที่ดิน และการบริหารจัดการต่างๆ โดยเฉพาะประเภทที่อยู่อาศัย รวมถึงให้บริการที่พักอาศัยสำหรับผู้สูงอายุ ทั้งแบบรายวันและแบบระยะยาว โดยบริษัท เจอาร์อี ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารที่พักอาศัย ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ “แจลุกซ์” อยู่ในกลุ่มธุรกิจนี้ด้วย หลังจากมีประสบการณ์การบริหารอสังหาริมทรัพย์ ในประเทศญี่ปุ่นมายาวนานตั้งแต่ปี 2505 ได้บริหารจัดการโครงการที่พักอาศัยมากว่า 3,500 ยูนิต มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 95% จนเดือนเมษายน 2558 ได้ขยายการลงทุนนอกประเทศ ด้วยการเลือกประเทศไทยประเทศแรกในการจัดตั้งบริษัท เจอาร์อีฯ ปัจจุบันมีทุนจดทะเบียน 27.78 ล้านบาท โดยพัฒนาเซอร์วิสอพาร์ทเมนท์ ทั้งในประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงการรับบริหารจัดการเซอร์วิสอพาร์ทเมนท์ในไทย ภายใต้แบรนด์ลักซ์เซ (L’axe) ที่ปัจจุบันเป็นเจ้าของและบริหารจัดการ L’axe Sriracha JALUX Serviced Residence ในอำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ซึ่งเป็นศูนย์กลางของชุมชนชาวญี่ปุ่นที่ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกของประเทศไทย ตอบโจทย์ชีวิตด้วยบริการระดับพรีเมียมมาตรฐาน L’axe JALUX ล่าสุดกับการร่วมมือกันระหว่าง ฮาบิแทท กรุ๊ป กับ แจลุกซ์ ในครั้งนี้ได้สร้างสรรค์สิ่งอำนวยความสะดวก และบริการต่างๆ ตามมาตรฐานของ L’axe JALUX ให้กับผู้พักอาศัยภายในโครงการ ทั้งกลุ่มชาวญี่ปุ่นที่อยู่อาศัยในประเทศไทย และกลุ่มที่เดินทางมาทำธุรกิจในประเทศไทย ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายในการทำตลาดสำคัญของทั้งสองโครงการ ทำให้เจ้าของห้องชุดของโครงการวาลเด้นทองหล่อ (Walden Thonglor) ทั้งสองแห่ง จะได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนอย่างคุ้มค่า โดยผู้พักอาศัยภายในโครงการจะได้รับการบริการต่างๆ ตามมาตรฐานของ L’axe JALUX ได้แก่ WALDEN THONGLOR การลงทุนซื้อคอนโดฯ เพื่อนำมาปล่อยเช่าในปัจจุบัน อาจจะสร้างผลตอบแทนได้ดี โดยเฉพาะในโครงการที่ตั้งอยู่ในทำเลที่ดี และมีรูปแบบโครงการที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้อยู่อาศัย แต่ต้องยอมรับว่าปัจจุบันคู่แข่งมีจำนวนมาก เพราะทุกคนมองเห็นโอกาสเดียวกัน และหลายครั้งอาจจะพบปัญหาความยุ่งยากในด้านการบริหารจัดการ แต่สำหรับโครงการวาลเด้นทองหล่อทั้งสองโครงการ มี แจลุกซ์ มาช่วยบริหารจัดการ ทำให้เจ้าของห้องหมดปัญหากวนใจ และยังเป็นการบริหารที่มุ่งเน้นจับตลาดกลุ่มนักธุรกิจชาวญี่ปุ่น และบริหารงานโดยผู้เชี่ยวชาญชาวญี่ปุ่น ทำให้มั่นใจได้ในเรื่องคู่แข่งที่มีน้อยกว่า เพราะชาวญี่ปุ่นให้ความสำคัญเรื่องของมาตรฐานการบริหาร และเชื่อมั่นในการบริหารงานกับบริษัทชาวญี่ปุ่นด้วยกันเอง ทำให้เจ้าของห้องมั่นใจได้ว่า จะสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวได้ นอกจากนี้ สถิติปัจจุบัน พบว่า มีชาวญี่ปุ่นที่อาศัยและทำงานในประเทศไทยมากกว่า 70,000 คน ขณะเดียวกันชาวญี่ปุ่นที่เดินทางมาเพื่อดำเนินธุรกิจในประเทศไทยก็มีแนวโน้มสูงขึ้นด้วย ทำให้เป็นโอกาสทางการตลาดในการที่กลุ่มคนเหล่านี้ จะเป็นกลุ่มลูกค้าในการเช่าพักอาศัยภายในโครงการด้วย เจ้าของห้องชุดโครงการวาลเด้น ทองหล่อ ทั้งสองแห่งจึงมั่นใจได้ว่าจะมีกลุ่มลูกค้าเข้ามาได้อีกจำนวนมากในอนาคต ซึ่งย่านทองหล่อเองก็เป็นแหล่งชุมชนที่พักอาศัยหลักของชาวญี่ปุ่นด้วย สำหรับ โครงการ วาลเด้น ทองหล่อ 8 เป็นคอนโดมิเนียมลักชัวรี่โลว์ไรซ์ 8 ชั้น จำนวน 117 ยูนิต ราคาเริ่มต้นที่ 7.9 ล้านบาท ตั้งอยู่ในซอยทองหล่อ 8 ห่างจากถนนเส้นหลักเพียง 100 เมตร ประกอบด้วยห้องชุด 4 แบบ คือ ส่วนโครงการ วาลเด้น ทองหล่อ 13 เป็นคอนโดมิเนียมลักชัวรีโลว์ไรซ์ 8 ชั้น จำนวน 122 ยูนิต ราคาเริ่มต้นที่ 6.9 ล้านบาท ประกอบด้วยห้องชุด 3 แบบ ได้แก่ ทั้งสองโครงการคาดว่าจะเริ่มการก่อสร้างในช่วงไตรมาสแรก ปี 2563 และคาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาสแรก ปี 2565 | โครงการ WALDEN THONGLOR เป็นโครงการที่ฮาบิแทท กรุ๊ป จับมือกับ “ลิสต์ กรุ๊ป” (List Group) ผู้เชี่ยวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์จากประเทศญี่ปุ่น พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมลักชัวรี่โลว์ไรซ์ โครงการ วาลเด้น ทองหล่อ 8 (Walden Thonglor 8) และ โครงการ วาลเด้น ทองหล่อ 13 (Walden Thonglor 13) พร้อมดึงผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารที่พักอาศัย “เจอาร์อี ดีเวลลอปเม้นท์” (JRE Development) บริษัทลูกของ “แจลุกซ์” (JALUX Inc.) จากญี่ปุ่นมาบริหาร สร้างมูลค่าเพิ่มและเสริมจุดแข็งให้กับโครงการด้วย
โครงการวาลเด้น ทองหล่อ ทั้งสองแห่งจึงมั่นใจได้ว่าจะมีกลุ่มลูกค้าเข้ามาได้อีกจำนวนมากในอนาคต ซึ่งย่านทองหล่อเองก็เป็นแหล่งชุมชนที่พักอาศัยหลักของชาวญี่ปุ่นด้วย
สำหรับ โครงการ วาลเด้น ทองหล่อ 8 เป็นคอนโดมิเนียมลักชัวรี่โลว์ไรซ์ 8 ชั้น จำนวน 117 ยูนิต ราคาเริ่มต้นที่ 7.9 ล้านบาท ตั้งอยู่ในซอยทองหล่อ 8 ห่างจากถนนเส้นหลักเพียง 100 เมตร ประกอบด้วยห้องชุด 4 แบบ คือ
- ห้องชุดแบบ One Bedroom ขนาดพื้นที่ 32 ตารางเมตร
- ห้องชุดแบบ One Bedroom Plus ขนาดพื้นที่ 40-47 ตารางเมตร
- ห้องชุดแบบ Two Bedroom ขนาดพื้นที่ 45-58 ตารางเมตร
-ห้องชุดแบบ Two Bedroom Deluxe ขนาดพื้นที่ 59-71 ตารางเมตร
ส่วนโครงการ วาลเด้น ทองหล่อ 13 เป็นคอนโดมิเนียมลักชัวรีโลว์ไรซ์ 8 ชั้น จำนวน 122 ยูนิต ราคาเริ่มต้นที่ 6.9 ล้านบาท ประกอบด้วยห้องชุด 3 แบบ ได้แก่
- แบบ One Bedroom ขนาดพื้นที่ 36 – 50 ตารางเมตร
- แบบ One Bedroom Plus 41 – 46 ตารางเมตร
- แบบ Two Bedroom 51 – 68 ตารางเมตร
ทั้งสองโครงการคาดว่าจะเริ่มการก่อสร้างในช่วงไตรมาสแรก ปี 2563 และคาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาสแรก ปี 2565 | null | Closed QA | cc-by-nc-4.0 |
Retail_52695 | Retail | Brian Cornell ซีอีโอของ Target มีแผนลงทุนอย่างไรเพื่อปรับปรุงและขยายห้าง Target และอะไรคือจุดประสงค์หลักของการลงทุนนี้? | หัวข้อ "ต้องรอด" ฉบับค้าปลีก เมื่อ Target สู้ในสไตล์ตัวเองด้วยการเปิดสาขาเพิ่ม แถมยอดขายก็เพิ่มด้วย - Brand Buffet
ท่ามกลางการปิดสาขาของร้านค้าปลีกจำนวนมากในช่วงที่ผ่านมา เช่น แบรนด์ Forever 21, Payless ShoesSource, Gymboree หรือแม้กระทั่งห้างสรรพสินค้ายักษ์ใหญ่อย่าง Best Buy ฯลฯ จนแทบจะกลายเป็นสูตรสำเร็จของห้างค้าปลีกที่ต้องทำเพื่อรับมือกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่หันไปจับจ่ายใช้สอยจากช่องทางออนไลน์เพิ่มขึ้น ทว่าดูเหมือนจะมีบางห้างที่ไม่ต้องใช้กลยุทธ์ดังกล่าว แต่ก็ยังสามารถเติบโตได้ ห้างนั้นมีชื่อว่า Target โดยหากจะกล่าวถึงกลยุทธ์ของห้าง Target อาจต้องย้อนหลังไปเมื่อ 2 ปีก่อน เมื่อซีอีโออย่าง Brian Cornell ออกมาประกาศว่า ใน 3 ปีนับจากนี้ เขาจะลงทุนเพิ่มอีก 7,000 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อปรับปรุงห้าง Target ที่มีอยู่ให้ดีขึ้น และ “เปิดสาขาใหม่เพิ่มเติม” การประกาศของ Cornell สร้างความสงสัยให้กับนักวิเคราะห์ในยุคนั้นพอสมควร เพราะมันสวนทางกับสิ่งที่ค้าปลีกในยุคนั้นทำกัน
อย่างไรก็ดี Cornell อธิบายว่า มันเป็นการลงทุนที่ไม่ได้คาดหวังว่าจะต้องได้รีเทิร์นกลับมาภายในไตรมาสนี้หรือไตรมาสหน้า แต่เป็นการหวังผลระยะยาว ด้วยการสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับห้างทั้งหมด โดยจะนำดิจิทัลมาเป็นองค์ประกอบหลัก พร้อมยกตัวอย่างความเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นกับทางห้างเช่น ห้องเก็บสินค้าอาจไม่จำเป็นต้องเก็บสินค้าเพียงอย่างเดียว แต่มันอาจกลายเป็นที่สร้างรายได้ให้กับองค์กรได้เลย ผ่านการสั่งซื้อออนไลน์ ที่ออเดอร์จะถูกจัดส่งออกไปจากคลังเก็บสินค้าถึงยังหน้าประตูบ้านลูกค้าอย่างรวดเร็ว ผ่านมาเกือบครบ 3 ปีนับจากการประกาศครั้งนั้น ปัจจุบัน มูลค่าหุ้นของ Target ถูกจัดอยู่ในกลุ่ม All-Time High ไปแล้วเรียบร้อย และผลประกอบการไตรมาสแรกของปีนี้ ก็ทำได้เหนือกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ Justin Bariso คอลัมนิสต์จาก Inc. ให้ทัศนะถึงความเปลี่ยนแปลงของ Target ที่ทำให้บริษัทก้าวข้ามการล่มสลายของธุรกิจค้าปลีกมาได้อย่างน่าสนใจ โดยโฟกัสที่ 3 ปัจจัยหลัก นั่นคือ การสร้างพื้นที่ที่ทำให้ “คน” อยากเข้ามาใช้ชีวิต เป็นแนวคิดคล้าย ๆ กับห้างสรรพสินค้าบ้านเราที่กำลังรีโนเวทกันอยู่ทุกวันนี้ โดย Cornell เคยอยากจะปิดห้างเช่นกัน แต่เขาพบว่า จริง ๆ แล้วลูกค้ายังอยากมาเดินที่ห้างของพวกเขาอยู่ ด้วยเหตุนี้ Cornell เลยตั้งคำถามใหม่ว่า Target ต้องปรับโฉมอย่างไรจึงจะทำให้ลูกค้าอยากมาช้อปปิ้งที่ห้าง ผลก็คือ เขาตัดสินใจรีโมเดลห้างใหม่ทั้งหมดเพื่อสร้างประสบการณ์ดี ๆ ให้กับลูกค้า เช่น การติดตั้งระบบแสงสว่างใหม่ ปูพื้นใหม่ ปรับพื้นที่ในส่วน Grocery ใหม่ ฯลฯ ซึ่งรีเทิร์นของการปรับโฉมนี้ก็คือยอดขายที่เพิ่มขึ้น 2 – 4% เลยทีเดียว
ทั้งนี้ เป้าหมายของการรีโมเดลห้างของ Target นั้นคือการทำให้แล้วเสร็จ 300 สาขาภายในปี 2020 การประกาศของซีอีโอเมื่อปี 2017 ถึงการลงทุนเปิดสาขาเพิ่ม เปิด “Mini” ห้างขนาดเล็ก หลังจากรีโนเวทห้างเดิมให้ไฉไลขึ้นแล้ว เป้าหมายต่อไปของ Target ก็คือการเปิดร้านขนาด Mini ขึ้นนับร้อยแห่งในย่านใจกลางเมือง เช่น มหานครนิวยอร์ก หรือมหาวิทยาลัยดัง ๆ อย่างนอร์ธแคโรไลนา โดยห้างขนาด Mini นี้ มีขนาดเพียง 1 ใน 3 ของห้าง Target ทั่วไป แต่กลับพบว่าสามารถสร้างยอดขายได้เหนือกว่าเป็นสองเท่า ตัวเลขล่าสุดเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาชี้ว่า Target เปิดห้างขนาด Mini ไปแล้วถึง 100 แห่ง และมีแผนจะเปิดเพิ่มอีกราว 30 แห่งทั่วประเทศภายในปีนี้ โดยจะเน้นไปที่เมืองใหญ่อย่างลอสแองเจลลิส, ชิคาโก้ และนิวยอร์ก มารับของที่ห้างกันเถอะ สุดท้ายคือการผสานโลกออนไลน์มาสู่ห้างของตัวเอง เพราะ Target รู้ดีกว่า จะไปแข่งในเรื่องการขายออนไลน์กับ Amazon ตรง ๆ นั้นคงยาก พวกเขาเลยเปลี่ยนยุทธวิธี ด้วยการใช้แผน Ship-to-store นั่นคือการให้ลูกค้ามารับสินค้าที่พวกเขาเห็นจากเว็บไซต์ได้ที่ห้างในวันเดียวกัน ซึ่งการดึงลูกค้าเข้าห้างด้วยวิธีนี้ Target คาดว่า นอกจากได้สินค้าที่ต้องการแล้ว ลูกค้ายังอาจหยิบสินค้าอื่นติดไม้ติดมือออกไปสัก 2 – 3 ชิ้นด้วย
ผลจากการใช้ 3 ยุทธวิธีดังกล่าวรวมกัน พบว่า ยอดขายจากสโตร์และเว็บไซต์ของ Target เพิ่มขึ้น 3.4% ในขณะที่ธุรกิจค้าปลีกอื่น ๆ มียอดขายลดลง ส่วนคนมาเดินห้างเพิ่มขึ้น 2.4% และยอดขายออนไลน์เพิ่มขึ้น 34% ตัวอย่างพื้นที่ที่รีโนเวทใหม่ ไม่ซื้อหุ่นยนต์ตามคนอื่น แต่ยืนบนความจำเป็น ทิ้งท้ายกันด้วยเรื่องของ Robot ในขณะที่ห้างคู่แข่งอย่าง Walmart เริ่มแล้วกับการนำหุ่นยนต์เข้ามาช่วยสแกนสินค้าตามชั้นวางเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระของพนักงาน แต่สำหรับ Target พวกเขาเลือกที่จะทำสิ่งที่แตกต่าง นั่นคือยอมจ่ายเงินเพิ่มขึ้น 50 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อจ้างพนักงานเพิ่มในช่วงเทศกาลหยุดยาว “คุณจะไม่ได้เห็นหุ่นยนต์ในห้างของ Target เร็ว ๆ นี้แน่นอน แม้ว่าเราจะคิดถึงการนำหุ่นยนต์เข้ามาใช้งานอยู่ก็ตาม แต่ในที่สุดแล้ว การมีปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์ย่อมมีคุณค่ามากกว่า” Cornell กล่าวให้สัมภาษณ์ เหตุที่ Target ไม่ใช้หุ่นยนต์ก็เป็นเรื่องน่าสนใจ เพราะตอนนี้ธุรกิจของ Target ไม่ได้มีแต่ห้างขนาดใหญ่เพียงอย่างเดียว ตรงกันข้าม มันกลับกลายเป็นห้างขนาดเล็กที่มีพื้นที่ไม่ถึง 170,000 ตารางฟุต ซึ่งนั่นไม่จำเป็นต้องซื้อหุ่นยนต์มาช่วยงานแต่อย่างใด พนักงานทั่วไปก็สามารถดูแลได้อย่างทั่วถึง ทั้งหมดนี้จะเห็นได้ว่า กลยุทธ์ของ Target มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และสามารถเสริมจุดเด่นของตนเองได้โดยไม่ต้องใช้การลงทุนที่หวือหวา หรือมีสีสันมากจนเกินไป ซึ่งห้างค้าปลีกรายใดที่กำลังประสบปัญหา อาจลองพิจารณาแนวทางของ Target ไว้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกก็ได้ค่ะ Source Source Source Source | Brian Cornell ซีอีโอของ Target มีแผนลงทุนเพิ่ม 7,000 ล้านเหรียญสหรัฐในช่วง 3 ปี เพื่อปรับปรุงและขยายห้าง Target โดยมีจุดประสงค์หลักดังนี้
1. ปรับปรุงห้างเดิมให้ดีขึ้น : การลงทุนนี้มุ่งเน้นไปที่การปรับปรุงห้าง Target ที่มีอยู่แล้ว เพื่อสร้างประสบการณ์ช้อปปิ้งที่ดียิ่งขึ้นสำหรับลูกค้า เช่น การติดตั้งระบบแสงสว่างใหม่ การปรับพื้นที่ในส่วน Grocery ใหม่ และการรีโนเวทพื้นที่อื่นๆ เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายและความน่าสนใจให้กับลูกค้า
2. เปิดสาขาใหม่ : การลงทุนยังรวมถึงการเปิดสาขาใหม่เพิ่มขึ้น เพื่อขยายเครือข่ายของ Target โดยเฉพาะการเปิด “Mini” ห้างขนาดเล็กในย่านใจกลางเมืองและมหาวิทยาลัย ซึ่งมีขนาดเพียง 1 ใน 3 ของห้าง Target ทั่วไป แต่สามารถสร้างยอดขายได้มากกว่าปกติถึงสองเท่า
3. ใช้ดิจิทัลเป็นองค์ประกอบหลัก : Cornell เน้นการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการปรับปรุงห้าง เช่น การใช้ระบบจัดการสินค้าทางออนไลน์และการบริการลูกค้าผ่านแผน Ship-to-store เพื่อให้ลูกค้าสามารถสั่งซื้อสินค้าออนไลน์และมารับที่ห้างได้ในวันเดียวกัน ซึ่งช่วยเพิ่มความสะดวกและดึงดูดลูกค้าให้มาที่ห้างมากขึ้น
โดยสรุป จุดประสงค์หลักของการลงทุนคือการสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับลูกค้า ผ่านการปรับปรุงห้างให้ทันสมัยและน่าสนใจ รวมถึงการขยายสาขาใหม่ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้าในเมืองใหญ่และมหาวิทยาลัย พร้อมกับการนำเทคโนโลยีเข้ามาผสมผสานเพื่อเพิ่มความสะดวกและประสิทธิภาพในการบริการลูกค้า. | null | Closed QA | cc-by-nc-4.0 |
Retail_52699 | Retail | แม่มณีเป็นของธนาคารใด | a. ธนาคารออมสิน
b. ธนาคารกสิกร
c. ธนาคารไทยพาณิชย์
d. ธนาคารกรุงไทย | ข้อที่ถูกต้องคือ c. เพราะว่า หลังเปิดเกมฟรีค่าธรรมเนียมสำหรับทุกธุรกรรมในฟากลูกค้า Retail ทำให้ภาพของความเป็น Lifestyle Banking ของ SCB มีความชัดเจน และสามารถขยายฐานลูกค้าได้มากขึ้น จนปัจจุบันฐานผู้ใช้งาน SCB Easy ก้าวกระโดดแตะ 10 ล้านราย ในเวลาเพียงแค่ 3 ปี และสามารถขยับขึ้นเป็นหนึ่งในผู้นำ Digital Banking ได้ตามความตั้งใจ การทลายกำแพงระหว่างลูกค้าและธนาคาร เป็นหนึ่งใน Key Success สำคัญ ที่ไทยพาณิชย์ต้องการลบภาพการเป็นธนาคารแบบเดิมๆ ที่ไม่ได้มี Engagement ใดๆ กับลูกค้า นอกเหนือไปจากการเข้ามาเพื่อทำธุรกรรมเท่านั้น ขณะที่การมาในแต่ละครั้งก็ไม่ใคร่สร้างความประทับใจให้ลูกค้าได้มากนัก ทั้งเรื่องของบริการ เวลาในการรอ หรือการเก็บค่าธรรมเนียมต่างๆ จนภาพจำของธนาคารในความคิดลูกค้าคือ “งก ช้า ห่วย” กลายเป็น Pain Point ตั้งต้นในการทำการบ้านครั้งใหญ่ของ SCB ในฟากลูกค้ารีเทล ซึ่งก็ต้องถือว่า SCB ประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนภาพเดิมๆ ของธนาคาร จนกลายมาเป็น “กระเป๋าสตางค์” ของคนไทย | null | Multiple choice | cc-by-nc-4.0 |
Retail_52700 | Retail | ช่วยสรุปบทความ ผ่ากลยุทธ์ เซ็นทรัล รีเทล กับงาน “VIETNAMESE WEEK IN THAILAND 2019” สู่เป้าหมาย รีเทลแห่งอาเซียน | ปัจจุบัน เซ็นทรัล รีเทล เป็นบริษัทค้าปลีกข้ามชาติและไฮเปอร์มาร์เก็ตรายใหญ่ที่สุดในประเทศเวียดนาม ได้เข้ามาสร้างฐานธุรกิจมากว่า 5 ปี ซึ่งได้รับผลตอบรับที่ดีด้วยยอดขายที่เติบโตเฉลี่ยกว่า 36% ต่อปี และมีร้านค้าและห้างสรรพสินค้ารวมกันมากถึง 125 แห่ง ใน 37 เมือง
จุดสตาร์ทในการรุกตลาดค้าปลีกคือจำหน่ายสินค้ากลุ่มแฟชั่น จากนั้นร่วมเป็นหุ้นส่วนกับเหงียนคิม และลานชี มาร์ท ในปี 2558 ก่อนเกิด Big Move เข้าซื้อกิจการ “บิ๊กซี เวียดนาม” ในปี 2559 ซึ่งเซ็นทรัล รีเทลใช้เวลา 2 ปี หลังจากการเข้าซื้อกิจการบิ๊กซี เวียดนาม ในการปรับภาพลักษณ์ของแบรนด์และสร้างความเชื่อมั่นของลูกค้าในคุณภาพของสินค้าและบริการ ซึ่งทำให้เซ็นทรัล รีเทล สามารถปรับปรุงผลการดำเนินงานของบิ๊กซี เวียดนาม จนทำให้ยอดขายเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) 36.0%(คำนวณจากสกุลเงินด่องเวียดนาม) ตั้งแต่เซ็นทรัล รีเทล เข้าซื้อกิจการจนถึงปี 2561
นอกจากนี้ เซ็นทรัล รีเทล มีเป้าหมายจะเปิดร้านค้าปลีกแบรนด์ต่างๆของเครือทั้งหมดกว่า 800 ร้านค้า ให้ครอบคลุมทั้ง 63 จังหวัด ในประเทศเวียดนาม เพื่อเจาะตลาดที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วและมีผู้แข่งขันน้อยราย รองรับโอกาสที่มีมหาศาล
เมื่อ เซ็นทรัล รีเทล สวมบทเป็นผู้ประกอบการท้องถิ่น ผ่าน Sector ค้าปลีก ซึ่งถือเป็นหนึ่งในฟันเฟืองขับเคลื่อนการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศเวียดนาม ซึ่งเป็นประเทศในกลุ่มอาเซียน (ASEAN) บริษัทจึงทำหน้าที่เดินหน้าเป็นตัวกลางในการเชื่อมความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศไทยและเวียดนามอย่างต่อเนื่อง ด้วยกิจกรรมและโครงการต่างๆ มากมาย ที่ เซ็นทรัล รีเทล เวียดนามมุ่งยกระดับสังคมเวียดนามอย่างแท้จริง อาทิ โครงการส่งเสริมผู้ประกอบการ SME เวียดนาม เพื่อขยายช่องทางจัดจำหน่ายสู่ตลาดโมเดิร์นรีเทล และเพิ่มศักยภาพในการสร้างแบรนด์ และพัฒนาผลิตภัณฑ์ โครงการชุมชนเป็นสุข (Livelihood Community) มุ่งพัฒนาด้านการผลิต และความหลากหลายทางอาชีพ เพื่อเพิ่มรายได้ให้แก่ครอบครัวที่ยากจน การสนับสนุน Local Sourcing อุดหนุนสินค้าเกษตรในชุมชนละแวกที่เซ็นทรัล รีเทล ดำเนินธุรกิจอยู่ โดยเฉพาะการจัดกิจกรรม “VIETNAMESE WEEK IN THAILAND 2019”(“เวียดนามีส วีค อิน ไทยแลนด์ 2019) ซึ่งปีนี้จัดขึ้นติดต่อกันเป็นปีที่ 4 แล้ว ในระหว่างวันที่ 18-22 กันยายน โดยปีนี้จัดขึ้นภายใต้ธีม “Taste of Vietnam” (เทสต์ ออฟ เวียดนาม) ขนสินค้าเวียดนาม และอาหารอร่อยตอบโจทย์คนไทยมาจำหน่าย ครอบคลุมพื้นที่กว่า 1,000 ตารางเมตร(ตร.ม.) บริเวณลานเซ็นทรัลคอร์ต และ อิเดน 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ | เซ็นทรัล รีเทล เป็นบริษัทค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดในเวียดนาม มีมากกว่า 125 ร้านค้าและห้างสรรพสินค้าใน 37 เมือง มียอดขายเติบโตเฉลี่ย 36% ต่อปี โดยเฉพาะในกลุ่มแฟชั่น หลังจากเข้าซื้อกิจการบิ๊กซี เวียดนาม เป็นหุ้นส่วนกับเหงียนคิม และลานชี มาร์ท ในปี 2558 และ Big Move ในปี 2559 เป็นการปรับภาพลักษณ์และสร้างความเชื่อมั่นของลูกค้า ผลทำให้ยอดขายเติบโตเฉลี่ยต่อปี 36.0% ตั้งแต่เข้าซื้อกิจการบิ๊กซี เวียดนาม จนถึงปี 2561
เซ็นทรัล รีเทล มีแผนที่จะเปิดร้านค้าปลีกของแบรนด์ต่างๆในเครือมากกว่า 800 ร้านค้า ทั่วทั้ง 63 จังหวัดของเวียดนาม เพื่อเข้าถึงตลาดที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว
เซ็นทรัล รีเทล เป็นผู้ประกอบการท้องถิ่นผ่าน Sector ค้าปลีก ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างไทยและเวียดนาม ผ่านกิจกรรมและโครงการต่างๆ เพื่อยกระดับสังคมเวียดนาม เช่น โครงการส่งเสริม SME เพิ่มศักยภาพในการสร้างแบรนด์ และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ รวมถึงโครงการชุมชนเป็นสุข เพื่อพัฒนาด้านการผลิตและอาชีพในชุมชน นอกจากนี้ยังมีการสนับสนุน Local Sourcing เพื่อส่งเสริมสินค้าเกษตรในพื้นที่ที่เซ็นทรัล รีเทล ดำเนินธุรกิจ และการจัดกิจกรรม "VIETNAMESE WEEK IN THAILAND 2019" เพื่อนำสินค้าและอาหารเวียดนามมาจำหน่ายในไทย ในงานนี้มีพื้นที่กว่า 1,000 ตารางเมตร ณ ลานเซ็นทรัลคอร์ตและ อิเดน 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ | null | Summarization | cc-by-nc-4.0 |
Retail_52702 | Retail | ชิ้นที่สอง 1 บาท เป็นโปรโมชั่นของแบรนด์ใด | ก. บิ้วตี้ช้อป
ข. วัตสัน
ค. วัตสิน
ง. บิ๊กซี | ข้อที่ถูกต้องคือ ข. เนื่องจาก เมื่อเอ่ยถึง “โปรโมชั่น” คนส่วนใหญ่มักจะนึกถึง “การลดราคา เพื่อสร้างยอดในแต่ละห้วงเวลา” แต่ลึกๆ แล้วบทบาทของการทำ “โปรโมชั่น” ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพียงแค่ดึงคนเข้ามาซื้อสินค้า หรือ Drive ให้เกิด Traffic จาก online ไปสู่หน้าร้าน โดยหวังเพิ่มยอดขายในช่วงจัดแคมเปญเท่านั้น จริงๆ แล้ว การตั้ง “โปรโมชั่น” สามารถกลายเป็น “Shopping movement” ที่ใครๆ ก็รอคอยและกลายเป็นที่จดจำ จนผู้บริโภคจำชื่อโปรโมชั่นแทนภาพความเป็นแบรนด์ ซึ่งอุบัติการณ์นี้มีนัยยะสำคัญที่ใครๆ อาจจะคาดไม่ถึง หลายแบรนด์อยากสร้าง “โปรโมชั่น” ให้กลายมาเป็นเครื่องมือสร้าง “แบรนด์” และผลลัพธ์ทางอ้อมที่เกิดขึ้น คือ การกระตุ้นให้เกิดการทดลองใช้สินค้าที่ร่วมรายการแบบที่นักช้อปมารู้ตัวอีกทีก็มีของที่ร่วมรายการใส่เต็มตะกร้าเพื่อรอจ่ายเงินแล้ว ซึ่งจากไอเดีย “โปรโมชั่นสร้างแบรนด์ดิ้ง” ส่งให้ “ชิ้นที่สอง 1 บาท” แคมเปญซิกเนเจอร์ของวัตสัน เป็นโปรโมชั่นแคมเปญที่น่าจับตามอง เพราะนอกจากจะสร้างแรงกระเพื่อมด้วย #ชิ้นที่สอง1บาท บนโลกโซเชียลแล้ว ยังสามารถสร้าง Traffic ที่หนาแน่นสู่หน้าร้านตั้งแต่วันแรกที่แคมเปญปล่อยออกมา “ชิ้นที่สอง 1 บาท” จับจุดความสนุกของการช้อป สู่โปรเด็ดในดวงใจลูกค้า | null | Multiple choice | cc-by-nc-4.0 |
Retail_52725 | Retail | จุดตัดของ “Consumer Value Proposition” กับ “Merchant Value Proposition” คืออะไร | พัฒนาการของ “Lazada” นับตั้งแต่ Alibaba ซื้อกิจการในปี 2016 ขยายตัวอย่างก้าวกระโดด จากแพลตฟอร์ม e-Marketplace ต่อมาได้นำเอาเทคโนโลยี และการออกแบบกิจกรรมบนแพลตฟอร์ม เช่น เกม, Live Stream ตามกลยุทธ์ “Shoppertainment” (Shopping + Entertainment) เพื่อทำให้แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ ไม่ใช่การซื้อขายแล้วจบเท่านั้น แต่ต้องสร้าความสนุกในการช้อป และดึงผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็นการขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ และรักษากลุ่มเก่า มาวันนี้ “Lazada” อีคอมเมิร์ซในเครือ Alibaba กำลังยกระดับไปสู่การเป็น “New Retail” ที่การซื้อขาย Online และ Offline เชื่อมต่อกัน โดยมี “เทคโนโลยี” และ “Data” เป็นแกนสำคัญของการผสานสองขั้วรีเทลนี้เข้าด้วยกันแบบ Seamless เพราะพฤติกรรมการช้อปปิ้งของผู้บริโภคทุกวันนี้ ไม่ได้มองว่าจะเป็นรีเทล Offline หรือ Online หากแต่มองในเรื่องของการตอบสนองความสะดวกสบาย ความครบวงจร และรู้ใจเขาหรือไม่ ?! จุดเริ่มต้นแนวคิด “New Retail” ของ Alibaba สร้างประสบการณ์ช้อป Online – Offline เป็นหนึ่งเดียว ย้อนกลับไปในปี 2017 ในจดหมายส่งถึงผู้ถือหุ้น Alibaba “Jack Ma” ผู้ก่อตั้ง และอดีตประธานบริหาร Alibaba Group ได้ประกาศถึงกลยุทธ์ “Five New” ประกอบด้วย New Retail, New Finance, New Manufacturing, New Technology และ New Energy ในจดหมายดังกล่าว ได้อธิบายนิยาม New Retail ว่า เป็นที่ทราบกันดีว่าการซื้อขายในทุกวันนี้ “e-Commerce” เติบโตอย่างรวดเร็ว และกำลังพัฒนาไปสู่ “New Retail” ที่เส้นแบ่งระหว่างการค้าแบบ Offline กับ Online จะหายไป และมุ่งตอบสนองความต้องการผู้บริโภคแบบ Personalization Michael Evans ประธานของ Alibaba อธิบายว่าจุดตัดของ “Consumer Value Proposition” กับ “Merchant Value Proposition” คือ การที่ Offline และ Online เชื่อมโยงผสานกัน เพราะในมุมมองของผู้บริโภค ต้องการการช้อปปิ้งที่ง่าย และร้านค้าที่สามารถตอบสนองความต้องการได้แบบเฉพาะบุคคล ในขณะที่มุมมองของร้านค้า หรือแบรนด์ มองว่า เมื่อทุกอย่างเชื่อมโยงกัน และเห็น “Data” จะทำให้ประสิทธิภาพ – ประสิทธิผลของธุรกิจเพิ่มขึ้น ตัวอย่าง “New Retail” ของ Alibaba คือ ซูเปอร์มาร์เก็ต “Freshippo” หรือในจีนรู้จักกันในชื่อ “Hema” ใช้เทคโนโลยี และ Data ผสานการซื้อขาย Offline และ Online เข้าด้วยกันอย่างไร้รอยต่อ Photo Credit : Alizila กลับมายังตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ “Alibaba Group” เล็งเห็นศักยภาพการเติบโตของภูมิภาคนี้ จึงได้ซื้อแพลตฟอร์ม e-Commerce “Lazada” ในปี 2016 ซึ่งทำตลาด 6 ประเทศคือ อินโดนีเซีย, มาเลเซีย, ฟิลิปปินส์, สิงคโปร์, ไทย หลังจากซื้อกิจการได้ไม่นาน “Alibaba” ลงทุนพัฒนาเทคโนโลยี พร้อมทั้งนำเอากลยุทธ์, Tools และ Know How ต่างๆ มาใช้กับ Lazada เพื่อรุกตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไม่ว่าจะเป็นแคมเปญมหกรรมช้อปที่ Alibaba ครีเอทขึ้น เช่น 11.11, 12.12 การขายแบบ Live Streaming, เกม จะเห็นได้ว่าในช่วงระยะเวลากว่า 4 – 5 ปีนับตั้งแต่ Alibaba ซื้อกิจการ “Lazada” ได้เร่งสร้าง Digital Ecosystem ให้เติบโต ทั้งจำนวนร้านค้า และแบรนด์ที่มาอยู่บนแพลตฟอร์ม, การเพิ่มขึ้นของฐานผู้ใช้งาน หรือนักช้อป การเติบโตด้านยอดขาย และยอดสั่งซื้อ หลังจากแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซของ Lazada (รวมทั้ง e-Marketplace และ Online Shopping Mall “LazMall) มีความแข็งแกร่งในระดับหนึ่งแล้ว เชื่อว่ายุทธศาสตร์ในระยะยาวของ Alibaba ต่อตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คงไม่หยุดอยู่แค่การเป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซอย่างแน่นอน!!! แต่ต้องการยกระดับไปสู่ยุค “New Retail” คอนเซ็ปต์ค้าปลีก O2O หรือ Omni-channel ที่ Alibaba ดำเนินการที่จีนมาระยะหนึ่งแล้ว โดยใช้ความได้เปรียบของการมี Digital Ecosystem ที่แข็งแรง ซึ่งครอบคลุมทั้งจำนวนร้านค้า – แบรนด์ ทั้ง Local Brand – Global Brand, ฐานผู้ใช้งาน, เทคโนโลยี และ Data มหาศาล เปิด “Lazada On Ground” ทดลองโมเดล New Retail เพื่อให้ร้านค้า – แบรนด์ และคนไทยคุ้นเคยกับการซื้อขายแบบ Seamless เพื่อทดลองคอนเซ็ปต์ “New Retail” ก่อนจะขยับไปยุทธศาสตร์นี้เต็มรูปแบบ “Lazada” ในไทยจึงได้เปิด Pop-up Store “Lazada On Ground” ในศูนย์การค้าสยามเซ็นเตอร์ โดยเบื้องต้นเปิดให้บริการ 5 เดือนก่อน (ถึงเดือนมกราคม 2564) เพื่อดูการตอบรับของผู้บริโภค โดยตั้งเป้าว่าจะมี Traffic เข้ามาเดินใน Pop-up Store นี้ไม่ต่ำว่า 500 – 1,000 คนต่อวัน โปรดักต์ในเดือนสิงหาคม เป็นการนำแบรนด์ใน “LazMall” มาจัด Showcase เนื่องจากเป็นจังหวะที่ Lazada ต้องการเร่งสร้างการรับรู้ใน LazMall ให้กับทั้งผู้บริโภคไทยให้มากขึ้น เพื่อสร้าง Experience ระหว่างแพลตฟอร์ม LazMall กับผู้บริโภค สินค้าที่นำมาโชว์ใน Pop-up Store เดือนสิงหาคมนี้ Transaction จะเกิดขึ้นบนออนไลน์เท่านั้น โดยแต่ละโปรดักต์จะมี QR Code ติดไว้ หากผู้บริโภคสนใจ Item ใด ให้สแกน QR Code จากนั้นจะเชื่อมโยงไปสู่หน้าร้านออนไลน์ของแบรนด์นั้นๆ เมื่อออเดอร์แล้ว สินค้าจะจัดส่งให้ตามปลายทางที่ระบุไว้ ส่วนในช่วงเวลา 4 เดือนที่เหลือ เป็นการวางโปรดักต์ของร้านค้าที่ขายอยู่ใน Social Media แต่ยังไม่มีหน้าร้าน เพื่อให้ผู้บริโภคได้มาทดลอง สัมผัสสินค้า โดยเน้นไปที่กลุ่มแฟชั่น, กลุ่มสินค้าสุขภาพ และความงาม, สินค้า Gadget และ Electronics ทั้งหลาย โดยใน Pop-up Store มีทั้งห้องลอง และมี Stock สินค้าไว้ด้วย นั่นหมายความว่า Customer Journey ของการซื้อ เมื่อผู้บริโภคเดินเข้ามาที่สโตร์แล้ว หากเจอสินค้าถูกใจแล้ว สามารถทดลองสินค้านั้นๆ ได้ และเมื่อตัดสินใจซื้อแล้ว ผู้บริโภคเลือกได้ว่าจะถือกลับไปเอง หรือให้ Lazada จัดส่งให้ ขณะเดียวกันภายใน Pop-up Store ยังแบ่งพื้นที่ส่วนหนึ่งสำหรับเป็นห้อง Live Stream ที่ใครๆ ก็สามารถเห็นกระบวนการ Live ของจริงได้ จากที่ผ่านมาการทำ Laz Live มีทั้งผู้ขายทำ Live เองจากที่บ้าน และมาใช้สตูดิโอของ Lazada ซึ่งการ Live ที่สตูดิโอ บางครั้งแบรนด์ที่จองสตูดิโอ ได้นำศิลปิน, Celebrity และ Influencer มาร่วมกิจกรรมด้วย ดังนั้นทาง Lazada ประเทศไทยเห็นว่า ศิลปิน และคนดังมีฐานแฟนคลับของตัวเองอยู่แล้ว ดังนั้นแทนที่จะจัดขึ้นสตูดิโอภายในบริษัทฯ ควรเพิ่มโอกาสให้คอนเทนต์ LazLive มีคนเห็นมากขึ้น ไม่ใช่แค่เฉพาะบนแพลตฟอร์ม Lazada เท่านั้น จึงควรยกสตูดิโอมาจัดนอกสถานที่ ในโลเกชันที่ Traffic สูง เพื่อเป็นอีก Touch Point สำคัญในการแบรนด์ดิ้ง และเชื่องโยงประสบการณ์ O2O ของ Lazada ให้ทั้งแฟนคลับ หรือใครที่ผ่านไปผ่านมาได้เข้าร่วมชมการ Live ศิลปิน – คนดังที่ตัวเองชื่นชอบ และกระตุ้นให้เกิดการซื้อตามมา Live Stream เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ “Shoppertainment” ของ Lazada เพื่อทำให้คน “ใช้เวลา” อยู่บนแพลตฟอร์ม Lazada ได้นานขึ้น และทำให้มี Engagement มากขึ้น จึงต้องเติมความสนุกเข้าไป ไม่ใช่แค่การซื้อขายแล้วจบ “O2O เป็นสิ่งที่เราให้ความสำคัญ และมุ่งมั่นมาโดยตลอด ขณะนี้เราร่วมกับสยามเซ็นเตอร์ เปิด Pop-up Store และต่อไปเราจะมีอะไรที่หลากหลาย และน่าตื่นเต้นกว่านี้ออกมา เพราะเรายังคงพัฒนา O2O อย่างต่อเนื่อง” คุณธนิดา ซุยวัฒนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายธุรกิจ บริษัท ลาซาด้า (ประเทศไทย) เล่าทิศทางธุรกิจที่กำลังมุ่งไปโมเดล New Retail ทางด้าน คุณกิตติพงษ์ หยู รองประธานฝ่ายพัฒนาธุรกิจ เผยว่า Pop-up Store นี้เป็นโปรเจคนำร่อง เราต้องดูการตอบรับจะเป็นอย่างไร ถ้าได้รับการตอบรับดี เราอาจจะขยายให้ใหญ่ขึ้นกว่านี้ และต้องพิจารณาว่า จะยังคงตั้งอยู่ในโลเกชันนี้ต่อ หรือไปตั้งในโลเกชั่นอื่น แต่ถ้าคนไทยยังไม่ตอบรับแนวคิดนี้ เราอาจลองโฟกัสแค่ Live Stream “ปัจจุบันธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่ประเทศจีน Contribute ยอดขายในสัดส่วน 26 – 28% ของอุตสาหกรรมรีเทลทั้งหมดของจีน ถือว่าใหญ่มากๆ ในขณะที่ประเทศไทย ประมาณ 5% ถึงอีคอมเมิร์ซจะขยายตัวมากขึ้นอย่างไร แต่ก็ไม่มีทางเป็นไปได้ที่อีคอมเมิร์ซจะเป็น 100% ของรีเทลทั้งหมด แต่ทิศทางที่จะเกิดขึ้นในธุรกิจรีเทล คือ การเกื้อหนุนซึ่งกันและกันระหว่าง Online กับ Offline ตามที่คุณ Jack Ma ได้ประกาศไปแล้วว่าจะทำในลักษณะ New Retail นั่นคือ Online ผสานกับ Offline ดังนั้นยุทธศาสตร์ต่อไป ต้องมีการวางส่วนผสมระหว่าง Online และ Offline ให้ผสานกันอย่างไร้รอยต่อมากขึ้น เพื่อให้ประสบการณ์ช้อปปิ้งของลูกค้าดีขึ้น ซึ่ ประเทศไทยจะเป็นไปในลักษณะเดียวกัน นั่นคือ อีคอมเมิร์ซโตขึ้น แต่หลังจากนั้นเราจะทำอย่างไรที่ Online จะได้ประโยชน์จาก Offline ขณะเดียวกัน Offline ก็ได้ประโยชน์จาก Online” คุณธนิดา ซุยวัฒนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายธุรกิจ บริษัท ลาซาด้า (ประเทศไทย) ใช้พลัง Data สร้างการเติบโตทั้งเชิง Volume และ Value ความสำเร็จสำคัญของ Ladaza คือ เทคโนโลยี และการใช้ Data มาขับเคลื่อนธุรกิจ เพราะฉะนั้นภายใต้แพลตฟอร์มที่ประกอบด้วย e-Marketplace “Lazada” และ Official Store “LazMall” ทั้งสองส่วนนี้ ทำหน้าที่แตกต่างกัน และในลูกค้า 1 คน ก็จะมีพฤติกรรมการช้อปที่แตกต่างกันเวลาที่ช้อปอยู่บน Marketplace กับ LazMall e-Marketplace “Lazada” เน้นสร้าง Volume Growth เป็นหลัก คือ จำนวนผู้ขาย – ลูกค้าเยอะ และมีปริมาณการขาย (ภาพรวมทั้งแพลตฟอร์ม) มาก เนื่องจากการเข้าถึงฐานลูกค้าในวงกว้าง (Mass Market) และจำนวนร้านค้า – สินค้าที่มีความหลากหลาย ในขณะที่ราคาต่อหน่วยไม่สูงมากนัก เริ่มต้นตั้งแต่หลักสิบขึ้นไป ซึ่งพฤติกรรมการซื้อบน e-Marketplace โดยธรรมชาติแล้ว ลูกค้ามีความอ่อนไหวกับ “ราคา” ค่อนข้างสูง เพราะมีการแข่งขันด้านราคาระหว่างร้านค้าด้วยกันเอง หากเป็นสินค้าเหมือนกัน ลูกค้าจะพยายามหาร้านที่ให้ราคาดีกว่า จึงทำให้ “ราคา” กลายเป็นปัจจัยอันดับต้นๆ ของการซื้อสินค้าบน e-Marketplace (ส่วนปัจจัยอื่นๆ เช่น ความเร็วในการจัดส่ง ค่าส่ง และความน่าเชื่อถือ) เพราะฉะนั้นฝั่ง e-Marketplace จึงช่วยสร้างการเติบโตให้กับ Lazada ในมิติของ “ปริมาณ” ได้มากกว่า “LazMall” เป็น Online Shopping Mall ที่เหมือนกับศูนย์การค้าแบบ Physical ที่มีแบรนด์ต่างๆ ทั้งในประเทศ และต่างประเทศมาเปิด Official Store ทำให้ LazMall จะสร้างการเติบโตให้กับ Lazada Ecosystem ในเชิงของ Value Growth และภาพลักษณ์ของแพลตฟอร์ม เพราะถึงแม้จำนวนร้านค้า และฐานลูกค้าไม่ได้มากเหมือนกับฝั่ง e-Marketplace แต่ด้วยความที่สินค้าที่อยู่บน LazMall เป็นสินค้าแบรนด์ชั้นนำ มีมาตรฐานการให้บริการที่เข้มข้นกว่า และราคาสินค้าสูงกว่า จึงเป็นขาที่ช่วยสร้างการเติบโตด้าน Value ให้กับแพลตฟอร์ม ประกอบด้วยพฤติกรรมการซื้อบน Online Shopping Mall ลูกค้าจะพิจารณาแบรนด์ – คุณภาพ และดีไซน์สินค้า – การบริการ – ราคาสมเหตุสมผล ทำให้การใช้จ่ายต่อครั้งต่อคนสูงกว่า และเป็น Loyal Customer ที่กลับมาซื้ออีก ยิ่งถ้าแบรนด์ไหนทำ Exclusive Item กับแพลตฟอร์ม ก็จะยิ่งเพิ่ม Store/Platform Loyalty ให้กับทั้งแบรนด์เอง และแพลตฟอร์มได้มากขึ้น ธุรกิจ e-Marketplace “Lazada” และ Online Shopping Mall “LazMall” ถูกขับเคลื่อนด้วย “Data-driven” เพื่อใช้ในการวางแผนการขาย และปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ การตลาด พฤติกรรมผู้บริโภค และเทรนด์ที่เกิดขึ้น เช่นเคส “LazMall” โปรเจค “Thai Designer Club” นำแบรนด์ดีไซเนอร์ไทยมาเปิด Online Store บน LazMall แต่ด้วยความที่ Price Point ของแบรนด์ดีไซเนอร์ไทย ราคาค่อนข้างสูง โดยเฉลี่ย 5,000 – 8,000 บาท เพราะฉะนั้นเมื่อจะนำมาเปิดสโตร์บน LazMall ทั้งทาง Lazada และแบรนด์ต่างๆ ได้ศึกษา Data Insights อย่างจริงจัง เพื่อทำความเข้าใจพฤติกรรมและความต้องการของลูกค้า แต่ละแบรนด์ต้องวาง Price Point ประมาณไหน พร้อมทั้งชักชวนออก Exclusive Collection จำหน่ายเฉพาะบน LazMall เท่านั้น เพื่อทำให้แบรนด์ที่มาอยู่บนแพลตฟอร์ม สร้างยอดขายได้ ผลปรากฏว่าหลังจากแบรนด์ดีไซเนอร์ไทยเปิดสโตร์ออนไลน์บน LazMall สามารถขยายฐานลูกค้าไปยังต่างจังหวัด จากเดิมแบรนด์กลุ่มนี้มีสาขาไม่มาก และฐานลูกค้าหลักอยู่ในเมืองเท่านั้น หรือเคสกลยุทธ์ Co-campaign ระหว่างแบรนด์ต่าง Category โดย Lazada เอาเทคโนโลยีการจัดการข้อมูล และข้อมูลเชิงลึกด้านการตลาด มาใช้ในการเชื่อมต่อแบรนด์ต่างๆ เพื่อจับคู่แบรนด์ สร้างแคมเปญร่วมกัน เช่น Biotherm Homme x Phillips และ Asava x M.A.C หรือในปัจจุบันเกิดสถานการณ์ COVID-19 ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ภาคธุรกิจ และกำลังซื้อของภาคประชาชน ความที่เป็น Tech Company ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี และ Data จึงใช้ Data Insights นำมาปรับเปลี่ยน Product Assortment บนแพลตฟอร์ม ทั้งของ e-Marketplace และ LazMall โดยให้เอาสินค้าที่ Price Point ถูกลงเข้ามาขาย “ฐานลูกค้าของ Lazada ค่อนข้างเยอะ เป็นหลักล้านคน เพราะฉะนั้นในช่วงเศรษฐกิจซบเซา และกำลังซื้อลดลงแบบนี้ เรามองว่าต้องปรับ Price Point ให้ต่ำลง โดยร่วมมือกับร้านค้าบน Marketplace และ LazMall ให้นำสินค้าที่ Price Point ต่ำลงมาขาย อย่างกรณี LazMall เราให้แบรนด์นำ Pack Size เล็กลงมาจำหน่าย เพื่อทดลองตลาดว่าผู้บริโภคซื้อไหม หรือยังซื้อ Pack Size เท่าเดิม ในขณะที่ Marketplace ในบางกลุ่มสินค้า เราให้ร้านค้านำสินค้าราคาถูกลงมาจำหน่าย เช่น กลุ่มแฟชั่น เอาสินค้าราคาต่ำกว่า 300 บาทมาขาย” คุณธนิดา กล่าว และนี่คือการเติบโตของ Lazada Ecosystem ที่มีความได้เปรียบด้านเทคโนโลยี และ Data มาสร้างระบบนิเวศให้ใหญ่ขึ้น ทั้งจำนวนร้านค้า – แบรนด์, ฐานผู้ใช้งาน, การเติบโตทั้งเชิง Volume และ Value โดยไม่หยุดอยู่แค่การเป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซเท่านั้น! หากแต่ต้องการพัฒนาไปสู่โมเดล “New Retail” หรือ “O2O” โดยใช้ความได้เปรียบของการอยู่ในเครือ Alibaba Group ที่มีสรรพกำลังทั้งด้านเงินทุน เทคโนโลยี องค์ความรู้ และบุคลากร | จุดตัดของ “Consumer Value Proposition” กับ “Merchant Value Proposition” คือ การที่ Offline และ Online เชื่อมโยงผสานกัน เพราะในมุมมองของผู้บริโภค ต้องการการช้อปปิ้งที่ง่าย และร้านค้าที่สามารถตอบสนองความต้องการได้แบบเฉพาะบุคคล ในขณะที่มุมมองของร้านค้า หรือแบรนด์ มองว่า เมื่อทุกอย่างเชื่อมโยงกัน และเห็น “Data” จะทำให้ประสิทธิภาพ – ประสิทธิผลของธุรกิจเพิ่มขึ้น
การซื้อขายในทุกวันนี้ “e-Commerce” เติบโตอย่างรวดเร็ว และกำลังพัฒนาไปสู่ “New Retail” ที่เส้นแบ่งระหว่างการค้าแบบ Offline กับ Online จะหายไป และมุ่งตอบสนองความต้องการผู้บริโภคแบบ Personalization | null | Closed QA | cc-by-nc-4.0 |
Retail_52729 | Retail | ในประเทศไทยกลุ่มค้าปลีกที่มีความพร้อมใช้ “ดาต้า”กี่เปอร์เซ็นต์ | ก. 60%
ข. 91%
ค. 2%
ง. 5% | ข้อที่ถูกต้องได้แก่ ง. เพราะว่า กระบวนการใช้ข้อมูล และแบ่งปันข้อมูลให้กับซัพพลายเออร์คู่ค้าของผู้ค้าปลีก เพื่อนำ “ดาต้า” มาแปลงเป็นอินไซต์ และพัฒนาบิสสิเนส โมเดลร่วมกัน เพื่อสร้างรายได้ใหม่ๆ ในประเทศไทยกลุ่มค้าปลีกที่มีความพร้อมใช้ “ดาต้า” มีแค่ 5% เท่านั้น แต่มีสัญญาณที่ชัดเจนว่า 91% ของค้าปลีกในไทยเห็นถึงความสำคัญที่จะนำดาต้ามาใช้ประโยชน์เพื่อสร้างรายได้ใหม่ๆ และวางเป็นกลยุทธ์ Data Driven ในปี 2020 เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจ และ “เปลี่ยนเกม” การทำธุรกิจค้าปลีกให้อยู่ในฝั่ง “ผู้รอด” “ความท้าทายสำหรับตลาดไทย เมื่อพูดถึงการนำข้อมูลมาพัฒนาเป็นกลยุทธ์การบริหารลูกค้า คือ ทักษะการวิเคราะห์ข้อมูลของคนในองค์กร วัฒนธรรมองค์กรที่จะดึงข้อมูลมาใช้ เนื่องจากไม่ใช่ธุรกิจหลักของทั้งฝั่งค้าปลีกและซัพพลายเออร์ แต่เป็นสิ่งที่จำเป็นต้องทำหากต้องการเป็นผู้นำตลาด” | null | Multiple choice | cc-by-nc-4.0 |
Retail_52731 | Retail | ระบบ OmniChannel ที่เซ็นทรัลรีเทลพัฒนาขึ้นมีลักษณะอย่างไร และทำไมถึงท้าทายต่อธุรกิจ? | หัวข้อ ผ่าหัวใจ New Retail ทำไม "เซ็นทรัล" ต้องการคลังสินค้าอัจฉริยะ - Brand Buffet
