title
stringlengths
15
178
author
stringlengths
2
19
date
stringlengths
18
25
tags
sequence
content
stringlengths
128
24.1k
ถูกใจแฟนๆ Netflix ดึงหนังอะนิเมะสตูดิโอจิบลิทั้ง 21 เรื่องมาลงฉาย
sunnywalker
20 January 2020 - 14:31
[ "Netflix", "Japan", "Anime", "Streaming" ]
ตัดหน้า HBO Max กันเลยทีเดียว เมื่อ Netflix ก็ได้สิทธิ์ฉายหนังของสตูดิโอจิบลิทั้ง 21 เรื่องเหมือนกัน โดยเริ่มฉาย 1 กุมภาพันธ์นี้ มาลงฉายทั่วนอกตลาดอเมริกาและญี่ปุ่น พร้อมซับไตเติล 28 ภาษา และพากย์ 20 ภาษา ถือเป็นโอกาสดีที่การ์ตูนของสตูดิโอจิบลิจะเข้าถึงคนในวงกว้างมากขึ้น แม้ HBO Max จะได้ดีลนี้ไปเหมือนกัน แต่การบริการก็จะยังจำกัดไม่กี่ประเทศ ซึ่ง Netflix มีความสามารถในการส่งคอนเทนต์ให้เข้าถึงคนวงกว้างได้มากกว่า แต่หนังที่ฉายไม่รวมเรื่องสุสานหิ่งห้อยหรือ Grave Of The Fireflies (1988) 1 กุมภาพันธ์ หนังที่นำมาลงฉายมีดังนี้ Castle in the Sky (1986), My Neighbor Totoro (1988), Kiki’s Delivery Service (1989), Only Yesterday (1991), Porco Rosso (1992), Ocean Waves (1993), Tales from Earthsea (2006) 1 มีนาคม Nausicaä of the Valley of the Wind (1984), Princess Mononoke (1997), My Neighbors the Yamadas (1999), Spirited Away (2001), The Cat Returns (2002), Arrietty (2010), The Tale of The Princess Kaguya (2013) 1 เมษายน Pom Poko (1994), Whisper of the Heart (1995), Howl's Moving Castle (2004), Ponyo on the Cliff by the Sea (2008), From Up on Poppy Hill (2011), The Wind Rises (2013) , When Marnie Was There (2014) ที่มา - Hollywood Reporter
อุตตม เตรียมร่างโร้ดแมพอุตสาหกรรมรถ EV ในไทยให้เสร็จภายในปีนี้, เสนอใช้รถบัสไฟฟ้า
BlackMiracle
20 January 2020 - 13:43
[ "Electric Car", "Thailand" ]
สำหรับประเทศไทยที่ก่อนหน้านี้ยังไม่มีความชัดเจนนักในเรื่องการผลักดันรถยนต์ไฟฟ้าและการวางโครงสร้างพื้นฐาน (infrastructure) เช่นเครือข่ายสถานีชาร์จ ล่าสุดนายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้ระบุว่าจะทำแผนแม่บทแห่งชาติเกี่ยวกับอุตสาหกรรมและการใช้รถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยให้เสร็จภายในปีนี้ นายอุตตม ระบุว่าการวางโร้ดแมพดังกล่าวเพื่อกระตุ้นค่ายรถยนต์ให้ลงทุนในประเทศไทย และสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนในการใช้รถยนต์ไฟฟ้า โดยจะผลักดันให้เกิดอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าอย่างจริงจังใน 3 ปี นอกจากนี้แผนดังกล่าวยังครอบคลุมถึงเครือข่ายสถานีชาร์จไฟว่าจะตั้งที่ใดบ้าง และจะใช้มาตรฐานหัวชาร์จแบบใด รวมถึงความเพียงพอของไฟฟ้าในประเทศ ด้านค่ายรถยนต์ระบุว่าพร้อมลงทุนในสถานีชาร์จ แต่ต้องการความชัดเจนด้านนโยบายของรัฐบาลก่อน และภาครัฐจะสนับสนุนมากน้อยเพียงใด อีกทั้งราคารถยนต์ไฟฟ้าที่สูงกว่ารถยนต์แบบปกติ ก็ต้องดูว่าทำอย่างไรผู้บริโภคจึงจะสนใจมากขึ้น สุดท้าย นายอุตตม ได้บอกว่าจะเสนอให้รถบัสที่พานักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวกรุงเทพฯ จะต้องใช้รถบัสไฟฟ้า รวมถึงหน่วยงานภาครัฐที่จะจัดซื้อรถยนต์ใหม่ก็ต้องซื้อรถยนต์ไฟฟ้าเป็นจำนวน 15% ของจำนวนรถยนต์ที่จะซื้อด้วย ที่มา - ไทยรัฐ
Instagram ถอดปุ่ม IGTV ออกจากหน้าแรกของแอป
arjin
20 January 2020 - 11:49
[ "Instagram", "IGTV" ]
Instagram ได้ปรับตำแหน่งของปุ่มในแอปเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยปุ่ม IGTV ที่ปกติอยู่มุมบนขวาของหน้า Home ได้หายไป ทำให้ผู้ต้องการเข้าชมเนื้อหาส่วน IGTV ต้องเข้าผ่านส่วน Explore หรือกดจากเนื้อหาที่ถูกเลือกแสดงใน Feed แทน ซึ่งเป็นท่าทีน่าสนใจว่า Instagram อาจลดความสำคัญของ IGTV ลง IGTV เปิดตัวเมื่อกลางปี 2018 มีเป้าหมายเป็นบริการสำหรับวิดีโอที่มีเนื้อหายาวมากขึ้น (สูงสุด 1 ชั่วโมง) ซึ่งในตอนแรกดูเหมือนจะต้องการแข่งขันกับ YouTube แต่ยังไม่ประสบผลมากนัก แอป IGTV ยังมีแอปแยกออกมาให้ดาวน์โหลดด้วยต่างหาก ซึ่งข้อมูลพบว่ายอดดาวน์โหลดอยู่ในระดับ 1 ล้านครั้งเท่านั้น ที่มา: TechCrunch
รวมข่าวลือ Galaxy S20 Ultra จอใหญ่ 6.9" 120Hz, แรม 16GB, เป็นรุ่นเดียวที่กล้อง 108MP
mk
20 January 2020 - 10:42
[ "Galaxy S20", "Samsung Galaxy", "Samsung", "Mobile", "Rumor" ]
ช่วงนี้มีข่าวหลุดของ Galaxy S20 สมาร์ทโฟนเรือธงของซัมซุงประจำปี 2020 ออกมาค่อนข้างเยอะ (ค่อนข้างชัวร์ว่าจะใช้ชื่อนี้แล้ว) ขอรวบเป็นข่าวเดียวเลยนะครับ Galaxy S20 จะแบ่งออกเป็น 3 รุ่นย่อยคือ Galaxy S20, Galaxy S20+ และ Galaxy S20 Ultra โดยสองรุ่นแรกมีสเปกเหมือนกันเกือบทุกอย่าง ยกเว้นขนาดหน้าจอ (6.2 นิ้ว vs 6.7 นิ้ว) กับความจุแบตเตอรี่ (4000 mAh vs 4500 mAh) เหมือนปีที่ผ่านๆ มา ส่วน Galaxy S20 Ultra ถือเป็นรุ่นย่อยรุ่นใหม่ ที่ขนาดหน้าจอจะใหญ่ขึ้นไปอีก (เป็น 6.9 นิ้ว) และใช้เซ็นเซอร์กล้องหลักตัวใหม่ ISOCELL Bright HMX 108MP ต่างจากสองรุ่นแรกที่ใช้กล้องหลัก 12MP ตัวเดิม รองรับการซูมออพติคัล 10x (รุ่นปกติ 3x), กล้องหน้า 40MP (รุ่นปกติ 10MP) และขยับแบตเตอรี่ขึ้นเป็น 5000 mAh สเปกที่แชร์กันระหว่าง Galaxy S20 ทั้งสามรุ่นย่อยคือ หน้าจอรีเฟรช 120Hz เจาะรูตรงกลาง (Infinity-O) หน่วยประมวลผล Exynos 990 (อาจมี Snapdragon 865 ในบางภูมิภาค) กันน้ำมาตรฐาน IP68 ระบบปฏิบัติการ Android 10 พร้อม OneUI 2.0 ข้อมูลความจุสตอเรจและแรมแตกต่างกันไปตามรุ่นย่อย แต่มีข่าวหลุดว่าจะมีรุ่นแรมสูงสุด 16GB และความจุสูงสุด 512GB วางขาย ที่มา - XDA, ExtremeTech, XDA
ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย (CIMB THAI Bank) กับการสร้างทีมดิจิทัลขึ้นมาเพื่อเปลี่ยนผ่านองค์กร
workplace
20 January 2020 - 10:36
[ "CIMB", "Blognone Workplace" ]
อุตสาหกรรมการเงินและธนาคารเป็นอุตสาหกรรมที่น่าจะมีการเปลี่ยนแปลงในเชิงเทคโนโลยีที่เร็วเป็นอันดับต้น ๆ และด้วยความที่ธนาคารเป็นองค์กรใหญ่ การเปลี่ยนแปลงในแต่ละองค์กรจึงมีรูปแบบเฉพาะตัวตามโครงสร้างองค์กรที่ต่างกันไป CIMB THAI เป็นธนาคารขนาดเล็ก ที่ปรับตัวเข้าสู่ยุคดิจิทัลโดยเลือกการสร้างทีม Digital Technology ขึ้นมาใหม่หมด เพื่อตอบโจทย์ของลูกค้าให้ได้มากที่สุดและเป็นแนวหน้าในการพา CIMB THAI เปลี่ยนผ่านองค์กรไปสู่เทคโนโลยีใหม่ ๆ ในอนาคต แน่นอนว่าทีมที่ค่อนข้างใหม่แบบนี้ CIMB THAI เลยอยากได้คนรุ่นใหม่เข้ามาช่วยกันสร้างสิ่งใหม่ ๆ เพื่อขับเคลื่อนองค์กรไปด้วยกัน ดิสรัปตัวเองด้วยการสร้างซอฟต์แวร์เฮ้าส์ขึ้นมาภายใน CIMB THAI อยู่ภายใต้ CIMB Group ซึ่งเป็นกลุ่มการเงินขนาดใหญ่สัญชาติมาเลเซีย ที่มีบริษัทลูกอยู่ทุกประเทศในภูมิภาคอาเซียน รวมถึงในประเทศไทยในชื่อธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย (CIMB THAI Bank) ที่ใช้นโยบายหลักเดียวกัน โดยปรับให้เข้ากับบริบทของสังคมไทยมากขึ้น แต่เดิมการพัฒนาแอปพลิเคชัน มีความจำเป็นต้องรอการสนับสนุนจากทีม Dev ส่วนกลางของ CIMB Group ที่มาเลเซียและเวนเดอร์ภายนอก ทำให้กระบวนการต่าง ๆ ไม่รวดเร็วเท่าที่ต้องการ อีกทั้งกระบวนการพัฒนาที่เป็น waterfall ส่งผลให้ CIMB THAI ขยับตัวด้านเทคโนโลยีค่อนข้างช้า คุณโจ - ฉัตรชัย แซ่อึ้ง, Head, Digital Technology คุณโจ - ฉัตรชัย แซ่อึ้ง ตำแหน่ง Head, Digital Technology เล่าว่าแนวทางของ CIMB THAI จึงเป็นการสร้างทีม Digital Technology แยกขึ้นมาต่างหาก เหมือนเป็นบริษัทเทคโนโลยีภายใน มีกระบวนการทำงานและวัฒนธรรมที่แยกออกมาเป็นอิสระ แม้จะยังคงมีบางส่วนที่ต้องเติมเต็มกฎระเบียบของธนาคารแห่งประเทศไทย แต่ก็ถือว่ามีความรวดเร็วคล่องตัวมากขึ้นกว่าเดิม คุณโจเปรียบว่าทีมนี้เหมือนเป็นสตาร์ทอัพ ที่มีแบ็คเป็นธนาคารใหญ่ ทำให้มีความมั่นคงกว่ามาก “ทีม Digital Technology มีอายุได้ราว 1 ปี กว่า ๆ แล้ว งานแรกของทีมคือสร้างแพลตฟอร์มดิจิทัลสำหรับผลิตภัณฑ์ลูกค้าทั่วไป อย่างแอป CIMB THAI Digital Banking ขึ้นมาใหม่แทนที่ของเดิม แน่นอนว่าเราเลือกใช้ Microservice Architecture และประยุกต์ใช้ Container Technology เชื่อมต่อกับ Legacy System อย่าง Core Bank รวมถึงระบบของภาครัฐอย่าง Promptpay, ITMX หรือ NDID ขณะเดียวกันก็ทำ API Gateway สำหรับเชื่อมกับฝั่ง front-end รวมถึง API ของพาร์ทเนอร์” ปัจจุบันการพัฒนา Digital Platform มีการพัฒนาไปได้ด้วยดี ซึ่ง Mission ต่อไปของทีมคือการ Utilize ฟังก์ชันงานต่างๆที่มีความเป็นไปได้ โดยมีเป้าหมายเพื่อผลักดันกระบวนการเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยีหลังบ้านของ CIMB THAI ทั้งหมด Tech Stack เครื่องมือที่ทีม Digital Technology ใช้ จะเป็นโอเพนซอร์สเสียส่วนมาก ยกตัวอย่างเช่น Development Tools เราใช้ Jenkins, SonarQube, GitLabs ส่วน Platform solution ใช้ OpenShift หรืออื่นๆ เช่น HAProxy, Redis, MySQL, Elastic Search, Grafana, Prometheus และ Kibana เป็นต้น ส่วนภาษาที่ใช้ก็มี Java, Swift, Kotlin และ Django กระบวนการการทำงาน ทีม Digital Technology เลือกประยุกต์ Agile SCRUM practice ซึ่งระยะเวลาของ Sprint จะอยู่ที่ประมาณ 3 สัปดาห์ ภายในทีมย่อยจะเป็นการรวมผู้เชี่ยวชาญในแต่ละด้านมาสร้างเป็นทีมย่อยๆ ซึ่งเราจะเรียกกันว่า squad เพื่อให้กระบวนการต่าง ๆ กระชับที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ นอกจากนี้ในทุก ๆ ครึ่งวันสุดท้ายของ sprint จะเป็นช่วงส่งเสริมการเรียนรู้ของคนในทีมว่าเจออะไร ระหว่างทำงาน คือนำความรู้ที่ได้มาแลกเปลี่ยนกัน หรือ อาจเป็นการทดลองสร้างนวัตกรรมอะไรใหม่ ๆ ที่อยากทำ เพื่อเป็นการเตรียมตัวสำหรับ sprint ถัดไป และด้วยการมีรากฐานอยู่ในอาเซียน ทำให้มีโอกาสได้ทำงานร่วมกับคนต่างชาติอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนพนักงานจากประเทศอื่น หรือ คนที่มาจากบริษัทแม่ที่มาเลเซีย รวมถึงโอกาสที่จะได้เดินทางไปทำงานที่ต่างประเทศด้วย สวัสดิการ คุณโจบอกว่า จุดเด่นของที่นี่คือการทำงานทุกอย่างเหมือนสตาร์ทอัพ อาทิ มี Macbook ให้ใช้งาน โดยมีการควบคุมการใช้งานในระดับที่ไม่เกิดความเสี่ยงต่อธุรกิจ แต่ก็ไม่ทำให้การทำงานติดขัด สามารถเข้าถึงเวบไซต์ที่จำเป็นต่อการทำงานได้ทั้งหมด มีเวลาเข้างานที่ยืดหยุ่น มีคอร์สฝึกอบรมทั้งภายในและภายนอกองค์กร มีการจัดแข่ง Hackathon ของ CIMB Group ที่มาเลเซียซึ่งก็มีการส่งคนไปร่วมทุกครั้ง วันลาพักร้อนขั้นต่ำ 15 วัน แต่สิ่งที่เหนือกว่าคือมีทรัพยากรและการสนับสนุนด้านสวัสดิการในระดับบริษัทใหญ่ อย่างทุนการศึกษาระดับปริญญาโท กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และที่สำคัญคือสวัสดิการด้านเงินกู้ ที่จะได้ดอกเบี้ยอัตราพิเศษ อีกทั้งประกันสุขภาพกลุ่มและการตรวจสุขภาพประจำปีที่เป็นพื้นฐานอยู่แล้ว มองหาคนแบบไหน คุณโจบอกว่าคนที่จะเหมาะสมกับที่ CIMB THAI คือคนที่ไม่เป็นน้ำเต็มแก้ว พร้อมเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ตลอดเวลา มี passion ในการทำงาน มีความรับผิดชอบในงานที่ทำ ขณะเดียวกันก็สามารถบาลานซ์เรื่องงานและไม่ใช่งานได้ด้วย เสียงสะท้อนจากพนักงาน คุณนนทนันท์ สุดลาภา Development Team Lead มาร่วมทีม Digital Technology ตั้งแต่แรก สร้างทุกอย่างขึ้นมาจากศูนย์ หน้าที่ที่ทำคือ รับ requirement จาก Product Owner รวมถึงการพิจารณาดูแล เพื่อตอบสนองต่อความต้องการอีกทั้ง Balances team capacity อีกด้วย มีโอกาสได้ทดลองเล่นของใหม่ ๆ ตลอดเวลาจากเทรนด์เทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงตลอด ได้ทำและเห็นกระบวนการทำงานทั้งหมดตั้งแต่ต้น ประทับใจเพื่อนร่วมงานและบรรยากาศการทำงาน ส่วนใหญ่เป็นคนวัยใกล้กันทำให้มีมุมมองและวิธีคิดไม่แตกต่างกันมากนัก เวลางานก็จริงจัง เวลาเล่นก็คือเล่น คุณอธิบญาณ ภาคย์สุภาพ UX Designer ทำงานที่นี่มาได้ราว 9 เดือน ประทับใจความ flexible การเปลี่ยนแปลงภายในที่ค่อนข้างเร็ว แม้ภาพลักษณ์องค์กรจะดู conservative แต่ทีมนี้มีแต่คนรุ่นใหม่ วิธีการทำงาน กระบวนการต่าง ๆ ใหม่หมด รวมถึงไม่ปิดกั้นวิธีการทำงาน แต่ละทีมย่อยสามารถหาวิธีทำงานที่ช่วยให้งานออกมาประสบผลสำเร็จ ข้อดีกว่าหลาย ๆ ที่ คือมั่นคงมากกว่า ทรัพยากรครบกว่า อิมแพคเยอะกว่า ทำออกไปแล้วเห็นผลหรือพิสูจน์ได้ทันที ที่ประทับใจอีกอย่างคือมีการประชุมใหญ่เป็นช่วง ๆ ให้ทุกทีมช่วยกันระดมไอเดีย ช่วยกันคิดว่าวิธีไหน โซลูชั่นไหนน่าจะเป็นไปได้ คุณกัญญณัช บุญสิทธิผล Quality Assurance ทำงานที่นี่มาได้ราว 1 ปี แต่รู้สึกว่าได้เรียนรู้ ได้ประสบการณ์ เติบโตมากกว่าที่เก่าที่อยู่มา 3 ปี ได้ทักษะที่หลากหลายมากขึ้นกว่าเดิม เจอปัญหา หรือมีข้อสงสัยอะไร สามารถถามพี่ ๆ ได้เสมอ การทำงานเป็นทีมเวิร์ค เดินไปข้างหน้าด้วยกัน ถ้าใครเจอปัญหา ทำไม่ได้ ก็จะมีพี่ ๆ มาช่วย อยู่กันเหมือนพี่น้อง
Huawei เซ็นสัญญาซื้อข้อมูลแผนที่จาก TomTom ใช้แทน Google Maps
mk
20 January 2020 - 10:30
[ "TomTom", "Huawei", "Maps" ]
ตัวแทนของ TomTom บริษัทแผนที่สัญชาติเนเธอร์แลนด์ เผยกับ Reuters ว่าเซ็นสัญญากับ Huawei เพื่อให้นำข้อมูลแผนที่ไปใช้ในแอพบนสมาร์ทโฟนแล้ว TomTom บอกว่าเซ็นสัญญานี้มาสักพักแล้ว แต่เพิ่งเปิดเผยต่อสาธารณะ ถึงแม้ TomTom ไม่เปิดเผยรายละเอียดของสัญญา ก็เดากันได้ไม่ยากว่า Huawei ซื้อข้อมูลแผนที่ไปใช้แทน Google Maps ใน Google Mobile Services (GMS) ที่มีปัญหาโดนแบน (TomTom เป็นบริษัทนอกสหรัฐ ไม่มีปัญหานี้) เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว Blognone ได้รับเชิญจาก Huawei ให้เข้าร่วมงาน Huawei Developer Day APAC 2019 ที่สิงคโปร์ ซึ่งเดโมตัวบริการ Huawei Mobile Services (HMS) บนเวทีก็โชว์ว่าใช้ข้อมูลแผนที่ของ TomTom แล้ว ปัจจุบัน TomTom ขายข้อมูลแผนที่และสภาพจราจรให้บริษัทต่างๆ โดยเฉพาะบริษัทรถยนต์ และยังมีลูกค้าเป็นผู้ให้บริการแผนที่ทั้ง Google, Microsoft, Apple ด้วยเช่นกัน ที่มา - Reuters ภาพจาก @TomTom
Citrix ออกแพตช์ช่องโหว่ ADC/NetScaler ชุดแรก ที่เหลือจะออกในสัปดาห์นี้
lew
20 January 2020 - 09:46
[ "Citrix", "Security" ]
Citrix ประกาศออกแพตช์ช่องโหว่ Citrix ADC และ Citrix Gateway ในเวอร์ชั่น 11.1 และ 12.0 สองตัวแรก พร้อมกับเร่งความเร็วแพตช์รุ่นอื่นๆ ให้เร็วกว่าที่ประกาศตอนแรกอีกหนึ่งสัปดาห์ เป็นวันที่ 24 มกราคมนี้ ช่องโหว่นี้เป็นช่องโหว่รันโค้ดระยะไกล โดยไม่ต้องล็อกอินก่อนโจมตี (unauthenticated remote code execution) โดยช่องโหว่ถูกเปิดเผยมาตั้งแต่ปลายเดือนที่แล้ว และที่ผ่านมามีแต่กระบวนการลดความเสี่ยง (mitigation) เท่านั้น โดยก่อนหน้านี้มีรายงานถึงการสแกนเซิร์ฟเวอร์ที่มีความเสี่ยงและตัวอย่างโค้ดสำหรับการโจมตีเผยแพร่ออกมาแล้ว ทาง Citrix แนะนำให้ผู้ใช้เซิร์ฟเวอร์รุ่นที่ยังไม่มีแพตช์ให้คอนฟิกเพื่อลดความเสี่ยงก่อน และสำหรับรุ่นที่มีแพตช์แล้วแม้คอนฟิกไปแล้วก็ควรติดตั้งแพตช์โดยเร็ว ที่มา - Citrix ภาพ Citrix SD-WAN 5100 SE
ผลจากสตรีมมิ่ง ประเมินยอดขาย Blu-ray จะลดลง 153 ล้านแผ่น (31%) ในอีก 5 ปีข้างหน้า
mk
20 January 2020 - 09:12
[ "Blu-ray", "IT Industry" ]
การมาถึงของภาพยนตร์สตรีมมิ่ง ย่อมส่งผลกระทบต่อยอดขายหนังแผ่น บริษัทวิจัยตลาด ResearchAndMarkets.com ออกรายงานประเมินยอดขายแผ่นและเครื่องเล่น Blu-ray นับจากปี 2019 ไปถึงปี 2015 ยอดขายแผ่น Blu-ray จะลดลงจาก 488.1 ล้านแผ่นในปี 2019 เหลือ 334.7 ล้านแผ่นในปี 2025 (เฉลี่ยลดปีละ 6.1% หรือลดลงรวม 31.4% หายไป 153 ล้านแผ่น) ยอดขายเครื่องเล่น Blu-ray จะลดลงจาก 46.6 ล้านเครื่องในปี 2019 เหลือ 16.1 ล้านเครื่องในปี 2025 (เฉลี่ยลดปีละ 16.2%) ที่มา - ResearchAndMarkets.com
Realme 3 Pro และ Realme XT ได้อัพเดต Android 10 แล้ว
mk
20 January 2020 - 07:39
[ "Realme", "Android 10", "Mobile" ]