หลายครั้งที่เราได้ยินเรื่องของ New Retail ในฐานะจุดหมายปลายทางของธุรกิจค้าปลีกในอนาคต แต่มันคืออะไร และจับต้องได้ไหม บางทีคำตอบที่ชัดเจนที่สุดของคำถามนี้อาจเป็นการมองไปที่ “Central Retail” ที่ตัดสินใจทำสัญญาระยะยาว 15 ปี เพื่อเช่าพื้นที่ขนาด 75,000 ตารางเมตรย่านบางพลีพร้อมสร้างคลังสินค้าอัจฉริยะแบบ Build-to-Suit ก็เป็นได้ โดยพื้นที่ดังกล่าวถูกผู้บริหารของเซ็นทรัลรีเทลอย่าง ดร.ปิยะพงษ์ ธัญญศรีสังข์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท สรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัด เปรียบว่าเป็นหัวใจของธุรกิจ ที่กำลังเข้าสู่การอัปเกรดใหม่เพื่อให้รองรับการเติบโตของเซ็นทรัลรีเทลในอนาคตได้ ส่วนสาเหตุที่ทำให้ต้องมีการยกระดับครั้งใหญ่นี้มาจากปัจจัยหลัก ๆ ได้แก่ ระบบ OmniChannel ใหม่ของเซ็นทรัลรีเทลที่ท้าทายสุด ๆ จากเดิมที่มีแค่ Central.co.th แต่เพื่อให้ก้าวไปสู่การเป็น New Retail อย่างแท้จริง เซ็นทรัลรีเทลจึงมีการออกแบบช่องทางการขายเพิ่มเติมอีก 4 ช่องทาง แถมแต่ละตัวก็ล้ำ ๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น นายโสภณ ราชรักษา ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) คลังสินค้าแบบเดิมไม่ตอบโจทย์อีกต่อไป
จากภาพของ New Retail และช่องทางการขายแบบ Omnichannel ที่เซ็นทรัลรีเทลกำลังจะปรับเปลี่ยนนั้น เมื่อหันมามองคลังสินค้าแบบเดิมก็พบว่า จำเป็นต้องได้รับการปรับเปลี่ยนเช่นกัน เนื่องจากคลังสินค้าเดิมของเซ็นทรัลรีเทลนั้นตั้งกันอย่างกระจายตัวถึง 5 แห่ง บนพื้นที่รวม 50,000 ตารางเมตร และแต่ละแห่งก็รองรับสินค้าได้แตกต่างกัน อีกทั้งการออกแบบพื้นที่การใช้สอยก็มีข้อจำกัด และไม่ยืดหยุ่นเท่า ขณะที่คลังสินค้าใหม่ของเซ็นทรัลรีเทลนั้น เป็นการออกแบบ Build-to-Suit หรือก็คือจ้างผลิตกันเลย ทำให้สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการใช้งาน ยกตัวอย่างเช่น หากยอดขายจากออนไลน์เติบโตต่อเนื่อง ก็สามารถปรับพื้นที่เพิ่มให้รองรับสินค้าบนช่องทางออนไลน์ได้มากกว่าเดิม หรือหากฝั่งออฟไลน์กลับมาโต ก็สามารถปรับเปลี่ยนพื้นที่ให้กลับมารองรับสินค้าฝั่งออฟไลน์ได้เช่นกัน คลังสินค้าแบบใหม่ที่ออกแบบพื้นที่ตามความต้องการของเซ็นทรัลรีเทล จากในภาพจะเห็นได้ว่า ทางฝั่งซ้ายมือเป็นคลังสินค้าความสูง 25 เมตร และสามารถปรับขยายพื้นที่ใช้สอยได้ตามต้องการ ขณะที่ฝั่งขวามือมีความสูง 15 เมตร
นอกจากนั้น ดร.ปิยะพงษ์ยังเผยด้วยว่า การมีคลังสินค้าขนาดใหญ่ที่รวมทุกอย่างไว้ที่เดียวนั้น ช่วยให้เซ็นทรัลรีเทลสามารถทำ Stock sharing ได้ และธุรกิจที่เป็นคู่ค้าก็มาส่งของได้สะดวกขึ้น เพราะมาส่งแค่ที่นี่ที่เดียว ไม่ต้องวิ่งไปหลายที่แบบในอดีต อีกทั้งการมีพื้นที่ขนาดใหญ่ยังทำให้คลังสินค้าแห่งนี้สามารถรองรับการเติบโตของทุกธุรกิจของเซ็นทรัล ไม่ว่าจะเป็น ออฟฟิศเมท มูจิ พาวเวอร์บาย โรบินสัน และ CMG ฯลฯ ได้มากกว่า คลังสินค้าอัจฉริยะที่ดีต้องสามารถดึงดูดคนรุ่นใหม่ให้อยากมาทำงาน ไม่ใช่แค่ลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงพฤติกรรม ดร.ปิยะพงษ์ เผยว่า พนักงานรุ่นใหม่ที่ต้องเข้ามาสานต่อธุรกิจก็มีไลฟ์สไตล์และเป้าหมายในชีวิตเปลี่ยนแปลงไปเช่นกัน โดยหลายคนสนใจปัญหาสิ่งแวดล้อม บ้างก็อยากมีสุขภาพที่ดี หรือบางคนก็อยากได้ที่ทำงานที่ดูเก๋ไก๋ ฯลฯ ในจุดนี้จึงนำไปสู่การออกแบบคลังสินค้าที่ยึดผู้ใช้ ซึ่งก็คือพนักงานของเซ็นทรัลรีเทลเป็นศูนย์กลาง เช่น มีห้องอาหารขนาดใหญ่ที่รองรับพนักงานได้ระดับ 400 – 500 คน, มีการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคา เพื่อนำมาผลิตไฟฟ้า (ได้หลายเมกะวัตต์) เพื่อมาจ่ายให้กับอาคาร, มีการใช้แสงจากภายนอกอาคารเพื่อลดการใช้พลังงานไฟฟ้า หรือการสร้างลู่วิ่ง และห้องเอนกประสงค์ให้พนักงานได้ออกกำลังกาย
การออกแบบพื้นที่ใช้สอยแนวคิดใหม่ที่ไม่เน้นแค่การเป็นคลังสินค้าอย่างเดียว แต่ยังต้องตอบโจทย์การใช้งานด้านอื่น ๆ ได้ด้วย ซึ่งจะเห็นว่ามีทั้งสนามกีฬา, ห้องล็อกเกอร์, ร้านอาหาร, ลานพักผ่อน ฯลฯ ผู้ที่เล่าถึงความท้าทายของการสร้างคลังสินค้าขนาดใหญ่นี้ได้ดีอาจเป็นคุณโสภณ ราชรักษา ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ที่เปิดเผยว่า ความท้าทายในการสร้างคลังสินค้าลักษณะนี้ คือต้องสามารถตอบโจทย์ 3 ข้อนี้ได้ ประกอบด้วย สำหรับกำหนดส่งมอบอาคารดังกล่าวคือเดือนสิงหาคม 2020 และเมื่อถามว่าทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมานั้น จะทำให้เซ็นทรัลเปลี่ยนแปลงไปมากแค่ไหน ดร.ปิยะพงษ์เผยว่า จากเดิมที่เราสามารถรองรับการสั่งเช้าได้เย็น (ถ้าสั่งสินค้าก่อน 14.00 น. จะได้รับสินค้าภายใน 21.00 น. ของวันเดียวกัน) เมื่อมีระบบคลังสินค้าอัจฉริยะเข้ามาซัพพอร์ต ทางกลุ่มเซ็นทรัลมองไปถึงการจัดส่งสินค้าแบบเรียลไทม์ นั่นคือได้รับสินค้าภายใน 1 – 2 ชั่วโมงหลังจากสั่งซื้อกันเลยทีเดียว | ระบบ OmniChannel ที่เซ็นทรัลรีเทลพัฒนาขึ้นมีลักษณะเด่นคือการเชื่อมโยงทุกช่องทางการขายเข้าด้วยกันอย่างไร้รอยต่อเพื่อมอบประสบการณ์การช็อปปิ้งที่ราบรื่นให้กับลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นการช็อปปิ้งผ่านช่องทางออนไลน์หรือออฟไลน์ โดยมีลักษณะสำคัญดังนี้
1. การผสมผสานช่องทางการขาย: รวมทั้งออนไลน์และออฟไลน์เข้าด้วยกัน เช่น Central.co.th, แอปพลิเคชันมือถือ, การช็อปปิ้งผ่านเว็บไซต์, และการช็อปปิ้งในร้านค้าแบบดั้งเดิม ทำให้ลูกค้าสามารถเปลี่ยนผ่านจากช่องทางหนึ่งไปยังอีกช่องทางหนึ่งได้อย่างง่ายดาย
2. การเชื่อมโยงข้อมูลลูกค้า: ระบบสามารถรวบรวมและใช้ข้อมูลจากทุกช่องทางการขายเพื่อเข้าใจพฤติกรรมและความต้องการของลูกค้าอย่างละเอียด ทำให้สามารถปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การตลาดและการบริการให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าได้
3. บริการแบบไร้รอยต่อ: ให้บริการที่ตอบโจทย์ลูกค้าได้ทุกที่ ทุกเวลา ไม่ว่าจะเป็นการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์และสามารถไปรับสินค้าที่ร้าน หรือการเลือกซื้อสินค้าที่ร้านและสามารถทำการชำระเงินออนไลน์ได้
4. การจัดการสต็อกและโลจิสติกส์: การใช้ระบบคลังสินค้าอัจฉริยะช่วยให้สามารถจัดการสินค้าคงคลังได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถปรับเปลี่ยนพื้นที่ในการจัดเก็บสินค้าได้ตามความต้องการของการขายผ่านแต่ละช่องทาง และลดเวลาในการจัดส่งสินค้าที่มีประสิทธิภาพสูงสุด
เหตุผลที่ระบบ OmniChannel เป็นความท้าทายต่อธุรกิจ
1. ความซับซ้อนในการบริหารจัดการ : การเชื่อมโยงทุกช่องทางการขายและการบริหารข้อมูลลูกค้าอย่างไร้รอยต่อจำเป็นต้องมีระบบเทคโนโลยีที่มีความซับซ้อนสูง และต้องการการบูรณาการข้อมูลที่มีความแม่นยำ
2. ต้นทุนการลงทุนสูง : การพัฒนาและปรับปรุงระบบ OmniChannel รวมถึงการสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีที่ทันสมัยต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมาก
3. การปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงาน : ต้องมีการฝึกอบรมพนักงานและการเปลี่ยนแปลงกระบวนการทำงานในองค์กรอย่างทั่วถึงเพื่อให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในระบบใหม่
4. ความต้องการด้านเทคโนโลยีและการรักษาความปลอดภัย : ต้องมีการลงทุนในเทคโนโลยีที่ทันสมัยและระบบความปลอดภัยข้อมูลที่แข็งแกร่งเพื่อปกป้องข้อมูลลูกค้าและป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์
การพัฒนาระบบ OmniChannel จึงเป็นการลงทุนที่มีความท้าทายทั้งในด้านเทคนิคและการบริหารจัดการ แต่ผลตอบแทนที่ได้คือการสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าและสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจได้อย่างมีนัยสำคัญ. | null | Closed QA | cc-by-nc-4.0 |
Retail_52747 | Retail | เขียนย่อหน้าเกี่ยวกับ ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ “ซูเปอร์มาร์เก็ต” และ “ไฮเปอร์มาร์เก็ต” หันมาให้ความสำคัญกับกลุ่มสินค้า “อาหารสด” และเปิดพื้นที่ “Lifestyle Dining” | null | ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ซูเปอร์มาร์เก็ตและไฮเปอร์มาร์เก็ต หันมาให้ความสำคัญกับกลุ่มสินค้าอาหารสดและเปิดพื้นที่ Lifestyle Dining ก็คือ ฐานลูกค้าส่วนใหญ่เป็นคนกลุ่มอายุตั้งแต่ 30 ปีขึ้นไป หรือกลุ่ม Millennials ซึ่งเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่มีศักยภาพ ทั้งด้านกำลังซื้อและอำนาจการตัดสินใจ ซึ่งเหตุนี้เองจึงเป็นการสร้างประสบการณ์ใหม่ให้เป็นมากกว่าการมาซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคเข้าบ้าน โดยการจัดสรรพื้นที่ส่วนหนึ่งของซูเปอร์มาร์เก็ตและไฮเปอร์มาร์เก็ตให้เป็นโซน Dining
บทเรียนจากย่อหน้านี้
ถึงแม้ฐานลูกค้าซูเปอร์มาร์เก็ต และไฮเปอร์มาร์เก็ต ครอบคลุมผู้บริโภคทุก Generation โดยมีฐานลูกค้าใหญ่เป็นคนกลุ่มอายุตั้งแต่ 30 ปีขึ้นไป แต่ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าคน Millennials เป็นกลุ่มผู้บริโภคที่มีศักยภาพ ทั้งด้านกำลังซื้อ อำนาจการตัดสินใจ และอนาคตที่จะเติบโตเป็นวัยผู้ใหญ่
นี่เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้ “ซูเปอร์มาร์เก็ต” และ “ไฮเปอร์มาร์เก็ต” หันมาให้ความสำคัญกับกลุ่มสินค้า “อาหารสด” และเปิดพื้นที่ “Lifestyle Dining” เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ให้เป็นมากกว่าการมาซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคเข้าบ้าน ซึ่งขณะนี้ในเมืองใหญ่หลายประเทศ เช่น อเมริกา, ญี่ปุ่น เกิดซูเปอร์มาร์เก็ตแนวคิดใหม่ที่เรียกว่า “Grocerants” มาจาก Grocery Store + Restaurants ที่มีการจัดสรรพื้นที่ส่วนหนึ่งของซูเปอร์มาร์เก็ต – ไฮเปอร์มาร์เก็ต ให้เป็นโซน Dining
เมื่อมองกลับมาประเทศไทย เวลานี้กำลังเดินตาม Mega Trend ดังกล่าว เนื่องจากสังคมเมืองขยายตัวขึ้นเรื่อยๆ (Urbanization) สิ่งที่ตามมา คือ การเปลี่ยนแปลงด้านวิถีชีวิตของคนในสังคม ที่เร่งรีบ ต้องการความสะดวกสบาย และใช้ชีวิตอยู่นอกบ้านมากขึ้น ซึ่งไม่แตกต่างจากมหานครใหญ่ของโลก โดยเฉพาะคนกลุ่ม Millennials เป็นผู้บริโภคที่มีกิจกรรมนอกบ้านตลอด ซึ่งตามมาด้วยการใช้บริการร้านอาหารมากขึ้น
ปัจจุบันทั้งเชนซูเปอร์มาร์เก็ต และไฮเปอร์มาร์เก็ตยักษ์ใหญ่ในไทย ต่างมุ่งไปในทิศทางดังกล่าวเช่นกัน โดยปรับสู่การเป็น “Food Retail” หรือ “Food Store” อย่างเต็มรูปแบบ นับเป็นอีกหนึ่งพัฒนาการครั้งใหญ่ของค้าปลีกทั้งสองเซ็กเมนต์นี้ เพราะในอดีตซูเปอร์มาร์เก็ต และไฮเปอร์มาร์เก็ต เน้นจำหน่ายสินค้าของใช้ภายในบ้าน และของกินที่เป็น Dry Food แต่ปัจจุบันได้เพิ่ม Fresh Food เช่น ผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ เบเกอรี่ ฯลฯ มากขึ้น พร้อมทั้งเปิดพื้นที่ Dining Zone
ที่สำคัญ สินค้ากลุ่มอาหารสด และพื้นที่ Lifestyle Dining เป็นหนึ่งในกุญแจสำคัญในการสร้าง Store Experience ที่แตกต่างจากคู่แข่งได้เป็นอย่างดี ซึ่งจะนำไปสู่การสร้าง “Store Loyalty” ในกลุ่มลูกค้า อีกทั้งกลุ่มสินค้าอาหารสด สร้าง Margin ได้ดีกว่าของใช้ภายในบ้าน | null | Creative writing | cc-by-nc-4.0 |
Retail_52752 | Retail | กลยุทธ์การขยายแบรนด์แฟชั่นในต่างประเทศ: การที่ยัสปาล กรุ๊ปตั้งเป้าที่จะเปิดสาขาเพิ่ม 62 แห่งในปี 2567 – 2568 มีการเตรียมการและวางแผนอย่างไรเพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้? | หัวข้อ ยัสปาล กรุ๊ป รุกตลาดอาเซียน คว้าสิทธิแบรนด์ MARIMEKKO และ CAMPER ในประเทศเวียดนาม-มาเลเซีย - Brand Buffet
ยัสปาล กรุ๊ป เดินหน้าสู่เป้าหมายผู้นำธุรกิจแฟชั่นไลฟ์สไตล์ในภูมิภาคอาเซียน คว้าสิทธิ์จัดจำหน่ายแบรนด์ดัง มารีเมกโกะ (MARIMEKKO) แบรนด์ไลฟ์สไตล์สัญชาติฟินแลนด์ และแคมเปอร์ (CAMPER) บริษัทออกแบบรองเท้าชั้นนำของโลกจากประเทศสเปน ในประเทศเวียดนาม และมาเลเซีย โดยได้เปิดร้านมารีเมกโกะและแคมเปอร์ใน 2 ประเทศแล้วรวม 6 สาขา คุณยศเทพ สิงห์สัจจเทศ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ยัสปาล กรุ๊ป หรือ บริษัท ยัสปาล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ด้วยเป้าหมายของบริษัทฯ ในการเป็นผู้นำธุรกิจแฟชั่นไลฟ์สไตล์ในภูมิภาคอาเซียน หรือ Regional Fashion and Lifestyle Retailer บริษัทฯ ได้เดินหน้าแผนการขยายธุรกิจในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ทั้งในส่วนของ In-House Brand และ Import Brand โดยบริษัทฯ มีจำนวนร้านค้าแบรนด์แฟชั่นในต่างประเทศรวมแล้วถึง 84 สาขา (ข้อมูล ณ วันที่ 30 มิ.ย. 2566) โดยเฉพาะในกลุ่มของ Import Brand บริษัทฯ ได้วางกลยุทธ์ให้เป็นธุรกิจที่จะขยายแบรนด์พอร์ทโฟลิโอ และประเภทสินค้าได้อย่างรวดเร็ว สามารถเข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ ได้อย่างทันท่วงที ซึ่งที่ผ่านมา Import Brand ส่วนใหญ่ภายใต้การบริหารของบริษัทฯ ก็ประสบความสำเร็จและได้รับการตอบรับอย่างดีจากลูกค้า จึงทำให้ ยัสปาล กรุ๊ป ได้รับความไว้วางใจจากเจ้าของแบรนด์แฟชั่นชื่อดังระดับโลกมาเสมอมา ล่าสุด ยัสปาล กรุ๊ป ได้รับความไว้วางใจจากแบรนด์มาริเมกโกะ แบรนด์ไลฟ์สไตล์สัญชาติฟินแลนด์ และแคมเปอร์ บริษัทออกแบบรองเท้าชั้นนำของโลกจากประเทศสเปน ให้เป็นตัวแทนนำเข้าและจำหน่ายสินค้าในประเทศเวียดนาม และมาเลเซีย
โดยในช่วงเดือนกันยายน – ตุลาคมที่ผ่านมา ยัสปาล กรุ๊ป ได้เปิดมารีเมกโกะและแคมเปอร์แล้วรวม 6 สาขา โดยตั้งอยู่ในประเทศเวียดนาม 4 สาขา ได้แก่ ร้านมารีเมกโกะและร้านแคมเปอร์แห่งแรกที่ Lotte Mall West Lake ในฮานอย, ร้านมารีเมกโกะที่ห้างสรรพสินค้า Takashimaya ในโฮจิมินห์ซิตี้ และร้านแคมเปอร์ที่ Vincom Ba Trieu 1 ในฮานอย ส่วนในประเทศมาเลเซียได้เปิดร้านจำนวน 2 สาขา คือ ร้านมารีเมกโกะและแคมเปอร์ใน Suria KLCC Mall กรุงกัวลาลัมเปอร์ ร้าน มารีเมกโกะ (MARIMEKKO) ในประเทศมาเลเซีย ปัจจุบัน ยัสปาล กรุ๊ป มีแบรนด์แฟชั่นชั้นนำระดับโลกที่บริษัทฯ ได้รับสิทธิ์ให้ผลิตและเป็นตัวแทนจำหน่าย ได้รับอนุญาตให้ใช้สิทธิ์ หรือได้รับสัญญาแฟรนไชส์ (Import Brand) รวมจำนวน 11 แบรนด์ ได้แก่ IPANAMA, ASICS, FRED PERRY, MELISSA, DIESEL, SUPERDRY, NEW ERA, CHAMPION, MANGO, CAMPER และ MARIMEKKO โดย “มารีเมกโกะ” เป็นแบรนด์ไลฟ์สไตล์สัญชาติฟินแลนด์ที่มีชื่อเสียงระดับโลก ซึ่งรากฐานหลักของแบรนด์คือศิลปะแห่งภาพพิมพ์ ที่เป็นการผสมผสานระหว่างแฟชั่น การออกแบบ ศิลปะ และสถาปัตยกรรม จำหน่ายแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ ไอเทมมากมาย ทั้งเสื้อผ้า กระเป๋า และเครื่องประดับ รวมไปถึงของตกแต่งบ้านตั้งแต่สิ่งทอไปจนถึงเครื่องใช้บนโต๊ะอาหาร ร้าน แคมเปอร์ (CAMPER) ในประเทศเวียดนาม
ด้านแบรนด์ “แคมเปอร์” เป็นหนึ่งในบริษัทออกแบบรองเท้าชั้นนำของโลกจากประเทศสเปน ที่มีประสบการณ์การทำรองเท้ากว่า 140 ปี มีความมุ่งมั่นสรรค์สร้างผลงานผ่านแนวคิดในแบบฉบับของตัวเองด้วยการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม จุดเด่นของแบรนด์แคมเปอร์คือผลงานการออกแบบที่มีเอกลักษณ์ ความสำเร็จของแบรนด์ที่สะสมมาเป็นเวลานานหลายปีทำให้ แบรนด์แคมเปอร์เป็นที่ยอมรับและเป็นที่รู้จักกันทั่วโลก “ด้วยเอกลักษณ์และชื่อเสียงระดับโลกของแบรนด์มารีเมกโกะ และแคมเปอร์ ซึ่งเป็นที่ยอมรับของลูกค้าทั่วโลก พร้อมกับประสบการณ์ความแข็งแกร่งในธุรกิจแฟชั่นไลฟ์สไตล์ของยัสปาล กรุ๊ป ที่มีความเข้าใจและเชี่ยวชาญแนวทางการตลาดในภูมิภาคอาเซียน
บริษัทฯ เชื่อมั่นว่าทั้ง 2 แบรนด์จะมีแนวโน้มเติบโตประสบความสำเร็จตามแผนที่กำหนดไว้ ทั้งนี้ ยัสปาล กรุ๊ป ตั้งเป้าจะเปิดสาขาแบรนด์แฟชั่นต่างๆ ในต่างประเทศเพิ่มเติมรวมทั้งสิ้น 62 แห่ง ระหว่างปี 2567 – 2568” คุณยศเทพ กล่าวสรุป “ด้วยเอกลักษณ์และชื่อเสียงระดับโลกของแบรนด์มารีเมกโกะ และแคมเปอร์ ซึ่งเป็นที่ยอมรับของลูกค้าทั่วโลก พร้อมกับประสบการณ์ความแข็งแกร่งในธุรกิจแฟชั่นไลฟ์สไตล์ของยัสปาล กรุ๊ป ที่มีความเข้าใจและเชี่ยวชาญแนวทางการตลาดในภูมิภาคอาเซียน บริษัทฯ เชื่อมั่นว่าทั้ง 2 แบรนด์จะมีแนวโน้มเติบโตประสบความสำเร็จตามแผนที่กำหนดไว้ ทั้งนี้ ยัสปาล กรุ๊ป ตั้งเป้าจะเปิดสาขาแบรนด์แฟชั่นต่างๆ ในต่างประเทศเพิ่มเติมรวมทั้งสิ้น 62 แห่ง ระหว่างปี 2567 – 2568” คุณยศเทพ กล่าวสรุป อ่านเพิ่มเติม เจาะความสำเร็จ JASPAL จากร้านขายเครื่องนอนในพาหุรัด สู่อาณาจักรแฟชั่นหมื่นล้าน ที่เตรียมขาย IPO เร็วๆนี้ | เพื่อให้ยัสปาล กรุ๊ปสามารถเปิดสาขาเพิ่มอีก 62 แห่งในปี 2567 – 2568 และบรรลุเป้าหมายการขยายตลาดในต่างประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถพิจารณาได้จากหลายกลยุทธ์ที่สำคัญ ดังนี้
1. การเลือกทำเลที่มีศักยภาพสูง : การศึกษาวิเคราะห์ทำเลที่ตั้งที่มีศักยภาพ เช่น ศูนย์การค้าใหญ่, ย่านธุรกิจ, หรือพื้นที่ที่มีการขยายตัวของตลาดแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ เพื่อให้สามารถเข้าถึงลูกค้าเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2. การพัฒนาและปรับปรุงกลยุทธ์การตลาด : การใช้กลยุทธ์การตลาดที่เหมาะสมกับแต่ละตลาด เช่น การทำการตลาดผ่านสื่อออนไลน์, การจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย, และการใช้ influencer marketing เพื่อเพิ่มการรับรู้และการเข้าถึงของแบรนด์
3. การสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรท้องถิ่น : การสร้างพันธมิตรกับผู้ประกอบการท้องถิ่นหรือบริษัทที่มีความรู้ความเข้าใจในตลาดนั้นๆ เพื่อช่วยในการบริหารจัดการและเข้าถึงตลาดได้ดียิ่งขึ้น
4. การพัฒนาสินค้าและบริการที่ตรงกับความต้องการของตลาด : การปรับปรุงและพัฒนาสินค้าให้ตรงกับรสนิยมและความต้องการของลูกค้าในแต่ละประเทศ พร้อมทั้งให้บริการที่ตอบโจทย์ลูกค้าในท้องถิ่น เช่น การให้บริการหลังการขายที่ดี การจัดกิจกรรมพิเศษสำหรับลูกค้าในท้องถิ่น
5. การใช้เทคโนโลยีและระบบจัดการที่ทันสมัย : การลงทุนในเทคโนโลยีที่ช่วยในการจัดการร้านค้าและโลจิสติกส์ เช่น ระบบ POS, ระบบจัดการสต็อกสินค้า, และการใช้ซอฟต์แวร์วิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการร้านค้า
6. การเสริมสร้างแบรนด์และสร้างภาพลักษณ์ที่แข็งแกร่ง : การเน้นการสร้างและสื่อสารแบรนด์ให้มีภาพลักษณ์ที่ชัดเจนและแข็งแกร่ง ผ่านการตลาดและการสื่อสารที่ต่อเนื่อง รวมถึงการให้ความสำคัญกับการออกแบบและคุณภาพของผลิตภัณฑ์
7. การฝึกอบรมและพัฒนาเจ้าหน้าที่ : การให้การฝึกอบรมและพัฒนาเจ้าหน้าที่ในร้านค้าเพื่อให้มีความรู้ความสามารถและทักษะในการบริการลูกค้าได้อย่างมืออาชีพ
8. การวางแผนการเงินและการลงทุนอย่างรอบคอบ : การจัดทำแผนการเงินที่มีความรอบคอบ รวมถึงการหาทุนสนับสนุนจากแหล่งต่างๆ เพื่อสนับสนุนการขยายธุรกิจในต่างประเทศ
การดำเนินกลยุทธ์เหล่านี้อย่างมีระบบและมีการติดตามประเมินผลอย่างต่อเนื่องจะช่วยให้ยัสปาล กรุ๊ปสามารถบรรลุเป้าหมายการขยายสาขาในต่างประเทศได้สำเร็จตามที่ตั้งไว้. | null | Closed QA | cc-by-nc-4.0 |
Retail_52767 | Retail | ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลมีกลยุทธ์อะไรในการกระตุ้นให้ลูกค้าลดการใช้ถุงพลาสติกเพิ่มเติมจากการรณรงค์และให้คะแนนสะสม | null | กลยุทธ์เพิ่มเติมในการกระตุ้นให้ลูกค้าลดการใช้ถุงพลาสติก
1. นำเสนอทางเลือกที่สะดวกและน่าสนใจ
ออกแบบถุงผ้าให้มีดีไซน์ทันสมัย สวยงาม พกพาสะดวก ใช้งานได้หลากหลาย
พัฒนาแอปพลิเคชั่นสำหรับจัดการคะแนนสะสม และนำเสนอโปรโมชั่นพิเศษสำหรับลูกค้าที่ไม่รับถุงพลาสติก