แบรนด์มือถือจีนที่มาแรงอย่าง Realme ออกอัพเดต Android 10 ให้ Realme 3 Pro และ Realme XT ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน ก่อนหน้านี้ Realme ใช้รอม Color OS ของ Oppo แต่พอมาถึงยุคของ Android 10 ก็เริ่มปรับแต่งหน้าตา UI ของตัวเองให้ต่างออกไป หน้าตาดูคล้าย Stock Android มากขึ้น และใช้ชื่อว่า realme UI ซึ่งเริ่มใช้งานใน Realme X50 5G ที่เพิ่งเปิดตัวในจีน และตามอัพเดตมาให้ Realme 3 Pro/XT อย่างรวดเร็ว ที่มา - Realme (3 Pro), Realme (XT)
SpaceX ทดสอบระบบยกเลิกภารกิจฉุกเฉินแบบไร้คนสำเร็จ รอบหน้าทดสอบโดยมีนักบิน
lew
20 January 2020 - 00:23
[ "SpaceX", "NASA", "Space" ]
SpaceX ทดสอบระบบยกเลิกภารกิจในกรณีที่มีความผิดพลาด โดยยาน Crew Dragon ต้องแยกตัวออกจากจรวด Falcon 9 แล้วลงจอดในมหาสมุทร การจำลองการแยกตัว ระหว่างจรวด Falcon 9 กำลังยิงขึ้นไป เมื่อ Crew Dragon พร้อมจรวดขั้นที่สอง (trunk section) แยกตัวออกไปพร้อมกัน และตัวจรวด Falcon 9 ก็ระเบิด เนื่องจากแรงต้านอากาศที่สูงขึ้นจากการไม่มีจรวดอยู่ด้านบน โดยจรวด Falcon 9 ที่ใช้ในครั้งนี้เป็นการใช้ภารกิจที่ 4 แล้ว ตัวยาน Crew Dragon ลงสู่บรรยากาศโลก ปล่อยร่มชูชีพขั้นแรกที่ นาทีที่ 4:45 จากนั้นลงมาที่ความสูง 20,000 ฟุต (ประมาณ 6 กิโลเมตร) ก็ปล่อยร่มชูชีพขั้นที่สองที่เป็นร่มขนาดใหญ่กว่า หลังการทดสอบนี้ทางนาซ่าและ SpaceX จะวิเคราะห์ข้อมูลโดยกินเวลาหลายสัปดาห์ แต่หากทุกอย่างไม่มีปัญหาก็จะเริ่มภารกิจ Demo-2 ที่มีนักบินขึ้นไปด้วย ที่มา - SpaceNews, @SpaceX
Red Hat อัพเดต OpenShift 4.3 รองรับการเข้ารหัสดิสก์, เชื่อมต่อคลาวด์ผ่าน VPN/VPC
lew
19 January 2020 - 23:54
[ "OpenShift", "Red Hat", "Kubernetes" ]
Red Hat อัพเดต OpenShift แพลตฟอร์มคอนเทนเนอร์ที่พัฒนาจาก Kubernetes 1.16 เป็นรุ่น 4.3 เน้นเพิ่มมาตรการความปลอดภัยและการเข้ารหัสเพิ่มเติมตามมาตรฐาน FIPS เช่น เพิ่มการเข้ารหัสเพิ่มเติม โดยหากรัน OpenShift บน RHEL ที่อยู่ในโหมด FIPS ก็จะใช้งานไลบรารี FIPS ไปด้วย รองรับการเข้ารหัสข้อมูลของ etcd เพื่อให้ secret ทั้งหมดถูกเข้ารหัสบนดิสก์ NBDE (Network-Bound Disk Encryption) สร้าง Volume เข้ารหัส สำหรับผู้ใช้แบบไฮบริดคลาวด์ สามารถใช้งาน OpenShift แล้วเชื่อมต่อกับคลาวด์ผ่าน VPN/VPC โดยเรียก LoadBalancer ผ่านทางไอพีภายใน (private facing endpoint) นอกจากการอัพเดตนี้ ยังมี Red Hat OpenShift Container Storage 4 เปิดตัวมาพร้อมกัน โดยรองรับการทำ object storage ด้วย Amazon S3 API ที่มา - Red Hat ภาพหน้าจอ OpenShift จาก OpenShift Blog
พุทธิพงษ์ เยือน Facebook หารือข่าวปลอม, เนื้อหาผิดกฎหมาย ชี้เป็นปัญหาหนักในไทย
sunnywalker
19 January 2020 - 21:53
[ "Facebook", "Thailand", "Fake", "Freedom of Information" ]
นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอี โพสต์ Facebook เผยว่าได้ไปเยือน Facebook ที่สหรัฐฯ และได้ไปหารือเรื่องมาตรการจัดการกับข่าวปลอม ข้อมูลปลอม หรือเพจที่มีเนื้อหาไม่เหมาะสม ผิดกฎหมาย และยังย้ำด้วยว่าเรื่องเหล่านี้เป็น "ปัญหาหนักของประเทศไทย" นายพุทธิพงษ์ บอกเพิ่มเติมว่า Facebook ถูกใช้เป็นพื้นที่เผยแพร่ข่าวปลอม และถูกแชร์ออกไปอย่างรวดเร็ว โดยใช้ account อวตาร ไม่ใช่คนจริง account ปลอมที่แอบอ้างเป็นผู้อื่นปล่อยข่าวปลอม ทำให้ประชาชนหลงเชื่อ สร้างความเสียหายแก่บ้านเมืองและประชาชนหลายๆ ด้าน ไม่ว่าด้านสุขภาพ เงินทอง ภัยพิบัติ หรือความมั่นคง ในโพสต์ต้นทางระบุด้วยว่า ทาง Facebook ได้ตกลงตั้งคณะทำงานระหว่างเฟซบุ๊กและกระทรวงดิจิทัลฯ เพื่อทำงานร่วมกันอย่างเต็มที่ จัดการเนื้อหาที่เป็นเท็จ มีขั้นตอนในการทำงานร่วมกันอย่างชัดเจน และ timeline กระบวนการแจ้งลบ account ปลอม หรือข้อมูลเท็จได้อย่างรวดเร็วกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้ ที่ผ่านมาแจ้งไปหลายหมื่นเรื่องก็ไม่ได้ดำเนินการ เราก็ทำอะไรไม่ได้เพราะเป็น platform ของเอกชน ต้องให้ทางเฟซบุ๊กดำเนินการเท่านั้น เป็นปัญหาและอุปสรรคในการทำงานอย่างมาก จากนี้คงจะแก้ปัญหาได้ดีขึ้นเร็วขึ้นตามที่ได้หารือกัน ที่มา - พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์
อันดับเกมขายดีประจำปี 2019 ในสหรัฐ Call of Duty: Modern Warfare แชมป์
mk
19 January 2020 - 20:18
[ "Call of Duty", "Games", "Ranking", "NPD" ]
บริษัทวิจัยตลาด NPD ออกรายงานเกมที่มียอดขายสูงสุดในปี 2019 (นับเฉพาะตลาดสหรัฐอเมริกา) แชมป์ไม่ผิดจากความคาดหมายนักคือ Call of Duty: Modern Warfare ภาครีบูต เกมกีฬายังเป็นเกมที่ทำเงินได้ดีต่อเนื่อง โดย NBA 2K20 ตามมาที่อันดับสอง, Madden NFL 20 ที่อันดับสาม และถึงแม้ฟุตบอลอาจไม่ใช่กีฬาที่นิยมในอเมริกามากนัก FIFA 20 ยังติดอันดับ 14 มาด้วย เกมอื่นที่น่าสนใจคือ Borderlands 3 อยู่ที่อันดับ 4, Mortal Kombat 11 ที่อันดับ 5 ส่วนเกมเก่าบางเกมก็ยังทำรายได้ต่อเนื่อง เช่น GTA V (อันดับ 11), Minecraft (อันดับ 13) และเกมที่ถือว่าแป๊กอย่าง Anthem ยังติดอันดับ 15 20 อันดับเกมขายดีประจำปี 2019 (รวมทุกแพลตฟอร์ม, เฉพาะในสหรัฐ) Call of Duty: Modern Warfare 2019 NBA 2K20 Madden NFL 20 Borderlands 3 Mortal Kombat 11 Star Wars Jedi: Fallen Order Super Smash Bros. Ultimate Kingdom Hearts III Tom Clancy’s The Division 2 Mario Kart 8 Grand Theft Auto V Red Dead Redemption II Minecraft FIFA 20 Anthem Pokemon Sword Resident Evil 2 2019 Luigi’s Mansion 3 Days Gone New Super Mario Bros. U Deluxe ที่มา - VentureBeat
ผลทดสอบเบนช์มาร์คเบราว์เซอร์: Edge ตัวใหม่ชนะ Chrome ได้ในเกือบทุกการทดสอบ
mk
19 January 2020 - 09:42
[ "Microsoft Edge", "Browser", "Chrome", "Firefox", "Brave", "Chromium", "Benchmark" ]
เว็บไซต์ VentureBeat ทดสอบเบนช์มาร์ค วัดประสิทธิภาพของเว็บเบราว์เซอร์ 4 ตัวคือ Chrome, Firefox, Edge (ตัวใหม่) และ Brave การทดสอบใช้ Surface Laptop ที่ติดตั้ง Windows 10 Pro ใหม่, ติดตั้งเบราว์เซอร์ทั้ง 4 ตัวที่เป็นเวอร์ชันล่าสุด แล้วรันเบนช์มาร์คชื่อดัง เช่น SunSpider, Octane, Kraken ฯลฯ รวมทั้งหมด 8 ตัว ผลคือ Edge ชนะไปถึง 4 เบนช์มาร์ค (SunSpider, JetStream, MotionMark, Speedometer) Firefox ชนะ 2 เบนช์มาร์ค (Kraken, WebXPRT) Chrome ชนะเพียง 1 เบนช์มาร์ค (Octane) Brave ชนะ 1 เบนช์มาร์ค (Basemark) เนื่องจาก Chrome, Edge, Brave ต่างใช้เอนจิน Chromium ผลการทดสอบเบนช์มาร์คจึงไม่แตกต่างกันแบบทิ้งห่าง แต่ Edge ก็สามารถเฉือนชนะ Chrome และ Brave ได้แบบค่อนข้างเซอร์ไพร์สทีเดียว กรณีของ Firefox ที่ใช้เอนจินต่างไป มีผลต่อคะแนนเบนช์มาร์คบางตัวอย่างชัดเจน เช่น ทำคะแนน Octane, Jetstream, MotionMark ได้แย่กว่าเอนจิน Chromium แต่ก็ได้คะแนนดีใน Kraken ซึ่งเป็นชุดทดสอบที่พัฒนาโดย Mozilla เอง ที่มา - VentureBeat
Epic Games Store เผยตัวเลขลูกค้า 108 ล้านคน, ยังแจกเกมฟรีตลอดปี 2020
mk
19 January 2020 - 09:05
[ "Epic Games", "Games" ]
Epic Games เผยสถิติของร้านขายเกม Epic Games Store นับจากเปิดบริการในเดือนธันวาคม 2018 มีลูกค้า (ใช้คำว่า customer) จำนวน 108 ล้านคน มีรายได้จากการซื้อเกม 680 ล้านดอลลาร์, ในจำนวนนี้เป็นรายได้เข้าผู้พัฒนารายอื่น (third party) 251 ล้านดอลลาร์ Epic จ่ายค่าส่วนลดและคูปองไปแล้ว 23 ล้านดอลลาร์ แจกเกมฟรีไปแล้ว 73 เกม คิดเป็นมูลค่ารวม 1,455 ดอลลาร์ มีการเคลมเกมฟรีไปแล้ว 200 ล้านครั้ง Epic ยังประกาศนโยบายแจกเกมฟรีทุกสัปดาห์ ว่าจะมีต่อไปตลอดปี 2020 ด้วย ที่มา - Epic Games
ไมโครซอฟท์แจ้งเตือนช่องโหว่ Internet Explorer ระดับวิกฤติ มีการโจมตีแล้วยังไม่มีแพตช์
lew
18 January 2020 - 21:25
[ "Internet Explorer", "Security" ]
ไมโครซอฟท์แจ้งเตือนช่องโหว่ CVE-2020-0674 กระทบ Internet Explorer เวอร์ชั่น 9 ถึง 11 โดยเป็นช่องโหว่ระดับวิกฤติเปิดทางให้แฮกเกอร์รันโค้ดในเครื่องของเหยื่อได้ เพียงล่อล่วงให้เหยื่อเปิดเว็บหรือส่งอีเมลเพื่อให้เบราว์เซอร์ทำงาน ไมโครซอฟท์ระบุว่าช่องโหว่นี้มีการโจมตีอย่างเจาะจงเป้าหมายแล้ว และแพตช์กำลังอยู่ระหว่างการพัฒนา โดยระหว่างนี้การใช้ Internet Explorer สามารถลดความเสี่ยงด้วยการเปิดโหมด Enhanced Security Configuration หรือบนวินโดวส์ทุกรุ่นสามารถปิดการเข้าถึงไฟล์ jscript.dll ด้วยคำสั่ง takeown /f %windir%\syswow64\jscript.dll cacls %windir%\syswow64\jscript.dll /E /P everyone:N takeown /f %windir%\system32\jscript.dll cacls %windir%\system32\jscript.dll /E /P everyone:N ช่องโหว่รายงานโดยทีมวิจัยของ Qihoo 360 โดยระบุว่าช่องโหว่นี้มีความเชื่อมโยงกับช่องโหว่ไฟร์ฟอกซ์ที่เพิ่งอัพเดตนอกรอบเมื่อสัปดาห์ก่อน ที่มา - ZDNet ภาพหน้าจอ Internet Explorer 11 จากไมโครซอฟท์
Windows Terminal ออกเวอร์ชัน 0.8 เพิ่มเอฟเฟคต์แสดงผลแบบจอ CRT, ใช้ฟังก์ชันค้นหาได้แล้ว
Job_The_Gamer
18 January 2020 - 19:54
[ "Windows Terminal", "Microsoft" ]
ไมโครซอฟท์ออกอัพเดตเวอร์ชัน 0.8 ให้กับ Windows Terminal แอพจำลองหน้าจอเทอร์มินัลที่ถูกสร้างมาเพื่อเพิ่มความสามารถใหม่ๆ ให้กับการใช้งาน shell บนระบบปฏิบัติการ Windows 10 ของใหม่ที่เพิ่มเข้ามาอย่างแรก อาจไม่เป็นประโยชน์ต่อการทำงานเท่าไหร่ (แต่ดูเจ๋งดี) คือการใส่เอฟเฟคต์ CRT เพื่อจำลองเทอร์นิมัลให้แสดงผลภาพย้อนยุคเสมือนใช้จอมอนิเตอร์แบบหลอดภาพสมัยก่อน สามารถทดลองเปิดใช้งานได้ด้วยการกรอกการตั้งค่าด้านล่างลงใน profiles ของ shell ที่ต้องการ อย่างที่สองเป็นฟีเจอร์ที่แอพจำลองหน้าจอเทอร์มินัลควรจะต้องมี โดยเวอร์ชันนี้จะสามารถเรียกใช้ฟังก์ชันค้นหาบนแต่ละ shell ได้แล้วผ่านคีย์ลัด Ctrl+Shift+F ไม่เพียงแค่นั้นอัพเดตนี้ยังมาพร้อมกับการปรับปรุง UI และการแก้ไขบั๊กหลายรายการ ท่านใดสนใจลอง Windows Terminal รุ่นทดสอบ (ตัวแอพยังคงแปะป้ายพรีวิว) สามารถเข้าไปดาวน์โหลดได้ที่ Microsoft Store ทั้งนี้จำเป็นจะต้องใช้กับ Windows 10 v1903 ขึ้นไปครับ ที่มา - Microsoft via MSPoweruser, Neowin
CentOS ออกรุ่น 8.1 รองรับการแพตช์เคอร์เนลไม่ต้องบูต, เข้ารหัสดิสก์ใหม่ขณะใช้งาน
lew
18 January 2020 - 19:09
[ "CentOS", "Open Source", "Linux" ]
CentOS 8.1 ออกตามหลัง RHEL 8.1 ที่ออกมาเมื่อปลายปีที่แล้ว การอัพเดตซอฟต์แวร์ตามมาเกือบทั้งหมด โดยเฉพาะฟีเจอร์ kpatch สำหรับการแพตช์เคอร์เนลโดยไม่ต้องบูตที่ดิสโทรอื่นๆ มักเป็นฟีเจอร์เสียเงินหรือต้องสมัครสมาชิก ฟีเตอร์อื่น เช่น ชุดคอมไพลเลอร์ Extended Berkeley Packet Filter (eBPF) สำหรับเขียนโค้ดไปรันในเคอร์เนลรองรับอย่างเป็นทางการ, กระบวนการเข้ารหัสดิสก์ LUKS2 รองรับการเข้ารหัสใหม่ (re-encrypting) ขณะที่ดิสก์กำลังใช้งานอยู่ เครื่องมือพัฒนาอัพเดตใหม่ ชุด GCC Toolset 9, PHP 7.3, Ruby 2.6, Node.js 12, nginx 1.16, LLVM 8.0.1, Rust 1.37, และ Go Toolset 1.12.8 ที่มา - CentOS ภาพจาก CentOS
LINE บน iOS ออกอัพเดต 10.0.1 แก้ปัญหาแอปเด้งเวลากดเข้าห้องแชท
arjin
18 January 2020 - 18:06
[ "LINE", "iOS" ]
LINE สำหรับผู้ใช้งานระบบปฏิบัติการ iOS ออกอัพเดตเวอร์ชัน 10.0.1 ซึ่งเป็นการแก้ไขบั๊กซึ่งมีรายงานเข้ามาในเวอร์ชันก่อนหน้า 10.0.0 ที่ออกมาเมื่อ 3 วันที่แล้ว ปัญหาที่รายงานคือแอปจะเด้งออก (แอปปิด) เมื่อกดเข้าห้องแชทบางห้องจากหน้ารวมแชท โดย LINE ระบุในตอนแรกว่ารับทราบปัญหาและจะออกตัวแก้ไขโดยเร็วที่สุด ผู้ใช้ LINE บน iOS ที่พบปัญหานี้ก็ไปอัพเดตตัวแก้ไขได้ที่ App Store ที่มา: LINE
Jeff Bezos: “ผมคงเป็นโปรแกรมเมอร์ที่มีความสุขอยู่สักที่ ถ้า Amazon ล้มเหลว”
BlackMiracle
18 January 2020 - 16:53
[ "Jeff Bezos", "Amazon" ]
Jeff Bezos เป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก เรารู้จักเขาดีในฐานะผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Amazon บริษัทอีคอมเมิร์ซชื่อดัง แต่เราอาจไม่รู้ประวัติของเขามากนักเมื่อเทียบกับซีอีโอบริษัทเทคโนโลยีอื่นๆ อย่าง Mark Zuckerberg แห่ง Facebook หรือ Steve Jobs แห่ง Apple หลายวันที่ผ่านมา Jeff ไปเยือนอินเดีย และเขาได้พูดเกี่ยวกับความสำเร็จของตน โดยเมื่อปี 1986 เขาเรียนจบสาขาวิศวกรรมไฟฟ้าและวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์จากมหาวิทยาลัย Princeton และปฏิเสธข้อเสนองานจาก Intel, Bell Labs และ Anderson Consulting เพื่อไป “นั่งแก้บั๊ก” ที่บริษัทสตาร์ทอัพด้านโทรคมนาคมชื่อ Fitel และทำอยู่ที่นั่นสองปีก่อนจะย้ายไปเป็นโปรแกรมเมอร์ที่ธนาคาร Bankers Trust ต่อมา เขาวางแผนว่าจะย้ายไปหางานในบริษัทเทคโนโลยีโดยตรง แต่กลับไปได้งานที่บริษัทจัดการกองทุน D.E. Shaw เสียก่อนเพราะคุยถูกคอกับ David Shaw ผู้ก่อตั้งบริษัทที่เป็นคนสายคอมพิวเตอร์เหมือนกัน โดย Jeff ต้องรับผิดชอบการค้นคว้าหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ บนอินเทอร์เน็ต (ซึ่งเป็นของใหม่ในขณะนั้น) และวันหนึ่งขณะการประชุม เขาก็ปิ๊งไอเดียการขายหนังสือทางอินเทอร์เน็ต ภาพจาก @JeffBezos Jeff Bezos ได้พูดคุยกับ David Shaw เกี่ยวกับไอเดียการขายหนังสือ แต่ David ไม่เห็นด้วยโดยบอกว่ามันเป็นไอเดียที่ดี...สำหรับคนไม่มีงานทำ แต่ Jeff อยากทำตามไอเดียนี้มาก เลยตัดสินใจลาออกจากงานมาเริ่มทำเว็บไซต์ Amazon ในปี 1995 โดยเขาบอกว่า “ผมรู้ว่าผมจะไม่เสียใจเลย หากได้ลองทำแล้วไม่สำเร็จ” และกลายมาเป็นธุรกิจมูลค่ากว่า 9.26 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 28 ล้านล้านบาท ที่อินเดีย Jeff ยังบอกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นใน 25 ปีที่ผ่านมานั้นเกินความคาดหมายของเขาไปมาก “ผมอยากสร้างบริษัท แต่ไม่ใช่บริษัทอย่างที่คุณเห็นทุกวันนี้” เขากล่าว สุดท้ายเขาบอกว่าถ้า Amazon ไม่ประสบความสำเร็จ เขาคงทำงานเป็นโปรแกรมเมอร์ที่มีความสุขมากๆ อยู่สักแห่งหนึ่ง ที่มา - CNBC
Manfrotto เปิดตัวเมมโมรี่การ์ดซีรีส์ Pro Rugged ชูจุดขายทนที่สุดในตลาด
nutmos
18 January 2020 - 16:13
[ "Manfrotto", "SD Card", "microSD", "CompactFlash" ]
Manfrotto ผู้ผลิตอุปกรณ์กล้องที่โด่งดังในเรื่องขาตั้งกล้อง ได้เปิดตัวสินค้าใหม่เป็นเมมโมรี่การ์ดสำหรับกล้องซีรีส์ Pro Rugged โดยชูจุดขายด้านความทนที่ Manfrotto เคลมว่าการ์ดของบริษัททนที่สุดในตลาด (toughest memory cards on the market) Manfrotto Pro Rugged มีให้เลือกทั้ง SD, MicroSD และ CompactFlash โดยมีสเปคดังนี้ Pro Rugged SD มาในความจุ 64GB และ 128GB มาตรฐาน V90 มีความเร็วอ่านเขียนสูงสุด 280MB/s และ 250MB/s ตามลำดับ ส่วน Pro Rugged MicroSD มาในความจุ 64GB และ 128GB มาตรฐาน V30 มีความเร็วการอ่านเขียนสูงสุด 90MB/s ตัวการ์ด SD และ MicroSD ออกแบบซีลกันน้ำกันฝุ่น สามารถอยู่ในน้ำได้นาน 72 ชั่วโมงโดยตัวการ์ดไม่เสียหาย ผลิตจากพลาสติกแข็ง ให้ความทนทานกว่าการ์ดปกติ ผ่านการทดสอบการใช้งานที่อุณหภูมิ -25 ถึง 85 องศาเซลเซียสมาแล้ว นอกจากนี้ Manfrotto ระบุว่า Pro Rugged SD (ไม่รวม MicroSD) ถูกออกแบบมาให้ทนทานกว่า SD ทั่วไปถึง 3 เท่า ทนแรงกระแทกได้สูงสุด 20 กิโลกรัม สุดท้ายคือ Pro Rugged CompactFlash มาในความจุ 64GB และ 128GB เช่นกัน เป็นการ์ดระดับมาตรฐาน UDMA 7 มีความเร็วอ่านเขียนสูงสุด 160MB/s และ 130MB/s ตามลำดับ ตัวการ์ดทำจากวัสดุที่แข็งแรงกว่าการ์ดทั่วไป ทนแรงกระแทกสูงสุด 35 กิโลกรัม ใช้งานได้ที่อุณหภูมิจุดเยือกแข็งถึง 70 องศาเซลเซียส แต่ไม่กันน้ำ ตอนนี้ Manfrotto เริ่มวางจำหน่ายการ์ดทุกรุ่นบนเว็บไซต์แล้ว ที่ราคาดังนี้ SD: 64GB ราคา 114.99 ดอลลาร์, 128GB ราคา 224.99 ดอลลาร์ โดยมีโปรโมชั่นช่วงเปิดตัวลดราคา 50% MicroSD: 64GB ราคา 31.99 ดอลลาร์, 128GB ราคา 41.99 ดอลลาร์ ComptactFlash: 64GB ราคา 79.99 ดอลลาร์, 128GB ราคา 149.99 ดอลลาร์ ที่มา - Manfrotto, PetaPixel, dpreview
Leica เปิดตัวกล้อง M10 Monochrom พร้อมเซนเซอร์ใหม่เพื่อการถ่ายภาพขาวดำโดยเฉพาะ
nutmos
18 January 2020 - 14:46
[ "Leica", "Camera", "Rangefinder" ]
Leica เปิดตัวกล้อง rangefinder ขาวดำรุ่นใหม่ M10 Monochrom โดยเป็นกล้องที่ออกแบบมาเพื่อภาพขาวดำโดยเฉพาะ Leica M10 Monochrom ใช้เซนเซอร์ 40 ล้านพิกเซลแบบใหม่ที่ Leica ระบุว่าสร้างขึ้นมาเพื่อการถ่ายภาพขาวดำ ตัวกล้องมี ISO 160 ถึง 100,000 รวมถึงให้ไดนามิกเรนจ์ที่กว้างขึ้น ส่วนรูปลักษณ์ภายนอกของตัวกล้อง Leica ออกแบบให้ไม่มีสีสันที่ตัวบอดี้ มีเพียงสีเทากลาง ๆ รอบตัวกล้องเท่านั้น ไม่มีจุดแดงอันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ ความหนาเท่าตัวกล้องโมเดล M10 รุ่นอื่น ๆ มีวงแหวนปรับ ISO, โหมดชัตเตอร์เงียบ และหน้าจอแบบสัมผัส และสามารถเชื่อมต่อกับแอป Fotos ของ Leica เพื่อถ่ายโอนรูปภาพผ่าน Wi-Fi ได้ Leica เริ่มวางจำหน่าย M10 Monochrom แล้วที่ราคา 8,295 ดอลลาร์ หรือราว 252,000 บาท ที่มา - dpreview
ดิสโทรสำหรับคอนเทนเนอร์ Fedora CoreOS ออกรุ่นเสถียร หลังผนวก CoreOS มาอยู่กับ Fedora
mk
18 January 2020 - 13:07
[ "CoreOS", "Fedora", "Container", "Linux", "Red Hat", "Open Source" ]
Red Hat ซื้อกิจการ CoreOS ในปี 2018 และประกาศรวมดิสโทรโอเพนซอร์ส CoreOS Container Linux เข้ากับโครงการ Fedora Fedora CoreOS จะกลายเป็นดิสโทรตัวเดียวสำหรับงานรันคอนเทนเนอร์ (ก่อนหน้านี้มีทั้ง CoreOS กับ Fedora Atomic) โดยมันออกรุ่นทดสอบแรกเมื่อกลางปี 2019 และตอนนี้พร้อมใช้งานแบบ production แล้ว Fedora CoreOS ถือเป็นอีก edition ในสังกัด Fedora โดยเวอร์ชันเสถียรตัวแรกพัฒนาต่อมาจาก Fedora 31 ที่ออกเมื่อเดือนตุลาคม 2019 ใช้เคอร์เนลเวอร์ชัน 5.4, systemd 243, Podman 1.7 Fedora CoreOS เวอร์ชันแรกยังรองรับเฉพาะสถาปัตยกรรมซีพียู x86_64 แต่ก็ทำงานได้ทั้งบนเครื่องจริง (bare metal), เครื่องเสมือน (VMware, QEMU) และคลาวด์หลากหลายยี่ห้อ (AWS, Azure, GCP, Alibaba) Red Hat แนะนำว่าคนที่ใช้งาน CoreOS Container Linux หรือ Fedora Atomic ของเดิม ไม่สามารถย้ายงานมารันบน Fedora CoreOS ได้ตรงๆ และต้องเขียนไฟล์คอนฟิกกันใหม่ ตัว CoreOS Container Linux จะยังซัพพอร์ตต่อไปอีกสักระยะหนึ่ง ก่อนจะย้ายมาใช้ Fedora CoreOS อย่างถาวร ที่มา - Fedora
Firefox for Android ตัวใหม่ เข้าสถานะทดสอบแบบ Nightly, ออกตัวจริงกลางปี 2020
mk
18 January 2020 - 10:59
[ "Firefox", "Mozilla", "Browser" ]
เมื่อกลางปีที่แล้ว Mozilla ประกาศ "ยกเครื่อง" Firefox for Android ใหม่ ใช้เอนจินใหม่ GeckoView, ดีไซน์หน้าตาใหม่ และมีฟีเจอร์ใหม่ๆ หลายอย่าง แต่เนื่องจากมันเพิ่งเริ่มพัฒนา จึงแยกมันเป็นแอพอีกตัวชื่อ Firefox Preview ที่ต่างจาก Firefox for Android ตัวปัจจุบัน ล่าสุด Firefox Preview พัฒนามาพอสมควร ทีมงาน Mozilla จึงเริ่มขยับมันเข้ามาใน Firefox for Android ตัวหลักแล้ว แต่ยังเฉพาะในรุ่นทดสอบแบบ Nightly เท่านั้น หลังจากทดสอบจนพอใจแล้วจะค่อยๆ ขยับมันเข้ามาในรุ่น Beta ช่วงฤดูใบไม้ผลิ (ประมาณเดือนมีนาคมเป็นต้นไป) และออกเป็นรุ่น Stable ภายในครึ่งแรกของปี 2020 นี้ ที่มา - Mozilla
Xiaomi แยกแบรนด์ลูก POCO ออกมาเป็นบริษัทลูก บริหารงานแยกอิสระ
mk
18 January 2020 - 10:49
[ "POCO", "Xiaomi", "Mobile" ]
Xiaomi ประกาศแยกแบรนด์ POCO ออกมาเป็นบริษัทลูกที่มีอิสระในการดำเนินงานของตัวเอง Xiaomi เริ่มทำแบรนด์ลูก POCO ในปี 2018 เพื่อจับลูกค้าไฮเอนด์ โดยเริ่มจาก Pocophone F1 ซึ่งปัจจุบันยังเป็นสินค้าตัวเดียวของแบรนด์ POCO แต่ก็ค่อนข้างประสบความสำเร็จในแง่การรับรู้แบรนด์และยอดขาย (วางขายใน 50 ประเทศทั่วโลก) อย่างไรก็ตาม เรากลับยังไม่เห็น Pocophone F2 ออกมาทำตลาดในปี 2019 แม้มีข่าวการจดเครื่องหมายการค้ารุ่นนี้ เหตุผลอาจเป็นเพราะ Jai Mani ผู้บริหารทีม POCO และทีมงานแกนหลักทยอยลาออกจากบริษัทกันไป ซึ่งอาจเป็นสัญญาณว่าเกิดความขัดแย้งกันภายใน Xiaomi จนต้องแยก POCO ออกมาเป็นบริษัทลูกในท้ายที่สุด ยุทธศาสตร์ของ Xiaomi ใช้วิธีแยกแบรนด์มาก่อนแล้ว เช่น แบรนด์ลูก Redmi เน้นตลาดระดับล่าง และแบรนด์เกมมิ่ง Black Shark ที่ Xiaomi เข้าไปลงทุน แต่ไม่ได้ถือหุ้นใหญ่ ที่มา - TechCrunch
GoDaddy เปลี่ยนโลโก้ใหม่ เน้นคำว่า Go ให้มากขึ้น
arjin
18 January 2020 - 08:13
[ "GoDaddy", "Branding", "Logo" ]
GoDaddy บริการรับจดโดเมนและโฮสติ้งชื่อดัง ประกาศรีแบรนด์ครั้งใหญ่ โดยเปลี่ยนโลโก้เพื่อเน้นคำว่า Go ให้มากขึ้น โดยทำอักษรสองตัวมาซ้อนกันให้เป็นรูปหัวใจ (มีคนเปรียบเทียบว่าคล้าย Ask Jeeves ที่เปลี่ยนเหลือแค่ Ask.com) รวมทั้งปรับหน้าเว็บใหม่ให้สอดคล้องกับการรีแบรนด์นี้ Cameron Scott หัวหน้าฝ่ายบริหารแบรนด์ของ GoDaddy อธิบายการเปลี่ยนแปลงว่า ช่วงหลายปีที่ผ่านมาบริษัทซื้อบริษัทเข้ามาหลายแห่ง ทำให้บริการของ GoDaddy ไม่ได้มีแค่จดโดเมนกับโฮสติ้ง แต่ครอบคลุมบริการออนไลน์ที่จำเป็นสำหรับผู้ประกอบการครบถ้วน GoDaddy จึงวางตำแหน่งเป็นคนที่พร้อมคอยสนับสนุนให้ก้าวไปด้วยกัน ที่มา: Quartz
ผู้บริหารกูเกิลให้ข้อมูล กำลังนำ Steam มาลง Chrome OS
mk
18 January 2020 - 07:51
[ "Steam", "ChromeOS", "Google", "Games" ]
เว็บไซต์ Android Police อ้างคำพูดจากการคุยกับ Kan Liu ผู้บริหารทีม Chrome OS ที่งาน CES 2020 ว่ากูเกิลกำลังพยายามนำ Steam มาลง Chrome OS ในทางเทคนิคแล้ว การที่ Chrome OS พัฒนามาจากลินุกซ์ สามารถนำ Steam เวอร์ชันลินุกซ์มาติดตั้งได้ แต่ต้องผ่านซอฟต์แวร์พิเศษ (Crostini Linux) ซึ่งไม่ใช่วิธีที่ซัพออร์ตอย่างเป็นทางการ สิ่งที่กูเกิลน่าจะกำลังทำอยู่คือพัฒนาซอฟต์แวร์ส่วนนี้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของ Chrome OS นั่นเอง Liu ไม่ได้พูดออกมาตรงๆ ว่าการนำ Steam มาลง Chrome OS เป็นความร่วมมือกับ Valve ด้วยหรือไม่ แต่เขาพูดถึงประเด็นเรื่องฮาร์ดแวร์ที่ Chromebook มักไม่มีจีพียูสำหรับเล่นเกมว่า เราจะได้เห็น Chromebook รุ่นใหม่ๆ ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มที่ใช้ชิปจาก AMD (ที่มีจีพียู Radeon แบบออนบอร์ดมาให้ในตัว) โฆษกของกูเกิลยังไม่ยืนยันว่าการพูดคุยครั้งนี้เป็นจริงแค่ไหน ที่มา - Android Police
DigitalOcean ปลดพนักงาน 30-50 คนจากประมาณ 500 คน
lew
18 January 2020 - 01:32
[ "DigitalOcean", "Employment" ]
DigitalOcean ประกาศปรับโครงสร้างองค์กรโดยปลดพนักงานระหว่าง 30-50 คน จากประมาณ 500 คน ตัวบริษัทแถลงว่าธุรกิจยังคงเติบโตสูง มีลูกค้ามากกว่าห้าแสนรายและรายได้ถึงปีละ 275 ล้านดอลลาร์หรือประมาณ 8,000 ล้านบาท และการปรับโครงสร้างก็เพื่อเร่งการเติบโตอย่างมีกำไร (accelerate profitable growth) บริษัทเพิ่งเปลี่ยนทั้งซีอีโอและซีเอฟโอไปเมื่อปีที่แล้ว ตัวบริการของ DigitalOcean นั้นนับว่าค่อนข้างครบในหมู่ผู้ให้บริการคลาวด์ มีทั้งเซิร์ฟเวอร์ (Droplet), สตอเรจ, ฐานข้อมูล, Kubernetes แต่บริษัทมีชื่อเสียงในแง่บริการราคาถูกที่ค่าเซิร์ฟเวอร์เริ่มต้นเพียงเดือนละ 5 ดอลลาร์ การทำกำไรจึงยังเป็นเรื่องน่าท้าทายอยู่ ที่มา - TechCrunch ภาพสำนักงาน DigitalOcean
Hacker One เปิดโครงการ Bug Bounty สำหรับ Kubernetes
nismod
17 January 2020 - 16:26
[ "Kubernetes", "Bug Bounty", "HackerOne", "Security" ]
Cloud Native Computing Foundation (CNCF) ร่วมมือกับ Hacker One ประกาศโครงการ Bug Bounty สำหรับ Kubernetes อย่างเป็นทางการแล้วหลังทดสอบเวอร์ชันเบต้ามาสักพัก CNCF ระบุว่า bounty นี้ครอบคลุมทุก repo ทุก component ของ Kubernetes บน GitHub แต่ที่ทางองค์กรอยากให้ช่วยคือช่องโหว่ในกระบวนการยืนยันตัวตน, ช่องโหว่ที่ยกระดับสิทธิ์และ RCE ทั้งใน Kubelet และเซิร์ฟเวอร์ API โครงการนี้มีเงินรางวัลตั้งแต่ 100-10,000 เหรียญสหรัฐ ดูรายละเอียดทั้งหมดได้ที่นี่ ที่มา - Hacker One
[ลือ] Horizon Zero Dawn เตรียมลงพีซีผ่าน Steam และ Epic Game Store
nismod
17 January 2020 - 16:05
[ "Horizon", "Games" ]
แม้ที่ผ่านมาแม้จะมีบางเกมที่เป็น time-exclusive บน PS4 ประมาณ 1 ปีก่อนจะลงแพลตฟอร์มอื่น อย่าง Death Stranding หรือ Detroit: Become Human ก็เกิดจากการที่โซนีไปลงทุนเป็นรายโปรเจ็คในสตูดิโออิสระต่าง ๆ แต่ไม่ใช่กับเกมที่ผลิตโดยสตูดิโอของโซนีเองที่เป็นเอ็กคลูซีฟเฉพาะ PS4 อย่างไรก็ตามล่าสุดโซนีอาจเริ่มเปลี่ยนกลยุทธแล้วหลัง Kotaku รายงานอ้างอิวคนวงในว่าโซนีเตรียมจะพอร์ทเกม Horizon Zero Dawn ซึ่งเป็นเกมเอ็กคลูซีฟที่ผลิตโดย Guerrilla Games สตูดิโอของโซนี หลังจากวางจำหน่ายครั้งแรกในเดือนกุมภาพันธ์ 2017 หรือราว 3 ปีที่แล้ว และเข้าชิง Game of the Year ปีนั้นด้วย เบื้องต้นคาดว่า Horizon Zero Dawn จะลง Steam และ Epic Game Store รวมถึงเราอาจจะได้เล่นเกมในเฟรมเรทและกราฟิคที่สูงขึ้นด้วย เนื่องจากตัวเกมถูกล็อกด้วยเฟรมเรท 30fps บน PS4 ที่มา - Kotaku
JetBrains เปิดตัวฟอนต์ JetBrains Mono ที่ปรับแต่งมาเพื่อการเขียนโค้ดโดยเฉพาะ
mk
17 January 2020 - 14:17
[ "JetBrains", "Development", "Font" ]
JetBrains ผู้พัฒนา IDE ชื่อดังหลายตัว เปิดตัวฟอนต์ใหม่ JetBrains Mono ที่ออกแบบมาเพื่อการเขียนโค้ดโดยเฉพาะ ฟอนต์ตัวนี้เป็นฟอนต์ความกว้างคงที่ (monospace) ตามชื่อ จุดเด่นที่ต่างจากฟอนต์อื่นคือปรับขนาดความสูงของตัวพิมพ์เล็ก (lowercase) ให้สูงกว่าปกติ เพื่อให้โปรแกรมเมอร์อ่านโค้ดได้ง่ายขึ้น ฟีเจอร์อื่นได้แก่ ตัวอักษรที่มีความโค้งอย่างตัว o, e, p ตรงกลางของส่วนโค้งจะถูกปรับให้เป็นเส้นตรง เพื่อให้ไล่สายตาในแนวตั้งได้ดีขึ้น (ดูภาพประกอบ), ตั้งใจลดลวดลายที่ไม่จำเป็นออก เพื่อให้เรนเดอร์ฟอนต์ให้คมชัดขึ้นตอนใช้ฟอนต์ตัวเล็กๆ JetBrains Mono ยังมีฟีเจอร์ปลีกย่อย เช่น ตั้งใจออกแบบเลข 1, ตัว l, ตัว I และเลข 0 กับตัว O ให้แตกต่างกัน เพื่อให้โปรแกรมเมอร์แยกแยะด้วยสายตาได้ง่าย, ลดความเอียงของฟอนต์แบบ italic จากปกติ 11-12 องศามาเหลือแค่ 9 องศา, รองรับ ligature สัญลักษณ์ที่เกิดจากการพิมพ์อักขระ 2 ตัวเข้าด้วยกัน ฟอนต์ตัวนี้เป็นโอเพนซอร์ส ใช้ไลเซนส์ Apache 2.0 สามารถนำไปใช้งานได้อย่างอิสระ คนที่ใช้ JetBrains IDE รุ่นล่าสุด (v2019.3) จะมีฟอนต์ตัวนี้ติดมาให้เลย แต่ถ้าต้องการดาวน์โหลดเอง หรืออยากเห็นหน้าตาฟอนต์แบบเต็มๆ เข้าไปดูกันเองที่ JetBrains Mono ก่อนหน้านี้มีบางบริษัทออกมาสร้างฟอนต์สำหรับเขียนโค้ด เช่น Cascadia Code ของไมโครซอฟท์ ที่มา - JetBrains
Windows Calculator วาดกราฟจากสมการคณิตศาสตร์ได้แล้ว
mk
17 January 2020 - 13:49
[ "Windows 10", "Microsoft", "Calculator" ]
ไมโครซอฟท์ประกาศข่าวโปรแกรมเครื่องคิดเลข Windows Calculator ที่แถมมากับ Windows 10 สามารถวาดกราฟจากสมการคณิตศาสตร์ได้แล้ว ข่าวนี้ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจนัก เพราะประกาศไว้ตั้งแต่ช่วงต้นปี 2019 แต่คนที่อยากใช้งานต้องรอกันอีกสักพักใหญ่ๆ เพราะเพิ่งเริ่มทดสอบใน Windows Insiders Build 19546 เท่านั้น (น่าจะมาพร้อม Windows 10 20H1 ที่จะออกตัวจริงช่วงเดือนเมษายนหรือพฤษภาคม) ฟีเจอร์วาดกราฟของ Windows Calculator สามารถวาดกราฟแบบมีตัวแปรได้ และมีแถบเลื่อนเพื่อเปลี่ยนแปลงค่าของตัวแปร และขยับกราฟตามได้ด้วย ที่มา - Microsoft
ยุโรปเตรียมเสนอใช้พอร์ต USB-C เป็นสายชาร์จมาตรฐาน เพื่อลดขยะอิเล็กทรอนิกส์
mk
17 January 2020 - 13:32
[ "Europe", "European Commission", "USB-C", "Hardware" ]
เราเห็น ความเคลื่อนไหวจากฝั่งยุโรปที่ต้องการสร้างที่ชาร์จมือถือมาตรฐานเดียว มาได้สักพักใหญ่ๆ แต่ยังไม่เห็นผลมากนัก เพราะเป็นการเรียกร้องให้ผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ "สมัครใจ" ใช้งาน ล่าสุดคณะกรรมาธิการยุโรป (European Commission เทียบได้กับรัฐบาลกลางของยุโรป) เตรียมเสนอมาตรการที่เข้มขึ้นในการบังคับใช้ อย่างไรก็ตาม สถานะของโครงการนี้เพิ่งเริ่มหารือกันในที่ประชุมรัฐสภา และต้องรอโหวตจากรัฐสภายุโรปที่ยังไม่ระบุวันชัดเจน ทิศทางของรัฐสภายุโรปคือบังคับใช้พอร์ต USB-C กับอุปกรณ์พกพาทุกชนิด ไม่ใช่แค่สมาร์ทโฟน แต่ยังรวมถึงแท็บเล็ต เครื่องอ่านอีบุ๊ก และอุปกรณ์อื่นๆ ด้วย ซึ่งจะมีผลกับทั้งแอปเปิล (Lightning) และกลุ่มผู้ผลิตสมาร์ทโฟนราคาถูก ที่ยังใช้พอร์ต Micro USB กันอยู่ เหตุผลของรัฐสภายุโรปคือต้องการลดขยะอิเล็กทรอนิกส์ และช่วยให้ชีวิตของผู้บริโภคง่ายขึ้นจากการมีที่ชาร์จมาตรฐานเดียว ที่มา - Europa.eu, ZDNet ภาพจาก Apple
ซีอีโอ Volkswagen เปรียบบริษัทตัวเองว่าเหมือน Nokia, สั่งลดการวิจัย fuel cell ไปทุ่มให้ EV
BlackMiracle
17 January 2020 - 13:24
[ "Volkswagen", "Electric Car", "Fuel Cell" ]
Herbert Diess ซีอีโอของ Volkswagen ได้ให้สัมภาษณ์กับ Reuters เกี่ยวกับอนาคตของบริษัท โดย Volkswagen มีแผนที่ค่อนข้างทะเยอทะยานกับรถยนต์ไฟฟ้า เพราะโดนมรสุมโกงผลการทดสอบมลพิษเล่นงานหนักตั้งแต่ปี 2015 ซึ่งขณะนี้ Volkswagen มีแผนขายรถยนต์ไฟฟ้าให้ได้ถึง 22 ล้านคันภายในปี 2028 และจะมีรถยนต์ไฟฟ้ามากถึง 70 รุ่น เหตุที่ Volkswagen ตั้งเป้าไว้สูงเป็นเพราะ Diess เห็นว่า Volkswagen นั้นกำลังอยู่ในสถานการณ์เดียวกับ Nokia เมื่อหลายปีก่อน ตอนที่ Stephen Elop ซีอีโอของ Nokia ในขณะนั้นเขียนจดหมายว่า Nokia กำลังอยู่บนแท่นขุดเจาะน้ำมันที่ไฟไหม้ และต้องตัดสินใจทำอะไรบางอย่างที่กล้าหาญเพื่อให้อยู่รอด (แต่ Elop ตัดสินใจผิดไปใช้ Windows Phone และพ่ายแพ้ไป) ส่วน "การตัดสินใจที่กล้าหาญ" ของ Volkswagen คือการเลิกทำรถยนต์แบบเดิมแล้วมุ่งสู่รถยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มที่ Diess ยังตั้งข้อสังเกตอีกว่า "ตอนนี้ Volkswagen ไปเร็วพอหรือไม่" และบอกว่าถ้ายังก้าวด้วยสปีดเดิมจะทำให้บริษัทลำบากมาก นอกจากนี้ Diess ยังสั่งลดกำลังคนที่วิจัยและพัฒนารถยนต์เซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจน (fuel cell) โดยให้เหตุผลว่ารถยนต์เซลล์เชื้อเพลิงนั้นไม่สามารถสู้รถยนต์ไฟฟ้าได้อีกอย่างน้อยหนึ่งทศวรรษ และจะโยกกำลังคนไปพัฒนารถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น อีกทั้งยังจะลดค่าใช้จ่าย, ลดความซับซ้อนของบริษัท และเพิ่ม productivity ให้มากขึ้น Audi h-tron รถยนต์ไฟฟ้าก็ไม่ใช่เรื่องเดียวที่ Volkswagen กำลังตามหลัง เพราะมีเรื่องรถยนต์ไร้คนขับด้วย โดยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว Volkswagen ได้เปิดตัวบริษัทลูกชื่อ VW Autonomy ขึ้นมาใหม่ เพื่อดูแลด้านรถยนต์ไร้คนขับโดยเฉพาะ และตั้งเป้าว่ารถตู้ไฟฟ้า I.D. Buzz จะเป็นรถยนต์ไร้คนขับรุ่นแรกของบริษัทที่อยู่ระดับ 4 (ขับอัตโนมัติได้เกือบทุกสถานการณ์) Volkswagen I.D. Buzz ที่มา - Electrek
NVIDIA ลดราคา GeForce RTX 2060 เหลือ 299 ดอลลาร์ รับมือ Radeon 5600 XT
mk
17 January 2020 - 13:15
[ "GeForce", "GPU", "NVIDIA" ]
NVIDIA ประกาศหั่นราคา GeForce RTX 2060 ตัวล่างของซีรีส์ RTX 20 รุ่น Founders Edition ลงมาเหลือ 299 ดอลลาร์ (ราคาตอนเปิดตัวครั้งแรกคือ 349 ดอลลาร์) เพื่อเตรียมรับน้อง Radeon 5600 XT ที่กำลังจะวางขายสัปดาห์นี้ AMD Radeon 5600 XT ตั้งราคากลางไว้ที่ 279 ดอลลาร์ โดยเบนช์มาร์คเทียบกับ GeForce GTX 1660 Ti (ตัวสูงสุดของซีรีส์ 16) ที่ราคาเท่ากันแล้วเอาชนะได้ จึงไม่แปลกใจที่ NVIDIA จะลดราคาการ์ดรุ่นสูงกว่าคือ GeForce RTX 2060 มาสร้างแรงกดดัน ว่าจ่ายเพิ่มอีกเพียง 20 ดอลลาร์ก็จะได้การ์ดที่ฟีเจอร์เยอะกว่า สมรรถนะดีกว่า ในทางปฏิบัติแล้ว การ์ดของผู้ผลิตยี่ห้อต่างๆ มักขายถูกกว่าการ์ดแบรนด์ NVIDIA เองที่ใช้เป็นรุ่นอ้างอิง เช่น EVGA เพิ่งวางขายการ์ด RTX 2060 ในราคาลดแล้วเหลือ 280 ดอลลาร์ ที่มา - AnandTech, PCGamer
ช้อปอุปกรณ์ไอทีเป็นของขวัญปีใหม่ที่ BNN.in.th ส่งเร็วภายใน 3 ชั่วโมง
advertorial
17 January 2020 - 12:10