จัดเตรียมบริการรับฝากถุงผ้าสำหรับลูกค้าที่ต้องการ
จัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย เช่น แลกซื้อถุงผ้าราคาพิเศษ หรือ มอบส่วนลดพิเศษสำหรับลูกค้าที่นำถุงผ้ามาเอง
2. สร้างแรงจูงใจทางสังคม
เชิญชวนดารา เซเลบริตี้ และ Influencer ร่วมรณรงค์ลดการใช้ถุงพลาสติก
จัดกิจกรรมประกวดผลงานการออกแบบถุงผ้า
จัดทำแคมเปญออนไลน์เพื่อกระตุ้นให้ผู้คนแชร์ประสบการณ์การลดใช้ถุงพลาสติก
มอบรางวัลแก่ลูกค้าที่ลดการใช้ถุงพลาสติกได้มากที่สุด
3. ผนึกกำลังกับพันธมิตร
ร่วมมือกับห้างสรรพสินค้าอื่นๆ ในการรณรงค์ลดการใช้ถุงพลาสติก
ร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ องค์กรพัฒนาเอกชน และสถาบันการศึกษา ในการรณรงค์ลดการใช้ถุงพลาสติก
ร่วมมือกับผู้ผลิตและจำหน่ายถุงผ้า เพื่อพัฒนาถุงผ้าที่มีคุณภาพดีและราคาประหยัด
4. พัฒนาเทคโนโลยี
พัฒนาระบบการชำระเงินที่ไม่ต้องใช้ถุงพลาสติก เช่น การชำระเงินผ่าน QR Code
พัฒนาระบบการจัดส่งสินค้าที่ไม่ใช้ถุงพลาสติก เช่น บริการ Click & Collect
พัฒนาระบบการรีไซเคิลถุงพลาสติก
ตัวอย่าง
ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล จัดทำถุงผ้าคอลเลกชั่นใหม่ โดยร่วมมือกับดีไซเนอร์ชื่อดัง
ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล จัดกิจกรรม "ช้อปรักษ์โลก" เชิญชวนลูกค้าร่วมรณรงค์ลดการใช้ถุงพลาสติก
ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ร่วมมือกับกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม จัดทำโครงการ "ลดรับ แบ่งปัน รักษ์โลก"
ผลลัพธ์ที่คาดหวัง
ลูกค้าลดการใช้ถุงพลาสติก
สิ่งแวดล้อมดีขึ้น
ภาพลักษณ์ของห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลดีขึ้น
สรุป
ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลสามารถนำกลยุทธ์เหล่านี้ไปใช้เพิ่มเติมจากการรณรงค์และให้คะแนนสะสมเพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าลดการใช้ถุงพลาสติกได้อย่างมีประสิทธิภาพ | null | Brainstorming | cc-by-nc-4.0 |
Retail_52774 | Retail | ความสำเร็จของ UCHOOSE ในการเสนอโปรโมชั่นและแคมเปญที่ตรงกับความสนใจของสมาชิกมีผลอย่างไรต่อการใช้งานของสมาชิกบัตร? | หัวข้อ กรุงศรี คอนซูมเมอร์ พา ‘แอป UCHOOSE’ คว้ารางวัล [PR] - Brand Buffet
“ยูชูสสุดยอดโมบายแอป” : นายแซม ตันสกุล (ขวา) ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายนวัตกรรมและฟินเทค และนายปฎิเวธ มหาธีรสมบัติ (ซ้าย) รองผู้อำนวยการ ฝ่ายนวัตกรรมและฟินเทค เป็นตัวแทนกรุงศรี คอนซูมเมอร์ ผู้นำในธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล รับรางวัลนวัตกรรมด้านช่องทางการบริการ สาขาโมบาย แบงก์กิ้งยอดเยี่ยม(Channel Innovation Awards – Excellence in Mobile Banking-Overall) จากงาน Retail Banker International Asia Trailblazer Awards 201 ซึ่งจัดขึ้น ณ ประเทศสิงคโปร์ จากความสำเร็จของ UCHOOSE (ยูชูส) ไลฟ์สไตล์แอปพลิเคชันสำหรับสมาชิกบัตรเครดิตในเครือกรุงศรี คอนซูมเมอร์ ที่มอบบริการหลากหลายเพื่อการจัดการข้อมูลบัญชีบัตรเครดิตอย่างง่ายดายผ่านสมาร์ทโฟน ด้วยบริการตรวจสอบและบริหารข้อมูลบัญชีบัตรแบบเรียลไทม์ แลกหรือโอนคะแนนสะสม แจ้งเตือนข้อมูลการใช้บัตร พร้อมนำเสนอโปรโมชั่นและแคมเปญส่งเสริมการตลาดที่ตรงกับพฤติกรรมการใช้งาน และความสนใจของสมาชิกบัตร รวมทั้งยังมีการเชื่อมต่อระบบกับพันธมิตรชั้นนำเพื่อให้สามารถใช้คะแนนสะสมบัตรเครดิตแลกสินค้าหรือบริการได้สะดวกยิ่งขึ้น เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานที่ยอดเยี่ยมให้กับผู้ใช้ | การที่ UCHOOSE สามารถเสนอโปรโมชั่นและแคมเปญที่ตรงกับความสนใจของสมาชิกบัตรได้สำเร็จ มีผลต่อการใช้งานของสมาชิกบัตรในหลายๆ ด้านดังนี้
1. เพิ่มความพึงพอใจและความผูกพัน : เมื่อสมาชิกได้รับโปรโมชั่นและแคมเปญที่ตรงกับความสนใจและพฤติกรรมการใช้งานของตนเอง
2. กระตุ้นการใช้งานบัตรเครดิต : โปรโมชั่นและแคมเปญที่ตรงกับความสนใจสามารถกระตุ้นให้สมาชิกใช้บัตรเครดิตมากขึ้น
3. เพิ่มการรักษาฐานลูกค้า: เมื่อสมาชิกรู้สึกว่ามีประโยชน์และได้รับสิทธิพิเศษจากการใช้บัตรเครดิต
4. เพิ่มโอกาสในการขายข้าม : การที่แอป UCHOOSE เสนอโปรโมชั่นที่มีความเฉพาะเจาะจงและตรงกับความสนใจของสมาชิก
5. เสริมสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า : การเสนอโปรโมชั่นและแคมเปญที่เกี่ยวข้องและน่าสนใจ
โดยรวมแล้ว การเสนอโปรโมชั่นและแคมเปญที่ตรงกับความสนใจของสมาชิก ไม่เพียงแต่จะเพิ่มความพึงพอใจและความผูกพันของสมาชิกกับแบรนด์เท่านั้น แต่ยังช่วยเพิ่มการใช้งานบัตรเครดิตและส่งเสริมการเติบโตของธุรกิจในระยะยาวอีกด้วยค่ะ. | null | Closed QA | cc-by-nc-4.0 |
Retail_52785 | Retail | Adidas เริ่มใช้กลยุทธ์การจับมือกับเซเลบริตี้ตั้งแต่ปี 2014 โดยมุ่งเน้นไปที่กลุ่มคนที่ไม่ใช่นักกีฬา เทรนด์นี้มีผลต่ออุตสาหกรรมกีฬาอย่างไรบ้าง? | กลยุทธ์สำคัญแบรนด์แฟชั่นกีฬา Adidas จับมือเซเลบริตี้ เซ็นสัญญา Beyoncé สู่ตำแหน่ง Creative Partner - Brand Buffet
มีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจของ Adidas ออกมาเมื่อเร็ว ๆ นี้กับการประกาศความร่วมมือกับ Beyoncé นักร้อง R&B ชื่อดังเพื่อออกไลน์สินค้ากีฬาภายใต้ชื่อ Ivy Park โดยนักร้องดังจะรับตำแหน่ง Creative Partner ให้กับแบรนด์ดังกล่าว ความร่วมมือครั้งใหม่นี้ยังเป็นการตอกย้ำความสำเร็จของ Adidas ที่หันมาจับมือกับบรรดาเซเลบริตี้ในแวดวงต่างๆ เพื่อสร้างสีสันให้กับวงการรองเท้ากีฬา ซึ่งเป็นแนวคิดที่ Adidas ริเริ่มก่อนใครมาตั้งแต่เมื่อ 5 ปีก่อน (2014) โดยในยุคนั้น การเซ็นสัญญากับบรรดาคนดังที่ไม่ใช่นักกีฬาถือเป็นเรื่องที่แปลกมากของวงการ ความร่วมมือครั้งใหม่นี้ยังเป็นการตอกย้ำความสำเร็จของ Adidas ที่หันมาจับมือกับบรรดาเซเลบริตี้ในแวดวงต่างๆ เพื่อสร้างสีสันให้กับวงการรองเท้ากีฬา ซึ่งเป็นแนวคิดที่ Adidas ริเริ่มก่อนใครมาตั้งแต่เมื่อ 5 ปีก่อน (2014) โดยในยุคนั้น การเซ็นสัญญากับบรรดาคนดังที่ไม่ใช่นักกีฬาถือเป็นเรื่องที่แปลกมากของวงการ แต่ความแปลกไม่ใช่ปัญหาของ Adidas โดยจะเห็นได้ว่า บริษัทสามารถดึงดูดบรรดาศิลปินดัง ๆ จากหลากหลายวงการมาร่วมงานได้มากมาย ไม่ว่าจะเป็น Kanye West, Pharrell Williams ไปจนถึงดีไซเนอร์ชื่อดังอย่าง Raf Simons, Yohji Yamamoto, Stella McCartney และ Rick Owens นั่นสะท้อนให้เห็นว่า กลยุทธ์ของ Adidas คือการเจาะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่ ๆ รวมถึงก้าวไปเป็นผู้นำเทรนด์ในวัฒนธรรมป๊อป มากกว่าจะเป็นแบรนด์เครื่องแต่งกายกีฬาแต่เพียงอย่างเดียว
ผลจากการริเริ่มของ Adidas ยังทำให้ค่ายอื่น ๆ ทำตาม ดังจะเห็นได้ว่าทั้ง Puma และ Nike ต่างมีข่าวจับมือกับเซเลบริตี้ออกมาเช่นกัน ซึ่ง Jim Cusson ประธานบริษัท Theory House เอเจนซีด้านค้าปลีกได้กล่าวยกย่อง Adidas ว่า มีแบรนด์ใหญ่จำนวนไม่น้อยที่มองว่าการนำคนนอกวงการกีฬามาร่วมงานกันจะนำไปสู่ความสำเร็จ แต่งานนี้ควรให้เครดิตกับ Adidas ในฐานะแบรนด์แรกที่ยอมเสี่ยงทำแนวคิดนี้ให้เป็นจริง การจับมือกับเซเลบบริตี้ชื่อดังเหล่านี้ เป็นเพราะในระยะหลังทิศทางการขับเคลื่อนของแบรนด์อุปกรณ์กีฬาก็ปรับตัวมาเป็นแบรนด์ “แฟชั่นกีฬา” พฤติกรรมผู้บริโภคและมุมมองกับการใส่เสื้อผ้ากีฬาในชีวิตประจำวันก็แพร่หลายมากขึ้น มากไปกว่านั้น การร่วมมือกับ Beyoncé ในครั้งนี้ก็ยังถือว่าเป็นความสำเร็จอีกครั้งของ Adidas ที่สามารถตัดหน้าคู่แข่งได้ เนื่องจากมีรายงานว่าทั้ง Jordan และ Under Armour ต่างก็ติดต่อ Beyoncé เพื่อที่จะเซ็นสัญญากับเธอเช่นกัน แต่เธอเลือกที่จะจับมือกับ Adidas พร้อมกล่าวว่า Adidas ถือเป็นหุ้นส่วนคนสำคัญในชีวิตของเธออีกด้วย ซึ่งหลังจากมีการประกาศชื่อ Beyoncé ออกมา หุ้นของ Adidas พุ่งขึ้นทันที 1.35% ไปปิดที่ 127.20 เหรียญสหรัฐ
เนื่องจากนักลงทุนคาดหวังว่า Beyoncé จะสามารถเข้ามาช่วยสร้างการเติบโตให้กับสินค้าของบริษัท หลังจากที่ยอดขายสินค้ากลุ่ม Stan Smith และ Superstar มีแนวโน้มเติบโตลดลง ขณะที่การทำ Collaborate กับศิลปินอย่าง Kenye West ที่ปั้น Adidas Yeezy กลับได้รับความนิยมเกินคาด ทั้งราคาขายที่หน้าร้าน และเป็นกระแสจนราคาขายต่อพุ่ง ซึ่งนั่นก็สร้างผลดีกับแบรนด์ในระยะยาวในแง่ของคุณค่าสินค้า ด้วยเหตุนี้เองการจับมือกับนักกีฬาก็ต้องดำเนินต่อไป แต่เรื่องเซลเลบบริตี้ก็ต้องลุยหนัก Source Source | การที่ Adidas เริ่มใช้กลยุทธ์การจับมือกับเซเลบริตี้ที่ไม่ใช่นักกีฬา ตั้งแต่ปี 2014 มีผลกระทบต่ออุตสาหกรรมกีฬาและวงการแฟชั่นกีฬาอย่างหลากหลาย ดังนี้
1. เปลี่ยนภาพลักษณ์ของแบรนด์ : การร่วมมือกับเซเลบริตี้ในวงการบันเทิงและแฟชั่นช่วยให้ Adidas เปลี่ยนภาพลักษณ์จากแบรนด์กีฬาแบบดั้งเดิมไปสู่แบรนด์แฟชั่นกีฬา (Athleisure) ซึ่งเน้นความเท่และสไตล์ในการสวมใส่ในชีวิตประจำวันมากขึ้น
2. เพิ่มความหลากหลายของตลาดเป้าหมาย : การดึงดูดเซเลบริตี้ที่มีชื่อเสียงในวงการบันเทิงและแฟชั่นช่วยให้ Adidas เข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ที่มีความหลากหลายมากขึ้น ทั้งกลุ่มวัยรุ่นและกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่สนใจในแฟชั่นและสไตล์การแต่งตัวมากกว่าความสามารถในการเล่นกีฬา
3. สร้างเทรนด์และกระแสในวงการกีฬา : การมีพันธมิตรที่เป็นเซเลบริตี้ชื่อดัง เช่น Kanye West และ Beyoncé ช่วยสร้างกระแสและเทรนด์ใหม่ๆ ในวงการกีฬา โดยเฉพาะการใช้สินค้าและเครื่องแต่งกายกีฬาในการออกแบบและการนำเสนอแฟชั่น ซึ่งทำให้แบรนด์สามารถดึงดูดความสนใจจากผู้บริโภคได้มากขึ้น
4. เพิ่มมูลค่าและความต้องการในสินค้า : ความร่วมมือกับเซเลบริตี้ช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มสินค้าที่มีการออกแบบร่วมกับศิลปิน เช่น Adidas Yeezy ที่ได้รับความนิยมและสร้างความต้องการในตลาดสูงขึ้น ทั้งในแง่ของราคาขายปลีกและราคาขายต่อ
5. การเปลี่ยนแปลงในกลยุทธ์การตลาด : การร่วมมือกับเซเลบริตี้ทำให้ Adidas ต้องปรับกลยุทธ์การตลาดไปสู่การสร้างคอนเทนต์ที่น่าสนใจและสร้างสรรค์ เช่น การจัดงานแฟชั่นโชว์ หรือการใช้โซเชียลมีเดียเพื่อโปรโมทสินค้า ทำให้สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
6. กระตุ้นให้คู่แข่งปรับตัว : กลยุทธ์นี้ของ Adidas ได้สร้างแรงกระตุ้นให้แบรนด์อื่นๆ เช่น Nike และ Puma หันมาจับมือกับเซเลบริตี้เช่นกัน เพื่อแข่งขันในตลาดแฟชั่นกีฬา ซึ่งทำให้วงการกีฬาและแฟชั่นมีความเคลื่อนไหวและพัฒนาอย่างรวดเร็ว
โดยรวมแล้ว กลยุทธ์การจับมือกับเซเลบริตี้ที่ไม่ใช่นักกีฬาได้ช่วยให้ Adidas สามารถขยายตลาดและสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งได้อย่างชัดเจน ทำให้แบรนด์สามารถเติบโตและก้าวไปข้างหน้าในตลาดแฟชั่นกีฬาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น. | null | Closed QA | cc-by-nc-4.0 |
Retail_52793 | Retail | จงเสนอไอเดียธุรกิจร้านหนังสือ | null | “ร้านขายหนังสือ” แต่ต้องมีความสามารถในการสร้าง Communities และเป็นพื้นที่สำหรับสร้างประสบการณ์ แรงบันดาลใจ หรือมอบไอเดียต่างๆ ให้แก่ผู้มาเยือนได้ โดยเฉพาะการออกแบบร้านหนังสือให้ตอบโจทย์กับพฤติกรรมและไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภคในยุคปัจจุบันที่มักมองหา Third Place เพื่อเติมเต็มประสบการณ์ต่างๆ ในแบบที่ต้องการมากขึ้น ทำให้หน้าที่ของร้านหนังสือในปัจจุบันต้อง Beyond ได้มากกว่าแค่เป็นร้านขายหนังสือ แต่ต้องทำหน้าที่ในการขายประสบการณ์ เพื่อเป็น Experience Destination แก่ผู้มาเยือนได้ด้วย สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เราเห็นการปรับตัวของผู้ประกอบการรายหลักๆ ในธุรกิจร้านหนังสือ ที่ต้องเพิ่มวิธีคิดในมิติที่มากกว่าแค่การมีโปรดักต์ หรือแค่ความหลากหลายของหนังสือต่างๆ ไว้รองรับผู้อ่านเท่านั้น แต่ต้องทำหน้าที่ไม่ต่างจากผู้ประกอบการในธุรกิจรีเทลรายใหญ่ๆ ที่ต้องสามารถมอบประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้า เพื่อป้องกันการถูก Disrupted ทั้งจากเทคโนโลยีและพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้บริโภค B2S Think Space ฮีโร่โมเดล สร้างการเติบโต อาจจะด้วยจุดแข็งและข้อได้เปรียบในฐานะอีกหนึ่งแขนขาของธุรกิจรีเทลรายใหญ่อย่างเซ็นทรัลกรุ๊ป ทำให้บีทูเอสจับทิศทางในการปรับตัวได้ค่อนข้างเร็ว และส่งโมเดลธุรกิจใหม่ที่ชื่อว่า “บีทูเอส ธิงค์สเปซ” (B2S Think Space) ออกมาทดลองตลาดเมื่อ 2-3 ปีก่อน โดยเปิดสาขาแรกที่เซ็นทรัลพลาซ่า อีสต์วิล ด้วยพื้นที่มากถึง 3,000 ตารางเมตร จนกลายเป็นร้านหนังสือที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และมีพื้นที่สำหรับทำกิจกรรมที่หลากหลาย ซึ่งต้องถือว่าเป็นการเดินทางมาอย่างถูกทาง เพราะโมเดลใหม่ของบีทูเอสนี้สร้างการตอบรับที่ดี ทำให้ศักยภาพของธุรกิจร้านหนังสือที่ภาพรวมอุตสาหกรรมนั้นอาจจะมองดูค่อนข้างซบเซา เพราะ Core Product ในกลุ่ม Publishing ที่ส่วนใหญ่ไม่สามารถไปต่อได้ ต่างทยอยปิดตัวลงอย่างต่อเนื่อง แต่ธุรกิจบีทูเอสกลับเป็นส่วนสำคัญในการทำให้ฐานะทางการเงินและศักยภาพทางธุรกิจของบริษัทแม่อย่าง บมจ.ซีโอแอล ในเครือเซ็นทรัลกรุ๊ปแข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้น | null | Brainstorming | cc-by-nc-4.0 |
Retail_52796 | Retail | เขียนย่อหน้าเกี่ยวกับ เม็ดเงินที่เดอะมอลล์กรุ๊ปลงทุนกว่าแสนล้านบาท เพื่อที่จะถูกใส่ลงไปในโปรเจ็กต์ต่างๆ ในปี 2562 – 2565 | null | เม็ดเงินที่เดอะมอลล์กรุ๊ปลงทุนกว่าแสนล้านบาท เพื่อที่จะถูกใส่ลงไปในโปรเจ็กต์ต่างๆ ในปี 2562 – 2565 ซึ่งจะมีตั้งแต่โครงการ Mega Mixed Used Complex อย่าง แบงค็อก มอลล์ อาณาจักรศูนย์การค้าและที่อยู่อาศัย และออฟฟิศแบบครบวงจรที่ยิ่งใหญ่ ทันสมัยและสมบูรณ์แบบที่สุดในเอเซีย ภายใต้คอนเซ็ปต์ City Within The City, ดิ เอ็มสเฟียร์ โครงการสุดท้ายของกลุ่ม THE EM DISTRIC, การพลิกโฉม เดอะมอลล์ รามคำแหง 2 ในรูปแบบ Mixed use Complex, การ Renovate พลิกโฉมทั้งห้างสรรพสินค้าและศูนย์การค้าเดอะมอลล์ ทุกสาขา ภายใต้คอนเซ็ปต์ The Mall Lifestore, A Happy Place to Live Life และโครงการที่อยู่ระหว่างการศึกษา และเตรียมพร้อมสำหรับการลงทุนอยู่ใน Pipeline อีกราว 1-2 โครงการ
บทเรียนจากย่อหน้านี้
เม็ดเงินที่เดอะมอลล์กรุ๊ปลงทุนกว่าแสนล้านบาท เพื่อที่จะถูกใส่ลงไปในโปรเจ็กต์ต่างๆ ในปี 2562 – 2565 ประกอบไปด้วย
– แบงค็อก มอลล์ (BANGKOK MALL) โครงการ Mega Mixed Used Complex ที่ใช้เม็ดเงินลงทุนกว่า 5 หมื่นล้านบาท อีกหนึ่งแฟลกชิพโปรเจ็กต์เนื้อที่กว่า 100 ไร่ พื้นที่โครงการกว่า 1.2 ล้านตารางเมตร บนสุดยอด Prime Location ในฐานะศูนย์กลางคมนาคมในอนาคต เพราะอยู่บนจุดตัดถนนบางนา-ตราดกับสุขุมวิท เชื่อมต่อกับสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีอุดมสุขและบางนา และในอนาคตจะมีรถไฟฟ้าไลท์เรลจากสี่แยกบางนาถึงสุวรรณภูมิ โดยคาดว่าจะเป็นอาณาจักรศูนย์การค้าและที่อยู่อาศัย รวมถึงออฟฟิศแบบครบวงจรที่ยิ่งใหญ่ ทันสมัยและสมบูรณ์แบบที่สุดในเอเซีย ภายใต้คอนเซ็ปต์ City Within The City คาดว่าจะแล้วเสร็จและเริ่มเปิดโครงการได้ในปี 2565
– ดิ เอ็มสเฟียร์ (THE EMSPHERE) ภายใต้งบลงทุน 1 หมื่นล้านบาท สำหรบจิ๊กซอว์ตัวสุดท้ายที่จะมาเติมเต็มให้ THE EM DISTRIC เป็นย่านการค้าที่ดีที่สุดบนถนสุขุมวิทอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ (The Epicenter of Sukhumvit) ด้วยพื้นที่โครงการกว่า 2 แสนตารางเมตร และเมื่อรวมกับ ดิ เอ็มโพเรียม และดิ เอ็มควอเทียร์ แล้ว จะมีพื้นที่รวมกันทั้งหมดกว่า 6.5 แสนตารางเมตร โดยหลังจากดิ เอ็มสเฟียร์ เปิดให้บริการตามกำหนดในปี 2565 ย่านการค้าสำคัญแห่งนี้จะเป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญที่จะทำให้กรุงเทพมหานครเป็นมหานครที่ทั่วโลกจะต้องจับตามอง เพราะจะเป็นโครงการที่เพียบพร้อมไปด้วยย่านธุรกิจ การค้า ศูนย์รวมแฟชั่น ลักซ์ชัวรี่ เทคโนโลยี ไลฟ์สไตล์ ลิฟวิ่ง และ ไดนิ่งจากแบรนด์เนมชั้นนำระดับโลกและชั้นนำของไทยกว่า 1,000 แบรนด์
– เดอะมอลล์ รามคำแหง (THE MALL RAMKHAMHAENG) กับการใช้งบกว่า 1 หมื่นล้านบาท พลิกโฉมครั้งใหญ่ ก่อสร้างโครงการอาคารสรรพสินค้าเดอะมอลล์ รามคำแหง 2 ในรูปแบบ “Mixed use Complex” บนพื้นที่กว่า 30 ไร่ มีพื้นที่ใช้สอยกว่า 2.3 แสนตารางเมตร โดยเริ่มดำเนินการก่อสร้างแล้ว และคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2564
-ส่วนงบอีก 1 หมื่นล้านบาท จะใช้ในการ Renovate เพื่อพลิกโฉมทั้งในส่วนของห้างสรรพสินค้าและศูนย์การค้าเดอะมอลล์ ทุกสาขา ได้แก่ เดอะมอลล์ ท่าพระ, งามวงศ์วาน, บางแค และบางกะปิ ภายใต้คอนเซ็ปต์ The Mall Lifestore, A Happy Place to Live Life เพื่อรองรับการแข่งขันและการเติบโตในอนาคต โดยคาดว่าเดอะมอลล์ งามวงศ์วานจะเป็นสาขาแรกที่ปรับปรุงแล้วเสร็จ และพร้อมสำหรับการเผยโฉมใหม่ในปี 2563
นอกจากนี้ กลุ่มเดอะมอลล์ยังมีโปรเจ็กต์ที่อยู่ระหว่างการศึกษา และเตรียมพร้อมสำหรับการลงทุนอยู่ใน Pipeline อีกราว 1-2 โครงการ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ โครงการ Blu Pearl ในจังหวัดภูเก็ต ที่เคยให้รายละเอียดโครงการมาก่อนหน้านี้ ซึ่งทางคุณแอ๊วมองว่า อาจจะยังเร็วเกินไปสำหรับการลงทุน เนื่องจาก ตลาดยังไม่พร้อมมากนัก รวมทั้งสถานการณ์เงินบาทที่ค่อนข้างแข็งตัว ทำให้ธุรกิจท่องเที่ยวชะลอตัวลง จึงยังไม่จำเป็นต้องเร่งการลงทุนในตอนนี้ แต่คาดว่าจะสามารถเดินหน้าโครงการได้ในช่วง 5-6 ปีข้างหน้านี้ | null | Creative writing | cc-by-nc-4.0 |
Retail_52807 | Retail | เขียนเรื่องสั้นเกี่ยวกับ"เกียรติยศของสมบัติ: King Power คว้ารางวัล Duty Free อันดับ 1 ของโลก" | null | ในวันที่ประสบความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ บรรยากาศในห้องประชุมแต่ละซุ้มสีสันเต็มไปด้วยความประหลาดใจและความรู้สึกของความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ การประกาศผลรางวัลจาก World Travel Awards ที่เป็นแหล่งสืบค้นแห่งยอดเยี่ยมของโลกในด้านการท่องเที่ยวและการเดินทาง สร้างความตื่นเต้นในใจของนักท่องเที่ยวและผู้รับใช้บริการท่องเที่ยวทั่วโลกต่อไป
และในปีนั้น ปี 2018 มีเหตุการณ์ที่สำคัญอันหนึ่ง ที่ประทับใจอย่างมาก ที่ถูกประกาศในงานนี้ นั่นก็คือการคว้ารางวัล Duty Free อันดับ 1 ของโลก ซึ่งได้รับการยอมรับอย่างยิ่งว่าเป็นหนึ่งในสิ่งสำคัญที่สุดของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการเดินทางโลกอย่างไม่ต้องสงสัย ในรายการ World Travel Awards ที่จัดขึ้นในปี 2018
King Power บริษัทชั้นนำที่ให้บริการสินค้าดีดูที่สุดแก่นักท่องเที่ยวที่มาเยือนประเทศไทย ได้รับความเชื่อมั่นและความไว้วางใจจากนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ ด้วยบริการที่มีคุณภาพและหลากหลายสินค้าที่น่าสนใจ
เมื่อประกาศผลรางวัล คณะกรรมการได้ประกาศชื่อ "King Power" อย่างเป็นทางการในฐานะเป็นผู้ชนะในสาขา "Duty Free อันดับ 1 ของโลก" ซึ่งทำให้คณะผู้บริหารและพนักงานทุกคนในบริษัทมีความสุขและภาคภูมิใจอย่างยิ่ง
"ความสำเร็จนี้เป็นผลมาจากความพยายามและการทำงานร่วมกันของทุกคนในทีม King Power" นายภูริช มหาเศรษฐี, ประธานบริษัท King Power กล่าวอย่างเต็มไปด้วยความท้อแท้ "เราขอขอบคุณทุกท่านที่มีส่วนร่วมในความสำเร็จนี้ และเรายังสัญญาว่าจะพัฒนาและสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับนักท่องเที่ยวอย่างไม่หยุดยั้ง"
การคว้ารางวัลนี้ไม่เพียงแต่เป็นการยืนยันความสามารถและคุณภาพของ King Power เพียงอย่างเดียว แต่ยังเป็นการเสริมความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวต่อการเลือกใช้บริการของ King Power อย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทนี้ยังคงเป็นตัวแทนที่สำคัญและเชื่อถือได้ของประเทศไทยในด้านการท่องเที่ยวและการเดินทางโลกอย่างไม่ต้องสงสัยในอนาคต | null | Creative writing | cc-by-nc-4.0 |
Retail_52810 | Retail | บริษัท เน็กซัส พรอพเพอร์ตี้ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด ระบุว่า ภายในอีก 5 ปีข้างหน้าจะเติบโตกี่เปอร์เซ็นต์ | 1. 50%
2. 75%
3. 25%
4. 90% | ข้อที่ถูกต้องคือ 3. เพราะว่า จากบริษัท เน็กซัส พรอพเพอร์ตี้ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด ระบุว่า ภายในอีก 5 ปีข้างหน้า จะมีพื้นที่สำนักงานให้เช่า เกรด A หรือพื้นที่เช่าซึ่งมีระดับราคาตั้งแต่ 1,000 บาทขึ้นไปต่อตารางเมตรต่อเดือน เพิ่มขึ้นอีก 1 ล้านตารางเมตร หรือเติบโต 25% จากปัจจุบันมีพื้นที่รวมกว่า 4.1 ล้านตารางเมตร ส่วนพื้นที่ค้าปลีกจะมีเพิ่มขึ้นอีก 240,0000 ตารางเมตร จากปัจจุบันมีพื้นที่รวม 660,000 ตารางเมตร สำหรับพื้นที่ค้าปลีกเพิ่มขึ้นอีก 240,000 ตารางเมตรนั้น เป็นการพัฒนาพื้นที่ของหลายโครงการ อาทิ โครงการวิสซ์ดอม วัน-โอ-วัน ,มาร์เก็ต เพลส ดุสิต, เดอะ มาร์เก็ต บาย แพลทินัม, เซ็นทรัล วิลเลจ, เอกมัย มอลล์, สีลม เซ็นเตอร์, สามย่านมิตรทาวน์ และไซม่อน เอาท์เล็ทมอลล์ เป็นต้น ส่วนพื้นที่สำนักงานให้เช่า ก็จะเป็นการพัฒนาพื้นที่ของโครงการสินธร วินเลจ, วัน แบงคอก, เดอะ ฟอเรสเทียส์ และเดอะ ยูนิคอน พญาไท เป็นต้น สิ่งที่ทำให้ดีเวลลอปเปอร์จำนวนมาก | null | Multiple choice | cc-by-nc-4.0 |
Retail_52826 | Retail | Apple Store สาขาห้องสมุด Carnegie มีจุดเด่นอย่างไร | null | นับตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง ห้องสมุด Carnegie ได้กลายเป็นอาคารสาธารณะแห่งแรกของ Washington, D.C. ตั้งอยู่ในพื้นที่สาธารณะขนาดเล็กของตัวเองที่ถูกเรียกว่า Mount Vernon Square ห้องสมุดมีพื้นที่ใช้สอย 63,000 ตารางฟุต ด้วยสถาปัตยกรรมแบบ Beaux Arts ใจกลางเมือง หลายสิบปีที่ผ่านมาห้องสมุดของ D.C. ได้สะสมหนังสือเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ มากกว่า 500,000 เล่ม กระทั่งช่วงต้นทศวรรษ 1970 Washington Public Library ได้เข้ามามีบทบาทและรับหน้าที่บรรณานุกรมของเมืองแทน ตั้งแต่นั้นมาอาคารห้องสมุด Carnegie กลับกลายเป็นพื้นที่ว่างเปล่าซะเป็นส่วนใหญ่ ผู้เช่าเพียงรายเดียวของสถานที่แห่งนี้ คือ สมาคมประวัติศาสตร์แห่งรัฐวอชิงตัน ดี.ซี. ซึ่งเข้ามาตั้งที่ทำการออฟฟิศในปี 1999
แต่ในอนาคตอันใกล้นี้ Apple กำลังจะเปิดร้าน Flagship store สาขาล่าสุดใน Carnegie Library และนั่นจะทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไป
แม้จะยังไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการจาก Apple ถึงช่วงเวลาที่ร้านสาขาดังกล่าวจะเปิด แต่ข่าวล่าสุดที่มีการแชร์ในระหว่างการประชุมสภา D.C เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา คาดว่าร้าน Apple สาขานี้ น่าจะทันเปิดในช่วงฤดูหนาวปี 2018 บริษัทยักษ์ใหญ่ที่มีมูลซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์มูลค่า 1 ล้านล้านดอลลาร์เป็นรายแรกในประวัติศาสตร์รายนี้ จะจัดตั้งร้านค้าขึ้นในพื้นที่หลักของห้องสมุด และสมาคมประวัติศาสตร์จะย้ายตัวเองไปยังชั้นอื่นของอาคาร
ในขณะที่ด้านนอกของอาคารอยู่ในขั้นตอนสุดท้ายของการฟื้นฟูด้วยการเพิ่มเพียงป้ายบริษัท (Apple สัญญาว่าจะไม่ยุ่งกับโครงสร้างภายนอกมากกว่านั้น) ในขณะที่การเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดมากกว่าน่าจะเกิดขึ้นที่ด้านใน Apple ปฏิเสธการให้สัมภาษณ์ แต่บทความในวอชิงตันโพสต์ที่ตีพิมพ์ในเดือนพฤษภาคม 2017 กล่าวไว้ว่าหลังจากที่ Apple ได้เช่าซื้อห้องสมุด Carnegie เป็นระยะเวลา 10 ปี ก่อให้เกิดการคาดเดาถึงวิธีการปรับแต่งภูมิทัศน์ภายในเพื่อผสานความเป็น Apple Store กับอาคารดั่งเดิมหลายประการ เช่น พื้นที่ขายที่มีต้นไม้เรียงรายแบบ Genius Grove แทน Genius Bar ตามปกติ นอกจากนี้ยังมีการปรับทำให้มีพื้นที่ว่างสำหรับทำเป็นพื้นที่ขายและติดตั้งจอภาพสำหรับฉายวิดีโอขนาดใหญ่ | null | Open QA | cc-by-nc-4.0 |
Retail_52840 | Retail | ประเทศแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีการขยาย @cosme store เข้ามา คือประเทศใด | เดินหน้าสร้างความแข็งแรงให้กับพอร์ตธุรกิจค้าปลีกในเครืออย่างต่อเนื่องด้วยการขยาย Cosmetic Specialty Store เบอร์ 1 จากญี่ปุ่น เข้ามาเติมในพอร์ตโฟลิโอ หลังจากก่อนหน้านี้ประสบความสำเร็จในการปั้นแบรนด์ Specialty Store ให้เป็นที่รู้จักและสร้างความคุ้นเคยในกลุ่มลูกค้าคนไทยหลากหลายแบรนด์ อาทิ the Loft ที่สยามพิวรรธน์เป็นผู้นำเข้ามาบุกเบิกตลาดในประเทศไทย ตั้งแต่เมื่อ 20 ปีก่อนหน้านี้ รวมทั้งในปีที่ผ่านมาได้นำธุรกิจ ALAND ร้านค้าไลฟ์สไตล์สัญชาติเกาหลี เข้ามาขยายการเติบโตในประเทศไทย นอกจากนี้ ยังมี ODS ร้านขายของแต่งบ้านมัลติแบรนด์ และ CAZH ร้านเครื่องแต่งกายลำลองในรูปแบบมัลติแบรนด์สโตร์เช่นกัน และความเคลื่อนไหวล่าสุดของสยามพิวรรธน์ในปีนี้ ที่ได้เดินหน้าเซ็นสัญญาร่วมทุนกับบริษัท ไอสไตล์ อิงก์ (istyle Inc.) บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ประเทศญี่ปุ่น และเป็นเจ้าของเว็บไซต์ @cosme (แอ็ทคอสเม่) สื่อออนไลน์ที่ให้บริการรีวิวและจัดอันดับผลิตภัณฑ์ (Ranking) ที่ใหญ่ที่สุดและได้รับความน่าเชื่อถือมากที่สุดของญี่ปุ่น รวมทั้งยังเป็นเจ้าของเครือข่ายร้าน Cosmetic Multi-brands Store ชื่อ @cosme store ที่มีสาขากระจายไปทั้งในญี่ปุ่น ไต้หวัน ฮ่องกง เกาหลีใต้ และล่าสุดคือประเทศไทย ซึ่งเป็นประเทศที่มีการขยาย Store มาเป็นลำดับที่ 5 และเป็นประเทศแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สำหรับความร่วมมือในครั้งนี้ บริษัท สยามพิวรรธน์ รีเทล โฮลดิ้ง ซึ่งเป็นบริษัทที่ดูแลด้านธุรกิจค้าปลีกของกลุ่มสยามพิวรรธน์ และไอสไตล์ อิงก์ ได้ร่วมกันจัดตั้งบริษัทร่วมทุนชื่อ “บริษัท ไอสไตล์ รีเทล (ประเทศไทย) จำกัด” เพื่อบริหารธุรกิจ @cosme store ในประเทศไทย ด้วยทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท โดยฝั่งไอสไตล์จากญี่ปุ่นถือหุ้นในสัดส่วน 70% และกลุ่มสยามพิวรรธน์ถือหุ้น 30% และจะเปิดให้บริการสาขาแรกในประเทศที่ไอคอนสยาม ราวเดือนพฤศจิกายนนี้ พร้อมเป้าหมายการขยายธุรกิจในประเทศไทย ด้วยการเปิดสาขาจำนวน 5 แห่ง ภายใน 3 ปี หญิงไทยใจถึง จ่ายได้เพื่อความงาม Mr. Kei Sugawara CEO & SVP of Global, istyle Inc. และ Director, istyle Retail (Thailand) Co.,Ltd กล่าวถึง การตัดสินใจขยายธุรกิจไปในต่างประเทศของกลุ่มไอสไตล์ จะวัดจาก KPI สำคัญใน 2 ปัจจัยหลัก คือ พิจารณา GDP ต่อหัวของคนในพื้นที่ที่จะขยายธุรกิจเข้าไป โดยจะวัดเป็นรายเมืองที่จะโฟกัสมากกว่าภาพรวมทั้งประเทศ รวมทั้งความสามารถด้านกำลังซื้อเครื่องสำอางของคนในพื้นที่ ซึ่งใน กทม. ถือว่าผ่านทั้ง 2 ปัจจัยสำคัญนี้ ทำให้กลุ่มไอสไตล์ตัดสินใจเลือกมาเปิดสโตร์ในไทยเป็นที่แรกของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และวางไว้ให้เป็นพื้นที่ Priority ในการทำตลาดในแถบตะวันออกเฉียงใต้อีกด้วย “ใน กทม. GDP ต่อหัวอยู่ในระดับที่ค่อนข้างดี เพราะเทียบเท่าได้กับ GDP ของสิงคโปร์ ขณะที่ปริมาณการซื้อเครื่องสำอางในแต่ละเดือนของคนไทยถือว่ามากกว่าการซื้อของคนสิงคโปร์โดยเฉลี่ยถึง 1.5 เท่า และสูงที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประกอบกับเทรนด์ในตลาดเครื่องสำอางที่มีการแตกเซ็กเม้นต์แยกย่อยค่อนข้างมากและมีทิศทางเติบโตได้ดี สะท้อนถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคคนไทยที่ได้รับการ Educated ในเรื่องของการดูแลตัวเองซึ่งเป็นโอกาสที่จะทำให้ธุรกิจสามารถเติบโตได้เป็นอย่างดี” ด้านคุณอุสรา ยงปิยะกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สยามพิวรรธน์ รีเทล โฮลดิ้ง เพิ่มเติมว่า ความร่วมมือในครั้งนี้จะเป็นการตอกย้ำความเป็นผู้นำในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ของสยามพิวรรธน์ ทำให้พยายามนำเสนอคอนเซ็ปต์ที่แปลกและแตกต่างให้กับธุรกิจค้าปลีกของไทยอยู่เสมอ โดยคำนึงถึง 3 ปัจจัยหลัก คือ ต้องไม่เหมือนใคร ต้องเป็นเทรนด์ และต้องตรงกับตัวตนในความเป็นสยามพิวรรธน์ โดยทุกอย่างต้องขับเคลื่อนภายใต้สิ่งสำคัญที่สุดคือ ความสามารถในการตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ด้วย รวมทั้งให้ความสำคัญกับการหาพาร์ทเนอร์ที่มีความเชี่ยวชาญและเป็นตัวจริงในแต่ละธุรกิจเพื่อมาส่งเสริมความแข็งแรงใหแก่กัน โดยเฉพาะการแข่งขันในยุคปัจจุบันที่ไม่สามารถจะเติบโตได้ด้วยตัวคนเดียว การมีพันธมิตรที่เข้มแข็งและมีวิสัยทัศน์ตรงกันจะเป็นแนวทางหนึ่งที่จะสร้างให้ธุรกิจสามารถเติบโตได้อย่างแข็งแรงเพิ่มมากขึ้น “istyle Inc. เป็นบริษัทที่มีแนวคิดสมัยใหม่และสามารถประสบความสำเร็จได้ในระดับสูง และมี Unique ในคอนเซ็ปต์สำหรับการทำธุรกิจด้วยการเชื่อมโยงแพลตฟอร์มระหว่างออนไลน์และออฟไลน์ด้วยการใช้ฐานข้อมูลจากฝั่งออนไลน์ มาเป็นแนวทางในการบริหารจัดการสินค้าในแต่ละสโตร์ตามความต้องการของลูกค้าในแต่ละพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพจนทำให้เติบโตได้อย่างรวดเร็วและสามารถขยายธุรกิจทั้งในรูปแบบ E-commerce และ Retail Store ไปได้ในหลายประเทศ ซึ่งการร่วมทุนกับกลุ่ม istyle Inc.ในครั้งนี้ จะเป็นการสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้กับสยามพิวรรธน์ในการเติบโตด้วยการ Diversify เพิ่มมากขึ้น นอกเหนือไปจากการพัฒนาโครงการที่เป็น Worldclass Destination เป็นหลัก” Seamless + Data Analytic สร้างจุดแข็งและแตกต่าง สำหรับพาร์ทเนอร์รายล่าสุด ในกลุ่ม Cosmetic Multi-brands Store ของสยามพิวรรธน์ มีความแตกต่างจากร้านมัลติแบรนด์ทั่วไป โดยเฉพาะในตลาดเครื่องสำอางที่แม้ว่าจะมีร้านที่เป็นร้านมัลติแบรนด์มาก่อนแต่ก็จะมีการแยกเซ็กเม้นต์ระหว่างแบรนด์แมสและไฮเอนด์อย่างชัดเจน ตาม Positioning ที่แต่ละสโตร์วางจำแหน่งของแบรนด์ตัวเองเอาไว้ โดยที่ยังไม่เคยมีสโตร์ใดที่ภายในร้านจะมีทั้งสินค้าในระดับ Luxury Brand และ Mass Brand ที่มีราคาหลากหลายตั้งแต่ 100 เยน ไปจนถึงหลายหมื่นเยน อยู่ภายในพื้นที่เดียวกัน รวมทั้งยังไม่ลืมที่จะแบ่งพื้นที่ราว 20% ของร้านเป็นส่วนของ Consult เพื่อให้ลูกค้าได้มาทดลองใช้สินค้าหรือทดลองแต่งหน้า เพื่อเติมเต็มในเรื่องของ Experience ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญในการทำธุรกิจรีเทลในปัจจุบันด้วยเช่นกัน ขณะที่ @cosme store จะเน้นการบริหารสินค้าภายในร้านตาม Customer Need Base โดยยึดจากการวิเคราะห์ Big Data ที่มีอยู่ในฐานข้อมูลที่เก็บรวมรวมจากทุกแพลตฟอร์มที่มีอยู่ทั้งข้อมูลการรีวิว และความคิดเห็นต่างๆ บนเว็บไซต์ @cosme การสั่งซื้อสินค้าผ่านอีคอมเมิร์ซของผู้บริโภคบน @cosme shopping และการซื้อสินค้าผ่านรีเทลสโตร์อย่าง @cosme store ซึ่งปัจจุบันเติบโตจนกลายเป็น Beauty Database ที่ทรงอิทธิพลและใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น โดยผู้หญิงญี่ปุ่น 75% ในกลุ่มเป้าหมายอายุ 20-39 ปี จะเข้ามาใช้บริการทุกเดือน และ 85% ที่มีความเชื่อมั่นรีวิวต่างๆ ที่อยู่บนแพลตฟอร์มจนนำมาสู่การตัดสินใจซื้อในที่สุด โดย Data ขนาดใหญ่ที่เก็บอยู่บนแพลตฟอร์มของ @cosme ประกอบด้วย ข้อมูลจากฝั่ง Users ที่มีไม่ต่ำกว่า 16 ล้านราย รายละเอียดเกี่ยวกับสินค้าต่างๆ มากกว่า 3.2 แสนล้านข้อมูล ซึ่งครอบคลุมแบรนด์เครื่องสำอางทั้งหมดของญี่ปุ่น รวมทั้งจำนวนการรีวิวสินค้าความงามต่างๆ มากกว่า 14 ล้านรีวิว ที่ต้องถือว่ามากที่สุดในญี่ปุ่นเช่นเดียวกัน โดยข้อมูลต่างๆ เหล่านี้จะเป็นต้นทางในการนำไปทำงานและวิเคราะห์ความต้องการของลูกค้าในแต่ละพื้นที่ เพื่อให้สามารถบริหารจัดการสินค้าภายในร้านให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคในแต่ละพื้นที่ได้อย่างแม่นยำ ซึ่งในปัจจุบันการเก็บข้อมูลต่างๆ ไม่ได้มีเพียงข้อมูลของผู้บริโภคญี่ปุ่นเท่านั้น แต่จะมีข้อมูลจากหลายๆ ประเทศที่กลุ่มไอสไตล์อิงก์ขยายธุรกิจเข้าไป และทำการรวบรวมข้อมูลจากทุกแห่งมาเก็บไว้บนฐานข้อมูลเดียวกันเพื่อสร้าง Global One Database ส่งผลให้ @cosme กลายเป็นแพลตฟอร์ม Beauty Database ที่มีการรวบรวมข้อมูลเครื่องสำอางและความงามจากทั่วโลกเอาไว้มากที่สุดก็ว่าได้ “เราเลือกที่จะนำเสนอสินค้าให้ตรงกับความต้องการผู้บริโภคในแต่ละที่ด้วยการทำงานบนพื้นฐานข้อมูล ตามการจัด Ranking สินค้าตามความนิยมของผู้บริโภคในทุกๆ Category และเลือกสินค้าที่เป็น Top Ranking เพื่อนำมาตอบโจทย์ลูกค้าอย่างครอบคลุมทุกความต้องการ เนื่องจาก ผู้บริโภคมีความต้องการใช้สินค้าหลากหลาย แม้แต่ผู้บริโภคคนเดียวกันก็ชื่นชอบสินค้าแตกต่างแบรนด์กันไปเมื่อเปลี่ยนหมวดสินค้า รวมทั้งมีสินค้าที่ชื่นชอบทั้งสินค้าในกลุ่มแมสรวมทั้งลักซ์ชัวรี่ ทำให้เราพยายามจะสร้างแพลตฟอร์มให้เป็น One Stop of Beauty Item อย่างแท้จริง และนำหลักการเดียวกันนี้ไปใช้กับทุกแพลตฟอร์มทั้งในช่องทางออนไลน์รวมทั้งในออฟไลน์สโตร์” ประเทศไทย Priority Market of Southeast Asia สำหรับประเทศไทย เป็นประเทศแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีการขยาย @cosme store เข้ามา โดยเลือกเปิดสาขาแรกในไอคอน สยาม หนึ่งใน Worldclass Destination ที่เตรียมเปิดให้บริการในช่วงปลายปี ภายใต้งบลงทุนเฉพาะการก่อสร้างไม่ต่ำกว่า 20 ล้านบาท ขณะที่เล็งขยายสาขาสองไว้ในปีต่อไปที่สยามเซ็นเตอร์ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งย่านที่มีกำลังซื้อสูงและรองรับนักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและต่างชาติหมุนเวียนในแต่ละวันไม่ต่ำกว่าหลักแสนคน กลุ่มทุนญี่ปุ่นมองว่า ตลาดด้านความงามในประเทศไทยมีขนาดใหญ่ ขณะที่การรับรู้ถึงแบรนด์เครื่องสำอางญี่ปุ่น และความต้องการซื้อเครื่องสำอางญี่ปุ่นมีอยู่สูง ขณะที่ส่วนแบ่งตลาดของแบรนด์ญี่ปุ่นในตลาดเครื่องสำอางยังมีอยู่น้อยที่ราว 2% เท่านั้น ขณะที่ในหลายๆ ประเทศทั้งในฮ่องกง สิงคโปร์ และไต้หวันที่กลุ่มไอสไตล์ขยายธุรกิจเข้าไปเริ่มมีสัดส่วนแบรนด์ญี่ปุ่นเพิ่มสูงขึ้น โดยฮ่องกงมีสัดส่วน 16% สิงคโปร์ 12% และไต้หวันประมาณ 10% ตามลำดับ โดยเชื่อว่ามีโอกาสสูงในการเพิ่มยอดขายสินค้าความงามจากแบรนด์ญี่ปุ่นในตลาดประเทศไทยให้มีสัดส่วนเพิ่มสูงมากขึ้นได้เช่นเดียวกัน “สภาพตลาดประเทศไทยในขณะนี้ใกล้เคียงกับตลาดในญี่ปุ่นเมื่อราว 11 ปีก่อน ที่เราเริ่มเปิดสโตร์สาขาแรกในปี 2007 จนปัจจุบันขยายมาได้ถึง 25 สาขาในญี่ปุ่น ขณะที่ประเทศไทยมีความพร้อมกว่าโดยเฉพาะผู้หญิงไทยที่ส่วนใหญ่เป็นคนทำงานนอกบ้าน รู้จักแต่งตัวและรู้จักการดูแลตัวเอง แต่ผู้หญิงญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะเป็นแม่บ้านจึงมักไม่ได้แต่งหน้าหรือแต่งตัวมากเท่ากับผู้บริโภคคนไทย จึงเชื่อว่ามีโอกาสที่ประเทศไทยจะเติบโตได้อย่างรวดเร็ว และกลายเป็นอีกหนึ่งตลาดสำคัญ โดยปัจจุบัน @cosme Store มีสาขาในต่างประเทศ 5 แห่ง ทั้งในฮ่องกง และไต้หวัน ซึ่งทำรายได้ให้กรุ๊ปไม่ถึง 10% ขณะที่ในอีก 3 ปีข้างหน้าจะมีจำนวนสโตร์ในต่างประเทศราว 50-60 แห่ง และเพิมสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศได้กว่า 20-30%” สำหรับ @cosme store ในประเทศไทย จะเป็นรูปแบบแฟลกชิพสโตร์ มีพื้นที่ขนาดใหญ่ 300 ตารางเมตร ขณะที่ร้านทั่วไปจะมีพื้นที่ราว 200 ตารางเมตร โดยเบื้องต้นสินค้าภายในร้านจะเป็นแบรนด์ญี่ปุ่นและสินค้าโกลบอลแบรนด์ที่ได้รับความนิยมรวมกันไม่ต่ำกว่า 5,000 – 6,000 SKUs รวมทั้งผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในเทรนด์ที่ผู้บริโภคนิยมใช้ โดยยังคงใช้ฐานข้อมูลเดิมที่มีอยู่ก่อนหน้า เช่น การเก็บข้อมูลจากนักท่องเที่ยวคนไทยที่เคยไปใช้บริการ หรือคอมเมนต์ต่างๆ ที่คนไทยเคยให้ข้อมูลไว้บนแพลตฟอร์มเดิม โดยในปีต่อไปจะมีการเพิ่มแพลตฟอร์ม @cosme สำหรับการเก็บข้อมูลของผู้บริโภคคนไทยโดยเฉพาะ และเป็นฐานในการพัฒนาธุรกิจในปีต่อๆ ไปให้มีความเฉพาะเจาะจงสำหรับตลาดและผู้บริโภคคนไทยเพิ่มมากขึ้น ขณะที่เทรนด์เครื่องสำอางซึ่งเป็นที่นิยมของผู้บริโภคในปัจจุบัน จะอยู่ในกลุ่ม Multi -Purpose คือมีวัตถุประสงค์ในการใช้งานได้มากกว่าอย่างเดียว เช่น Wet Tissue ที่นิยมนำมาใช้ลบทำความสะอาดเครื่องสำอางก็มักจะเพิ่มมอยส์เจอไรเซอร์บำรุงผิวไปพร้อมกันในขั้นตอนเดียว ส่วน Category สินค้ายอดนิยมยังคงเป็นกลุ่มสกินแคร์และเมคอัพ โดยเฉพาะสกินแคร์ที่ทำยอดขายรวมได้สูงมากกว่าครึ่งหนึ่งของยอดขายโดยรวมทั้งแพลตฟอร์ม สำหรับยอดขายในปีบัญชีล่าสุดของกลุ่ม istyle Inc. สามารถทำยอดขายได้รวม 250 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 8,557 ล้านบาท ซึ่งเติบโตเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าถึงกว่า 50% พร้อมตั้งเป้าหมายการเติบโตไว้อย่างก้าวกระโดดภายใน 3 ปี จะผลักดันยอดขายรวมให้ถึง 500 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือมากกว่า 17,000 ล้านบาท | ประเทศไทย เป็นประเทศแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีการขยาย @cosme store เข้ามา โดยเลือกเปิดสาขาแรกในไอคอนสยาม หนึ่งใน Worldclass Destination ที่เตรียมเปิดให้บริการในช่วงปลายปี 2561 ภายใต้งบลงทุนเฉพาะการก่อสร้างไม่ต่ำกว่า 20 ล้านบาท ขณะที่เล็งขยายสาขาสองไว้ในปี 2562 ที่สยามเซ็นเตอร์ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งย่านที่มีกำลังซื้อสูงและรองรับนักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและต่างชาติหมุนเวียนในแต่ละวันไม่ต่ำกว่าหลักแสนคน
กลุ่มทุนญี่ปุ่นมองว่า ตลาดด้านความงามในประเทศไทยมีขนาดใหญ่ ขณะที่การรับรู้ถึงแบรนด์เครื่องสำอางญี่ปุ่น และความต้องการซื้อเครื่องสำอางญี่ปุ่นมีอยู่สูง ขณะที่ส่วนแบ่งตลาดของแบรนด์ญี่ปุ่นในตลาดเครื่องสำอางยังมีอยู่น้อยที่ราว 2% เท่านั้น ขณะที่ในหลายๆ ประเทศทั้งในฮ่องกง สิงคโปร์ และไต้หวันที่กลุ่มไอสไตล์ขยายธุรกิจเข้าไปเริ่มมีสัดส่วนแบรนด์ญี่ปุ่นเพิ่มสูงขึ้น โดยฮ่องกงมีสัดส่วน 16% สิงคโปร์ 12% และไต้หวันประมาณ 10% ตามลำดับ โดยเชื่อว่ามีโอกาสสูงในการเพิ่มยอดขายสินค้าความงามจากแบรนด์ญี่ปุ่นในตลาดประเทศไทยให้มีสัดส่วนเพิ่มสูงมากขึ้นได้เช่นเดียวกัน