[ "Advertorial", "iPhone" ]
การซื้ออุปกรณ์ไอทีเป็นของขวัญไม่ว่าจะในเทศกาลไหน ก็ต้องเป็นที่ถูกใจของผู้รับทุกครั้ง เว็บไซต์ BNN.in.th หรือที่คนไทยรู้จักกันในนามร้านสินค้าไอที BaNANA IT ถือเป็นอีกทางเลือกสำหรับใครที่ต้องการซื้อของขวัญแต่ไม่มีเวลาไปเลือกด้วยตัวเอง ที่ BNN.in.th มีสินค้าไอทีครอบคลุมทุกหมวด ตั้งแต่สมาร์ทโฟน โน๊ตบุ๊ค ไปจนถึงนาฬิกาอัจฉริยะ หูฟัง SD Card แผ่นเกม มีสินค้ามากมายกว่า 5,000 รายการ มากกว่า 40 ประเภทสินค้า และ 100 แบรนด์ของแท้ ทั้ง Apple , Asus , Acer , Toshiba , Dell , Samsung , Lenovo , Microsoft , HP , JBL ที่สำคัญคือสั่งออนไลน์แล้ว การันตีส่งเร็วภายใน 3 ชั่วโมงในพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑล พร้อมจุดบริการรับสินค้า 300 จุดทั่วประเทศ นอกจากนี้ยังเปลี่ยนสินค้าคือนได้ภายใน 7 วันถ้ามีปัญหาการใช้งาน จึงไม่ต้องกังวลเรื่องจะได้สินค้าไม่ทันใช้งาน นอกจากนี้ ทางเว็บไซต์ยังจัดโปรโมชั่นและมอบสิทธิประโยชน์เรื่อยๆ ทั้งส่วนลด ของแถม โค้ดลดราคาสินค้า ยิ่งซื้อเยอะ ยิ่งได้มาก และสำหรับใครที่เป็นสาวก ไอโฟน คงพลาดไม่ได้กับการมองหา iPhone 11, iPhone 11 pro รวมถึง iPhone pro max แต่เหนือสิ่งอื่นใดอยากให้ลองทำความเข้าใจและรู้จักกับ iPhone ทั้งสองรุ่นนี้อย่างละเอียดกันก่อนเพื่อจะได้เปรียบเทียบความเหมาะสมและตัดสินใจได้อย่างถูกต้องว่าควรเลือกแบบไหนดีที่เหมาะกับตัวเรามากที่สุด iPhone 11 เริ่มต้นด้วยรุ่นเบสิกกับจอแสดงผล 6.1 นิ้ว แบบ Liquid Retina Display ความละเอียด 1792 x 828 พิกเซล ขนาด 150.9 x 75.7 x 8.3 มม. RAM 4 GB, ROM 64GB 128GB และ 256GB เลือกได้ตามชอบ ระบบปฏิบัติการ iOS 13 ระบบชิปเซต Apple A13 BIONIC ชิปเซตใหม่ล่าสุดที่เริ่มใช้กับ iPhone 11 ระบบสแกนใบหน้า กล้องหน้าชัดระดับ 12 ล้านพิกเซล รองรับ TOF 3D Camera มาพร้อมกล้องหลัง 2 ตัว คือ Wide Angle และ Ultra Wide 12 ล้านพิกเซล บวกไฟแฟลช ระบบซูม Optical 2 เท่า ซูม Digital 5 เท่า เพิ่มเติม Night Mode เพื่อให้การถ่ายภาพตอนกลางคืนชัดเจนกว่าเดิม สามารถชาร์จไร้สายแบบเร่งด่วนได้ บลูทูธ 5.0 ป้องกันน้ำและฝุ่นสูงถึง IP68 วัสดุทำจากอลูมิเนียมและกระจก เลือกได้ 6 สี คือ Black, White, Yellow, Green, Red และ Purple iPhone 11 pro และ iPhone 11 pro max ส่วนใครที่อยากได้ลูกเล่นหนักหน่วงกว่าเดิมต้อง 2 รุ่นนี้เลย มีพื้นฐานทั่วไปจะคล้ายกับ iPhone 11 อาทิ ชิปเซต, ระบบสแกนใบหน้า ระบบปฏิบัติการ iOS 13 RAM 4 GB, กันน้ำและฝุ่นในระดับ IP68, รองรับการชาร์จเร็วแบบไร้สาย ทว่าความต่างที่มากกว่าสำหรับ iPhone 11 pro หน้าจอ OLED Super Retina XDR 5.8 นิ้ว ความละเอียด 2436 x 1125 กล้องหลังมี 3 ตัว คือ Ultra Wide, Wide Angle และ Telephoto ที่ 12 ล้านพิกเซล กล้องหน้า TrueDepth 12 ล้านพิกเซล การออกแบบจะคล้ายกับ iPhone XS เพียงแค่กระจกด้านหลังจะใช้แบบด้านทำให้มองไม่เห็นรอยนิ้วมือนั่นเอง (วัสดุที่ผลิตทำจากสแตนเลสสตีล) ขณะที่ iPhone 11 pro max ทุกอย่างแทบจะเหมือน iPhone 11 pro ต่างกันแค่ ขนาดหน้าจอใหญ่กว่าระดับ 6.5 นิ้ว ความละเอียด 2688 x 1242, ขนาดแบตเตอรี่ที่จุได้เพิ่มขึ้น ดูได้นานถึง 20 ชั่วโมง (ขณะที่ iPhone 11 pro ได้แค่ 18 ชั่วโมง) ดังนั้นใครที่ชอบความสุดของเทคโนโลยีเลือก iPhone pro และ iPhone pro max ไม่ผิดหวังแน่ สำหรับไอโฟน 2 รุ่นนี้มี 4 สี คือ Space Grey, Silver, Midnight Green และ Gold เอาเป็นว่าใครก็ตามที่เป็นสาวกของ iPhone แล้วกำลังตัดสินใจว่าอยากได้แบบไหนดีคงจะทำให้มีข้อมูลพิจารณากันมากขึ้นแน่ ๆ แต่เพื่อความมั่นใจว่าซื้อที่ไหนแล้วได้คุณภาพ ต้อง BANANA เท่านั้น การันตีส่งเร็วภายใน 3 ชั่วโมง, สินค้าของแท้ 100% ต้องการสินค้าไอทีมีครบ ที่นี่ที่เดียว เชื่อมั่นในบริการหลังการขาย ถ้าสินค้ามีปัญหาสามารถนำสินค้าไปเปลี่ยนได้ที่ร้าน BANANA ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือสนใจเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมสำหรับคนต้องการ ช็อปไอที ต้องที่ www.bnn.in.th
การปรับตัวสู่ความเป็นดิจิทัลของธนาคารกรุงเทพ เพื่อจูงใจ Tech People มาร่วมงาน
workplace
17 January 2020 - 10:22
[ "Bangkok Bank", "Blognone Workplace" ]
การเปลี่ยนแปลงสำคัญในอุตสาหกรรมธนาคารและการเงินในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเกิดบริการใหม่ๆ ขึ้นจำนวนมาก ไม่ใช่แค่การนำเทคโนโลยีมาให้บริการลูกค้าเช่น การให้บริการผ่านโทรศัพท์มือถือ แต่ยังมีเรื่องของผู้ให้บริการรายใหม่ ๆ ที่ไม่ใช่ธนาคารอย่างสตาร์ทอัพฟินเทค ที่เข้ามามีบทบาทและเป็นบริการทางเลือกที่ฉีกแนวออกไปให้ลูกค้า ธนาคารกรุงเทพรับรู้ความเปลี่ยนแปลงและเตรียมการปรับตัวทั้งในเชิงเทคโนโลยีและกระบวนการทำงานมาระยะหนึ่งแล้ว เป็นเหตุผลให้ธนาคารมองหานักพัฒนาและวิศวกรฝ่ายไอทีมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก การปรับตัวสู่ดิจิทัลที่ไม่ใช่แค่เทคโนโลยี คุณสรกฤช พฤทธานนทชัย ตำแหน่ง Senior Vice President, Channel Management System เล่าให้ฟังการเปลี่ยนแปลงในปัจจุบันเป็นการเปลี่ยนแปลงทั้งอุตสาหกรรมธนาคาร จากปัจจัยของผู้ให้บริการรายใหม่ ๆ อย่างฟินเทค ที่มีต้นทุนต่ำกว่าและสร้างทางเลือกให้ลูกค้า และในเชิงนโยบายจากธนาคารแห่งประเทศไทยที่ต้องการให้ธนาคารและองค์กรต่าง ๆ ผลักดันและร่วมกันสร้างเศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Economy) ขึ้นมา ที่สำคัญคือพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนตามไปด้วย แน่นอนว่าธนาคารกรุงเทพก็ต้องเผชิญการเปลี่ยนแปลงนี้ด้วย ในมุมมองของธนาคาร การเปลี่ยนแปลงมีทั้งระยะสั้น ระยะกลาง ระยะปลาย แตกต่างกันไป แต่หลัก ๆ ธนาคารมองว่าต้องเปลี่ยนแปลง 3 เรื่อง เรื่องแรกเกี่ยวกับการสร้างนวัตกรรมใหม่ต้องมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่กระบวนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ในปัจจุบันก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้นและเร็วมากขึ้นเพื่อตอบโจทย์ลูกค้า ถัดมาเป็นเรื่องของศักยภาพ ทั้งในแง่ความสามารถทางเทคนิคที่จะต้องคาดเดาความต้องการของลูกค้าให้ได้ เพราะในอุตสาหกรรมนี้ ธนาคารและผู้ให้บริการหลาย ๆ แห่ง ล้วนใช้เทคโนโลยีไปในทิศทางเดียวกัน ดังนั้นผู้ให้บริการที่สามารถคาดเดาความต้องการลูกค้าและสร้างบริการที่ตอบสนองได้ก่อนก็จะได้เปรียบ สุดท้ายคือเทคโนโลยีของธนาคารทั้งตัวเทคโนโลยีกลาง(Core Banking) โครงสร้างพื้นฐานและความปลอดภัย ที่ต้องปรับเปลี่ยนให้ทันสมัย เพื่อตอบโจทย์ทั้งในแง่ความปลอดภัย กฎระเบียบของธนาคารแห่งประเทศไทยและมาตรฐานระดับนานาชาติ ซึ่งประเด็นนี้จะท้าทายมากที่สุดในการเปลี่ยนแปลง ทั้งในแง่การปรับโครงสร้างองค์กร มี Technical Debt ภายในที่ต้องใช้ระยะเวลาในการเปลี่ยนผ่านทั้ง 3 แนวทาง คุณสรกฤชยอมรับว่า ธนาคารยังไม่สามารถทำได้พร้อมกันทั้งหมด บางอย่างยังอยู่ในขั้นทดลองเท่านั้น แต่สิ่งที่สำคัญคือปรับปรุงกระบวนการดำเนินงานเพื่อให้องค์กรสามารถปรับตัวตามแนวทางดังกล่าวได้ องค์ประกอบแรกคือการปรับปรุงทักษะของบุคลากรทั้งในแง่ Reskill & Upskill เพื่อรองรับเทคโนโลยีและงานใหม่ ๆ ที่จะเพิ่มเข้ามา ถัดมาเป็นเรื่องของการปรับปรุง Framework ในการทำงานและโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยี สุดท้ายคือปรับปรุงกระบวนการทำงาน ลดความเป็น Silo ลงให้ได้น้อยที่สุดและเอารูปแบบการทำงานแบบ Agile/Cross-functional มาประยุกต์เท่าที่สมควร เสียงสะท้อนจากพนักงาน อรมณี ดิลกวณิชกุล Head of User Experience ทีม User Experience ของธนาคารกรุงเทพตั้งขึ้นมาได้ไม่นาน หน้าที่หลักคือรับ Requirement มาจากฝั่ง Business ที่มีโจทย์สำคัญคือการเสริมสร้างประสบการณ์การใช้งานของลูกค้าธนาคาร ความท้าทายของงานสายนี้ไม่ใช่แค่การแปลง Requirement ดังกล่าว ให้ออกมาช่วยเสริมประสบการณ์ที่ดีน่าประทับใจในการใช้งานผลิตภัณฑ์ต่างๆของธนาคาร แต่ต้องผสานระหว่าง Requirement ดังกล่าวกับข้อจำกัดทางเทคโนโลยีหลาย ๆ อย่าง ให้ออกมาตามที่ Business ต้องการและยังคงตอบโจทย์หลักคือการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าให้ได้ กระบวนการทำงานภายในทีมถ้าเป็นโปรเจ็คใหม่ ๆ จะพยายามให้เป็น Agile มากที่สุด แต่ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละโปรเจ็คด้วย ซึ่งบางโปรเจ็คการทำงานแบบ Waterfall อาจจะเหมาะสมกว่า สิ่งที่ประทับใจในการทำงานกับธนาคารกรุงเทพคือการให้ความสำคัญกับการเรียนรู้ของพนักงาน ธนาคารมีทุนการศึกษาต่อให้พนักงานทั้งการไปเรียนต่อ การเทรนนิ่งระยะสั้น การเรียนรู้ผ่านสื่อออนไลน์ ทำให้ได้เรียนในสิ่งที่สามารถนำไปต่อยอดกับงานได้ในอนาคต ปุณยวีร์ ภู่ระหงษ์ Senior Data Scientist หน้าที่หลักคือหาโอกาสในการสร้างใหม่ให้กับธนาคารพัฒนาระบบหรือ Feature ใหม่เพิ่มเติมจากของเดิมที่มีอยู่ กระบวนการทำงานจะรับเป็นโปรเจ็ค ทำงานร่วมกับฝ่ายอื่น เช่น สายธุรกิจและสายสนับสนุนที่สามารถจบงานได้ในตัว ทำให้ได้ความรู้ในด้านอื่นๆ ไปด้วยเช่นในแง่ธุรกิจหรือความรู้ด้านเทคนิค สิ่งที่ประทับใจที่ธนาคารกรุงเทพคือผู้ใหญ่เปิดกว้าง ให้โอกาสแสดงความคิดเห็นและรับฟัง ที่สำคัญคือให้โอกาสคน เพราะตนเองได้ทุนของธนาคารไปเรียนต่อด้าน Business Analytics ที่ University of Warwick ประเทศอังกฤษ สุรพงษ์ ฉันทพัฒน์พงศ์ IT Security Specialist ทำหน้าที่ดูแลความปลอดภัยของอุปกรณ์ปลายทาง (End-point) ที่มีอยู่ในธนาคารจำนวนมาก เป็นงานที่มีความท้าทายตรงที่ต้องอัพเดตความรู้ตัวเองตลอดเวลา เพราะทั้งภัยคุกคามและเครื่องมือสำหรับการรับมือภัยคุกคามด้านเทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ความประทับใจของการร่วมงานกับธนาคารกรุงเทพคือ การเปิดโอกาสให้พนักงานได้พัฒนาตัวเอง มีช่องทางการเรียนรู้ที่หลากหลาย แม้บางเรื่องจะไม่ได้เกี่ยวกับงานโดยตรงก็ตาม อย่างเช่นการเปิดอบรมหรือ การทำ Workshop ต่างๆ เกี่ยวกับการพัฒนาด้าน Soft Skill เป็นต้น วริทธิ์ ธโนปจัย AVP ฝ่ายนวัตกรรม Bangkok Bank INNOHUB หน้าที่หลัก ๆ คือค้นหา Technology & Solution ใหม่ ๆ ที่น่าสนใจและตอบโจทย์หรือช่วยแก้ปัญหาให้กับฝั่งธุรกิจได้ ดังนั้นงานสายนี้ต้องรู้ทั้งในแง่เทคโนโลยีระดับหนึ่งและต้องเข้าใจธุรกิจของธนาคารด้วย เป็นงานที่สร้างโอกาสเยอะมาก ทั้งในแง่การออกไปพบปะพูดคุยกับเจ้าของเทคโนโลยีต่างๆ การได้เรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ๆ ได้ทำงานกับหน่วยธุรกิจต่าง ๆ ของธนาคาร แต่ความยากหรือความท้าทายของงานนี้คือเป็นตำแหน่งงานที่ต้องบุกเบิกอะไรใหม่ ๆ ให้กับธนาคาร และจะต้องเจอกับ Challenge ต่างๆ จากการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีและความต้องการของฝั่งธุรกิจ ดังนั้นคนที่จะเหมาะกับงานด้านนี้คือคนที่ขวนขวาย ชอบแก้ปัญหา มี Passion & Learning Agility กับการสร้างสิ่งใหม่ ๆ มีกำลังใจไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ โดยความคุ้มค่าหรือรางวัลของการทำงานนี้คือการได้เห็นโปรเจ็คที่เราเริ่มและผลักดันมาตั้งแต่ต้นออกมาประสบความสำเร็จในการแก้ปัญหาและช่วยพัฒนาธุรกิจของธนาคารให้ดียิ่งขึ้น สิ่งที่ประทับใจคือความมีวิสัยทัศน์ของผู้บริหารและเปิดโอกาสเต็มที่ ทั้งผู้บริหารของส่วนกลาง และผู้บริหารในหน่วยธุรกิจต่าง ๆ รวมถึงมีโอกาสได้ทำงานร่วมกับหน่วยงานอื่นภายนอกธนาคารเยอะ จากในประเทศและต่างประเทศ ได้เจอคนที่หลากหลาย
นักวิจัยพบข้อมูลชื่อ, ที่อยู่นางแบบโป๊รั่วไหล 20GB กระทบนางแบบ 4,000 ราย
sunnywalker
17 January 2020 - 09:23
[ "Cybersecurity", "Privacy", "Porn" ]
นักวิจัยจาก vpnMentor ค้นพบว่ามีข้อมูลส่วนตัวของนางแบบ PussyCash เครือข่ายสื่อโป๊หลุดออกมาร่วม 20GB โดยข้อมูลถูกเก็บไว้ใน bucket บริการเก็บข้อมูลบนคลาวด์ Amazon S3 มีนักแสดง,นางแบบที่ได้รับผลกระทบ 4,000 คน ข้อมูลที่พบว่ามีการรั่วไหล ประกอบด้วย ไฟล์รูปภาพ วิดีโอ ข้อมูลการตลาด ภาพถ่ายหน้าจอจากวิดีโอแชท นอกจากนี้ยังมีข้อมูลส่วนตัวสำคัญคือ ชื่อ, รูปถ่าย ID, หมายเลขหนังสือเดินทาง/หมายเลขประจำตัว, รูปใบอนุญาตขับรถ, รูปภาพลายนิ้วมือ บางข้อมูลมีอายุเกิน 20 ปี แต่บางข้อมูลยังใหม่ มีอายุแค่เพียงไม่กี่สัปดาห์ ImLive หนึ่งในเครือข่ายแบรนด์ PussyCash ตอบกลับมาว่ารับรู้ปัญหาแล้วและจะดูแลแก้ไข ด้านนักวิจัยบอกว่า ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับ PussyCash ที่จะทำตามขั้นตอนพื้นฐานเพื่อล็อกข้อมูลให้ปลอดภัย รวมถึงการตั้งกฎการเข้าถึงข้อมูล ที่มา - Engadget, vpnMentor
WSJ รายงาน Facebook จะไม่ขายโฆษณาใน WhatsApp (เฉพาะตอนนี้)
sunnywalker
17 January 2020 - 08:41
[ "Facebook", "WhatsApp", "Wall Street Journal" ]
Wall Street Journal รายงานว่า Facebook ล้มเลิกความตั้งใจจะขายโฆษณาในแพลตฟอร์มแชท WhatSApp แล้ว และมีการยุบทีมที่ดูแลเรื่องโฆษณาใน WhatsApp ด้วย ในปี 2018 Facebook ประกาศว่าจะนำโฆษณาเข้าไปอยู่ในหน้า Status ของ WhatSApp ที่เทียบได้กับ Stories ของ Instagram และยังเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ผู้ก่อตั้ง WhatsApp ลาออก เพราะ WhatsApp มีจุดขายคือให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ มีการเข้ารหัสข้อความจากปลายทางถึงปลายทาง การนำโฆษณามาลงเท่ากับเป็นการลดทอนความเป็นส่วนตัวออกไป อย่างไรก็ตาม อนาคตก็อาจมีแผนจะนำโฆษณามาลง WhatSApp อยู่ เพราะ Facebook ออกมาบอกกับ CNET ว่ากำลังอยู่ในขั้นวางแผนมองหาคววามเป็นไปได้ และมุ่งเน้นไปที่คุณสมบัติที่ช่วยให้ธุรกิจเชื่อมต่อกับลูกค้า ภาพจาก Shutterstock ที่มา - CNET
CD Projekt Red ประกาศเลื่อน Cyberpunk 2077 เป็น 17 กันยายน 2020
nismod
17 January 2020 - 08:29
[ "Cyberpunk 2077", "CD Projekt", "Games" ]
ไม่ได้มีแค่ FF7 Remake แล้วที่เลื่อนเพราะ Cyberpunk 2077 ที่กำหนดวางจำหน่ายเดือนใกล้ ๆ กันคือ 16 เมษายนโดนโรคเลื่อนแล้วเหมือนกัน CD Projekt Red ประกาศขอเลื่อนกำหนดการวางจำหน่ายเป็น 17 กันยายน 2020 แทน โดยสตูดิโอบอกว่าสถานะเกมตอนนี้เสร็จแล้วเล่นได้แล้วแต่ยังไม่สมบูรณ์ เพราะตัวเมือง Night City มโหฬารมาก ทั้งเรื่องราว, คอนเทนท์, สถานที่ที่เข้าไปได้ ซึ่งจากทั้งสเกลและความซับซ้อน ทีมงานเลยต้องขอเวลาขัดเกลา แก้ไขและทดสอบอีกหน่อย และแน่นอนว่าพวกเขาต้องการให้เกมนี้เป็นเกมที่เพอร์เฟ็ค และเป็นที่สุดของความสำเร็จของสตูดิโอ ส่วนตัวเชื่อว่าด้วยชื่อชั้นของ CD Projekt Red ที่ทำเอาไว้ค่อนข้างดีมาก ๆ กับ The Witcher 3 ก็เชื่อว่า CD Projekt Red ต้องการเก็บรายละเอียดของเกมนี้ให้ออกมาสมบูรณ์จริง ๆ ที่มา - @cdprojektred
[Strategy Analytics] AirPods ขายได้เกือบ 60 ล้านชิ้นในปี 2019 ครองส่วนแบ่งตลาดมากกว่า 50%
arjin
17 January 2020 - 07:48
[ "AirPods", "Earphones", "Strategy Analytics", "Apple" ]
บริษัทวิจัยตลาด Strategy Analytics ออกรายงานภาพรวมของตลาดหูฟังบลูทูธไร้สายสมบูรณ์ (True Wireless) ของปี 2019 โดย AirPods ของแอปเปิล มีส่วนแบ่งตลาดถึง 54.4% คิดเป็นจำนวนเกือบ 60 ล้านชิ้น ตามด้วยซัมซุง และ Xiaomi ซึ่งทั้งคู่ต่างมีส่วนแบ่งน้อยกว่า 10% เมื่อดูในแง่ของรายได้ AirPods ซึ่งมีราคาขายสูงอยู่แล้ว ยิ่งทำให้ส่วนแบ่งรายได้นี้แอปเปิลมีมากขึ้นไปอีก โดยมีส่วนแบ่งรายได้ถึง 71% เลยทีเดียว อีกทั้งตัวเลขนี้ยังรวม AirPods Pro ที่เพิ่งเริ่มจำหน่ายเข้าไปด้วย Strategy Analytics ประเมินว่าความนิยมหูฟังไร้สายที่เพิ่มขึ้น ตลอดจนชิปเซตที่มีราคาถูกลง จะกระตุ้นให้เกิดสินค้าแบรนด์ใหม่ ๆ ที่มาพร้อมกับราคาที่ลดลง อย่างไรก็ตามด้วยส่วนแบ่งตลาดที่สูงมากตอนนี้ของแอปเปิล จะทำให้ปี 2020 แอปเปิลน่าจะครองส่วนแบ่งที่สูงต่อไป ที่มา: Strategy Analytics ผ่าน BGR
App Store ประเทศไทย เตรียมปรับลดราคาแอปลง ให้สอดคล้องกับค่าเงินบาท
arjin
17 January 2020 - 07:01
[ "App Store", "Thailand", "Apple" ]
แอปเปิลแจ้งนักพัฒนาแอป เรื่องประกาศเปลี่ยนแปลงการตั้งราคาของแอปแบบเสียเงิน และราคา In-App ใน App Store ของประเทศไทย เนื่องจากปัจจัยอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงิน โดยราคาของแอปจะถูกลงเล็กน้อย ตัวอย่างเช่นแอปราคา 0.99 ดอลลาร์ เดิมกำหนดราคาที่ 35 บาท จะเปลี่ยนเป็น 29 บาท, แอปราคา 1.99 ดอลลาร์ ราคาเดิม 69 บาท เปลี่ยนเป็น 59 บาท ราคาใหม่ดังกล่าวจะมีผลในไม่กี่วันข้างหน้า โดยสามารถดูช่วงราคาใหม่ทั้งหมดได้ที่นี่ ทั้งนี้การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวไม่รวม Subscription ที่ต่ออายุแบบอัตโนมัติ ซึ่งนักพัฒนาสามารถเลือกคงราคาเดิมต่อไปได้ผ่าน App Store Connect ประกาศนี้ยังรวมถึงการเปลี่ยนแปลงราคาแอปใน App Store ปากีสถานซึ่งปรับเพิ่มขึ้นด้วยเหตุผลค่าเงินเช่นกัน ที่มา: แอปเปิล ผ่าน MacRumors
บริการสตรีมมิ่ง Peacock ของ NBCUniversal เปิดราคาแล้ว เริ่มต้นที่ชมฟรี ติดโฆษณา มีคอนเทนต์น้อยกว่าแบบเสียเงิน
arjin
17 January 2020 - 06:41
[ "NBCUniversal", "Video Streaming", "NBC" ]
Peacock บริการสตรีมมิ่งของ NBCUniversal ประกาศรูปแบบอัตราค่าบริการ โดยมี 3 แบบดังนี้ Peacock Free ชมฟรี (ตามข่าวก่อนหน้า) มีโฆษณา คอนเทนต์มีจำนวนมากกว่า 7,500 ชั่วโมง แต่ไม่ครอบคลุมคอนเทนต์ทั้งหมดที่ให้บริการ Peacock Premium ราคา 4.99 ดอลลาร์ต่อเดือน มีโฆษณาแทรก คอนเทนต์ครบถ้วนมากกว่า 15,000 ชั่วโมง รวมทั้งฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ Peacock Premium แบบราคา 9.99 ดอลลาร์ เหมือนตัว 4.99 แต่ไม่มีการแสดงโฆษณา บริการของ Peacock กำหนดราคาที่ต่ำกว่า Netflix (12 ดอลลาร์) และสร้างจุดขายที่รายการสด, รายการข่าว, กีฬา และคอนเทนต์ที่ลงไล่เรียงกับรายการโทรทัศน์ปกติ โดยอาศัยรายได้จากโฆษณามากกว่า ทั้งนี้ Peacock จะเริ่มให้บริการในอเมริกาตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคม เป็นต้นไป ส่วนลูกค้าสตรีมมิ่ง Xfinity X1 กับ Flex ของ Comcast จะได้ใช้งานก่อนในวันที่ 15 เมษายน ที่มา: The Verge
เตรียมเลิกทำการบ้าน เฟซบุ๊กสร้างปัญญาประดิษฐ์แก้สมการได้ถึงสมการเชิงอนุพันธอันดับสอง เก่งกว่า Matlab
lew
17 January 2020 - 01:53
[ "Facebook", "Artificial Intelligence" ]
เฟซบุ๊กสร้างปัญญาประดิษฐ์สำหรับแก้สมการคณิตศาสตร์แบบหนึ่งตัวแปร (หาค่า y เมื่อเทียบกับ x) โดยยังคงหาผลลัพธ์ได้แม้สมการจะมีความซับซ้อนสูง โดยอาศัยโครงสร้างปัญญาประดิษฐ์แบบเดียวกับการแปลภาษา งานวิจัยนี้แปลงสมการเป็นโครงสร้างข้อมูลแบบ tree เพื่อเปลี่ยนเป็นชุดข้อมูลแบบ sequence เนื่องจากโมเดลปัญญาประดิษฐ์แปลภาษา มันเป็นการแปลง จาก sequence ไปเป็นอีก sequence (seq2seq) เมื่อโมเดลสามารถรับสมการได้แล้ว โมเดลก็ฝึกคล้ายการแปลภาษา โดยภาษาฝั่งเอาท์พุตนั้นเป็นสมการที่เริ่มด้วย "y =" เสมอ โมเดลที่เฟซบุ๊กสร้าง ใช้โจทย์และเฉลยจำนวน 100 ล้านชุด จากนั้นทดสอบด้วยโจทย์ที่ไม่เคยเห็นอีก 5,000 ชุด พบว่าสามารถแก้สมการอินทริเกรตได้แม่นยำ 99.7%, สมการเชิงอนุพันธอันดับหนึ่ง 94%, และสมการเชิงอนุพันธอันดับสอง 81.2% นับว่าแม่นยำยิ่งกว่าซอฟต์แวร์คณิตศาสตร์เดิมๆ อย่าง Mathematica, Matlab, หรือ Maple แถมการทำเฉลยแต่ละครั้งก็ใช้เวลาน้อยกว่า 0.5 วินาทีเทียบกับซอฟต์แวร์เฉพาะที่ใช้เวลานานจนทีมวิจัยต้องตัดเวลาเหลือไม่เกิน 30 วินาที และทำโจทย์เพียง 500 ข้อเพื่อทดสอบความแม่นยำ เฟซบุ๊กระบุว่ากำลังเตรียมพัฒนาปัญญาประดิษฐ์แก้สมการหลายตัวแปร และคาดว่าแนวทางการใช้ปัญญาประดิษฐ์เช่นนี้จะเปิดช่องทางใช้ปัญญาประดิษฐ์แบบใหม่ในอนาคต ที่มา - Facebook AI Blog
เฟซบุ๊กโอเพนซอร์ส wav2letter++ ปัญญาประดิษฐ์แปลงเสียงเป็นข้อความใช้เวลาประมวลผลต่ำ
lew
17 January 2020 - 01:27
[ "Facebook", "Artificial Intelligence" ]
ปัญญาประดิษฐ์สำหรับแปลงเสียงเป็นข้อความ (speech to text) มีความแม่นยำสูงขึ้นเรื่อยๆ แต่ส่วนมากแล้วงานวิจัยมักมีเป้าหมายพัฒนาความแแม่นยำอย่างเดียวโดยใช้ข้อมูลเสียงที่อัดไว้ล่วงหน้าเป็นอินพุต แต่งานอีกกลุ่มหนึ่งเช่นการแปลงเสียงบทสนทนานั้นมีเงื่อนไขของระยะเวลาหน่วง (latency) ว่าต้องไม่สูงเกินไป ตอนนี้เฟซบุ๊กก็เปิดซอร์สโครงการ wave2letter++ งานวิจัยแปลงเสียงเป็นข้อความโดยมีระยะเวลาหน่วงต่ำ โครงการมาพร้อมกับโมเดลแปลงเสียงเป็นข้อความ 4 แบบ ตัวใหม่ที่สุดคือ Time-Depth Separable (TDS) convolutions and Connectionist Temporal Classification (CTC) หรือ TDS+CTC ที่เฟซบุ๊กเพิ่งเปิดเผยรายงานวิจัยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เฟซบุ๊กระบุว่า TDS+CTC มีอัตราความผิดพลาดต่ำกว่าโมเดลปัญญาประดิษฐ์อื่นที่มีเงื่อนไขระยะเวลาหน่วงต่ำเหมือนกัน ขณะที่ทรูพุตการแปลงเสียงเป็นข้อความสูงกว่าถึงสามเท่าตัว และระยะเวลาหน่วงจากเสียงจนถึงข้อความที่แสดงออกมานั้นอยู่ที่ 1.09 วินาทีเท่านั้น เมื่อวิเคราะห์เสียงทีละ 0.75 วินาที ที่มา - Facebook AI Blog
Chromium ประกาศยกเลิก cookie นอกเว็บทั้งหมดในอีกสองปี, เตรียมหาทางแสดงโฆษณาวิธีอื่น
lew
16 January 2020 - 23:08
[ "Chrome", "Privacy", "Browser" ]
เว็บเบราว์เซอร์ทุกวันนี้มักอาศัย cookie เพื่อติดตามตัวผู้ใช้ โดย cookie เป็นส่วนประกอบสำคัญที่ทำให้เว็บสามารถให้บริการที่ต้องล็อกอินล่วงหน้าได้ แต่ขณะเดียวกันความสามารถในการติดตามตัวผู้ใช้นี้ก็มีปัญหาการติดตามตัวผู้ใช้เกินความจำเป็น ล่าสุดกูเกิลประกาศว่ามีแผนจะยกเลิกการรองรับ cookie นอกเว็บปัจจุบัน หรือ third-party cookie ออกทั้งหมดภายในสองปีข้างหน้า third-party cookie เป็นพฤติกรรมของเบราว์เซอร์ที่รองรับคำสั่งขอเซ็ต cookie จากโดเมนใดๆ ที่เบราว์เซอร์โหลดไฟล์จากเว็บเหล่านั้น โดยไม่สนใจว่าหน้าเว็บหลักเป็นโดเมนอะไร เช่นการฝังวิดีโอ YouTube ในเว็บต่างๆ หากเราล็อกอิน YouTube ไว้ก็สามารถใช้งานเว็บอื่นได้ตามปกติ เช่นเพิ่มวิดีโอเข้ารายการวิดีโอในบัญชี จะทำได้จากในวิดีโอที่ฝังไว้โดยไม่ต้องเปิดหน้าต่างใหม่แต่อย่างใด ก่อนหน้านี้ไฟร์ฟอกซ์ก็บล็อค third-party cookie ทั้งหมด ในการตั้งค่าแบบมาตรฐานตั้งแต่เวอร์ชั่น 69 เป็นต้นมา การจำกัด cookie ภายนอกจะมีผลกระทบโดยตรงต่อวงการโฆษณา โดยก่อนหน้านี้กูเกิลเสนอแนวทาง Privacy Sandbox ที่เปิดทางให้วัดผลโฆษณา และแสดงโฆษณาตรงกลุ่มได้ต่อไป ที่มา - Chromium Blog
วิกิพีเดียเริ่มกลับมาใช้งานได้อีกครั้งในตุรกี หลังถูกรัฐบาลสั่งบล็อคไปเกือบสามปี
nutmos
16 January 2020 - 21:24
[ "Wikipedia", "Turkey", "Internet Censorship" ]
ตุรกีได้เริ่มบล็อควิกิพีเดียเมื่อเกือบสามปีก่อน ล่าสุดตอนนี้วิกิพีเดียเริ่มกลับเข้ามาใช้งานได้อีกครั้งในตุรกี หลังจากศาลรัฐธรรมนูญในตุรกีกลับคำสั่งแบนเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา การสั่งบล็อควิกิพีเดียเมื่อสามปีก่อน เกิดจากหน่วยงานด้านการสื่อสารทางไกลของตุรกีเป็นผู้สั่งบล็อคโดยอ้างเหตุผลด้านความมั่นคงต่อประเทศ แต่ศาลรัฐธรรมนูญระงับคำสั่งโดยระบุว่าการกระทำนี้ถือว่าไม่เป็นประชาธิปไตยและทำลายเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น สำหรับฝั่งวิกิพีเดียได้ออกรายงานล่าสุดเกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยระบุว่าหลังจากศาลรัฐธรรมนูญประกาศคำพิพากษาแล้ว อีกไม่นานนักก็ได้รับรายงานว่าเว็บไซต์สามารถใช้งานได้แล้วในตุรกี และยินดีกับชาวตุรกีที่ได้กลับมามีส่วนร่วมกันอีกครั้ง ที่มา - Wikimedia Foundation, Engadget ภาพ Nirzar Pangarkar/Wikimedia Foundation, CC BY-SA 3.0
dtac ประกาศซีอีโอคนใหม่ นายชารัด เมห์โรทรา จากเทเลนอร์ เมียนมาร์ มีผล 1 กุมภาพันธ์นี้
lew
16 January 2020 - 17:24
[ "dtac", "Person" ]
dtac ประกาศเปลี่ยนซีอีโอเป็นนายชารัด เมห์โรทรา (Sharad Mehrotra) ที่ตอนนี้เป็นซีอีโอของเทเลนอร์ เมียนมาร์ โดยนางอเล็กซานดรา ไรช์ ที่ขึ้นดำรงตำแหน่งซีอีโอตั้งแต่ปี 2018 ตัดสินใจ "มองหาโอกาสที่ท้าทายใหม่" นายชารัดเป็นผู้บริหารบริษัทในเครือเทเลนอร์หลายประเทศ เช่น อินเดีย และเมียนมาร์ โดยก่อนหน้าที่จะทำงานกับเทเลนอร์ก็ทำงานในบริษัทสื่อสารในเอเชียมาก่อนแล้ว การเปลี่ยนแปลงมีผล 1 กุมภาพันธ์นี้ ที่มา - dtac blog
ธนาคารกสิกรไทยแนะผู้ใช้ KPLUS อัพเดทเป็น iOS 10, And​roid 6 ขึ้นไป จะได้ใช้งานต่อได้
sunnywalker
16 January 2020 - 16:40
[ "Kasikorn Bank", "KPLUS", "Mobile Banking" ]
ธนาคารกสิกรไทยออกมาเตือนผู้ใช้งาน KPLUS ให้อัพเดตระบบปฎิบัติการเป็นเวอร์ชันล่าสุด เป็นระบบปฏิบัติการ iOS ตั้งแต่ 10.0 ขึ้นไป และ And​roid ตั้งแต่ 6.0 ขึ้นไป​​ ซึ่งผู้ใช้ KPLUS ที่ใช้อุปกรณ์ iOS ต่ำกว่า 10.0 ตั้งแต่วันที่ 28 มกราคม 2563 เป็นต้นไป จะยังสามารถใช้งานต่อไปได้ แต่จะไม่สามารถอัปเดตเวอร์ชัน K PLUS ใหม่ได้ ซึ่งทำให้ไม่สามารถใช้งานฟีเจอร์ใหม่ที่จะออกมาในอนาคตได้ ส่วนคนที่ใช้ K PLUS อุปกรณ์ Android ที่ต่ำกว่า 6.0 ตั้งแต่วันที่ 17 มีนาคม 2563 เป็นต้นไปจะไม่สามารถใช้งาน K PLUS ได้เลย ก่อนหน้านี้ธนาคารแห่งประเทศไทยออกประกาศ ไม่อนุญาตให้เครื่องใช้ระบบปฏิบัติการล้าสมัยใช้งาน ที่มา - ธนาคารกสิกรไทย
Google Search แสดงรายการเสื้อผ้า รองเท้ามาให้ในหน้าแรก ไม่ต้องกดเข้าดูทีละเว็บ
sunnywalker
16 January 2020 - 15:55
[ "Google Search", "Fashion" ]
Google Search เผยความสามารถใหม่ เมื่อผู้ใช้ค้นหาเสื้อผ้า รองเท้า ระบบจะแสดงรายการนั้นที่เป็นที่นิยมจากแบรนด์ต่างๆ มาให้ในคราวเดียว บอกราคามาให้ด้วย แทนที่จะเข้าไปที่ทีละเว็บไซต์ของแบรนด์ สามารถใช้ตัวกรองเพื่อให้ได้สินค้าที่ต้องการมากขึ้น เช่น ชาย หญิง ไซส์ใหญ่ ลายดอก เป็นต้น Google ระบุว่า ได้นำข้อมูลสินค้ามาจากร้านค้าต่างๆ ทั่วโลก และได้อัพเดตข้อมูลนี้เป็นประจำ และไม่ได้เก็บค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมจากร้านค้าในการทำฟีเจอร์นี้ ที่มา - Google Blog
Elastic รองรับ Kubernetes เป็นทางการ ลดภาระผู้ดูแลระบบในการอัพเกรดและขยายระบบ
lew
16 January 2020 - 14:51
[ "Elastic", "Kubernetes", "Elasticsearch" ]
Elastic ประกาศให้ Elastic Cloud on Kubernetes (ECK) เข้าสู่สถานะ GA ใช้งานได้เป็นการทั่วไป หลังจากเปิดตัว ECK มาตั้งแต่ปีที่แล้ว ECK มาพร้อมกับ Elastic Operator ที่ช่วยจัดสรรทรัพยากรสำหรับการสร้างคลัสเตอร์ Elasticsearch โดยเป้าหมายของ ECK คือการลดภาระการดูแลระบบ เช่น การเพิ่มคลัสเตอร์ใหม่, การอัพเกรดเวอร์ชั่นซอฟต์แวร์, การขยายระบบ, และการรักษาความปลอดภัย ECK สามารถติดตั้งได้ทันที และใช้งานได้ตลอดในฟีเจอร์กลุ่ม Basic หากมีการใช้ฟีเจอร์เพิ่มเติมก็สามารถซื้อไลเซนส์เพิ่มได้ เมื่อเดือนที่แล้ว Open Distro for Elastic Search ของ AWS ก็เพิ่งออกเวอร์ชั่น 1.3.0 ที่มาพร้อม Helm chart สำหรับการติดตั้งบน Kubernetes ที่มา - Elastic ภาพจาก Elastic
iflix ทำช่องทางดูคลิปสั้น TikTok ได้จากในแอป คัดเฉพาะคลิปดังมาให้ดู
sunnywalker
16 January 2020 - 14:25
[ "TikTok", "iflix" ]
TikTok จับมือกับ iflix ทำช่อง Channels On Demand ที่ผู้ใช้งาน iflix สามารถดูคลิปสั้น TikTok ได้แม้จะไม่ได้โหลดแอป TikTok มาใช้ โดยจะมีคลิปประเภทต่างๆ คัดแยกไว้ให้ดูสนุกๆ เมื่อผู้ใช้เข้าใช้งานแอปหรือเว็บไซต์ iflix จะเห็นช่อง iflix and TikTok Present ตรงหมวด Channels On Demand ที่รวมเอาวิดีโอจากแหล่งผลิตอื่นๆ เข้ามาไว้ด้วยกัน ประโยชน์ที่ TikTok จะได้คือ สร้างแบรนด์ตัวเองให้เป็นที่รู้จักในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากขึ้น และ iflix ก็มีคอนเทนต์ที่จะดึงดูดผู้ใช้งานให้ดูไปนานๆ iflix ให้บริการใน 13 ประเทศคือ มาเลเซีย, อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์, ไทย, บรูไน, ศรีลังกา, ปากีสถาน, มัลดีฟส์, พม่า, เวียดนาม, กัมพูชา, เนปาลและบังคลาเทศ ที่มา - Tech in Asia
PUBG ออกอัพเดต 6.1 - เพิ่มแผนที่ใหม่ที่สิ่งก่อสร้างถูกทำลายได้
geekjuggler
16 January 2020 - 14:22
[ "PUBG" ]
PUBG หรือ PlayerUnknown's Battlegrounds ออกอัพเดตใหม่ล่าสุด 6.1 เพิ่มแผนที่ใหม่ Karakin ที่จะสร้างประสบการณ์การเล่นใหม่ให้กับผู้เล่นด้วยระบบ Black Zone ที่สิ่งปลูกสร้างในแผนที่นี้จะสามารถถูกทำลายลงได้ โดยผู้เล่นสามารถเล่นแผนที่ดังกล่าวนี้ได้แล้วในเซิฟเวอร์ทดสอบ Karakin เป็นแผนที่เกาะขนาด 2x2 กิโลเมตร เล่นได้พร้อมกัน 64 คนที่ประกอบไปด้วยภูเขาและหมู่บ้านขนาดเล็กที่มีระบบอุโมงค์ใต้ดิน โดยในแผนที่นี้จะมีระบบ Black Zone ซึ่งตัวเกมจะสุ่มสร้างความเสียหายให้กับสิ่งก่อสร้างในแผนที่ ทำให้ผู้เล่นไม่สามารถซ่อนตัวอยู่ภายในนั้นได้ โดย จะมีสัญญาณไซเรนพร้อมวงกลมสีม่วงบนมินิแมปแสดงเขตที่จะเป็น Black Zone นอกจากนี้ ในแผนที่ Karakin ยังมีอาวุธใหม่อย่าง sticky bomb ที่สามารถนำไประเบิดกำแพงตึกหรือบางจุดในแผนที่ซึ่งจะมีไอเท็มซ่อนอยู่ด้านหลัง สำหรับแผนที่เดิมอย่าง Erangel และ Miramar ก็จะมีพาหนะใหม่อย่างเครื่องร่อนติดเครื่องยนต์ (Motor Glider) ที่สามารถบรรทุกผู้เล่นสองคนให้ร่อนไปบนท้องฟ้าได้ โดยจะมีทั้งสิ้น 10 ลำในแผนที่ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมของแพตช์ 6.1 ได้ที่นี่ ที่มา: Gamespot
Bose ปิดร้านค้าในหลายประเทศร่วมร้อยแห่ง เพราะคนไปซื้อออนไลน์กันเยอะขึ้น
sunnywalker
16 January 2020 - 13:35
[ "Bose" ]
Bose แบรนด์หูฟังจะปิดร้านค้าปลีกในอเมริกาเหนือ ยุโรป ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น เพราะคนไปซื้อผ่านออนไลน์กันหมด นอกจากนี้จะมีการปลดพนักงานออกด้วย Bose เปิดร้านค้าของตัวเองครั้งแรกในปี 1993 ตามจุดสำคัญ ห้างร้านต่างๆ Bose เองก็มีการขยายผลิตภัณฑ์ให้ทันสมัย ทั้งหูฟังตัดเสียงรบกวน ลำโพงอัจฉริยะ แว่นตา แต่ Bose ก็ต้องสู้กับคู่แข่งรายใหญ่มากมายเหมือนกัน อย่างไรก็ตามสินค้า Bose ก็มีขายที่ Amazon, Best Buy, Target, Apple store อยู่แล้วด้วย Bose ไม่ได้ระบุว่าจะมีพนักงานกี่รายที่จะได้รับผลกระทบจากการปิดสาขา ด้านร้านค้าที่จะปิดในอเมริกาเหนือ ยุโรป ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น รวมกันแล้วเป็น 119 แห่ง แต่ร้านค้าในประเทศอื่นๆ ยังมีอยู่อีกราว 130 แห่ง ภาพจาก Bose The Verge
Pandas ไลบรารีไพธอนวิเคราะห์ข้อมูลเตรียมออกรุ่น 1.0 มีนโยบาย API compatible ชัดเจน
lew
16 January 2020 - 12:07
[ "Python", "Data Science" ]
Pandas ไลบรารีวิเคราะห์ข้อมูลภาษาไพธอนยอดนิยม เตรียมออกรุ่น 1.0.0 โดยตอนนี้เวอร์ชั่น 1.0.0rc0 ก็เปิดให้ดาวน์โหลดแล้ว ความเปลี่ยนแปลงสำคัญของเวอร์ชั่น 1.0 คือทางโครงการจะมีนโยบายรักษาความเข้ากันได้ของ API ตามแนวทาง Semantic Versioning โดยเวอร์ชั่นหลัก (ตัวเลขหน้าสุด) จะไม่มีการถอด API ออก มีแต่การประกาศเตือน deprecation เท่านั้น นอกจากความเสถียรของ API แล้ว ยังมีการเพิ่มชนิดข้อมูลแบบสตริงเป็นการเฉพาะ, ข้อมูลแบบ boolean ที่รองรับกรณีบางแถวไม่มีข้อมูล, เปลี่ยนเอนจินการรันฟังก์ชั่นเป็น Numba เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ, และการแสดงข้อมูลตารางออกมาเป็น Markdown คาดว่าเวอร์ชั่น 1.0.0 ตัวจริงจะออกภายในสัปดาห์หน้า ที่มา - Pandas
Apple ซื้อกิจการ Xnor สตาร์ทอัพด้าน AI ที่ประมวลผลบนอุปกรณ์
arjin
16 January 2020 - 11:54
[ "Apple", "Acquisition", "Artificial Intelligence" ]
มีรายงานว่าแอปเปิลได้เข้าซื้อกิจการ Xnor․ai สตาร์ทอัพที่เน้นพัฒนาเทคโนโลยี AI ให้ทำงานได้บนอุปกรณ์โดยใช้พลังงานต่ำ (On-Device AI) โดยบริษัทมีผลงานเด่นคืออยู่เบื้องหลังเทคโนโลยีตรวจจับบุคคลให้กล้องวงจรปิด Wyze ผลจากดีลดังกล่าวทำให้ Wyze ประกาศว่าบริษัทจะออกอัพเดตเฟิร์มแวร์ ที่ตัดฟีเจอร์นี้ออกไปชั่วคราว เนื่องจากต้องยกเลิกข้อตกลงกับผู้ให้บริการเทคโนโลยี AI นี้กะทันหัน แต่บริษัทจะออก AI ตัวใหม่ที่พัฒนาขึ้นมาเองทดแทน ด้านตัวแทนของแอปเปิลออกมาชี้แจงข่าวดังกล่าวด้วยประโยคแบบเดิมทุกครั้งที่มีข่าวซื้อกิจการว่า แอปเปิลมีการซื้อกิจการขนาดเล็กอยู่โดยตลอด และบริษัทจะไม่แสดงความเห็นถึงแผนงานและโครงการในอนาคต คาดว่าเทคโนโลยีของ Xnor จะนำมาใช้ในการพัฒนา AI บนอุปกรณ์ต่าง ๆ ของแอปเปิล ซึ่งสามารถประมวลผลได้ในชิปของอุปกรณ์เลย ไม่ต้องพึ่งพาการประมวลผลจากเซิร์ฟเวอร์ ที่มา: 9to5Mac