สภาพตลาดประเทศไทยใกล้เคียงกับตลาดในญี่ปุ่นเมื่อราว 11 ปีก่อนที่เริ่มเปิดสโตร์สาขาแรกในปี 2007 จนขยายมาได้ถึง 25 สาขาในญี่ปุ่น ขณะที่ประเทศไทยมีความพร้อมกว่าโดยเฉพาะผู้หญิงไทยที่ส่วนใหญ่เป็นคนทำงานนอกบ้าน รู้จักแต่งตัวและรู้จักการดูแลตัวเอง แต่ผู้หญิงญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะเป็นแม่บ้านจึงมักไม่ได้แต่งหน้าหรือแต่งตัวมากเท่ากับผู้บริโภคคนไทย จึงเชื่อว่ามีโอกาสที่ประเทศไทยจะเติบโตได้อย่างรวดเร็ว และกลายเป็นอีกหนึ่งตลาดสำคัญ โดยปัจจุบัน @cosme Store มีสาขาในต่างประเทศ 5 แห่ง ทั้งในฮ่องกง และไต้หวัน ซึ่งทำรายได้ให้กรุ๊ปไม่ถึง 10% ขณะที่ในอีก 3 ปีข้างหน้าจะมีจำนวนสโตร์ในต่างประเทศราว 50-60 แห่ง และเพิมสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศได้กว่า 20-30%
สำหรับ @cosme store ในประเทศไทย จะเป็นรูปแบบแฟลกชิพสโตร์ มีพื้นที่ขนาดใหญ่ 300 ตารางเมตร ขณะที่ร้านทั่วไปจะมีพื้นที่ราว 200 ตารางเมตร โดยเบื้องต้นสินค้าภายในร้านจะเป็นแบรนด์ญี่ปุ่นและสินค้าโกลบอลแบรนด์ที่ได้รับความนิยมรวมกันไม่ต่ำกว่า 5,000 – 6,000 SKUs รวมทั้งผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในเทรนด์ที่ผู้บริโภคนิยมใช้ โดยยังคงใช้ฐานข้อมูลเดิมที่มีอยู่ การเก็บข้อมูลจากนักท่องเที่ยวคนไทยที่เคยไปใช้บริการ หรือคอมเมนต์ต่างๆ ที่คนไทยเคยให้ข้อมูลไว้บนแพลตฟอร์มเดิม โดยในปี 2562 จะมีการเพิ่มแพลตฟอร์ม @cosme สำหรับการเก็บข้อมูลของผู้บริโภคคนไทยโดยเฉพาะ และเป็นฐานในการพัฒนาธุรกิจในปีต่อๆ ไปให้มีความเฉพาะเจาะจงสำหรับตลาดและผู้บริโภคคนไทยเพิ่มมากขึ้น | null | Closed QA | cc-by-nc-4.0 |
Retail_52843 | Retail | นม – เบียร์เป็นตลาดที่กำลังมีเศรษฐกิจเป็นอย่างไรในประเทศเวียดนาม ? | เป็นประจำทุกปี Kantar Millward Brown บริษัทวิจัยด้านการตลาดในเครือ WPP ได้เปิดผลวิจัย “BrandZ 100 Most Valuable Global Brands” หรือ “100 อันดับแบรนด์ที่มีมูลค่าสูงสุดในโลก” ซึ่งผลการวิจัยล่าสุดในปี 2018 ที่ผ่านมา ยังพบว่า 4 อันดับแรกของแบรนด์ที่มีมูลค่าสูงสุด ยังคงเป็นแบรนด์ในกลุ่มเทคโนโลยีที่มีเจ้าของเป็นชาติตะวันตก ได้แก่ Google – Apple – Amazon– Microsoft แต่มีประเด็นที่น่าสนใจและจับตามอง คือ การเข้ามาของแบรนด์ที่มาจากผู้ประกอบการจากเอเชียในลำดับที่ 5 คือ Tencent ที่นับเป็นแบรนด์ติดอันดับ Top 10 เป็นปีที่ 2 แล้ว ไม่เพียงเท่านี้ยังมีแบรนด์ Alibaba ติดอันดับ 9 ด้วย แสดงให้เห็นถึงศักยภาพและการเติบโตของแบรนด์ในเอเชีย ที่ไม่ได้น้อยไปกว่าบรรดาชาติตะวันตกเลย และสามารถก้าวข้ามจากแบรนด์ระดับ Local และ Regional ไปสู่ระดับ Global Brand ได้อย่างสวยงาม ไม่เพียงแต่แบรนด์ที่ติดอยู่ในทำเนียบ 100 แบรนด์ที่มีมูลค่าสูงสุดในโลกเท่านั้นที่น่าจับตามอง แต่ยังมีแบรนด์เอเชียอีกมากมายที่เป็นดาวรุ่งและกำลังเติบโต สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับแบรนด์อย่างต่อเนื่อง จากความชื่นชอบและเป็นที่นิยมจากผู้บริโภคทั้งในภูมิภาคและระดับโลก ตัวอย่างแบรนด์น่าสนใจของแต่ละประเทศในเอเชีย ผู้นำเกมออนไลน์-เหล้าพรีเมียมจากจีน แบรนด์จากแดนมังกรแห่งนี้ ติดทำเนียบแบรนด์ที่มีมูลค่าสูงสุดในโลกหลายแบรนด์ แต่ที่เด่นชัดคือแบรนด์ด้านเทคโนโลยีที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพและความก้าวหน้าของการพัฒนาสินค้าเทคโนโลยี ของเอเชียไม่ได้ด้อยกว่าชาติตะวันตกเลย อาทิ แบรนด์ “Tencent” ที่ติดอันดับ 5 มีมูลค่าแบรนด์ 179,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 65% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา Tencent คือ ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มออนไลน์ที่หลายคนคุ้นเคยกันดีอย่าง WeChat ที่มีผู้ใช้บริการมากกว่า 1,000 ล้านคน และเป็นเจ้าของเกม RoV ที่คอเกมเมอร์รู้จักเป็นอย่างดี ซึ่งปัจจุบันเติบโตเพิ่มขึ้นตามจำนวนผู้ใช้โทรศัพท์มือถือ และไม่เพียงแต่จะมุ่งเน้นการทำตลาดเกมออนไลน์เท่านั้น แต่ยังขยายธุรกิจที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่องด้วย อาทิ การลงทุนเพิ่มมากขึ้นทั้งกลุ่ม วิดีโอ ระบบจ่ายเงิน คลาวด์ AI และร้านค้าปลีกอัจฉริยะ ที่จะเสริมสร้างการเติบโตในระยะยาวให้กับบริษัท ปัจจุบันมูลค่ากิจการ Tencent อยู่ราว 5.6 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 4 ของปี 2017 มีรายได้รวม 10,161 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 51% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 3,309 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นถึง 105% นอกจากนี้ยังมีประเทศจีนยังมีแบรนด์ “Moutai” แบรนด์เหล้าพรีเมียมของจีน ที่มีมูลค่าแบรนด์อันดับ 1 ของโลก สูงถึง 16,983 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และในเครือ Kweichow Moutai ยังมีเหล้าแบรนด์ Xi ที่น่าจับตามองเช่นเดียวกัน รวมไปถึง บริษัทผลิตสินค้าทางการเกษตร ที่มีแผนผลักดันเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ แบรนด์แฟชั่นญี่ปุ่นที่อยู่ในตู้เสื้อผ้าคนทั่วโลก Uniqlo แบรนด์สินค้าแฟชั่นสัญชาติญี่ปุ่น อายุเพียง 20 ปีแต่ได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคทั้งชาวไทยและทั่วโลกด้วย จากจำนวนสาขากว่า 958 สาขา เฉพาะในยุโรปมีจำนวนกว่า 36 สาขา และในสหรัฐอเมริกาอีกกว่า 45 สาขา ส่วนในญี่ปุ่นมีจำนวนสาขามากกว่า 837 แห่ง ที่น่าสนใจคือยอดขายไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2561 (ก.ย.-พ.ย. 2560) จากต่างประเทศสูงกว่า 74,100 ล้านบาท เติบโตขึ้นถึง 31% แสดงถึงความนิยมที่เพิ่มต่อเนื่องทั่วโลก ความสำเร็จของ Uniqlo ที่ผ่านมา หลักๆคือ คุณภาพความหลากหลายสินค้า ในระดับราคาที่เอื้อมถึงได้ และที่สำคัญคือ “นวัตกรรม” เครื่องสวมใส่ต่างๆที่ออกมาตอบโจทย์ผู้คนอย่างต่อเนื่อง เช่น ชุด Heat Tech และ Ultra Light Down นอกจากนี้ยังมีกลยุทธ์ทางออนไลน์เป็นตัวเร่งยอดขายให้เพิ่มมากขึ้นอีกมหาศาล อีกหนึ่งแบรนด์ธุรกิจค้าปลีกที่น่าสนใจในญี่ปุ่นคือ Family Mart ร้านสะดวกซื้อที่ขยายธุรกิจออกไปในอีกหลายประเทศ อาทิ ประเทศเกาหลีใต้ ไต้หวัน ไทย จีน สหรัฐอเมริกา และเวียดนาม รวมกว่าสาขาทั้งหมดกว่า 15,000 สาขา ในญี่ปุ่นก็มีขนาดความใหญ่เป็นอันดับ 2 และมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องทั้งในญี่ปุ่นและต่างประเทศ ปัจจัยที่ทำให้ธุรกิจร้านสะดวกซื้อเติบโต เป็นเพราะมีการปรับตัวเองให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน Family Mart ไม่เพียงดำเนินธุรกิจรีเทลเท่านั้น แต่ยังเสริมสินค้าและบริการที่ถือว่าเป็น “ไลฟ์สไตล์” ของคนยุคใหม่ด้วย อาทิ การรับส่งพัสดุ 24 ชั่วโมง ที่ร่วมมือกับ Kerry Express ในประเทศญี่ปุ่นมีการเพิ่มบริการซัก-อบ-รีด รวมถึงการเพิ่มประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นสถานที่นั่งทำงาน บริการ Wi-fi เป็นต้น ถือได้ว่าเป็นธุรกิจที่จะเติบโตไปกับวิถีการใช้ชีวิตของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน แบรนด์อินเดีย เบอร์ 3 เจ้าพ่อเครือข่ายมือถือ อินเดียถือเป็นหนึ่งประเทศในเอเชียที่อยู่ในช่วงยุคทองของการเติบโต จากความได้เปรียบของโครงสร้างประชากรที่อยู่ในวัยทำงานจำนวนมาก มาตรการปฏิรูปเศรษฐกิจ และการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ ทำให้เศรษฐกิจขยายตัวดึงดูดนักลงทุนจากทั่วโลก อินเดีย มีผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก ภายใต้แบรนด์ “Airtel” ที่มีจำนวนผู้ใช้งานมากกว่า 300 ล้านคนทั่วโลก ภายใต้การบริหารงานของ Bharti Airtel Ltd. ที่ดำเนินธุรกิจอยู่ใน 20 ประเทศทั่วภูมิภาคเอเชียใต้และแอฟริกา ปัจจุบันธุรกิจให้บริการเครือข่ายมือถือนับวันมีแต่จะเติบโตอย่างไม่หยุดยั้ง จากรายได้ครัวเรือนและจำนวนชนชั้นกลางที่เพิ่มขึ้น ทำให้มีกำลังซื้อและความต้องการใช้โทรศัพท์มือถือและบริการต่างๆ บนมือถือเพื่อความสะดวกสบายในชีวิตมีมากขึ้นต่อเนื่อง จึงทำให้ทั้งผู้ประกอบการโทรศัพท์มือถือ และผู้ให้บริการเครือข่าย ต่างมีผลประกอบการที่เติบโตอย่างไม่หยุดยั้ง นอกจากนี้ในอินเดียยังมีธุรกิจที่น่าสนใจอีกหนึ่งธุรกิจ คือ การผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าคอนซูเมอร์ (Consumer Product ) เพราะจำนวนประชากรที่มีอยู่กว่า 1,334 ล้านคน (มากเป็นอันดับ 2 รองจากประเทศจีน) ซึ่งเป็นตลาดใหญ่และโอกาสทางการตลาดมหาศาลของธุรกิจ Consumer Product ตัวอย่างเช่น Godrej Consumer Products Ltd. คือผู้ผลิต Consumer Product รายใหญ่สุดของอินเดีย มีสินค้าครอบคลุมตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ทั้งผลิตภัณฑ์ส่วนบุคคล ผลิตภัณฑ์ใช้ในบ้าน และเครื่องสำอาง ซึ่งสินค้าส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่เป็นผู้นำตลาดในแต่ละกลุ่มสินค้า เป็นเพราะการใช้กลยุทธ์การตลาดแบบครบวงจร และการจัดทำแคมเปญอย่างต่อเนื่อง นอกจากทำตลาดในอินเดียแล้ว Godrej Consumer Products Ltd. ยังเข้าไปทำตลาดและจัดจำหน่ายอยู่ในอีกหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็นอินโดนีเซีย ชิลี อาร์เจนติน่า อาฟริกา ศรีลังกา ยุโรป อเมริกา และกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง เป็นต้น โดยมีรายได้รวมกว่า 550 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นม – เบียร์ เครื่องดื่มกำลังโตในเวียดนาม สำหรับประเทศเวียดนาม ถือเป็นตลาดที่กำลังมีเศรษฐกิจเติบโต จากการเข้าไปลงทุนของนักลงทุนต่างชาติในหลากหลายธุรกิจ เพราะมีจุดแข็งในเรื่องของแรงงานที่มีจำนวนมาก ที่ยังมีต้นทุนค่าแรงไม่สูงเมื่อเทียบกับหลายประเทศในเอเชีย ทำให้กลายเป็นฐานการผลิตสินค้าของแบรนด์ชั้นนำทั่วโลก รวมถึงการผลักดันโครงสร้างเศรษฐกิจของรัฐบาล ที่มุ่งเน้นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ หนึ่งในสินค้าที่โตไปพร้อมกับเศรษฐกิจคือผลิตภัณฑ์จากนม อย่างแบรนด์ Vinamilk แบรนด์ผลิตภัณฑ์จากนมรายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม ของ Vietnam Dairy Products JSC บริษัทที่มี market cap ใหญ่ที่สุดในตลาดเวียดนาม ด้วยขนาดกว่า 3.3 แสนล้านบาท และมีการส่งออกผลิตภัณฑ์นมไปทำตลาดใน 43 ประเทศทั่วโลก ไม่ว่าจะในอเมริกา ยุโรป ตะวันออกกลาง และออสเตรเลีย กลยุทธ์ของ Vinamilk ที่ช่วยทำให้มียอดขายและตลาดอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เกิดจากการใช้นวัตกรรมมาพัฒนาสินค้า เช่น ผลิตภัณฑ์นมออแกนิค การมีสินค้าผลิตจากนมหลากหลายชนิด และมีฟาร์มผลิตโคนมเป็นของตนเอง ประกอบกับกระแสความนิยมของผู้บริโภคยุคปัจจุบัน ที่หันมาใส่ใจในการดูแลสุขภาพกันมากขึ้น ทำให้บริษัทมีโอกาสสร้างการเติบโตตามพฤติกรรมของผู้บริโภคทั่วโลกในยุคปัจจุบัน ไม่เพียงแต่เครื่องดื่มประเภทนมเท่านั้นที่มีอัตราการเติบโตที่ดี แต่ธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ก็เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่เติบโตจากไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคปัจจุบัน ที่นิยมการพบปะสังสรรค์กับเพื่อนฝูงและคนรู้ใจ ทำให้ธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไม่ได้เติบโตลดลงเลย และเวียดนามก็มีแบรนด์ Saigon Beer ซึ่งเป็นที่นิยมของชาวเวียดนามอย่างสูง ภายใต้การผลิตและจัดจำหน่าย Saigon Beer Alcohol Beverage Crop. หรือ SABECO ซึ่งเป็นของรัฐบาลเวียดนาม ล่าสุดในช่วงปลายปีที่ผ่านมาได้เปิดประมูลขายหุ้นของโรงเบียร์รัฐบาลแห่งนี้ โดยผู้ชนะการประมูลไม่ใช่ใครที่ไหน คือ บริษัทในตระกูล “สิริวัฒภักดี” ของเจ้าพ่อเบียร์ช้าง “เจริญ สิริวัฒนภักดี” นั่นเอง ด้วยมูลค่าการลงทุนถึง 160,000 ล้านบาท ความน่าสนใจของตลาดเบียร์เวียดนาม เป็นเพราะฐานประชากรจำนวนมาก และเป็นตลาดเบียร์ขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ในปี 2016 เวียดนามมีการบริโภคเบียร์ในระดับ 6,500 ล้านลิตรเลยทีเดียว นอกจากนี้ SABECO ยังมีแบรนด์เบียร์ 333 ซึ่งครองส่วนแบ่งการตลาดมากถึง 40% ในเวียดนามอีกหนึ่งแบรนด์ด้วย จึงนับเป็นบริษัทที่มีโอกาสเติบโตจากการเป็นผู้นำตลาดและเป็นแบรนด์ยอดนิยมของผู้บริโภค จะเห็นได้ว่าทั้งไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ ธุรกิจ และ ตลาดในเอเชียยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมหาศาล ขณะที่ภูมิภาคอื่นๆยังคงทรงตัว ดังนั้นเอเชียจึงเป็นที่หมายปองของนักลงทุนจากทั่วโลก สำหรับนักลงทุนชาวไทยที่ต้องการมีส่วนร่วมไปกับการเติบโตของเอเชีย สามารถเลือกลงทุนกับกองทุนของ บลจ.กรุงศรี ที่มีกองทุนที่ลงทุนในเอเชียหลากหลายให้เลือก ตัวอย่างกองทุนที่น่าสนใจของบลจ.กรุงศรี ที่ลงทุนในกองทุนรวมตลาดเอเชีย กองทุนเปิดกรุงศรีเอเชียอินคัมเฮดจ์ (KFAINCOM)
เป็นกองทุนที่ลงทุนในกองทุนรวมต่างประเทศ Schroder Asian Income Fund ที่มีกลยุทธ์เน้นไปที่การสร้างผลตอบแทนในรูปแบบรายได้ประจำ หรือให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ โดยจะลงทุนในตราสารหนี้ หุ้น หรือ REITs ในภูมิภาคเอเชีย ที่มีศักยภาพการเติบโตที่แข็งแกร่ง การจัดสรรพอร์ตการลงทุนที่ยืดหยุ่น กระจายการลงทุนไปในหลายรูปแบบนี้ ทำให้ลดความเสียงและมีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ลงทุนในระยะยาว กองทุนเปิดกรุงศรีเกรทเทอร์ไชน่าอิควิตี้เฮดจ์ปันผล (KF-HCHINAD)
ลงทุนในกองทุนรวมต่างประเทศ First State Greater China Growth Fund เป็นโอกาสให้เข้าถึงการเติบโตของ 3 ตลาดสำคัญ ได้แก่ จีน ไต้หวัน ซึ่งมีแบรนด์ด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีระดับโลก และ ฮ่องกง เขตการปกครองที่มีความเจริญก้าวหน้าและความมั่งคั่งสูง และเป็นหนึ่งในศูนย์กลางทางการเงินที่สำคัญของโลกด้วย กองทุนเปิดกรุงศรีเจแปนอิควิตี้อินเด็กซ์เฮดจ์เอฟเอ็กซ์ (KF-HJPINDX)
ลงทุนในกองทุนรวมต่างประเทศ Nikkei 225 Exchange Traded Fund ที่ถือว่าเป็นหนึ่งในกองทุนดัชนีที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น บริหารโดย Nomura AM ที่เน้นสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับดัชนี Nikkei 225 ซึ่งเป็นดัชนีชั้นนำของตลาดหุ้นญี่ปุ่น ทำให้สมารถเข้าถึงการลงทุนใน 225 บริษัทยักษ์ใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มธุรกิจค้าปลีก อาทิ แฟลมิลี่ มาร์ท, Fast Retailing กลุ่ม IT อาทิ Softbank, KDDI Corp กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า อาทิ Fanuc Corp, Kyocera และกลุ่มอุตสาหกรรม อาทิ Daikin เป็นต้น กองทุนเปิดกรุงศรีอินเดียอิควิตี้ (KF-INDIA)
ลงทุนในกองทุน First State Indian Subcontinent Fund (Class III USD) ซึ่งจะเน้นคัดเลือกหุ้นบริษัทที่มีการเติบโตอย่างยั่งยืน โปร่งใส โดยเฉพาะหุ้นที่มีแบรนด์แข็งแกร่ง เช่น บริษัทเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐาน ธนาคารเอกชนชั้นนำ บริษัทส่งออก และที่กำลังฟื้นตัวมีกำไร จึงเหมาะกับการลงทุนระยะยาวไปกับการเติบโตของอินเดีย นอกจากตัวอย่างกองทุนเหล่านี้แล้ว ยังมีกองทุนอื่นๆ ที่เปิดโอกาสให้เราได้เข้าไปลงทุนในแบรนด์ชั้นนำของเอเชียที่มียอดขายและกำไรแข็งแกร่ง ทำให้โอกาสรับผลตอบแทนดีๆ จากเงินลงทุนของเรากว้างขี้น ไม่จำกัดอยู่แต่ตลาดหุ้นไทยบริษัทไทยเท่านั้น สามารถสอบถามข้อมูลและรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ บลจ.กรุงศรี จำกัด โทร. 0-2657-5757 หรือดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คำเตือน:
ผลการดำเนินการในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต ควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน กองทุนมีความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ สังคม และ/หรือการเมืองในประเทศซึ่งกองทุนหลักได้ลงทุน หมายเหตุ:
KF-HCHINAD: ลงทุนในกองทุนหลัก First State Greater China Growth Fund โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV ระดับความเสี่ยง 6 – สูง ป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน KF-HJPINDX: ลงทุนในกองทุนหลัก Nikkei 225 Exchange Traded Fund โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV ระดับความเสี่ยง 6 – สูง ป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน KF-INDIA ลงทุนในกองทุนหลัก First State Indian Subcontinent Fund (Class III USD) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV ระดับความเสี่ยง 6 – สูง ป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน KFAINCOM-A / KFAINCOM-R ลงทุนในกองทุนหลัก Schroder Asian Income Fund (Class X (SGD)) โดยเฉลี่ยรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV ระดับความเสี่ยง 5 – ปานกลางค่อนข้างสูง ป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน (KFAINCOM-R การจ่ายผลตอบแทนของกองทุนขึ้นอยู่กับผลการดำเนินงานของกองทุนหลัก ซึ่งอาจมีโอกาสที่นักลงทุนจะไม่ได้รับผลตอบแทนในบางช่วงเวลา) [Advertorial] อ้างอิงจาก | สำหรับประเทศเวียดนาม ถือเป็นตลาดที่กำลังมีเศรษฐกิจเติบโต จากการเข้าไปลงทุนของนักลงทุนต่างชาติในหลากหลายธุรกิจ เพราะมีจุดแข็งในเรื่องของแรงงานที่มีจำนวนมาก ที่ยังมีต้นทุนค่าแรงไม่สูงเมื่อเทียบกับหลายประเทศในเอเชีย ทำให้กลายเป็นฐานการผลิตสินค้าของแบรนด์ชั้นนำทั่วโลก รวมถึงการผลักดันโครงสร้างเศรษฐกิจของรัฐบาล ที่มุ่งเน้นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ หนึ่งในสินค้าที่โตไปพร้อมกับเศรษฐกิจคือผลิตภัณฑ์จากนม อย่างแบรนด์ Vinamilk แบรนด์ผลิตภัณฑ์จากนมรายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม ของ Vietnam Dairy Products JSC บริษัทที่มี market cap ใหญ่ที่สุดในตลาดเวียดนาม ด้วยขนาดกว่า 3.3 แสนล้านบาท และมีการส่งออกผลิตภัณฑ์นมไปทำตลาดใน 43 ประเทศทั่วโลก ไม่ว่าจะในอเมริกา ยุโรป ตะวันออกกลาง และออสเตรเลีย กลยุทธ์ของ Vinamilk ที่ช่วยทำให้มียอดขายและตลาดอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เกิดจากการใช้นวัตกรรมมาพัฒนาสินค้า เช่น ผลิตภัณฑ์นมออแกนิค การมีสินค้าผลิตจากนมหลากหลายชนิด และมีฟาร์มผลิตโคนมเป็นของตนเอง ประกอบกับกระแสความนิยมของผู้บริโภคยุคปัจจุบัน ที่หันมาใส่ใจในการดูแลสุขภาพกันมากขึ้น ทำให้บริษัทมีโอกาสสร้างการเติบโตตามพฤติกรรมของผู้บริโภคทั่วโลกในยุคปัจจุบัน
ไม่เพียงแต่เครื่องดื่มประเภทนมเท่านั้นที่มีอัตราการเติบโตที่ดี แต่ธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ก็เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่เติบโตจากไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคปัจจุบัน ที่นิยมการพบปะสังสรรค์กับเพื่อนฝูงและคนรู้ใจ ทำให้ธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไม่ได้เติบโตลดลงเลย และเวียดนามก็มีแบรนด์ Saigon Beer ซึ่งเป็นที่นิยมของชาวเวียดนามอย่างสูง ภายใต้การผลิตและจัดจำหน่าย Saigon Beer Alcohol Beverage Crop. หรือ SABECO ซึ่งเป็นของรัฐบาลเวียดนาม ล่าสุดในช่วงปลายปีที่ผ่านมาได้เปิดประมูลขายหุ้นของโรงเบียร์รัฐบาลแห่งนี้ โดยผู้ชนะการประมูลไม่ใช่ใครที่ไหน คือ บริษัทในตระกูล “สิริวัฒภักดี” ของเจ้าพ่อเบียร์ช้าง “เจริญ สิริวัฒนภักดี” นั่นเอง ด้วยมูลค่าการลงทุนถึง 160,000 ล้านบาท ความน่าสนใจของตลาดเบียร์เวียดนาม เป็นเพราะฐานประชากรจำนวนมาก และเป็นตลาดเบียร์ขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ในปี 2016 เวียดนามมีการบริโภคเบียร์ในระดับ 6,500 ล้านลิตรเลยทีเดียว นอกจากนี้ SABECO ยังมีแบรนด์เบียร์ 333 ซึ่งครองส่วนแบ่งการตลาดมากถึง 40% ในเวียดนามอีกหนึ่งแบรนด์ด้วย จึงนับเป็นบริษัทที่มีโอกาสเติบโตจากการเป็นผู้นำตลาดและเป็นแบรนด์ยอดนิยมของผู้บริโภค | null | Closed QA | cc-by-nc-4.0 |