GitHub ปล่อยแอปแอนดรอยด์รุ่นเบต้าให้คนทั่วไปใช้งานได้
lew
16 January 2020 - 11:02
[ "GitHub" ]
ปีที่แล้ว GitHub เปิดตัวแอปบนโทรศัพท์มือถือโดยระบุว่าจะมีทั้งแอนดรอยด์และไอโอเอส แต่เปิดทดสอบเฉพาะบนไอโอเอสมาก่อน ตอนนี้รุ่นแอนดรอยด์ก็เปิดทดสอบแล้ว ตัวแอปต้องการแอนดรอยด์เวอร์ชั่น 5.1 ขึ้นไป ตัวแอปเป็นเนทีฟทั้งหมด รองรับ dark mode เช่นเดียวกับไอโอเอส สามารถสมัครเป็นผู้ทดสอบเบต้าได้บน Google Play ที่มา - GitHub
เพิ่งเปิดตัวก็แรงเลย Disney+ แชมป์ยอดดาวน์โหลดในสหรัฐฯ ช่วง Q4 ปี 2019
sunnywalker
16 January 2020 - 10:15
[ "Disney+", "App Store", "Google Pay", "Sensor Tower", "Streaming" ]
Sensor Tower เผยข้อมูล คนอเมริกันดาวน์โหลดแอปสตรีมมิ่ง Disney+ กันมากที่สุดในช่วงไตรมาสสุดท้ายปี 2019 คือมีการดาวน์โหลดไป 30 ล้านครั้ง โดยเป็นการดาวน์โหลดผ่าน App Store 18 ล้านครั้ง และผ่าน Google Play 12 ล้านครั้ง ในแง่รายได้ Disney+ ทำรายได้มากกว่า 50 ล้านดอลลาร์ใน 30 วันแรก เอาชนะคู่แข่งอื่นๆ เช่น HBO NOW และ Showtime และเมื่อรวมทั้งไตรมาส พบว่ารายได้ Disney+ มีส่วนแบ่งรายได้ 16% ของตลาด SVOD ทั้งหมดในสหรัฐฯ ทั้งๆ ที่ Disney+ เพิ่งจะเปิดตัวในเดือนพฤศจิกายน 2019 โดยมีรายได้มากกว่า Netflix ในช่วงเวลาเดียวกัน (Netflix มีส่วนแบ่งรายได้ 15%) อย่างไรก็ตาม นี่เป็นรายได้ที่นับเฉพาะผ่านช่องทางดาวน์โหลดแอปผ่าน App Store และ Google Play เท่านั้น ไม่รวมรายได้จากการชำระเงินช่องทางอื่น ช่วงเวลาพีคที่สุดของ Disney+ คือเดือนพฤศจิกายน 2019 เพราะเป็นช่วงเปิดตัว ซึ่งมียอดดาวน์โหลดเกือบ 20 ล้านครั้ง มากกว่าแอปสตรีมมิ่งอื่นในช่วงเวลาที่พีคที่สุดของแต่ละเจ้า กล่าวคือ ช่วงพีคที่สุดของ Netflix คือเดือนธันวาคมปี 2018 มียอดดาวน์โหลดกว่า 5 ล้านครั้ง นอกจากนี้ Disney+ ยังมียอดดาวน์โหลดมากกว่าช่วงพีคของ HBO Now คือ เมษายน 2019 คือช่วงที่มีการฉาย Game of Thrones ซีซั่น 8 ด้วย Disney+ ยังทำลายสถิติบน Google Play ที่ไม่เคยมีแอปใดมียอดดาวน์โหลดในสหรัฐฯ เกิน 10 ล้านครั้งนับตั้งแต่ที่ Facebook Messenger ทำไว้ในปี 2017 ที่มา - TechCrunch
วิธีดาวน์โหลด Microsoft Edge ตัวใหม่: ถ้าใจร้อนโหลดเอง ถ้าไม่รีบรอ Windows Update
mk
16 January 2020 - 09:45
[ "Microsoft Edge", "Microsoft", "Browser" ]
วันนี้ไมโครซอฟท์เปิดให้ดาวน์โหลด Microsoft Edge ตัวใหม่พลัง Chromium ที่เป็นเวอร์ชันเสถียร (จากที่ออกรุ่น Dev/Beta มาสักพักใหญ่ๆ) โดยไมโครซอฟท์อธิบายกระบวนการดาวน์โหลด/อัพเดต Edge ตัวใหม่ดังนี้ ถ้าใจร้อนอยากลองใช้วันนี้ เข้าไปดาวน์โหลดตัวติดตั้งได้ทันที (มีบน Windows 7, 7, 8.1, 10, macOS) ตัวติดตั้งเป็น installer ยุคใหม่ที่จะดาวน์โหลด Edge จากอินเทอร์เน็ตมาอีกทีหนึ่ง หากเป็นผู้ใช้พีซีองค์กร หรือต้องการตัวติดตั้งแบบออฟไลน์ ไฟล์เดียวจบไม่ต้องดาวน์โหลดอะไรเพิ่ม ดาวน์โหลดได้จากหน้า Edge for Business ถ้าไม่รีบร้อน ไมโครซอฟท์จะทยอยปล่อยอัพเดต Edge ตัวใหม่ผ่าน Windows Update ให้เอง กระบวนการอัพเดตจะใช้เวลาหลายเดือนถึงจะครบผู้ใช้ทุกคน (several months) ข้อมูลเพิ่มเติมอื่นๆ การติดตั้ง Microsoft Edge ตัวใหม่ที่เป็น Stable Channel บน Windows 10 จะเข้ามาแทน Microsoft Edge ตัวเดิมให้เลย (Edge ตัวเก่าจะถูกซ่อนไว้ แต่ตัวเอนจิน EdgeHTML จะยังอยู่และใช้งานได้) การใช้งาน Edge ที่เป็น Dev/Beta Channel จะถูกมองว่าเป็นเบราว์เซอร์คนละตัวกัน และสามารถใช้ควบคู่ไปกับ Edge Stable ได้ (ดาวน์โหลดได้จาก Edge Insider) เมื่อติดตั้ง Edge Stable แล้ว มันจะอัพเดตตัวเองอัตโนมัติทุก 6 สัปดาห์ ตามรอบการออก Edge ที่มา - Microsoft
ซีอีโอ Twitter บอกชัดอีกครั้ง ว่าคงไม่เปิดฟีเจอร์ให้แก้ไขทวีต
arjin
16 January 2020 - 09:13
[ "Twitter", "Jack Dorsey" ]
ฟีเจอร์หนึ่งที่ผู้ใช้ Twitter เรียกร้องกันมายาวนานคือการเปิดให้แก้ไขข้อความที่ทวีตไปแล้วได้ มีข่าวลือมาตั้งแต่ 6 ปีก่อน จนเมื่อปี 2018 ซีอีโอ Jack Dorsey ก็บอกว่ากำลังพิจารณาเรื่องนี้อยู่ ล่าสุด Dorsey ไปออกรายการ Q&A ของ Wired เพื่อตอบคำถามต่าง ๆ ที่มีคนเมนชั่นถามเขา เมื่อถึงคำถามที่ว่าจะมีปุ่มแก้ไข (edit) ภายในปีนี้หรือไม่ เขาตอบชัดเจนว่าไม่ Dorsey ให้เหตุผลว่าพื้นฐานของ Twitter มาจากการส่งข้อความ SMS ซึ่งไม่สามารถแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงได้ Twitter ต้องการรักษาแนวทางนี้ไว้ เขายอมรับว่ามีเหตุผลที่น่าสนใจมากมายที่ควรเปิดให้แก้ไขทวีตได้ แต่เมื่อพิจารณาจากปัจจัยทุกอย่างแล้ว Twitter ก็คงไม่เปิดให้แก้ไขทวีตในตอนนี้ ที่มา: The Verge
ไม่นานเกินรอ House of the Dragon ภาคแยก GOT มี 10 ตอน ฉาย HBO ปี 2022
sunnywalker
16 January 2020 - 08:57
[ "Game of Thrones", "HBO" ]
Casey Bloys หัวหน้าฝ่ายรายการ HBO เผยกับสื่อว่า House of the Dragon ภาคแยกของ Game of Thrones กำหนดช่วงฉายเป็นปี 2022 โดยซีรีส์จะมี 10 ตอน เนื้อเรื่องของ House of the Dragon จะเล่าเรื่องตระกูลทาเกเรียน เป็นเรื่องราวย้อนหลังไป 300 ปีก่อนหน้าสงครามมหากาพย์ Game of Thrones สร้างอิงจากนิยายเรื่อง Fire & Blood เขียนโดย George R.R. Martin ที่มา - CNET
Mozilla ปลดพนักงานออก 70 คน หลังโครงการหารายได้ใหม่ๆ ไม่เข้าเป้า
mk
16 January 2020 - 08:21
[ "Mozilla" ]
Mozilla ประกาศปลดพนักงานออกจำนวนหนึ่ง (ตัวองค์กรไม่ได้เปิดเผย แต่ TechCrunch รายงานว่าประมาณ 70 คน) หลังโครงการใหม่ๆ ไม่เวิร์คอย่างที่คาดไว้ Mozilla พยายามพัฒนาโครงการใหม่ๆ มาหารายได้นอกเหนือจากการเปิดประมูล search engine ของ Firefox ที่เป็นช่องทางหารายได้หลัก โดยเน้นไปที่การหาเงินแบบ subscription (ก่อนหน้านี้เคยเปิดตัว Firefox Premium, VPN และ บริการอ่านข่าวแบบเสียเงิน) แต่แผนการของ Mozilla ไปไม่สวยอย่างที่คิด ข้อมูลจากบันทึกภายในที่หลุดออกมา ยอมรับว่าโครงการเหล่านี้คืบหน้าช้ากว่ากำหนดและเป้ารายได้ที่วางไว้ ทำให้ Mozilla ตัดสินใจเปลี่ยนแผนมาเป็นการเติบโตแบบช้าๆ แทน จึงต้องปลดพนักงานในโครงการเหล่านี้ออก ซึ่งพนักงานที่โดนปลดก็จะได้แพ็กเกจที่เยอะพอสมควรด้วย ข้อมูลของ Mozilla บอกว่าใช้เงินกับโครงการใหม่ๆ ราว 43 ล้านดอลลาร์ ทั้งองค์กรมีพนักงานประมาณ 1,000 คน ที่มา - Mozilla, TechCrunch
Chrome จะหยุดซัพพอร์ต Chrome Apps เดือนมิถุนายน 2020
mk
16 January 2020 - 07:54
[ "Chrome", "ChromeOS", "Google", "Web Application" ]
Chrome Apps คือฟีเจอร์ของ Chrome ที่ให้หน้าเว็บสามารถเรียก API บางอย่างของ Chrome ได้เหมือนกับแอพ (เช่น Bluetooth) กูเกิลเปิดตัวฟีเจอร์นี้ในปี 2013 และภายหลังมาตรฐานเว็บก็พัฒนาตามจนมาเป็น Progressive Web Apps ที่ทุกเบราว์เซอร์รองรับ (นั่นคือเขียนเป็นเว็บแอพธรรมดาก็พอ ไม่ต้องทำเป็น Chrome Apps) ท่าพิเศษที่ใช้ได้เฉพาะบน Chrome อย่าง Chrome Apps จึงถึงเวลาต้องจากไป กูเกิลเคยประกาศเตรียมถอดฟีเจอร์ Chrome Apps ออกจาก Chrome มารอบหนึ่ง แต่ก็เลื่อนเพราะไม่พร้อม ล่าสุดกูเกิลประกาศแผนการถอด Chrome Apps ดังนี้ มีนาคม 2020 Chrome Web Store ปิดรับ Chrome Apps ใหม่ มิถุนายน 2020 Chrome หยุดซัพพอร์ต Chrome Apps บนทุกแพลตฟอร์มยกเว้น Chrome OS มิถุนายน 2021 Chrome OS หยุดซัพพอร์ต Chrome Apps มิถุนายน 2022 Chrome OS Enterprise หยุดซัพพอร์ต Chrome Apps ประกาศนี้ไม่เกี่ยวข้องใดๆ กับระบบส่วนขยาย Chrome Extensions ที่ยังซัพพอร์ตตามปกติ ที่มา - Chromium Blog
Microsoft Edge รุ่น Chromium มาแล้ว มีบนทุกแพลตฟอร์มยกเว้นลินุกซ์
lew
16 January 2020 - 02:17
[ "Microsoft Edge", "Browser" ]
ไมโครซอฟท์ประกาศเปลี่ยนเอนจินใน Microsoft Edge มาเป็น Chromium ตั้งแต่ปลายปี 2018 แม้ที่ผ่านมาจะเวอร์ชั่นเบต้าให้ทดสอบเรื่อยๆ แต่วันนี้ไมโครซอฟท์ก็ปล่อยตัวจริงสู่สาธารณะ ฟีเจอร์ในเวอร์ชั่นแรกถือว่าครบถ้วนตามที่สัญญาไว้ เช่น ซิงก์ด้วยบัญชีไมโครซอฟท์ (AAD), โหมด Internet Explorer, รองรับการสตรีมมิ่งระดับ 4K, วาดภาพลงไฟล์ PDF, และรองรับส่วนขยายจาก Chrome เวอร์ชั่นแรกรองรับ Windows (Windows 7 ก็ยังรองรับ), macOS, iOS, และ Android ที่มา - Windows Blog
กูเกิลรองรับการใช้ไอโฟนเป็นกุญแจล็อกอินขั้นตอนที่สอง, มีกุญแจเพิ่มอีกอันก็เลิกใช้ SMS กู้รหัสผ่านได้
lew
16 January 2020 - 02:06
[ "Google", "FIDO", "Security" ]
กูเกิลประกาศรองรับการใช้ไอโฟนเป็นโทเค็นล็อกอินขั้นตอนที่สองตามมาตรฐาน FIDO ทำให้การล็อกอินเว็บหรือบริการที่รองรับ FIDO ใช้สามารถกดแอปบนไอโฟนเพื่อยืนยันการล็อกอินได้ทันที การเปิดใช้งานต้องเปิดด้วยแอป Smart Lock ของกูเกิล และระหว่างใช้งานต้องเปิด Bluetooth ไว้ แต่ไม่ต้อง pair อุปกรณ์แต่อย่างใด และไอโฟนต้องรัน iOS 10.0 ขึ้นไปเท่านั้น การใช้ไอโฟนล็อกอินขั้นตอนที่สองช่วยลดความเสี่ยงลงได้ นอกจากนี้ยังทำให้คนทั่วไปเข้าร่วม Advanced Protection Program ของกูเกิลได้ง่ายขึ้น โดยจากเดิมที่ต้องใช้กุญแจ FIDO สองชุด หลังจากนี้ก็ต้องการโทรศัพท์และกุญแจต่างหากอีกชุดเดียวเท่านั้น โดยหลังจากเข้าร่วมโครงการ บัญชีกูเกิลจะไม่สามารถกู้คืนด้วย SMS ได้อีกต่อไป เป็นการลดความเสี่ยงที่จะถูกขโมยบัญชีลง ที่มา - Google Security Blog
Alibaba Cloud บุกไทยอย่างเป็นทางการ ตั้ง INET เป็นตัวแทนจำหน่ายรายแรก
mk
15 January 2020 - 22:39
[ "Alibaba Cloud", "Alibaba", "INET", "Cloud Computing" ]
Alibaba Cloud ซึ่งเป็นบริษัทลูกในเครือ Alibaba บุกเข้ามาทำตลาดประเทศไทยอย่างเป็นทางการ โดยเซ็นสัญญากับบริษัท อินเทอร์เน็ตประเทศไทย (INET) เป็นตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการรายแรกในไทย INET จะบริหารจัดการด้านการตลาด การจำหน่ายผลิตภัณฑ์ Alibaba Cloud ให้กับตัวแทนผู้ค้าปลีก (reseller) ในอุตสาหกรรมต่างๆ ของประเทศไทย บริการของ Alibaba Cloud ที่พร้อมทำตลาดในไทยได้แก่ ECS Auto Scaling, Web Application Firewall, AsparaDB (MySQL, PostgreSQL, MS SQL, MongdoDB), Container Service Alibaba Cloud ถือเป็นผู้ให้บริการคลาวด์แบบ public cloud รายใหญ่ที่สุดของประเทศจีน ส่วนผู้ให้บริการรายอื่นๆ ได้แก่ Tencent, Huawei, China Telecom, Baidu, Kingsoft เป็นต้น ส่วนแบ่งตลาดคลาวด์จีน ข้อมูลจาก IDC เดือนธันวาคม 2019
พบข้อความในแอพ Google Phone อาจเพิ่มฟีเจอร์บันทึกเสียงโทรศัพท์ในอนาคต
mk
15 January 2020 - 22:23
[ "Google", "Android", "Mobile App" ]
เว็บไซต์ XDA ลองแกะไฟล์ APK ของแอพโทรศัพท์ Google Phone เวอร์ชันล่าสุด (43.0.289191107) พบไอคอนและข้อความสตริงเกี่ยวกับฟีเจอร์ Recording หรือการบันทึกเสียงสนทนาแล้ว การค้นพบข้อความสตริงในแอพ อาจไม่ได้แปลว่าเราจะได้เห็นฟีเจอร์นั้นเสมอไป (อาจยกเลิกกลางทางหรือมีเหตุผลอื่น) แต่ปัจจุบันระบบปฏิบัติการ Android เองยังไม่มี API สำหรับการบันทึกเสียงสนทนาด้วย แอพของผู้ผลิตแต่ละรายใช้วิธีการของตัวเองที่แตกต่างกันไป การที่เราเห็นกูเกิลพยายามพัฒนาฟีเจอร์นี้ อาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าใน Android 11 อาจเพิ่ม API ตัวนี้เข้ามาก็เป็นได้ ความเกี่ยวโยงอีกประการคือ Xiaomi เพิ่งประกาศเปลี่ยนแอพโทรศัพท์จาก MIUI Dialer ของตัวเองมาเป็น Google Phone สำหรับโทรศัพท์ที่ขายในบางประเทศ ซึ่งผู้ใช้อาจมองว่าสูญเสียฟีเจอร์บันทึกเสียงจาก MIUI Dialer ไป หาก Google Phone เพิ่มฟีเจอร์แบบเดียวกันเข้ามาก็อาจช่วยแก้ปัญหาได้เช่นกัน ที่มา - XDA
Xiaomi ให้ข้อมูล Mi A3 จะได้อัพเกรด Android 10 ช่วงกลางเดือน ก.พ. 2020
mk
15 January 2020 - 22:16
[ "Xiaomi", "Android 10", "Mobile", "Android One" ]
จากข่าว Xiaomi Mi A2 มือถือ Android One ปี 2018 ได้อัพเกรดเป็น Android 10 แล้ว ก็เกิดคำถามตามมาทันทีว่า Xiaomi Mi A3 ที่เป็นรุ่นถัดมาจะได้อัพเดตเมื่อไร บัญชีทวิตเตอร์ @XiaomiIndia ออกมาตอบคำถามแล้วว่าจะเป็นช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ (mid-February) โดยยังไม่ได้ระบุวันชัดเจน ที่มา - XDA
Cloudflare ประกาศให้บริการเครื่องมือความปลอดภัยฟรีสำหรับแคมเปญการเมืองในสหรัฐฯ
nutmos
15 January 2020 - 21:46
[ "Cloudflare", "Security", "Election" ]
Cloudflare ประกาศให้บริการเครื่องมือและบริการด้านความปลอดภัยสำหรับแคมเปญการเมืองในสหรัฐฯ ฟรี เพื่อป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์และการแทรกแซงการเลือกตั้งที่อาจเกิดขึ้นก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปีนี้ Cloudflare ระบุว่า บริการใหม่ Cloudflare for Campaigns นี้จะมาพร้อมบริการแบ่งเบาการโจมตีแบบ DDoS, load balancing สำหรับเว็บไซต์ที่รันแคมเปญ, ไฟร์วอลสำหรับเว็บไซต์ และระบบต่อต้านบอท โครงการนี้อยู่ภายใต้ Project Galileo ซึ่งเป็นบริการเพื่อความปลอดภัยที่ Cloudflare มอบให้นักข่าว, นักกิจกรรมด้านสิทธิพลเรือน และกลุ่มที่ดำเนินงานด้านมนุษยธรรม เพื่อป้องกันการโจมตีผ่านไซเบอร์กับเว็บไซต์เหล่านี้ ซึ่งช่วงหลัง Cloudflare ได้ขยายโครงการนี้ให้ครอบคลุมเว็บไซต์ของรัฐและรัฐบาลท้องถิ่นในปี 2018 Matthew Price ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้ง Cloudflare ระบุว่า เป็นความต้องการของ Cloudflare ที่จะช่วยแคมเปญต่าง ๆ ให้ปลอดภัย ไม่ใช่แค่เว็บไซต์สาธารณะ แต่รวมถึงความปลอดภัยของข้อมูลภายในด้วย ที่มา - TechCrunch ภาพจากข่าวเก่า
nPerf ให้ 3BB ครองแชมป์บรอดแบนด์ไทยปี 2019, ความเร็วเน็ตไทยเพิ่มเฉลี่ย 90%
mk
15 January 2020 - 20:46
[ "3BB", "Broadband", "Telecom", "Ranking", "TOT", "True", "AIS Fibre", "nPerf" ]
nPerf บริษัทวัดความเร็วเน็ตจากประเทศฝรั่งเศส ออกรายงานคุณภาพอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์แบบมีสาย (fixed broadband) ในประเทศไทย ประจำปี 2019 ยกให้ 3BB มีคะแนนสูงสุด ระบบการคิดคะแนนของ nPerf คิดเป็นแต้ม nPoints โดยอิงจากความเร็วดาวน์โหลด + อัพโหลด + ค่า latency บริษัทที่ได้คะแนนตามมาเป็นอันดับสองคือ AIS Fibre ตามด้วย True Internet และปิดท้ายด้วย TOT 3BB มีคะแนนรวมสูงสุด ผลงานดีทั้งฝั่งดาวน์โหลดและอัพโหลดอยู่อันดับ 1 AIS ความเร็วดาวน์โหลด/อัพโหลดอยู่อันดับ 2 แต่เด่นด้าน latency ที่สุด (15 ms) เหมาะสำหรับเกมเมอร์ True ตามมาเป็นอันดับสาม เพราะความเร็วฝั่งอัพโหลดแย่ที่สุดในบรรดาทั้ง 4 ราย TOT ความเร็วดาวน์โหลดอยู่อันดับ 4 แต่ฝั่งอัพโหลดอยู่อันดับ 3 (ชนะ True) nPerf ยังให้ข้อมูลภาพรวมของวงการบรอดแบนด์ไทยปี 2019 ว่าความเร็วเฉลี่ยฝั่งดาวน์โหลดเพิ่มขึ้น 90% จากปีก่อน และอยู่ในระดับ 100 Mbps, ส่วนความเร็วฝั่งอัพโหลดเพิ่มถึง 170% อยู่ที่ 73 Mbps ถือเป็นพัฒนาการที่น่าตื่นเต้นของเน็ตไทยปีที่ผ่านมา รายละเอียดทางเทคนิคและกราฟต่างๆ อ่านได้จากรายงานฉบับเต็มของ nPerf ที่มา - nPerf (PDF)
ชาวเน็ตถล่มแซะ Jeff Bezos ว่าบริจาคเงินช่วยออสเตรเลียน้อยมากเมื่อเทียบกับความรวย
BlackMiracle
15 January 2020 - 19:45
[ "Jeff Bezos", "Amazon", "Australia" ]