Retail_52850 | Retail | เขียนย่อหน้าเกี่ยวกับ การเข้าซื้อ Focus Media ของ Alibaba Group | null | Alibaba Group เข้าซื้อหุ้นของ Focus Media Information Technology จากประเทศจีน เพื่อให้เกิดการทำงานร่วมกันระหว่าง Alimama กับ Focus Media ให้เข้าขากันมากขึ้น ตั้งเป้าหมายระยะกลางให้สื่อโฆษณาขยายไปยัง 500 เมืองทั่วประเทศจีน เข้าถึงลูกค้าชนชั้นกลาง 500 ล้านคน และสามารถเสนอช่องทางดิจิทัล ผ่านการขายของผ่านแพลทฟอร์ม e-commerce ที่ตอบสนองต่อผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อมากขึ้น
บทเรียนจากย่อหน้านี้
Alibaba Group ลุยเข้าซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นของ Focus Media Information Technology ประเทศจีนเพื่อมองโอกาสใหม่ทางธุรกิจ โดย Alibaba จะจ่ายเงินทั้งหมด 1.43 พันล้านดอลลาร์สำหรับหุ้นจำนวน 6.62% ของ Focus Media ซึ่งปัจจุบันบริษัทแห่งนี้เป็นเจ้าของจอโฆษณาดิจิทัลบนท้องถนน รถไฟใต้ดิน และในลิฟท์ในกว่า 300 เมืองทั่วประเทศจีน มีศักยภาพเข้าถึงชนชั้นกลางจำนวน 200 ล้านคน และ Alibaba ยังประกาศอีกว่ามีแผนที่จะซื้อหุ้นเพิ่มอีก 5%
ไม่ใช่เพียงแค่ Alibaba โดยตรงเท่านั้น แต่ยังมีการซื้อหุ้นภายใต้ชื่อ New Retail Strategic Opportunities Fund กองทุนที่ Alibaba ลงทุน ก็เข้าซื้อหุ้น Focus Media อีก 1.37% ด้วยเช่นกัน ทำให้การลงทุนทั้งหมดของ Alibaba ใน Focus Media รวมเป็น 2.23 พันล้านดอลลาร์ หรือ 10.32% ทั้งนี้ยังไม่รวมกับอีกการเข้าซื้อในอนาคตอีก 5%
การเข้าซื้อ Focus Media นี้ ก็เพื่อทำให้เกิดการทำงานร่วมกัน ของ Alimama (บริษัทดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งที่ใหญ่ที่สุดของ Alibaba) กับ Focus Media ให้เข้าขากันมากขึ้น เพื่อที่ตั้งเป้าหมายระยะกลางให้สื่อโฆษณาของเครือขยายไปยัง 500 เมืองทั่วประเทศจีนและเข้าถึงลูกค้าชนชั้นกลางได้ 500 ล้านคน นอกจากนี้ Alibaba ยังสามารถเสนอช่องทางดิจิทัลใหม่ผ่านการขายของผ่านแพลทฟอร์ม e-commerce ที่จะตอบสนองต่อผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อมากขึ้น เรียกได้ว่าครบจบ ตั้งแต่โฆษณาจนปิดการขายออนไลน์ได้เลย | null | Creative writing | cc-by-nc-4.0 |
Retail_52859 | Retail | การขยายตัวของ Premium Outlet เป็นเทรนด์ที่น่าจับตาในธุรกิจค้าปลีก เพราะเหตุใด | a. เป็นศูนย์รวมกิจกรรมเพื่อสาระและความบันเทิงต่างๆ อย่างครบถ้วน
b. เป็นการสร้างปรากฏการณ์หรือโปรโตไทป์ใหม่ๆ ให้ธุรกิจอยู่เสมอ
c. เป็นพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น
d. หลายๆ Developer ให้ความสนใจและประกาศที่จะพัฒนาโมเดลนี้เพื่อรองรับกำลังซื้อในตลาดที่ขยายตัว | ข้อที่ถูกต้องคือ d. เนื่องจาก การขยายตัวของ Premium Outlet เป็นเทรนด์ที่น่าจับตาในธุรกิจค้าปลีก เพราะหลายๆ Developer ให้ความสนใจและประกาศที่จะพัฒนาโมเดลนี้เพื่อรองรับกำลังซื้อในตลาดที่ขยายตัว ทั้งจากกลุ่มนักท่องเที่ยวในประเทศที่เติบโตไม่ต่ำกว่า 20% ทุกปี โดยปี 2017 มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไทยไม่ต่ำกว่า 35 ล้านคน ขณะที่จำนวนประชากรในประเทศเองก็เติบโต โดยเฉพาะการขยายตัวของกลุ่มที่มีกำลังซื้อ ประกอบกับประเทศรอบข้างที่เริ่มมีโมเดลพรีเมี่ยมเอ้าท์เล็ตให้บริการและประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี เป็นสัญญาณความพร้อมว่าถึงเวลาแล้วที่ประเทศไทยควรมีโมเดล Luxury Premium Outlet อยู่ในพอร์ตธุรกิจรีเทลของประเทศ รวมทั้งเป็นการสร้าง Global Destination แห่งใหม่ให้อยู่ภายในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น
ปัจจัยความสำเร็จในการขับเคลื่อน Luxury Premium Outlet ของบริษัทร่วมทุน สยามพิวรรธน์ ไซม่อน จะมาจากองค์ประกอบต่างๆ ดังนี้
1. จากจุดแข็งและความเชี่ยวชาญของสองยักษ์ใหญ่ในธุรกิจค้าปลีก โดยสยามพิวรรธน์มีประสบการณ์บริหารธุรกิจค้าปลีกและคอนเนคชั่นในกลุ่ม Local Brand ขณะที่ไซม่อน มีความเชี่ยวชาญในการบริหาร Luxury Premium Outlet ชั้นนำ ไม่ว่าจะเป็นวูดเบอรี่ คอมมอน พรีเมี่ยม ในนิวยอร์ก,เดซเซิร์ท ฮิลส์ ในแอลเอ, โกเท็มบะ ในญี่ปุ่น, ยอจู ในเกาหลีใต้ หรือยะโฮว์ ในเมาเลเซีย เป็นต้น
2. สำหรับโครงการแรกในประเทศไทยพื้นที่กว่า 5 หมื่นตารางเมตร จะรวบรวมสินค้ามากกว่า 200 ร้านค้า ทั้งลักชัวรี่แบรนด์และโลคอลแบรนด์ที่ได้รับความนิยม มาจำหน่ายในราคาลดกว่า 25-70% ทุกวัน รวมทั้งการมีสถานที่และกิจกรรมต่างๆ ที่รองรับการเข้ามาใช้ชีวิตตามไลฟ์สไตล์ในปัจจุบัน เพื่อสร้าง Daily Traffic จากกลุ่มเป้าหมายหลัก คือลูกค้า Local 60% ให้สามารถเข้ามาได้ทุกวัน ขณะที่นักท่องเที่ยวตั้งเป้าไว้ที่ 40%
3. วางแนวทางพัฒนาโครงการที่ไม่ได้มีเพียง Luxury Premium Outlet ซึ่งเป็นหนึ่งใน Key Magnet ที่ดึงให้คนเข้ามาในโครงการเท่านั้น แต่จะเน้นการพัฒนาที่ตอบโจทย์กลุ่มมิลเลเนียลจากทั่วโลก ที่ให้ความสำคัญกับการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน และให้ความสำคัญกับการดูแลสิ่งแวดล้อม ภายใต้ความร่วมมือกับผู้ประกอบการต่างๆ ในโครงการ เพื่อให้เป็นต้นแบบหรือศูนย์การเรียนรู้แนวทางในการพัฒนาควบคู่ไปกับการรักษาสิ่งแวดล้อมในอนาคตได้ | null | Multiple choice | cc-by-nc-4.0 |
Retail_52883 | Retail | ก้าวแรกที่ “เดนทิสเต้” เข้ามาในตลาดยาสีฟัน วางตำแหน่งเป็นยาสีฟันแบบใด | เมื่อกว่า 20 – 30 ปีก่อน “การซื้อ-ใช้สินค้าอุปโภคบริโภค” หรือ “FMCG” ใน 1 ครัวเรือน มีลักษณะการใช้แบบ “Family Use” นั่นคือ สินค้า 1 ตัวใช้กันทั้งครอบครัว แต่ในช่วงกว่า 10 ปีมานี้ สินค้า FMCG ในหลายกลุ่ม เริ่มเข้าสู่สภาวะ “อิ่มตัว” เพราะอัตราการเข้าถึงครัวเรือน (Penetration) เต็มเกือบ 100% แล้ว ทำให้เจ้าของแบรนด์สินค้า และนักการตลาด หาทางกระตุ้นการเติบโตด้วยการพัฒนาโปรดักต์ใหม่ เพื่อสร้าง “Demand” ใหม่ในกลุ่มสินค้านั้นๆ เพื่อขยายไปสู่ “การใช้งานเฉพาะบุคคล” หรือ “Personal Use” Brand Buffet หยิบยกกรณีศึกษา “ตลาดยาสีฟัน” ในอดีตยาสีฟัน 1 หลอดใช้กันทั้งครอบครัว แต่หลังจากการเกิดขึ้นของยาสีฟันกลุ่ม “Therapeutic Segment” หรือยาสีฟันดูแลช่องปากที่มีคุณสมบัติเฉพาะ ช่วยทำให้ตลาดที่อยู่ในสภาวะอิ่มตัว กลับมาเติบโตได้อีกครั้ง และสมาชิกในครอบครัว มองหายาสีฟันที่เหมาะกับตัวเองมากขึ้น เกิดเป็นยาสีฟันหลอดที่ 2, 3… เช่นเดียวกับ “ตลาดผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผม” ในอดีตแชมพู 1 ขวด ใช้กันทุกคนในครอบครัว แต่ทุกวันนี้จะสังเกตได้ว่าในห้องน้ำมีแชมพูและครีมนวดผมสูตรต่างๆ หลากหลายแบรนด์วางอยู่ในห้องน้ำ ขณะเดียวกันยังมีอีกหนึ่งตลาดที่พยายามสร้างให้เกิดการใช้งานเฉพาะเจาะจงมากขึ้น คือ “ตลาดน้ำมันพืช” จากในอดีตที่น้ำมันพืช 1 ขวด ใช้สำหรับทำอาหารทุกประเภท ทั้งผัด ทอด แต่ปัจจุบันผู้บริโภคแยกประเภทน้ำมันพืช สำหรับการทำอาหารแต่ละอย่างแล้ว นอกจากนี้การเกิดขึ้นของ “ตลาดน้ำมันเพื่อสุขภาพ” ขยายฐานตลาดน้ำมันปรุงอาหารให้ใหญ่ และสร้างการเติบโตในเชิง Value ให้กับตลาดรวม “เดนทิสเต้” สร้างยาสีฟันหลอดที่ 2 ของครอบครัว ในตลาดยาสีฟัน แบรนด์ที่มีบทบาทในการเปลี่ยนตลาดยาสีฟันไปสู่การใช้เฉพาะบุคคล ต้องยกให้กับกรณีศึกษา “เดนทิสเต้” ที่สามารถสร้างความแตกต่างให้กับตัวเอง ท่ามกลางการแข่งขันของยักษ์ใหญ่ที่อยู่ในตลาดมานาน ไม่ว่าจะเป็นคอลเกต ดาร์ลี่ โคลสอัพ หรือเดิมคือยาสีฟันใกล้ชิด ฯลฯ ซึ่งแบรนด์เหล่านี้โฟกัสที่ตลาดแมส Photo Credit : Facebook DENTISTE’ แต่สำหรับ “เดนทิสเต้” ก้าวแรกที่เข้ามาในตลาดยาสีฟัน วางตำแหน่งเป็น “ยาสีฟันพรีเมียม” และเจาะ Niche Market ด้วยการเป็น “ยาสีฟันสำหรับกลางคืน” ภายใต้จุดขายระงับกลิ่นปาก ยับยั้งแบคทีเรียภายในช่องปากอันเกิดขึ้นในเวลากลางคืน พร้อมทั้งสื่อสารการตลาดในคอนเซ็ปต์ “คู่รัก” ซึ่งเป็นการสร้าง Demand ใหม่ในตลาดยาสีฟัน หลังจาก “เดนทิสเต้” เขย่าตลาดยาสีฟันได้ไม่นาน ได้สร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับรุ่นพี่ในตลาดไม่น้อย ประกอบกับทิศทางของตลาดยาสีฟัน ไปโตในตลาด “Therapeutic Segment” มากกว่า ส่งผลให้ “คอลเกต” พี่ใหญ่ไม่อาจนิ่งเฉย ด้วยความที่ยาสีฟัน “คอลเกต” มีความเป็นแบรนด์ “Family Use” สูง โดยเฉพาะ “คอลเกต กล่องแดง” ยาสีฟันที่อยู่คู่ครอบครัวไทยมายาวนาน แต่แล้วในที่สุดได้ตัดสินใจหันมาบุกหนักยาสีฟัน “Therapeutic Segment” นำทัพโดยตระกูล Total 12 ที่แตกโปรดักต์ไลน์มากมาย ชูจุดขายลดการสะสมของแบคทีเรียในช่องปากและฟันยาวนาน 12 ชั่วโมง และต่อมาได้ขยายไปสู่กลุ่มยาสีฟันลดอาการเสียวฟัน ยาสีฟันเพื่อฟันขาว และยาสีฟันสูตรเกลือ สำหรับดูแลเหงือก “ผลิตภัณฑ์บำรุงผม โปรเฟสชั่นแนล” เปลี่ยนเกมตลาด Hair Care อีกหนึ่งตลาดที่ Penetration เต็มเกือบ 100% แล้ว คือ ตลาดแชมพู ในอดีตห้องน้ำครัวเรือนต่างๆ มีแชมพู 1 ขวด สำหรับทุกคนในครอบครัว แต่เวลานี้กลับตรงกันข้าม ในห้องน้ำครอบครัวต่างๆ มีทั้งแชมพู และผลิตภัณฑ์บำรุงผมอื่นๆ มากกว่า 1 ขวด และมากกว่า 1 แบรนด์ นั่นเพราะสมาชิกในครอบครัว เลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผมที่เหมาะกับสภาพผมของตนเอง Photo Credit : Facebook TRESemmé ยิ่งผู้บริโภคทำสีผม และดัด-ยืดมากขึ้น จึงต้องการการดูแลเส้นผมเป็นพิเศษ นี่เป็นโอกาสใหม่ในตลาด Hair Care ทำให้เกิดแบรนด์ผลิตภัณฑ์บำรุงผม ที่มีภาพลักษณ์ของการเป็น “Professional Hair Care” เช่น การกลับมาทำตลาดอีกครั้งของแบรนด์ “VS Sassoon” ของพีแอนด์จี เช่นเดียวกันค่ายเฮงเค็ล ส่งแบรนด์ “Syoss” ค่ายยูนิลีเวอร์ ส่งแบรนด์ “TRESemmé” และค่ายลอรีอัล บุกหนักกลุ่มสินค้า “L’Oréal Elseve” ซึ่งเป็น Professional Hair Care ที่เจาะตลาดพรีเมียมแมส หรือทุกวันนี้ ผู้บริโภคใส่ใจสุขภาพ ปฏิเสธผลิตภัณฑ์ที่ใช้ส่วนผสมสารเคมี หันมาใช้ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติมากขึ้น ทำให้ผลิตภัณฑ์บำรุงผม เซ็กเมนต์สมุนไพร และสารสกัดจากธรรมชาติเติบโตแซงหน้าเซ็กเมนต์อื่นๆ เมื่อมีทางเลือกมากขึ้น ผู้บริโภคย่อมเลือกสิ่งที่ตอบโจทย์ตัวเองมากที่สุด ส่งผลครัวเรือนยุคนี้ มีแชมพูและครีมนวดมากกว่า 1 ขวด 1 แบรนด์ Photo Credit : Facebook Syoss “น้ำมันพืช” สร้าง Value Growth ด้วยตลาดน้ำมันเพื่อสุขภาพ ที่ผ่านมา “ตลาดน้ำมันพืช” มูลค่า 14,000 ล้านบาท (แบ่งเป็นน้ำมันปาล์ม 60% / น้ำมันถั่วเหลือง 20% / น้ำมันอื่นๆ เช่น น้ำมันเพื่อสุขภาพ 40%) ไม่ได้มีสีสันความแปลกใหม่เท่าไรนัก แต่ในยุคอินเทอร์เน็ตที่คนเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร ทำให้ผู้บริโภคเริ่มแยกประเภทน้ำมันพืชในการทำอาหาร เช่น น้ำมันปาล์ม ใช้สำหรับทอด และน้ำมันถั่วเหลือง ใช้สำหรับผัด ประกอบกับการขยายตัวของ “Healthy Lifestyle” ทำให้ “ตลาดน้ำมันเพื่อสุขภาพ” (Healthy Oil) กลายเป็น Rising Star และช่วยสร้างการเติบโตเชิง Value ให้กับตลาดรวม เพราะถึงแม้ “น้ำมันเพื่อสุขภาพ” จะมีราคาต่อขวดสูงกว่าน้ำมันปาล์ม – น้ำมันถั่วเหลือง ซึ่งเป็นเซ็กเมนต์ Mainstream ของตลาดน้ำมันปรุงอาหาร แต่ผู้บริโภคยุคใหม่ยินดีจ่ายเงินเพิ่มขึ้น เพื่อให้ได้น้ำมันคุณภาพ และตอบโจทย์สุขภาพ ดังจะเห็นได้จากในซูเปอร์มาร์เก็ต – ไฮเปอร์มาร์เก็ต เพิ่มพื้นที่จำหน่าย “น้ำมันเพื่อสุขภาพ” หลากหลายแบรนด์มากขึ้น พร้อมทั้งจัดโปรโมชั่นให้กับตลาดนี้โดยเฉพาะ อย่างเช่นล่าสุด “บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์” จับมือกับพันธมิตร 5 แบรนด์น้ำมันชั้นนำ ได้แก่ เอ็มเมอรัล คิง กุ๊ก แมนเนเจอร์ แบร์ทอลลี่ จัดกิจกรรม “กินอย่างไรให้อร่อยและสุขภาพดี” เน้นสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับผู้บริโภคถึงข้อมูลที่ถูกต้องของน้ำมันเพื่อสุขภาพแต่ละชนิด เช่น น้ำมันมะกอก น้ำมันรำข้าว น้ำมันมะพร้าว น้ำมันผสม เพื่อสร้างการรับรู้ และส่งเสริมการบริโภคเพื่อสุขภาพ ส่งผลให้ปัจจุบันเริ่มเห็นห้องครัวคนไทย มีน้ำมันพืชมากกว่า 1 ขวดแล้ว อย่างไรก็ตามด้วยความที่ “น้ำมันพืช” เป็น Commodity Product สูง ทำให้ปัจจุบันยังคงเป็นการใช้แบบ “Family Use” มากกว่าจะเป็น “Personal Use” เหมือนเช่นสินค้าอุปโภคบริโภคอื่นๆ แต่ทั้งนี้เมื่อแบรนด์น้ำมันเพื่อสุขภาพ และ Retailer หันมาบุกตลาด “น้ำมันเพื่อสุขภาพ” มากขึ้น นับเป็นความพยายามในการสร้าง Demand ใหม่ในการใช้น้ำมันหลากหลายประเภท ซึ่งด้วยความที่พฤติกรรมผู้บริโภคซับซ้อนขึ้น อาจจะเห็นสมาชิกในครอบครัวบางคน ซื้อน้ำมันเพื่อสุขภาพบางชนิด สำหรับสร้างสรรค์เมนูจานโปรดเฉพาะของตนเองก็เป็นไปได้ | ก้าวแรกที่ “เดนทิสเต้” เข้ามาในตลาดยาสีฟัน วางตำแหน่งเป็น “ยาสีฟันพรีเมียม” และเจาะ Niche Market ด้วยการเป็น “ยาสีฟันสำหรับกลางคืน” ภายใต้จุดขายระงับกลิ่นปาก ยับยั้งแบคทีเรียภายในช่องปากอันเกิดขึ้นในเวลากลางคืน พร้อมทั้งสื่อสารการตลาดในคอนเซ็ปต์ “คู่รัก” ซึ่งเป็นการสร้าง Demand ใหม่ในตลาดยาสีฟัน
หลังจาก “เดนทิสเต้” เขย่าตลาดยาสีฟันได้ไม่นาน ได้สร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับรุ่นพี่ในตลาดไม่น้อย ประกอบกับทิศทางของตลาดยาสีฟัน ไปโตในตลาด “Therapeutic Segment” มากกว่า ส่งผลให้ “คอลเกต” พี่ใหญ่ไม่อาจนิ่งเฉย
ด้วยความที่ยาสีฟัน “คอลเกต” มีความเป็นแบรนด์ “Family Use” สูง โดยเฉพาะ “คอลเกต กล่องแดง” ยาสีฟันที่อยู่คู่ครอบครัวไทยมายาวนาน แต่แล้วในที่สุดได้ตัดสินใจหันมาบุกหนักยาสีฟัน “Therapeutic Segment” นำทัพโดยตระกูล Total 12 ที่แตกโปรดักต์ไลน์มากมาย ชูจุดขายลดการสะสมของแบคทีเรียในช่องปากและฟันยาวนาน 12 ชั่วโมง และต่อมาได้ขยายไปสู่กลุ่มยาสีฟันลดอาการเสียวฟัน ยาสีฟันเพื่อฟันขาว และยาสีฟันสูตรเกลือ สำหรับดูแลเหงือก | null | Closed QA | cc-by-nc-4.0 |
Retail_52896 | Retail | การยกระดับเป็นธนาคารท้องถิ่นในจีนคือธนาคารใด | A. ธนาคารออมสิน
B. ธนาคารกสิกร
C. ธนาคารไทยพาณิชย์
D. ธนาคารกรุงไทย | คำตอบที่ถูกต้องคือ B. เนื่องจาก การยกระดับเป็นธนาคารท้องถิ่นในจีน สำหรับ “ธนาคารกสิกรไทย” ถือว่าเข้ามาถูกจังหวะและเวลา เพราะอยู่ในช่วงเวลาที่มังกรจีน กำลังพุ่งทะยานขึ้นฟ้า และในยุคดิจิทัล ได้ทลายพรมแดนระหว่างประเทศ อีกทั้งยังทำให้ไม่ต้องใช้เงินลงทุนมหาศาลไปกับการขยายสาขาให้ครอบคลุมทั่วประเทศเฉกเช่นโมเดลธุรกิจธนาคารแบบเดิมๆ หากแต่สามารถนำเงินทุนมาพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน และเชื่อมต่อลูกค้าระหว่างประเทศเข้าด้วยกัน นอกจากนี้ถ้าเทคโนโลยีใดที่พัฒนาขึ้นในจีน หรือแม้แต่การจับมือกับพาร์ทเนอร์ในจีน เมื่อกสิกรไทยนำไปใช้กับตลาดจีน แล้วได้ผลออกมาดี ก็มีความเป็นไปเทคโนโลยีนั้นจะเป็น Best Practice ที่ “กสิกรไทย” นำมาปรับใช้กับการทำดิจิทัล แบงก์กิ้งในไทยได้ เพื่อในที่สุดแล้ว จะผลักดันให้ “ธนาคารกสิกรไทย” ก้าวข้ามจากการเป็นธนาคารไทย ไปสู่การเป็น “Regional Digital Bank” แห่งภูมิภาค AEC และจีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้อย่างเต็มรูปแบบ | null | Multiple choice | cc-by-nc-4.0 |
Retail_52899 | Retail | สำหรับองค์กรแฟชั่นที่จะสร้างสรรค์เทคโนโลยีขึ้นมาเอง Uniqlo เลือกที่จะจับมือกับพันธมิตรใด เพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมที่ช่วยให้มนุษย์ใช้ชีวิตได้ดีขึ้น | ปัจจุบันนี้ Key Words สำคัญของวงการตลาดและโฆษณา หนีไม่พ้น Technology, Millennials, Disruptive ฯลฯ อะไรทำนองนี้ และบ่อยครั้งที่ BrandBuffet ก็นำเสนอกรณีศึกษาเรื่องราวของแบรนด์ที่เดินหน้าปรับตัวเองเข้ากับยุคสมัย และความเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภค ล่าสุดเราได้มีโอกาสไปร่วมงานของ แบรนด์แฟชั่นชั้นนำระดับโลกอย่าง Uniqlo ซึ่งจัดขึ้นที่นิวยอร์ก และเมื่อเห็นชื่องานแล้ว ต้องบอกว่าเซอร์ไพร์สหนักมาก เพราะโปรดักต์“เสื้อผ้า” ทำไมถึงได้จัดนิทรรศการ The Art and Science of LifeWear วิทยศาสตร์และเทคโนโลยีในสินค้าประเภทนี้จะมีอะไรได้มากงั้นหรือ? นี่คือสิ่งที่เราตั้งคำถามในใจก่อนเดินทางไปถึง และเมื่อได้เข้าร่วมงานจริง กลับเซอร์ไพร์สหนักกว่า เพราะเรื่องราวของ “เทคโนโลยี” ที่ถูกถักทอผ่านเส้นใยได้แทรกซึมผ่านเสื้อผ้าทุกชิ้นของ Uniqlo มากกว่าที่คิด Torray เบื้องหลังความสำเร็จของ Uniqlo Uniqlo เป็นแบรนด์เสื้อผ้าที่ถือกำเนิดจากธุรกิจครอบครัวของ ทาดาชิ ยาไน ซึ่งเดิมครอบครัวของเขาตัดชุดสูท และเสื้อผ้าสำหรับผู้ชาย ในจังหวัดที่ชื่อไม่คุ้นสำหรับคนไทยอย่าง “ยะมะงุชิ” ต่อมาเขาขยายสินค้าด้วยแนวคิด Made For All เป็นเสื้อผ้าที่ใส่ได้ทุกคน จนกระทั่งแจ้งเกิดที่ญี่ปุ่นอย่างเต็มตัว ด้วยด้วยผลิตภัณฑ์เสื้อกันหนาวที่เรียกว่า FLEECE (เสื้อกันหนาวผ้าฟลีซขนๆ ที่เราคุ้นเคยกัน) ด้วยคุณสมบัติกันหนาวได้ดี แต่สวมใส่สบายไม่หนาเกะเกะ และมีราคาย่อมเยาว์เข้าถึงได้ในวงกว้าง ในยุค 1990 เป็นต้นมา Uniqlo ก็กลายเป็นสินค้าขึ้นชื่อของญี่ปุ่น ที่ว่ากันว่าในตู้เสื้อผ้าของคนญี่ปุ่นต้องมีผลิตภัณฑ์ของ Uniqlo อย่างน้อย 3 ชิ้นขั้นต่ำ แล้วส่งให้ราวทศวรรษที่ 1990 เป็นต้นมา ซีอีโอของยูนิโคล่ทาดาชิ ยาไน กลายเป็นนักธุรกิจที่ร่ำรวยที่สุดในญี่ปุ่น นี่เองจึงถือเป็น Key Learning หนึ่งที่สำคัญของแบรนด์ยูนิโคล่ได้เรียนรู้ว่าความแตกต่างในวงการแฟชั่น สามารถสร้างขึ้นด้วย “เทคโนโลยี” และสำหรับองค์กรแฟชั่นจะสร้างสรรค์เทคโนโลยีขึ้นมาเอง ก็เลือกที่จะจับมือกับพันธมิตรอย่าง “Torray” บริษัทที่ให้คำจำกัดความของตัวเองว่า Innovation by Chemistry บริษัทที่มีความยอดเยี่ยมทางการคิดค้นเคมีเพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมที่ช่วยให้มนุษย์ใช้ชีวิตได้ดีขึ้น ซึ่งเป็นนโยบายในแนวทางเดียวของยูนิโคล่ ทั้งสองแบรนด์จึงร่วมมือกันสร้างสรรค์นวัตกรรมด้านแฟชั่น ซึ่งทั้ง 2 จับมือกันมาเป็นปีที่ 15 แล้ว Tadashi Yanai (ซ้าย) Chairman, President & CEO of Fast Retailing Co., LTD. และ Akihiro Nikkaku(ขวา) President of Toray Industries, Inc. จากห้วงอวกาศ สู่พื้นดิน Torray ลุยได้หมด ความร่วมมือของทั้ง 2 บริษัท อยู่ในระดับที่เรียกได้ว่ารวมเป็นเนื้อเดียวกัน ทาง Torray เข้าร่วมประชุมกับ Uniqlo ตั้งแต่ขั้นตอนการดีไซน์ โดยอาศัยความถนัดของตัวเอง ที่ผ่านมาผลงานของ Torray และบริษัทลูกของ Torray ซึ่งมีแต่เรื่องที่ล้วนแล้วแต่ไกลตัวเรื่องแฟชั่น ไม่ว่าจะเป็น วัสดุที่ใช้บนเครื่องบินโบอิ้ง วัสดุที่ใช้ในยานยนต์ที่สำรวจอวกาศ แบตเตอรี่ในรถโตโยต้า จักรยานที่วิ่งเร็วที่สุดในโลก คันนี้แหละที่ไปร่วมสำรวจดวงจันทร์มาแล้ว จักรยาน(ที่หน้าตาไม่เหมือนจักรยาน) แต่การออกแบบและวัสดุนี่แหละ ที่ทำให้มันเร็วที่สุดในโลก แล้วทั้งหมดนี้เกี่ยวข้องกับเสื้อผ้าอย่างไร ภายในงานนิทรรศการ The Art and Science of LifeWear นี่แหละที่ตอบคำถามว่า “เทคโนโลยี” ได้ถูกนำมาใช้ในเสื้อผ้า ไม่ว่าจะเป็น Dry-Ex ซึ่งเส้นใยความยืดหยุ่นสูง, AIRism ที่แสดงให้เห็นว่าลื่นกว่าเสื้อผ้าชนิดอื่นอย่างเห็นได้ชัด เจ้าหน้าที่ท่านนี้เป็นคนไทย มาจากบริษัทลูกของ Torray ที่ตั้งอยู่ในประเทศไทย อธิบายเรื่องการระบายความชื้นจาก AIRism ที่ดีกว่าผ้าชนิดอื่น Ultra Light Down งานชิ้นโบว์แดงของความสัมพันธ์ ผลงานของความร่วมมือของทั้งสองบริษัทที่เด่นชัดที่สุดก็คงจะเป็นเสื้อ Ultra Light Down ที่วันนี้คนไทยรู้จักดีแล้วว่าเป็นเสื้อกันหนาวที่ฤดูท่องเที่ยวแบบนี้จะขายดีเป็นพิเศษ ด้วยคุณสมบัติที่เบา พกพาง่าย เข้ากับไลฟ์สไตล์ท่องเที่ยวของคนมิลเลนเนี่ยลที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ อยู่เสมอ โชว์ความเบา เทียบกับสินค้าอื่นที่ไม่ใช่ Ultra Light Down Ultra Light Down ที่แฟนๆ ยูนิดโคล่รู้ดีกว่า ความดีงามอยู่ที่มันประหยัดพื้นที่ในกระเป๋าเดินทาง นี่คือผลิตภัณฑ์ที่แสดงถึงความชัดเจนในพลังของ “เทคโนโลยี” ซึ่งมีคุณค่าแฝงอยู่ภายใน ผู้บริโภคต้องมาหยิบจับ ทดลองใส่ด้วยตัวเองเท่านั้นถึงจะรู้ว่ามันแตกต่าง จนกลายเป็นสินค้าที่ทุกวันนี้กลายเป็นหนึ่งใน Signature ของยูนิโคล่ไปแล้ว ต้องยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่าสินค้ากลุ่ม Ultra Light Down มีดีไซน์ที่ไม่ได้หวือหวามากนัก (นอกจากคอลเลกชั่นของนักออกแบบดัง) ทำให้นำเสนอผ่านรูป หรือว่า Lookbook แบบเดียวกับสินค้าแฟชั่นแบรนด์อื่นได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น แต่ถ้าได้มาสัมผัสแล้วจะพบว่าความเบา แต่ให้ความอบอุ่นได้เป็นหัวใจสำคัญ ซึ่งเบื้องหลังก็คือวิทยาศาสตร์ที่บรรดาลให้เสื้อผ้าที่ดูเรียบๆ กลายเป็นไอเท็มที่ขาดไม่ได้ของนักเดินทางไปเลย และ “เสื้อผ้า” ของวันพรุ่งนี้ จะเป็นอย่างไร เห็นเบื้องหลังของเสื้อผ้าที่วางจำหน่ายอยู่ทุกวันนี้ไปแล้ว คำถามที่ผุดขึ้นมาในใจก็คือ แล้ว “อนาคต” ในวันที่ทรัพยากรของโลกลดลง ผู้คนเผชิญหน้ากับปัญหาสารพัดอย่าง ไม่ว่าจะเป็นสิ่งแวดล้อม โรคภัย รวมทั้งผู้บริโภคมีความต้องการ เรียกร้องจากแบรนด์สูงขึ้นละ Uniqlo และ Torray จะตอบสนองได้อย่างไร นี่คือคำตอบที่ บอกได้เลยว่าเด็ดจริง กับโปรเจ็กต์ทดลอง และหลายอย่างค่อยๆ เป็นจริงแล้ว เสื้อที่ติดแผงโซล่าร์เซลล์ที่อยู่ที่ตัวเสื้อ ช่วยเก็บพลังงานเอาไว้ เพื่อให้ความอบอุ่นหรือว่าไปไกลถึงขนาดต่อสายชาร์จแบตฯ โทรศัพท์ได้ ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ที่ถูกฝั่งลงไปในวัสดุ ทำให้สีสันของผ้าหลากหลาย เหมือนตอนที่เกิดไวรัลในโซเชี่ยลมีเดีย “เสื้อตัวนี้สีอะไร” แต่นี่คือ “ความจงใจ” ให้เกิดปรากฏการณ์นั้น เพื่อทำให้การออกแบบเสื้อผ้า สนุก และสามารถทำลายข้อจำกัดได้มากกว่าที่เคย เชื่อมโยงระหว่างเสื้อผ้ากับเทคโนโลยีทางการแพทย์ ทำให้แค่สวมใสเข้าไปก็บอกอุณหภูมิ อัตราการเต้นของหัวใจ และเรื่องราวของสุขภาพอื่นๆ เบื้องต้น เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้น เหมาะกับการพัฒนาศักยภาพของนักกีฬาขณะฝึกซ้อม คนที่ต้องเดินทางไกล และคนรักสุขภาพทั้งหลาย ซึ่งเป็นสอดคล้องกับเทรนด์ของผู้บริโภค ปิดท้ายด้วยโปรเจ็กท์ที่ใกล้กับความจริงมากที่สุด กับการคิดค้นเส้นใยที่มีความนุ่ม ยืดหยุ่นเป็นพิเศษ เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยที่มีอาการแพ้ หรือเป็นโรคทำให้เคลื่อนไหวลำบาก ใส่เสื้อผ้าได้ง่ายขึ้น ซึ่งตอนนี้กำลังเริ่มทดลองที่โรงพยาบาลในญี่ปุ่นแล้ว รวมทั้งพัฒนาต่อยอดไปเป็นเสื้อผ้าสำหรับผู้สูงอายุ กับนักกีฬาบางประเภทได้อีกด้วย ทั้งหมดนี้คือความสัมพันธ์ของ “แฟชั่น” กับ “เทคโนโลยี” ที่ไม่น่าเชื่อว่าแบรนด์เสื้อผ้าอย่าง Uniqlo ซึ่งเป็นแบรนด์ที่ปัจจุบันนี้คนไทยใกล้ชิดมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยระดับราคาหลักร้อย-พัน จับต้องได้สบาย ดีไซน์เรียบ แต่ก็ Mix& Match ได้ง่าย จะให้ความสำคัญขนาดนี้ และตามสไตล์แบรนด์ญี่ปุ่นที่ไม่ได้คิดถึงแค่วันนี้เท่านั้น แต่วางแผนระยะยาวในอนาคตไว้เรียบร้อยแล้ว … ท่ามกลางสมรภูมิการแข่งขันของ Fast Fashion ที่แบรนด์สัญชาติอเมริกา และยุโรปต่างก็เข้ามาขอมีส่วนแบ่งในกระเป๋าตังค์คนทั่วโลก โดยอาศัย “ดีไซน์” และ ความรวดเร็วของการเปลี่ยนคอลเลกชั่น เป็นตัวชูโรง ยูนิโคล่ขอสร้างความผูกพันและคุณค่าด้วยเทคโนโลยีที่แฝงอยู่ภายใน ถึงแม้จะเป็นงานยาก แต่สำหรับธุรกิจระยะยาวแล้ว แบบนี้ “ยั่งยืน” กว่าเห็นๆ | สำหรับองค์กรแฟชั่นที่จะสร้างสรรค์เทคโนโลยีขึ้นมาเอง Uniqlo เลือกที่จะจับมือกับพันธมิตรอย่าง “Torray” บริษัทที่ให้คำจำกัดความของตัวเองว่า Innovation by Chemistry บริษัทที่มีความยอดเยี่ยมทางการคิดค้นเคมี เพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมที่ช่วยให้มนุษย์ใช้ชีวิตได้ดีขึ้น ซึ่งเป็นนโยบายในแนวทางเดียวของยูนิโคล่ ทั้งสองแบรนด์จึงร่วมมือกันสร้างสรรค์นวัตกรรมด้านแฟชั่น
ความร่วมมือของทั้ง 2 บริษัท อยู่ในระดับที่เรียกได้ว่ารวมเป็นเนื้อเดียวกัน ทาง Torray เข้าร่วมประชุมกับ Uniqlo ตั้งแต่ขั้นตอนการดีไซน์ โดยอาศัยความถนัดของตัวเอง ที่ผ่านมาผลงานของ Torray และบริษัทลูกของ Torray ซึ่งมีแต่เรื่องที่ล้วนแล้วแต่ไกลตัวเรื่องแฟชั่น ไม่ว่าจะเป็น วัสดุที่ใช้บนเครื่องบินโบอิ้ง วัสดุที่ใช้ในยานยนต์ที่สำรวจอวกาศ แบตเตอรี่ในรถโตโยต้า จักรยานที่วิ่งเร็วที่สุดในโลก | null | Closed QA | cc-by-nc-4.0 |
Retail_52900 | Retail | ในปี 2017 โรบินสันจะมีกี่สาขา | หลังจากเปิดตัว “คุณวุฒิเกียรติ เตชะมงคลาภิวัฒน์” กรรมการผู้จัดการใหญ่คนใหม่ของ บริษัท โรบินสัน จำกัด (มหาชน) ล่าสุดได้เผยวิสัยทัศน์ และยุทธศาสตร์การดำเนินธุรกิจ “โรบินสัน” นับจากนี้ ยังคงยืนอยู่บน 3 เสาธุรกิจหลัก คือ ธุรกิจดีพาร์ทเมนต์สโตร์ ธุรกิจศูนย์การค้า และกลุ่มธุรกิจ Brand Management ที่ประกอบด้วยไพรเวทแบรนด์ แฟรนไชส์แบรนด์ และแบรนด์ที่ซื้อเข้ามาไว้ในพอร์ตโฟลิโอ โดยทั้ง 3 เสาธุรกิจนี้มีความเชื่อมโยงกัน และแสดงให้เห็นถึงพลัง Synergy ของบริษัทในกลุ่มเซ็นทรัล เพราะในจังหวัดหลัก หรือโลเคชันที่เป็น Prime Area “ซีพีเอ็น” บริษัทในเครือเซ็นทรัล ไปเปิดศูนย์การค้าเซ็นทรัล บางโลเคชันจะเลือก “ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน” เข้าไปด้วย ขณะที่จังหวัดรอง หรือโลเคชันรอง จะใช้โมเดล “ศูนย์การค้าโรบินสัน ไลฟ์สไตล์” เป็นตัวรุกขยายสาขา นอกจากนี้ในทุกสาขาของโรบินสัน ไม่ว่าเป็นห้างฯ หรือศูนย์การค้าโรบินสัน จะต้องผนึกแบรนด์ของตนเองเข้าไป ทั้งไพรเวทแบรนด์ แฟรนไชส์แบรนด์ และแบรนด์ที่ซื้อมา เป็นหนึ่งในสินค้าและบริการหลักของโรบินสันทุกสาขา ทุกสโตร์ ฟอร์แมต เพราะแบรนด์ในกลุ่มสินค้าต่างๆ ที่อยู่ภายใต้การบริหารของโรบินสัน เป็นกลยุทธ์ในการสร้าง “Store Loyalty” ในกลุ่มลูกค้า และสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง 9 เดือน รายได้-กำไรโตจากค่าเช่า ทั้งสาขาเดิม และสาขาใหม่ คุณวุฒิเกียรติ ฉายภาพผลประกอบการไตรมาส 3 “บมจ.โรบินสัน” ว่ามีรายได้รวม เพิ่มขึ้น 4.2% รวมทั้งมีกำไรสุทธิ เติบโต 19.8% ส่งผลให้ผลประกอบการรวมในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา มีรายได้รวมเพิ่มขึ้น 1.3% และมีกำไรสุทธิโต 6.4% โดยปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้รายได้ และกำไรเติบโต มาจากการเติบโตของรายได้ค่าเช่า ทั้งจากสาขาเดิม และการขยายสาขาล่าสุดอย่างศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ เพชรบุรี ในช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา รวมทั้งปรับปรุงสาขา ในรูปแบบศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ 2 สาขา คือ สาขาสระบุรี และราชบุรี ประกอบกับการปรับเปลี่ยนกลุ่มสินค้า โดยมีแบรนด์ใหม่ๆ เข้ามาเติม เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไปของกลุ่มลูกค้าในปัจจุบัน นอกจากนี้สภาพเศรษฐกิจมีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้น ส่งผลให้การบริโภคของกลุ่มลูกค้ามีการฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป ตอกย้ำเจ้าแห่ง “ดีพาร์ทเมนต์สโตร์” เมืองไทย “โรบินสัน” วางแผนเปิดสาขาต่อเนื่อง แม้ปัจจุบันแนวโน้มธุรกิจรีเทลทั่วโลก ค้าปลีกเซ็กเมนต์ “ดีพาร์ทเมนต์สโตร์” จะอยู่ในช่วงถดถอย โดยเกิดขึ้นในต่างประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา ซึ่งที่นั่นห้างสรรพสินค้าทยอยปิดตัวกันเป็นจำนวนมาก เป็นผลมาจากการบูมของอีคอมเมิร์ซ ส่งผลต่อพฤติกรรมการชอปปิงของผู้บริโภค แต่สำหรับทิศทางธุรกิจดีพาร์ทเมนต์สโตร์ในไทย ยังไม่ได้อยู่ในสถานการณ์เลวร้ายเหมือนกับสหรัฐฯ เพราะด้วยภาพรวมค้าปลีกไทย Dominate โดยยักษ์ใหญ่เพียงไม่กี่ราย ซึ่งมีความแข็งแกร่ง ไม่ว่าจะเป็น “เซ็นทรัล กรุ๊ป” ที่มีกลุ่มธุรกิจ “ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล” และ “บมจ.โรบินสัน” รวมทั้ง “เดอะมอลล์ กรุ๊ป” ที่มีส่วนธุรกิจห้างสรรพสินค้า ทำให้ “ดีพาร์ทเมนต์สโตร์” ในไทย ยังเดินหน้าขยายสาขา Photo Credit : Instagram robinsondepartmentstore ปัจจุบัน “โรบินสัน” มีสาขาในรูปแบบ “ดีพาร์ทเมนต์สโตร์” 25 สาขา จากทั้งหมด 44 สาขา ถือเป็น Retailer ที่มีสาขาห้างฯ มากที่สุดในไทย นอกจากนี้ในพฤศจิกายนจะเปิดสาขาในเซ็นทรัลพลาซา มหาชัย ด้วยงบลงทุน 600 ล้านบาท บนพื้นที่ 15,000 ตารางเมตร เหตุผลที่เลือกเปิดที่มหาชัย เพราะเป็นเมืองใหญ่ มีศักยภาพสูง เนื่องจากการเติบโตของธุรกิจประมง และห้องเย็น ประกอบกับการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ อีกทั้งในโซนนี้ยังไม่มีดีพาร์ทเมนต์สโตร์ และชอปปิงมอลล์ จึงเป็นโอกาสทางการลงทุน ความน่าสนใจของ “โรบินสัน สาขามหาชัย” คือ การปรับโฉมร้าน Multi-brand เครื่องสำอาง “HELLO BEAUTY” สู่การเป็น “Multi-Brands Store 360°” บนพื้นที่ 900 ตารางเมตร เพื่อต้องการให้เป็น Beauty Destination ที่ครบวงจรแบบ One Stop Service ทั้งสินค้าสุขภาพ และความงามกว่า 500 แบรนด์ “ธุรกิจดีพาร์ทเมนต์สโตร์ในไทย ยังอยู่ในทิศทางที่มีโอกาส และแม้อีคอมเมิร์ซจะเติบโต แต่สำหรับดีพาร์ทเมนต์สโตร์ในไทย ยังมีเวลาในการปรับตัว ซึ่งก่อนหน้านั้นเราจะเห็นแบรนด์สินค้าต่างๆ ออกจากพื้นที่ห้างฯ เพื่อไปเปิดแบรนด์ ช้อป แต่เวลานี้แบรนด์ที่ออกไปเปิดช้อป เริ่มกลับมาเปิดคอร์เนอร์ขายในห้างฯ เพราะต้นทุนการขายในพื้นที่ห้างฯ ถูกกว่าการเปิดช้อป” เปิด 3 ฟอร์แมต “ไลฟ์สไตล์ มอลล์” ไปที่ไหน ต้องใหญ่กว่าผู้เล่นที่อยู่มาก่อน นอกจากเปิดห้างสรรพสินค้าแล้ว อีกหนึ่งธุรกิจที่ขับเคลื่อนการเติบโตของ “โรบินสัน” คือ ชอปปิงมอลล์ ภายใต้ชื่อ “โรบินสัน ไลฟ์สไตล์ มอลล์” ภายใต้คอนเซ็ปต์ “EAT SHOP PLAY” ปัจจุบันมี 19 สาขา ปัจจุบัน Store Format ของศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ มี 3 รูปแบบ คือ
1. รูปแบบใหญ่ (Size L) พื้นที่ 37,000 ตารางเมตรขึ้นไป เช่น สาขาสระบุรี ศรีสมาน ฉะเชิงเทราและสมุทรปราการ
2. รูปแบบกลาง (Size M) พื้นที่ 35,000 ตารางเมตร เช่น สาขาสกลนคร ร้อยเอ็ด และมุกดาหาร
3. รูปแบบ Compact Size พื้นที่ 28,000 – 30,000 ตารางเมตร โดยเป็นโมเดลใหม่ที่นำมาใช้พัฒนากับสาขา “กำแพงเพชร” ที่จะเปิดตัวในเดือนธันวาคมนี้ ซึ่งเป็นโรบินสันสาขา 46 สาขา และเป็นสาขาลำดับที่ 20 ในรูปแบบศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ โดยสาขานี้มีงบลงทุนการ 800 ล้านบาท บนพื้นที่ 28,000 ตารางเมตร โรบินสัน ไลฟ์สไตล์ สาขาลพบุรี “วันนี้เรามี Store Format 3 รูปแบบ ทำให้มีความยืดหยุ่นในการขยายสาขา โดยสามารถนำ Store Format ที่มีไปลงให้เหมาะสมกับแต่ละโลเคชัน ซึ่งกลยุทธ์การขยายสาขาของโรบินสัน เราต้องไปใหญ่กว่าคนที่อยู่มาก่อน เพราะเวลาเราไปเปิดสาขาที่ไหน เราต้องการให้ผู้บริโภคเกิดการ Switching ให้มาเดินที่โรบินสัน ทิศทางการขยาย “ไลฟ์สไตล์มอลล์” เน้นต่างจังหวัดมากกว่ากรุงเทพฯ และเรากำลังศึกษาว่าบางจังหวัดสามารถมีโรบินสันได้ 2 แห่ง โดยเมืองใหญ่ อาจนำรูปแบบ Compact Size ไปเปิดในอำเภอ เพราะบางอำเภอของประเทศไทย ก็มีขนาดใหญ่กว่าบางจังหวัด ทำให้จังหวัดนั้นๆ มีโรบินสัน 2 แห่ง และต่อไปคาดว่ารูปแบบ Compact Size จะเปิดเพิ่มมากขึ้น” โดยในปี 2561 เตรียมขยายไลฟ์สไตล์มอลล์เพิ่มในต่างจังหวัดอีก 2 สาขา หนึ่งในนั้นคือ ชลบุรี เนื่องจากเป็นเมืองใหญ่ มีประชากรหนาแน่น และมีกำลังซื้อ ซึ่งทั้ง 2 สาขา จะเปิดให้บริการในช่วงไตรมาส 2 และ 4 รุกสร้าง 4 กลุ่มสินค้าไพรเวทแบรนด์ ในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ “โรบินสัน” มีแผนการรุกตลาดเพื่อสร้างความแตกต่างให้แก่ธุรกิจ โดยชู “4 กลุ่มสินค้าไพรเวทแบรนด์” เนื่องจากเป็นสินค้าที่มีคอนเซ็ปต์โดนใจที่เน้นในเรื่องของคุณภาพ และความคุ้มค่า คุ้มราคาเป็นหลัก ได้แก่ – Just Buy สินค้ากลุ่มไลฟ์สไตล์ชอปราคาเดียวของโรบินสัน ซึ่งมีความเคลื่อนไหวของแบรนด์ที่สำคัญ คือ การขยายสาขาในรูปแบบช็อป Stand Alone ในไฮเปอร์มาร์เก็ตเป็นแห่งแรกที่สาขาบางใหญ่ โดยกลุ่มสินค้ามีความหลากหลายขึ้น อาทิ กลุ่มสินค้าของใช้ในบ้าน กลุ่มสินค้าสุขภาพและความงาม กลุ่มสินค้าเกี่ยวกับเทคโนโลยี กลุ่มสินค้าเครื่องเขียนและของขวัญ และกลุ่มสินค้าสำหรับจัดงานปาร์ตี้รื่นเริง นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มประเภทสินค้าที่มีราคามากกว่า 60 บาท เพื่อเพิ่มทางเลือกให้แก่ลูกค้าอีกด้วย โดยจะมีสาขาของ Just Buy เปิดให้บริการในปลายปีนี้ รวมเป็น 45 สาขา – Great Value อีกหนึ่งสินค้าไพรเวทแบรนด์ภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘365 วันราคาเดียว’ ที่มียอดขายที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2560 มีแผนจะเพิ่มประเภทกลุ่มสินค้าให้มีความหลากลายมากขึ้น ได้แก่ กลุ่มสินค้าตกแต่งบ้าน เอาท์ดอร์ลีฟวิ่ง และโฮมออฟฟิศ รวมทั้งขยายพื้นที่การให้บริการของร้านเป็น 1,000 ตารางเมตรที่โรบินสัน ดีพาร์ทเม้นท์ สโตร์ สาขาแฟชั่นไอส์แลนด์ เป็นที่แรก ในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน 2560 นี้ รวมทั้งตั้งเป้าที่จะขยายสาขาเพิ่มอีก 10 สาขา ในโรบินสัน รวมเป็น 30 สาขา ในปลายปี 2560 นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมีแผนที่จะสร้างความแข็งแกร่งให้กับสินค้ากลุ่มโฮม โดยการผนึกกำลังระหว่างแบรนด์ Great Value และ Cuizimate ซึ่งเป็นอีกหนึ่งกลุ่มสินค้าของใช้ในบ้านของโรบินสันที่ได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า เพื่อตอกย้ำการเป็นผู้นำของ ‘โฮม เดสติเนชั่น’ อย่างแท้จริง – Payless ShoeSource ร้านรองเท้ามัลติแบรนด์ สินค้าที่วางจำหน่ายจะเน้นกลุ่มสินค้า Sneaker ที่ผ่านมาได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในกลุ่มลูกค้า โดยเฉพาะในต่างจังหวัด โดยตั้งเป้าในปีนี้ จะมีสาขา 41 สาขา – Baby shop ร้านสินค้าแฟชั่นสำหรับเด็ก มีแผนที่จะพัฒนาธุรกิจนี้อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเป็นธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตสูงในอนาคต โดยในปลายปีนี้ตั้งเป้ามีสาขารวมเป็น 9 สาขา Photo Credit : Facebook Payless ShoeSource Thailand “ในปี 2017 โรบินสันจะมี 46 สาขา แบ่งเป็นโมเดลศูนย์การค้า 20 สาขา และดีพาร์ทเมนต์สโตร์ 26 สาขา ส่วนในปี 2018 จะมีสาขาทั้งหมด 48 สาขา ขณะที่ปี 2019 – 2020 จะเปิดสาขาใหม่ไม่ต่ำกว่า 2 – 3 สาขาต่อปี ขึ้นอยู่กับสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศ โดยต่อไปจะเน้นขยาย “ศูนย์การค้าโรบินสัน ไลฟ์สไตล์” เป็นหลัก โดยเฉพาะ Store Format ขนาดกลาง และขนาดเล็ก (Compact Size) เพราะฉะนั้นคาดว่าเมื่อถึงปี 2020 โรบินสันจะมีสาขารวมกัน 55 สาขา โดยในจำนวนนี้เป็นโมเดลศูนย์การค้าโรบินสัน ไลฟ์สไตล์ 25 สาขา ช่วงเวลานี้นับเป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาแห่งการแข่งขันในตลาดค้าปลีกที่สำคัญของโรบินสัน ซึ่งเราจะเดินหน้ารุกตลาดค้าปลีกอย่างเต็มรูปแบบ ทั้งในแง่ของการขยายสาขา การบริหารจัดการแบรนด์สินค้า และการวางกลยุทธ์แผนการตลาดอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งการปรับกลยุทธ์ขององค์กรให้เหมาะสม รวดเร็วกับสภาวการณ์แข่งขันในรูปแบบต่างๆ เพื่อให้เข้าถึงและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบันได้อย่างตรงจุด ซึ่งคาดว่าจะส่งผลดีต่อภาพรวมของโรบินสัน” คุณวุฒิเกียรติ กล่าวทิ้งท้าย FYI
จำนวนสาขา “โรบินสัน” ทั่วประเทศ
ปี 2011 25 สาขา
ปี 2012 30 สาขา
ปี 2013 34 สาขา
ปี 2014 39 สาขา
ปี 2015 42 สาขา
ปี 2016 44 สาขา
ปี 2017 46 สาขา
ปี 2018 48 สาขา จำนวนสาขาของ Brand Management ปี 2017
– Payless Shoesource 41 สาขา
– Babyshop 9 สาขา
– Just buy 45 สาขา
– Great Value 30 สาขา | ในปี 2017 โรบินสันจะมี 46 สาขา แบ่งเป็นโมเดลศูนย์การค้า 20 สาขา และดีพาร์ทเมนต์สโตร์ 26 สาขา ส่วนในปี 2018 จะมีสาขาทั้งหมด 48 สาขา ขณะที่ปี 2019 – 2020 จะเปิดสาขาใหม่ไม่ต่ำกว่า 2 – 3 สาขาต่อปี ขึ้นอยู่กับสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศ
โดยต่อไปจะเน้นขยาย “ศูนย์การค้าโรบินสัน ไลฟ์สไตล์” เป็นหลัก โดยเฉพาะ Store Format ขนาดกลาง และขนาดเล็ก (Compact Size) เพราะฉะนั้นคาดว่าเมื่อถึงปี 2020 โรบินสันจะมีสาขารวมกัน 55 สาขา โดยในจำนวนนี้เป็นโมเดลศูนย์การค้าโรบินสัน ไลฟ์สไตล์ 25 สาขา | null | Closed QA | cc-by-nc-4.0 |
Retail_52906 | Retail | การพัฒนาธุรกิจค้าปลีกในยุค 4.0มีอะไรเป็นหัวใจสำคัญ | a. เทคโนโลยี
b. เศรษฐกิจ
c. เงินทุน
d. กำไร | คำตอบคือ a. เนื่องจาก การพัฒนาธุรกิจค้าปลีกในยุค 4.0 ปฏิเสธไม่ได้ว่า “เทคโนโลยี” คือหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนสู่เป้าหมาย ที่ต้องมีทั้งการ Evolution และ Revolution ไปพร้อมๆ กัน “เดอะมอลล์ กรุ๊ป” พยายามนำเทคโนโลยีเข้ามาอำนวยความสะดวกกับลูกค้า เพราะการพัฒนา Retail 4.0 คือการพัฒนาเพื่อตอบสนองลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น ภายใต้แนวคิดแบบ Customer Centric โดยเฉพาะการตอบโจทย์ลูกค้า กลุ่ม Generation Y และกลุ่ม Millennials ที่มีดิจิทัลไลฟ์สไตล์ชัดเจน ความสะดวกสบาย ความรวดเร็วมีความจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มดังกล่าว ดังนั้น การผนึกความร่วมมือในครั้งนี้ จึงเป็นการนำเทคโนโลยีล้ำสมัยของธุรกิจการเงินมาเพิ่มทางเลือกให้ผู้บริโภคในธุรกิจรีเทล ซึ่งคาดว่าหลังเปิดให้ใช้บริการ นอกจากความสะดวกสบายที่ลูกค้าได้รับ ยังสามารถเพิ่มความถี่ในการช้อปปิ้งของผู้บริโภค และสามารถขยายกลุ่มลูกค้าไปยังกลุ่มคนรุ่นใหม่ รวมถึงการพัฒนาระบบออนไลน์ต่างๆ ของห้างฯ ขณะเดียวกันเป็นการตอกย้ำภาพลักษณ์ “เดอะมอลล์ กรุ๊ป” ที่ขับเคลื่อนด้วย Innovation และ Pioneering Spirit มาโดยตลอด” คุณศุภลักษณ์ สรุปทิ้งท้าย | null | Multiple choice | cc-by-nc-4.0 |