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา Jeff Bezos บุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก, ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง Amazon ได้ประกาศทาง Instagram ว่า Amazon จะบริจาคเงินช่วยไฟป่าออสเตรเลียเป็นจำนวน 1 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือราว 690,000 ดอลลาร์สหรัฐ แต่กลับกลายเป็นถูกชาวเน็ตถล่มว่าบริจาคเงินน้อยมากเมื่อเทียบกับรายได้ของ Amazon และของตัว Jeff Bezos เอง เว็บไซต์ Business Insider คำนวณให้ว่าในเวลาสามเดือนที่ผ่านมา Jeff มีรายได้เฉลี่ยทุก 30 นาทีเท่ากับยอดบริจาค หรือฝั่งบริษัท Amazon เองก็มีมูลค่าถึง 9.36 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ด้าน Facebook ก็ประกาศบริจาคมากกว่า Amazon อยู่นิดหน่อย ที่ 1.25 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือแม้แต่ผู้หญิงขายภาพโป๊ออนไลน์ยังระดมทุนมาบริจาคได้มากกว่า Amazon เกือบเท่าตัวเลยทีเดียว ในขณะที่วงดนตรีเฮฟวี่เมทัลอย่าง Metallica ก็บริจาคไป 750,000 ดอลลาร์ออสเตรเลีย ที่มา - Business Insider ภาพจาก @JeffBezos
อินเดียเริ่มกู้คืนอินเทอร์เน็ตให้ใช้ในแคชเมียร์แล้ว แต่โซเชียลมีเดียยังใช้ไม่ได้
sunnywalker
15 January 2020 - 18:59
[ "India", "Freedom of Information", "Internet" ]
รัฐบาลอินเดียปิดการใช้งานอินเทอร์เน็ตในเชตแคชเมียร์และจัมมูมาเป็นเวลาเกือบ 6 เดือนแล้ว หลังรัฐบาลอินเดียเพิกถอนบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญที่มอบสถานะพิเศษให้แก่ดินแดนแคชเมียร์ จนศาลสูงสุดสั่งให้รัฐบาลทบทวนมาตรการแบนอินเทอร์เน็ต เพราะถือเป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน ล่าสุด รับาลกู้คืนอินเทอร์เน็ตให้ใช้บางส่วนแล้ว โดยยังจำกัดเฉพาะเครือข่ายบรอดแบนด์ที่ใช้ในสถานประกอบการ เช่น โรงพยาบาล โรงแรม ธนาคาร คนที่อาศัยในหุบเขาก็จะสามารถใช้งาน 2G ได้แล้ว แต่ไม่ใช่ทุกเว็บไซต์ที่ใช้งานได้ โซเชียลมีเดียยังคงถูกบล็อกต่อไป รัฐบาลระบุว่าจะตั้งเครื่องกระจายสัญญาณเน็ต 400 จุดให้นักท่องเที่ยวด้วย Internet Freedom Foundation (IFF) หน่วยงานที่ทำงานเกี่ยวกับสิทธิดิจิทัลระบุว่า ผู้คนในภูมิภาคนี้พึ่งพาการใช้งานอินเทอร์เน็ต 96.8% แม้จะมีการกู้คืนอินเทอร์เน็ตแต่ก็เป็นแค่บางส่วน ยังมีผู้คนอีกมากที่ขาดการเชื่อมต่อ ภาพจาก stockpexel/Shutterstock ใช้เพื่อการข่าวเท่านั้น ที่มา - The Next Web
Huawei ประกาศยอดขายสมาร์ทโฟน 5G ปี 2019 มากกว่า 6.9 ล้านเครื่อง
arjin
15 January 2020 - 18:55
[ "Huawei", "5G", "Smartphone" ]
หัวเว่ยประกาศยอดขายสมาร์ทโฟนที่รองรับ 5G ตลอดปี 2019 ว่ามีจำนวนมากกว่า 6.9 ล้านเครื่อง ซึ่งสูงกว่า 6.7 ล้านเครื่องที่ซัมซุงออกมาประกาศก่อนหน้านี้ สมาร์ทโฟน 5G รุ่นเด่นที่หัวเว่ยจำหน่ายในปีที่ผ่านมา เริ่มตั้งแต่ Mate 20 X 5G ส่วนปลายปีมี Mate 30, Mate 30 Pro และ Nova 6 5G รวมทั้งสมาร์ทโฟนพับได้ Mate X หัวเว่ยเป็นอีกบริษัทที่วางกลยุทธ์ออกสมาร์ทโฟนรองรับ 5G เพิ่มขึ้นในปี 2020 นี้ ที่มา: Phone Arena
Facebook จะส่งคำแจ้งเตือนถ้ามีการแชร์ข้อมูลร่วมกับแอปนอก พร้อมปุ่มกดตั้งค่ามาให้ด้วย
sunnywalker
15 January 2020 - 17:57
[ "Facebook", "Privacy" ]
Facebook ออกฟีเจอร์ Login Notifications โดยจะเริ่มส่งการแจ้งเตือนถ้ามีการแชร์ข้อมูลร่วมกับแอปพลิเคชั่นอื่น เช่น การใช้ล็อกอินด้วย Facebook โดย Facebook จะแจ้งเตือนทั้งผ่านช่องทาง Facebook และอีเมล ผู้ใช้งานสามารถกดเปลี่ยนตั้งค่าได้จากเมนูแจ้งเตือนนั้นเลย ข้อมูลที่ Facebook จะส่งมาพร้อมกับการแจ้งเตือนคือ แอปพลิเคชั่นอะไร ข้อมูลอะไรบ้างที่แชร์ไป พร้อมปุ่มตั้งค่าให้กดได้เลย ก่อนหน้านี้ Facebook ก็ออกฟีเจอร์ privacy checkup ซึ่งทำหน้าที่คล้ายกันคือ มีเมนูตั้งค่าความเป็นส่วนตัวให้กดได้ง่ายๆ จากเดิมที่ต้องเข้าไปกดที่รูปเฟืองและตามหาเมนูตั้งค่าความเป็นส่วนตัว ที่มา - Engadget
[Editorial] บทเรียนจากนโยบายเปลี่ยนบัตร ATM เป็นชิป มาช้าจนมีคนตกเป็นเหยื่อจำนวนมาก บัตรตกค้างนับล้านใบ
lew
15 January 2020 - 17:05
[ "Editorial", "Blognone" ]
วันนี้เป็นวันสุดท้ายก่อนการยกเลิกบัตรเอทีเอ็มแบบแม่เหล็กในประเทศไทย หลังจากธนาคารแห่งประเทศไทยเริ่มบังคับธนาคารทุกแห่งต้องให้บริการบัตรชิปมาตั้งแต่ปี 2016 นับเป็นการอัพเกรดเทคโนโลยีความปลอดภัยครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในประเทศไทย แม้จะเป็นเรื่องน่ายินดีที่มีการปรับปรุงและจะไม่มีใครเป็นเหยื่อที่ต้องสูญเสียเงิน (อย่างน้อยก็ช่วงเวลาหนึ่ง) ให้กับอาชญากรอีก แต่เราไม่ควรลืมว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เกิดขึ้นหลังมีประชาชนตกเป็นเหยื่อจำนวนมาก, กระบวนการเปลี่ยนผ่านใช้เวลาหลายปี, และในวันนี้เองก็ยังมีบัตรที่ยังไม่ได้เปลี่ยนอีกนับล้านใบ บัตรแม่เหล็กเป็นเครื่องมือสำหรับยืนยันตัวตนผู้ใช้แบบพิสูจน์จากสิ่งที่ผู้ใช้มี (something you have) โดยที่มาตรฐานการให้บริการ ATM นั้นคือการยืนยันตัวตนสองชั้น คือบัตรร่วมกับรหัสผ่านสี่ตัว แต่ตัวบัตรแม่เหล็กเองเป็นเทคโนโลยีเก่า 50 ปีแล้ว การใช้ยืนยันว่าเป็นสิ่งที่ผู้ใช้มีแทบไม่มีผลในข่วงสิบกว่าปีที่ผ่านมา แต่การขาดการกำกับดูแลทิศทางที่ชัดเจนก็ทำให้ธนาคารในประเทศไทยใช้บัตรแม่เหล็กเป็นวงกว้างโดยไม่มีการเปลี่ยนผ่าน ในห้วงสิบปีที่ผ่านมา มีผู้คนตกเป็นเหยื่อของการทำสำเนาบัตรแม่เหล็กจำนวนมาก ตั้งแต่บัตรเครดิตไปจนถึง skimmer ที่ติดตั้งบนตู้เอทีเอ็ม แม้เหยื่อทั้งหมดจะได้เงินคืน แต่แต่ละคนก็ต้องฝ่าฟันกระบวนการของแต่ละธนาคารด้วยตัวเอง หากเป็นคนที่มีความลำบากทางการเงินอยู่แล้ว การตกเป็นเหยื่อเหตุเหล่านี้สร้างความเสียหายได้ร้ายแรงจากการขาดเงินหมุนเวียน แม้เราจะเห็นข่าวอยู่เป็นระยะ แต่เรากลับไม่เคยเห็นการเปิดเผยจำนวนตัวเลขผู้เสียหายหรือการประเมินประสิทธิภาพว่าธนาคารสามารถจัดการปัญหาได้เร็วแค่ไหน แม้ธนาคารจะมีการแจ้งเตือนกันเองว่ามีตู้เอทีเอ็มถูกโจมตีแต่ก็ไม่เปิดเผยให้คนภายนอกรู้ถึงระดับอันตรายที่เพิ่มขึ้น มีเพียงเอกสารหลุดออกมาเป็นครั้งคราวเท่านั้น การที่ธนาคารแห่งประเทศไทยสนับสนุนสังคมไร้เงินสดอย่างเต็มที่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และประสบความสำเร็จค่อนข้างดี ความสำเร็จนี้จะทำให้ช่องโหว่ความปลอดภัยในอนาคตสร้างความเสียหายเป็นวงกว้างได้มากกว่าเดิมเสียอีก หากยังขาดกระบวนการกำกับดูแลอย่างเป็นรูปธรรม มีการเปลี่ยนผ่านที่ชักช้าไม่ทันการเหมือนการเลิกใช้บัตรแม่เหล็กครั้งนี้ มีการเปลี่ยนผ่านอีกมาก ที่รอการกำหนดแนวทาง หลังจากที่ปลายปีที่แล้วมีการกำหนดห้ามเครื่องที่ root หรือ jailbreak ใช้งาน หรือจำกัดการใช้ระบบปฎิบัติการเก่า คำถามในวงการอีกจำนวนมาก เช่น การใช้ SMS เพื่อยืนยันตัวตนถือว่าปลอดภัยพอหรือ หลังจาก NIST ระบุว่าไม่ปลอดภัยพอ และธนาคารควรเสนอทางเลือกอื่นให้ผู้ใช้ได้หรือยัง, กระบวนการตรวจสอบการฉ้อโกงของธนาคารในประเทศไทยล่าช้าเกินไปหรือไม่ หลังจากมีเหตุผู้ใช้ถูกขโมยข้อมูลบัตรหลายครั้ง แต่ call center บางธนาคารแทบติดต่อไม่ได้ กระบวนการแก้ไขใช้เวลานานนับเดือนไม่มีการติดต่อกลับภายใน 7 วันอย่างที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศไว้ หรือการแจ้งเตือนการใช้งานยังไม่ครอบคลุมทุกบริการ หรือเราต้องรอให้มีผู้เสียหายเป็นวงกว้างอีกหลายๆ รอบแล้วจึงมีมาตรการแบบครั้งนี้
Spotify ทำ Pet Playlists เลือกเพลงจากนิสัยสัตว์เลี้ยงของเรา
sunnywalker
15 January 2020 - 17:02
[ "Spotify" ]
Spotify ทำเพลย์ลิสต์ใหม่ออกมาอีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่ได้อ้างอิงจากพฤติกรรมการฟังเพลงของผู้ใช้งาน แต่อิงจากนิสัยสัตว์เลี้ยงของเรา หรือ Pet Playlists โดยผู้ใช้ตอบคำถามไม่กี่ข้อเรื่องนิสัยสัตว์เลี้ยง จากนั้นระบบจะเลือกเพลงมาให้ 30 เพลง ตัวอย่างเช่น ถ้าผู้ใช้ระบุนิสัยสัตว์เลี้ยงว่ามีลักษณะเฉื่อยชา นอนทั้งวัน เพลงที่ได้ก็จะช้าๆ ฟังสบายๆ เป็นต้น ที่มา - Spotify
กสทช. ประกาศประมูล 5G วันที่ 16 กุมภาพันธ์นี้ ตั้งเป้าโกยเงิน 5.46 หมื่นล้าน
nismod
15 January 2020 - 16:57
[ "NBTC", "5G", "Auction", "Thailand" ]
กสทช. ประกาศวันที่ประมูลคลื่นสำหรับ 5G เป็นวันที่ 16 กุมภาพันธ์นี้ ประกอบไปด้วยคลื่นย่าน 700 MHz 1800 MHz 2600 MHz และ 26 GHz รวมทั้งหมด 56 ใบอนุญาต มูลค่า 1.6 แสนล้านบาท เบื้องต้น กสทช.คาดการณ์รายได้จากการประมูลครั้งนี้อยู่ที่ราว 5.46 หมื่นล้านบาทจากผู้เข้าประมูล 5 รายคือ AIS, dtac, True, TOT และ CAT Telecom ที่มา - eFinanceThai
รีวิว Microsoft Surface Pro 7 โน้ตบุ๊กที่ปลอมตัวเป็นแท็บเล็ต
hinatasenjou
15 January 2020 - 13:27
[ "Microsoft Surface", "Surface Pro 7", "Microsoft", "Windows 10", "Review" ]
ยุคนี้ผู้ใช้นิยมซื้อแท็บเล็ตมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะใช้งานได้ยืดหยุ่นกว่าโน้ตบุ๊ก จะหยิบออกมาอ่าน eBook หรือเอามาเปิดดูคลิปบนรถประจำทางก็สะดวกกว่า นอกจากนี้ยังต่อคีย์บอร์ดหรือใช้ปากกาสไตลัสเขียนลงบนหน้าจอได้ด้วย ซึ่ง Apple iPad น่าจะเป็นแท็บเล็ตที่ผู้ใช้คุ้นเคยและนึกถึงเป็นตัวแรก ๆ ส่วน Microsoft มี Surface Pro 7 เป็นแท็บเล็ตของทางค่ายที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows 10, สามารถซื้อปากกา Surface Pen กับคีย์บอร์ด Type Cover ที่พับเป็นปกของ Surface Pro 7 เพิ่มได้ ซึ่งก่อนหน้านี้เคยมีสรุปรีวิว Microsoft Surface Pro 7 เผยแพร่มาก่อนหน้านี้แล้ว ส่วนบทความนี้เป็นรีวิวจากการใช้งานจริงว่ามีข้อดีข้อด้อยอย่างไรบ้าง ดีไซน์และพอร์ตรอบเครื่อง Microsoft Surface Pro 7 มีหน้าจอขนาด 12.3 นิ้ว ความละเอียด 2,736 × 1,824 พิกเซล มีขนาดใหญ่และขอบจอหนากว่าแท็บเล็ตหลาย ๆ รุ่นในตลาด จากการใช้งานจริงถือว่าพกไม่ลำบาก เพราะน้ำหนักรวมคีย์บอร์ดแล้วอยู่ราว 1 กิโลกรัมเท่านั้น เมื่อตั้งเครื่องแนวนอน ขอบหน้าจอฝั่งบนติดตั้งกล้องหน้ากับระบบสแกนใบหน้า ทำงานร่วมกับ Windows Hello เพื่อปลดล็อกเครื่อง จากที่ทดลองใช้งานแล้วระบบสแกนใบหน้าตอบสนองรวดเร็วและปลดล็อกเข้าหน้า Desktop ในทันที ทำงานทั้งตอนถือแนวตั้งและแนวนอน ขอบล่างเป็นแถบแม่เหล็กของ Type Cover ที่ดูดติดกับกรอบล่างของหน้าจอ ทำให้ตัวคีย์บอร์ดทำองศาขึ้นมาเล็กน้อย ช่วยให้พิมพ์งานสะดวกขึ้น ด้านซ้ายจะมีแค่ช่องหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร ส่วนที่เว้นไว้ใช้ยึดปากกา Surface Pen เข้ากับตัวเครื่อง ปัญหาคือพื้นที่ที่สำหรับติด Surface Pen มีแค่ด้านซ้ายเท่านั้น ทั้งที่ส่วนใหญ่น่าจะใช้มือขวากัน นับเป็นหนึ่งในปัญหาและสร้างความลำบากในการใช้งานช่วงแรก ๆ เล็กน้อย ฝั่งขวาจะรวมพอร์ตทั้งหมดเอาไว้ จากซ้ายมือเป็น USB-C รองรับ Power Delivery ใช้ชาร์จ Surface Pro 7 ได้, USB-A 3.0, Surface Connect พอร์ตอะแดปเตอร์ดีไซน์เฉพาะของ Surface ถัดมาเป็นร่องสำหรับดึงขาตั้ง (kickstand) ออกมา เมื่อกางขาตั้งออกมา จะมีช่องใส่ MicroSD ซ่อนอยู่หนึ่งช่อง ด้านบนไม่มีพอร์ต นอกจากปุ่มล็อกหน้าจอกับปุ่มเพิ่มลดเสียง ถ้าสังเกตจะเห็นว่าขอบข้างกับด้านหลังเครื่องจะถูกเว้นเอาไว้เป็นช่องระบายความร้อน ใช้งานตามปกติ เปิดอ่านเอกสาร, พิมพ์งานทั่วไปไม่มีปัญหาเรื่องความร้อนเลย ถ้าเปิดเบราว์เซอร์หลาย ๆ แท็บ, ตัดต่อคลิปสั้นราว 3-5 นาที เครื่องจะเริ่มอุ่นแต่ยังไม่มีเสียงพัดลมดังรบกวน ด้านหลังเครื่องจะเป็นกล้องความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รองรับการถ่ายวิดีโอ Full HD 1080p อะแดปเตอร์ Surface Connect จะมี USB-A อยู่ 1 ช่อง ใช้ชาร์จแบตเตอรีให้อุปกรณ์อื่น ซึ่งปกติผู้เขียนจะชาร์จมือถือผ่านพอร์ตนี้บ่อย ๆ จึงใช้พอร์ต USB-A ข้าง Surface Pro 7 ไว้ถ่ายโอนข้อมูลแทน ด้านใต้ตัวเครื่องไม่มีพอร์ตใด ๆ นอกจากแถบเชื่อมต่อกับ Type Cover ของ Surface ปากกาเขียนดี คีย์บอร์ดพิมพ์สนุก คีย์บอร์ด Type Cover ของ Microsoft Surface Pro 7 เป็นผ้า Alcantara เมื่อพับปิดหน้าจอแล้วทำให้ถือได้มั่นคงไม่ลื่นหลุดมือ แป้นพิมพ์สามารถวางราบไปกับพื้นหรือยกขึ้นมาติดกับขอบล่างของ Surface ให้คีย์บอร์ดเฉียงขึ้นมาก็ได้ ปุ่มคีย์บอร์ดให้สัมผัสตอนพิมพ์แข็งกว่าคีย์บอร์ดของโน้ตบุ๊กทั่วไปเล็กน้อย ให้สัมผัสที่ดีและมั่นคงไม่ยวบ ซึ่งผู้ใช้ที่พิมพ์งานบ่อย ๆ น่าจะชอบคีย์บอร์ดนี้ ส่วนไฟบนปุ่มคีย์บอร์ดสว่างช่วยให้ผู้ใช้พิมพ์งานในที่มืดสะดวกขึ้นจริงและปรับระดับความสว่างได้หลายระดับ โดยกดปุ่มฟังก์ชั่น (Fn) ค้างแล้วกดที่ปุ่ม F7 เพื่อปรับให้เข้ากับการใช้งาน ทัชแพดเป็นทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า, ตอบสนองเร็วและรองรับการใช้ gesture ติดว่าแนวตั้งของทัชแพดจะเตี้ยไปหน่อย ถ้าสูงกว่านี้สักหน่อยจะดีมาก ปากกา Surface Pen ดีไซน์ทรงกลมสีทูโทน ตั้งแต่หัวปากกาลงมาจะเป็นโลหะสะท้อนแสง เว้นส่วนท้ายด้ามจะหุ้มด้วยพลาสติกสีเข้มและมีปุ่มคล้ายยางลบดินสอ ใช้รูดตามจุดที่ใช้ Surface Pen เขียนจะกลายเป็นการลบส่วนนั้นทิ้งไป การตอบสนองตอนใช้งานของ Surface Pen ให้ความรู้สึกเหมือนใช้ดินสอเขียนลงกระดาษจริง ตอนจรดปลายปากกาแล้วจุดที่เกิดบนหน้าจอกับปลายปากกาตรงกัน จากการใช้งานจริงรู้สึกว่าหน้าจอค่อนข้างลื่นและติดรอยนิ้วมือง่าย อย่างไรผู้เขียนขอแนะนำให้ติดฟิล์มกันรอยแบบด้านน่าจะให้สัมผัสตอนเขียนดีกว่านี้ ถ้าเทียบกันระหว่าง Surface Pen กับ Apple Pencil แล้ว ถือว่าเป็นสไตลัสที่ดีทั้งคู่ แค่มีจุดเด่นคนละแบบ ถ้าเป็น Apple Pencil สามารถเขียนเส้นหนักเบาและแรเงาได้เหมือนดินสอจริง ดูเหมาะกับการใช้งานด้านศิลปะ ส่วน Surface Pen จะมีแค่ฟีเจอร์ขีดเส้นหนักเบา และแทนด้วยยางลบท้ายปากกาเอาไว้ลบส่วนที่เขียนผิดแทน ซึ่งสะดวกกว่า Apple Pencil และเน้นไปทางการทำงานมากกว่า ส่วนปุ่มที่ตัวด้ามของ Surface Pen ต้องกดค้างแล้วแตะที่หน้าจอจะเป็นการคลิกเม้าส์ขวา แบตเตอรีอยู่ไม่นาน แบตเตอรีของ Microsoft Surface Pro 7 หากอิงจากสรุปรีวิวที่ทาง Blognone เคยทำไว้ แบตเตอรีของ Surface Pro 7 จะอยู่นานสุดแค่ 8 ชั่วโมง น้อยกว่า Surface Pro 6 ที่อยู่ถึง 15 ชั่วโมง จากการทดลองใช้งาน ผู้เขียนเปิดความสว่างหน้าจอไว้ราว 60% แล้วใช้ทำงานตามปกติ เปิดดู YouTube บ้าง Surface Pro 7 จะใช้งานได้ราว 6 ชั่วโมง พอเปลี่ยนเป็นโหมดประหยัดพลังงานแล้วใช้ความสว่าง 50% ไม่ดู YouTube ถึงจะอยู่ถึง 8 ชั่วโมงตามที่เคยทำสรุปรีวิวไว้ ถ้าเป็นเช่นนี้ถือว่า Microsoft ควรใส่ใจเรื่องแบตเตอรีของ Surface Pro รุ่นใหม่ให้มากขึ้น Microsoft Arc Mouse ดีไซน์แหวกแนว จับเข้ามือ Microsoft Arc Mouse เป็นเม้าส์ดีไซน์เรียบง่ายใช้งานดีวัสดุเป็นพลาสติกกึ่งยางให้ความหนึบมือตอนใช้ เชื่อมต่อผ่าน Bluetooth ใช้แบตเตอรี AAA สองก้อน เวลาจะใช้งานให้พับตรงกลางเม้าส์จนโค้งแบบในภาพข้างล่างจะเป็นการเปิดสวิตช์เม้าส์แล้วกดกลับไปให้แบนตามเดิมจะปิดสวิตช์ ตอนใช้งานส่วนท้ายเม้าส์จะโค้งขึ้นมารับอุ้งมือพอดี ถึงดีไซน์ถึงจะแปลกตาไปบ้างกลับจับดีกว่าที่คิด พอพับให้แบนแล้วพกพาสะดวกไม่กินพื้นที่ในกระเป๋า สังเกตจะเห็นว่าตรงกลางเม้าส์จะมีส่วนต่อคล้ายเส้นเพื่อแบ่งระหว่างตัวเม้าส์ที่ผู้ใช้จับกับส่วนที่เป็นปุ่มคลิกซ้ายขวา โดยแป้นนี้มีแค่ฟังก์ชั่นรูดขึ้นลงเป็นลูกกลิ้ง (Scroll wheel) ของเม้าส์เท่านั้น การใช้งานจริง ข้อดีของ Surface Pro 7 คือน้ำหนักเบาและพกพาง่าย สำหรับตัวเครื่องกับอุปกรณ์เสริมจะหนักราว 1 กิโลกรัม ถ้าพกอะแดปเตอร์ไปด้วยอยู่ราว 1.3 กิโลกรัม จัดว่าไม่หนักนัก จะใส่กระเป๋าเป้หรือกระเป๋าผ้าก็สะดวก ตอนเก็บใส่กระเป๋าควรเก็บ Surface Pen แยกไว้กันหลุดจากตัวเครื่องจะดีกว่า การถือเครื่อง Surface Pro 7 จัดว่าค่อนข้างหนักกว่าแท็บเล็ตเครื่องอื่นเลยทำให้ถือมือเดียวไม่สะดวก ถึงผู้เขียนเป็นคนมือใหญ่พอควรยังต้องถือสองมือ เทียบแล้วถือยากกว่า iPad 9.7” ดังนั้นถ้าใครจะถือ Surface เพื่ออ่านข่าวหรือ eBook ระหว่างเดินทางควรหาที่นั่งอ่านดีกว่า ส่วนของการใช้งานเป็นแท็บเล็ต การเปลี่ยนการแสดงผลหน้าจอเป็นแนวตั้งหรือแนวนอนของ Surface Pro 7 ถือว่าไม่ลื่นเท่าไหร่ ตอนจับเครื่องสลับเป็นแนวตั้งและนอน Desktop จะถอยซูมชั่วขณะก่อนกลับเป็นแนวตั้ง ไม่ราบรื่นแบบ iPad การถือใช้งานทั้ง Type Cover ไม่สะดวกเท่าไหร่ เพราะพับให้ตัวแป้นพิมพ์ซ่อนแบบ Smart Keyboard Cover ของ iPad ไม่ได้ เวลาถือแบบไม่ถอด Type Cover แล้วมือมักกดโดนส่วนที่เป็นแป้นพิมพ์อยู่บ่อย ๆ ซึ่งสัมผัสตอนกดปุ่มก็อาจทำให้ลื่นในบางครั้งหรือกลัวว่ากดไปแล้วจะทำให้ปุ่มที่ถูกโดนกดค้างไว้นาน ๆ เสื่อมได้ เลยต้องคอยถอดแป้นพิมพ์ออกบ่อย ๆ ดังนั้นในโหมดแท็บเล็ต ผู้เขียนแนะนำให้ถอด Type Cover ออกก่อนจะดีที่สุด ส่วนขาตั้งถือว่ามีประโยชน์มาก ช่วยให้ตั้ง Surface Pro 7 ได้โดยไม่ต้องพึ่งอุปกรณ์เสริมแบบที่ iPad ต้องมี Smart Keyboard Cover เวลาใช้งานสามารถกางออกแล้ววางไว้บนโต๊ะเพื่อใช้งานหรือบนหน้าตักตอนนั่งรถประจำทางเพื่อดูหนังก็สะดวกและไม่ต้องถือเครื่องไว้ กล้องหลังของ Surface Pro 7 มีความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ใช้แอป Camera ในเครื่องถ่ายภาพ ความละเอียด 3,264 x 1,836 พิกเซล ขนาดไฟล์อยู่ราว 2 MB แต่เมื่อทดลองถ่ายแล้วภาพไม่สวยนักและภาพค่อนข้างมืดอีกด้วย ผู้เขียนคิดว่ากล้องหลังของ Surface Pro 7 นั้นเป็นกล้องที่เหมาะจะใช้ถ่ายภาพประกอบการทำงานหรือเข้าฟังเล็คเชอร์มากกว่า จากที่ทดลองถ่ายภาพที่เป็นตัวอักษรหรือป้ายแล้วภาพชัด สามารถนำมาใช้งานได้และใช้ Surface Pen เขียนสิ่งที่ต้องการเอาไว้ในภาพได้ทันที สรุป Microsoft Surface Pro 7 ถือเป็นแท็บเล็ตที่ออกแบบมาเพื่อคนทำงานออฟฟิศและเซลส์ที่ต้องการโน้ตบุ๊กที่พกง่ายแบบแท็บเล็ตไว้ใช้งาน มีระบบปฏิบัติการ Windows 10 ติดตั้งไว้ใช้งานกับโปรแกรมที่คุ้นเคยได้ ด้วยน้ำหนัก 1.3 กิโลกรัม ที่รวมอุปกรณ์ทั้งหมดแล้วถือว่าไม่หนักจนเป็นภาระกับผู้ใช้ด้วย ฟีเจอร์ที่ Surface Pro 7 นั้นดูเน้นที่คนทำงานออฟฟิศและเอกสารเป็นหลัก แต่คนที่ใช้งานด้านศิลปะก็อาจต่ออุปกรณ์เสริมผ่านพอร์ต USB-A หรือใช้ตัวแปลงเชื่อมต่อกับ USB-C แล้วใช้อุปกรณ์เสริมเช่นชุดปากกา Wacom เพิ่มก็ดีเช่นกัน โหมดแท็บเล็ตของ Surface Pro 7 ก็ใช้งานได้ดีไม่แพ้กับแท็บเล็ตรุ่นอื่น แม้จะไม่ประทับใจที่เรื่องของคีย์บอร์ดที่ต้องถอดแยกและน้ำหนักเยอะจนต้องใช้สองมือก็ตาม แต่ขนาดตัวเครื่องที่ใหญ่และแข็งแรง ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows 10 ที่คุ้นเคยก็เป็นจุดเด่นที่ไม่ต้องใช้เวลาปรับตัวหรือทำความเข้าใจมาก ส่วนแบตเตอรียังเป็นจุดอ่อนหนึ่งที่ควรใส่ใจเช่นเดิมเมื่อต้องการพกพาไปใช้งานนอกสถานที่ ขอแนะนำให้เตรียมอะแดปเตอร์หรือสาย USB-C กับปลั๊กที่เป็น Power Delivery ติดตัวไว้จะช่วยได้มาก
CAT จัดแข่งเทคโนโลยีเชื่อม IoT หัวข้อ ติดตามเฝ้าระวังเพื่อสุขภาวะผู้สูงวัย
sunnywalker
15 January 2020 - 12:41
[ "CAT Telecom", "Internet of Things", "Thailand" ]
บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือ CAT ร่วมมือกับ สมาคมสมองกลฝังตัวไทย (TESA) คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ และคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา, สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) ร่วมด้วยเครือข่ายพันธมิตรภาคอุตสาหกรรม จัดการแข่งขัน TESA Top Gun Rally ครั้งที่ 14 โดยคราวนี้จัดแข่งพัฒนาเทคโนโลยีภายใต้หัวข้อ "ระบบติดตามเฝ้าระวังและจัดการสุขภาวะแก่ผู้สูงวัยและประชาชนทั่วไป" ปีนี้ได้มีสถาบันอุดมศึกษาทั่วประเทศส่งนิสิตนักศึกษารวม 183 คน จำนวน 37 ทีม จัดแข่งเมื่อวันที่ 5-11 ม.ค. ทีมชนะเลิศในปีนี้ ได้แก่ “ทีมขิงข่าตะไคร้ใบมะกรูด” สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าฯ ลาดกระบัง สามารถตอบโจทย์ที่ครบถ้วนทั้งรายละเอียดด้านมุมมองของผู้ใช้งาน เช่น ความเหมาะสมของอุปกรณ์ที่จะใช้ติดตั้งกับผู้สูงอายุ วิธีการแจ้งเตือนผู้สูงอายุ แจ้งเตือนคนในบ้าน ตลอดจนมุมของการต่อยอดเชิงพาณิชย์เพื่อพัฒนาเป็นบริการ การกำหนดแพ็คเกจราคา เป็นต้น ที่รองชนะเลิศอันดับ 1 คือ “ทีมฉุนสมุนไพร” จากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าฯ ลาดกระบัง รองชนะเลิศอันดับ 2 “ทีมชุมนุมปืนบน” จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ รองชนะเลิศอันดับ 3 ทีม “Type your Text” จากสถาบันเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น ดร.วงกต วิจักขณ์สังข์สิทธิ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานธุรกิจดิจิทัล CAT กล่าวว่าโจทย์ในปีนี้สอดคล้องกับสภาพสังคมไทย ประยุกต์ระบบสมองกลฝังตัวผนวกกับเทคโนโลยี IoT ช่วยในการดูแลติดตามสุขภาพและความปลอดภัยของผู้สูงอายุตลอดจนระวังความเสี่ยงจากอุบัติเหตุในรูปแบบของอุปกรณ์ติดตัวบุคคล สามารถแจ้งเตือนสถานการณ์ สภาพแวดล้อมมลภาวะแต่ละพื้นที่ เช่น กระแสลม หมอกควัน โดยเฉพาะฝุ่น PM2.5 ที่ส่งผลต่อสุขภาพของผู้สูงวัย หรือแจ้งเหตุฉุกเฉินที่เกิดขึ้นไปยังผู้ดูแลอย่างทันท่วงที ที่มา - ข่าวประชาสัมพันธ์
Xiaomi เปิดตัวแอร์อัจฉริยะ SmartMi Full DC Inverter ราคาเริ่มหมื่นเดียว
hinatasenjou
15 January 2020 - 10:45
[ "Xiaomi", "Internet of Things", "Smart Home" ]
สินค้าในครัวเรือนของ Xiaomi มีหลากหลาย รวมถึงเครื่องปรับอากาศที่เปิดตัวในชื่อ SmartMi Full DC Inverter ที่ได้ผู้เชี่ยวชาญจาก HITACHI และ Panasonic มาช่วยพัฒนา ผ่านมาตรฐานการใช้พลังงานรายปี (APF: annual performance factor) ที่รัฐบาลจีนกำหนดมาตรฐานไว้ที่ 4.5 โดยแอร์จาก Xiaomi ทำได้ที่ 4.65 และทางบริษัทเคลมว่ารุ่นนี้ประหยัดพลังงานกว่าแบรนด์คู่แข่ง 20% SmartMi Full DC Inverter เลือกได้ระหว่างรุ่น 1 ตัน (ประมาณ 12,000 BTU) ราคา 2,299 หยวน หรือราว 10,000 บาท กับ 1.5 ตัน (ราว 18,000 BTU) ราคา 2,699 หยวน หรือราว 12,000 บาท ในแพ็คเกจมีครบทั้งตัวแอร์, คอมเพรสเซอร์และรีโมต สเป็กของแอร์รุ่นนี้มีเสียงตอนทำงานอยู่ที่ 21 เดซิเบล, Xiaomi แนะนำให้ใช้กับห้องขนาด 23 ตารางเมตร, (ต้นทางไม่ได้ระบุ แต่ถ้าอ้างอิงการเปรียบเทียบขนาดห้องและ BTU ขนาดห้อง 23 ตารางเมตรจะเหมาะกับรุ่น 1.5 ตันมากกว่า) คุมการทำงานผ่านแอป MiSmart Air ใช้สั่งเปิดแอร์จากนอกบ้าน, สั่ง Xiao AI ระบบ Assistant ของ Xiaomi เปิดปิดและปรับอุณหภูมิแอร์ได้ ภาพทั้งหมดจาก Xiaomi ที่มา: Xiaomi, Gizmochina
เพราะความปลอดภัยของข้อมูลในโลกการเงินสำคัญ Refinitiv เลยเน้นย้ำด้วยการจัด hackathon ด้านความปลอดภัยครั้งแรก
sponsored
15 January 2020 - 10:14
[ "Refinitiv", "Security", "Advertorial" ]
ประเด็นด้านความมั่นคงปลอดภัยคอมพิวเตอร์ หรือ security ในแง่โลกเทคโนโลยีอาจดูเป็นเรื่องไกลตัวสำหรับคนทั่วไปและหลายครั้งความปลอดภัยระบบก็ถูกฝากไว้กับทีมรักษาความมั่นคงปลอดภัยขององค์กร แต่ในโลกสมัยใหม่โดยเฉพาะบริษัทชั้นนำด้านเทคโนโลยีผู้ให้ข้อมูลด้านการเงินอย่าง Refinitiv ความมั่นคงปลอดภัยของระบบเป็นความรับผิดชอบของทุกคน Refinitiv เป็นผู้ให้บริการแพลตฟอร์มด้านการเงินและการจัดการความเสี่ยง ที่มีกลุ่มลูกค้าเป็นธนาคาร สถาบันการเงิน ไปจนถึงนักเทรดมืออาชีพในกว่า 190 ประเทศทั่วโลก และแน่นอนว่า security สำหรับแพลตฟอร์มข้อมูลและการซื้อขายเงินตราต่างประเทศแบบนี้ ยิ่งต้องให้ความสำคัญเป็นอันดับต้น ๆ ทุกระบบต้องปลอดภัยได้มาตรฐานระดับโลก เพราะ Cyber Security เป็นเรื่องสำคัญ Refinitiv จึงจัดการแข่งขัน hackathon ขึ้นภายใน เพื่ออัพเดตความรู้และกระตุ้นการให้ความสำคัญด้าน security โดยเฉพาะให้กับพนักงาน รู้จัก Refinitiv ผู้ให้บริการข้อมูด้านการเงินแถวหน้าของโลก Refinitiv เคยเป็นหน่วยธุรกิจด้านการเงินและการจัดการความเสี่ยงของ Thomson Reuters และเข้ามาตั้งสำนักงานในฐานะศูนย์เทคโนโลยี (Technology Center) ในไทยเมื่อปี 2001 ก่อนที่ธุรกิจส่วนนี้จะแยกตัวออกมาจาก Thomson Reuters เป็นบริษัทใหม่ภายใต้ชื่อ Refinitiv เมื่อเดือนตุลาคมปี 2018 (อ่าน รู้จักกับ Refinitiv บริษัทเทคโนโลยีการเงินและการจัดการความเสี่ยงระดับโลก ถึงแม้ Refinitiv จะมีออฟฟิศของทีมพัฒนาอยู่ในหลายประเทศ แต่ประเทศไทยเป็นหนึ่งใน strategic development center ของ Refnitiv ความรับผิดชอบของทีมพัฒนาใน Refinitiv ประเทศไทยครอบคลุมในหลาย product หลักของ Refinitiv โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์หลักอย่าง Refinitv Workspace (Eikon) ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนถึงราว 60-70% Hackathon ที่จัดขึ้น ภายในครั้งแรก โดยแข่งขันกันเฉพาะในเอเชีย ที่ผ่านมา Refinitiv ก็มีการจัดการแข่ง hackathon กันอยู่อย่างต่อเนื่อง แต่เมื่อไม่นานมานี้บริษัทเพิ่งจัด hackathon ด้าน security ครั้งแรก ซึ่งเป็นการจัดแข่งกันกันภายในองค์กร จุดประสงค์ก็เพื่อส่งเสริมและการตุ้นความใส่ใจและส่งเสริมหลักการปฏิบัติที่ถูกต้อง (best practice) ในด้าน security ให้กับพนักงาน รวมถึงนำสิ่งที่ได้จากการแข่งขันไปประยุกต์กับการใช้งานจริงใน Products ของ Refinitiv การแข่งขันครั้งนี้จัดขึ้น 3 วันติดต่อกัน ซึ่งจะจัดแข่งขันกันเฉพาะในเอเชีย ประกอบด้วย ตัวแทนทีมจากกรุงเทพ ตัวแทนทีมจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน และตัวแทนทีมจากบังกาลอร์ ประเทศอินเดีย เป็นการแข่งขันทางไกล โดยมีทีมงานกลางช่วยดูแล ในส่วนของการให้คะแนนและการสื่อสาร รวมถึงให้ความช่วยเหลือทางด้านเทคนิคตลอดระยะเวลาของการแข่งขัน ส่วนโจทย์การแข่งขันจะแบ่งเป็น 2 ส่วน โจทย์ส่วนแรก จะเป็นคการแก้ไขโค้ดที่มีช่องโหว่ด้านความปลอดภัย จากซอฟต์แวร์จริงของ Refinitiv ด้วยการใช้เครื่องมือสแกนของ RedLock และ VeraCode โดยเครื่องมือสแกนจะบอกรายละเอียดว่าปัญหาด้าน security ของซอฟต์แวร์อยู่ที่ไหน ทำไมถึงเป็นปัญหา ความรุนแรงระดับไหน และควรแก้ไขอย่างไร ผู้เข้าแข่งขันจะต้องแก้ไขโค้ดและอุดช่องโหว่ทั้งหมด อีกส่วนเป็นการแข่งขันจากการเก็บคะแนนผ่านการเรียน e-learning ด้าน security ที่เปิดให้ผู้เข้าแข่งขันเลือกลงคอร์สได้ตามความสนใจ ยิ่งลงเรียนมากก็จะยิ่งได้คะแนนมาก ซึ่งจะเป็นประโยชน์ให้ผู้แข่งขันได้เพิ่มความรู้ด้าน security และสามารถนำไปใช้กับงานจริงได้ การแข่งขันที่เปลี่ยนวิธีคิดผู้เข้าแข่งขันจากแค่“ควรมี” เป็น “ต้องมี” security จากการได้สัมภาษณ์พนักงาน Refinitiv 4 คนที่แข่งขันใน Hackathon ครั้งนี้ได้แก่คุณสรวิศ บรรจงเพียร (บิ๊ก), คุณสุภณัฐ บูรณารมย์ (ซุป), คุณพิทยา อึงพินิจพงศ์ (ติ๊ก) และคุณณภาภัช ประชาอนุวงศ์ (เชอร์รี่) ทุกคนพูดไปในทิศทางเดียวกันว่า การแข่งขันครั้งนี้ไม่เหมือน Hackathon ทั่วไป เพราะเป็นการเอาซอฟต์แวร์จริงมาสแกนหาช่องโหว่ ต่างจากการแข่งขัน Hackathon อื่น ๆ ที่มักจะเป็นการจำลองโจทย์ขึ้นมา นอกจากนี้การแข่งครั้งนี้ยังเป็นตัวช่วยกระตุ้นที่ดี ในแง่การสร้างความตระหนัก (awareness) ด้าน security ให้กับพนักงานใหม่ว่า Refinitiv ให้ความสำคัญกับประเด็นนี้ รวมถึงพนักงานเก่าก็จะได้อัพเดตความรู้ วิธีการที่เป็น best practice ใหม่ ๆ และช่วยให้ตระหนักในหลาย ๆ ประเด็นที่ก่อนหน้านี้คิดไม่ถึง โดยคุณบิ๊กถึงกับบอกว่า Hackathon นี้เปลี่ยนวิธีคิดของทีม จากแค่ว่า “การพัฒนาแอปควรมี security ด้วย” ให้กลายเป็น “ต้องพัฒนาแอปให้มี security ตั้งแต่แรก” ขณะที่คุณซุปที่รับผิดชอบการพัฒนาแพลตฟอร์มเทรดบอกว่า hackathon ครั้งนี้ช่วยให้มุมมองด้าน security กว้างขึ้น ได้ความรู้ใหม่ว่า แม้โค้ดที่ตัวเองเขียนจะดีและปลอดภัยแค่ไหนก็ตาม แต่ dependency ส่วนอื่น ๆ เช่นไลบรารีที่นำมาใช้ก็สามารถมีช่องโหว่ได้ ขณะที่การแก้ไขก็ต้องคำนึงถึง ecosystem โดยรวมด้วยว่าไม่กระทบส่วนอื่น ๆ หรืออย่างกรณีของคุณติ๊กที่อยู่ฝ่าย Financial Data ซึ่งต้องให้ความสำคัญกับ security อยู่แล้ว เพราะดูแลข้อมูลลูกค้า เล่าว่าได้รู้จักเครื่องมือใหม่อย่าง Redlock เอามารันโค้ดสแกนผ่านคลาวด์ เข้าไปในกระบวนการ CI/CD ของโปรเจ็ค ช่วยตรวจสอบโค้ดได้ละเอียดขึ้นในทุก ๆ บิลด์ จากเดิมที่ใช้แค่ Veracode รันสแกนแบบแมนนวลก่อนจะ release ใหญ่ในแต่ละครั้งเท่านั้น ตัวแทน Refinitiv ที่เข้าร่วมการแข่งขันและมาให้สัมภาษณ์ จากซ้ายไปขวา คุณสรวิศ บรรจงเพียร (บิ๊ก), คุณณภาภัช ประชาอนุวงศ์ (เชอร์รี่), คุณพิทยา อึงพินิจพงศ์ (ติ๊ก) และ คุณสุภณัฐ บูรณารมย์ (ซุป) สรุป Refinitiv ตระหนักดีว่า security ถือเป็นประเด็นและ practice ที่สำคัญโดยเฉพาะกับองค์กรที่ให้บริการข้อมูลด้านการเงิน และแน่นอนว่ารูปแบบและเครื่องมือจากภัยคุกคาม มีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องทุกปี การให้ความรู้ อัพเดต และการสร้างความตื่นรู้ต่อพนักงานอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง
การมาของรถ EV อาจทำให้งานในอุตสาหกรรมรถยนต์เยอรมันหายไปกว่าสี่แสนตำแหน่ง
BlackMiracle
15 January 2020 - 09:44
[ "Germany", "Electric Car", "Automobile" ]
สื่อเยอรมัน Handelsblatt ลงบทความอ้างแหล่งข่าวจากที่ปรึกษารัฐบาล ระบุว่าการเปลี่ยนผ่านสู่ยุครถยนต์ไฟฟ้าอาจทำให้งานในอุตสาหกรรมรถยนต์ของเยอรมนีหายไปถึง 410,000 ตำแหน่งภายในปี 2030 รายงานระบุว่าเฉพาะงานที่เกี่ยวข้องกับการผลิตเครื่องยนต์ และระบบขับเคลื่อนราว 88,000 ตำแหน่งจะตกอยู่ในความเสี่ยง เนื่องจากรถยนต์ไฟฟ้ามีชิ้นส่วนน้อยกว่ารถยนต์ปกติมาก อีกทั้งยังต้องการการดูแลรักษาต่ำกว่าด้วย นอกจากนี้ตำแหน่งอื่นที่เสี่ยงต่อการถูกปลดคือพนักงานประกอบรถยนต์ เพราะในอนาคตโรงงานก็จะใช้หุ่นยนต์เข้ามาช่วยประกอบมากขึ้นเรื่อยๆ โดยสมาคมอุตสาหกรรมรถยนต์แห่งเยอรมนี (Verband der Automobilindustrie – VDA) ก็ระบุว่าในปี 2020 จะมีการลดตำแหน่งงานลงเรื่อยๆ หลังจากการจ้างงานในอุตสาหกรรมรถยนต์ขึ้นสู่จุดสูงสุดที่ 834,000 ตำแหน่งเมื่อปี 2018 ภาพการประกอบเครื่องยนต์เบนซินของ Mercedes-Benz ที่โรงงานย่าน Untertürkheim เมือง Stuttgart ประเทศเยอรมนี | ภาพโดย Daimler เมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว Daimler บริษัทแม่ของ Mercedes-Benz ก็ประกาศยุติการพัฒนาเครื่องยนต์สันดาปภายในแล้ว ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผู้ผลิตรถยนต์ในยุโรปต้องเร่งเปลี่ยนสู่ยุครถยนต์ไฟฟ้าคือมาตรการด้านสิ่งแวดล้อมที่หนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ นั่นเอง ที่มา - Reuters
ยอดขายเครื่องแมคปี 2019 ขายได้น้อยลง สวนทางตลาดพีซีโดยรวมที่กลับมาโต
mk
15 January 2020 - 08:09
[ "Mac", "Apple", "Market Share", "Gartner", "IDC" ]
รายงานยอดขายพีซีประจำปี 2019 ของทั้ง Gartner และ IDC มีประเด็นที่น่าสนใจ คือยอดขายเครื่องแมคของแอปเปิลลดลงทั้งในแง่จำนวนเครื่องและส่วนแบ่งตลาด สวนทางกับภาพรวมของตลาดพีซีที่กลับมาเติบโตอีกครั้ง ภาพจาก Apple ถ้าดูสถิติยอดขายทั่วโลกเฉพาะไตรมาสล่าสุด (4/2019) Gartner ประเมินว่ายอดขายเครื่องแมคลดลง 3% จากปีก่อน และส่วนแบ่งตลาดลดลงจาก 7.9% เหลือ 7.5% ส่วน IDC ประเมินว่ายอดขายช่วงเดียวกันลดลง -5.3% ส่วนแบ่งตลาดลดจาก 7.3% เหลือ 6.6% ถ้าดูยอดขายทั้งโลกตลอดปี 2019 อัตราการลดลงจะน้อยกว่าเฉพาะ Q4 เพราะมีตัวเลขไตรมาสอื่นมาช่วยเฉลี่ย โดย Gartner ให้ลดลง 0.9% และ IDC ให้ลดลง 2.2% ส่วนยอดขายเฉพาะในตลาดสหรัฐ แอปเปิลยังทำได้ดีกว่ายอดขายรวมทั้งโลก โดย Gartner ประเมินให้ยอดขายยังเติบโตที่ 8% ในไตรมาส 4/2019 ส่วน IDC ไม่ได้แยกตัวเลขเฉพาะในสหรัฐออกมาให้ดู ภาพรวมของตลาดพีซีประจำปี 2019 กลับมาเติบโตอีกครั้ง (Gartner ให้โต 0.6% และ IDC ให้โต 2.7%) โดย 3 แบรนด์ผู้นำตลาดคือ Lenovo, HP, Dell ต่างมียอดขายและส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้น ในขณะที่ 3 อันดับถัดมาคือ Apple, Acer, Asus ต่างมียอดขายและส่วนแบ่งตลาดลดลง ที่มา - Gartner, IDC, MacRumors
Apple เริ่มจำหน่าย Mac Pro รุ่นแร็คแล้ว ราคาเริ่มต้น 204,900 บาท
arjin
15 January 2020 - 07:24
[ "Mac Pro", "Apple" ]
แอปเปิลอัพเดตสินค้าในร้านออนไลน์ ว่าเริ่มจำหน่าย Mac Pro รุ่นใหม่แบบแร็คแล้ว จากที่ก่อนหน้านี้มีขายเฉพาะรุ่นทาวเวอร์ โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 204,900 บาท (ทาวเวอร์เริ่มต้น 189,900 บาท) สิ่งที่แตกต่างออกไปก็คือเวอร์ชันแร็คไม่มีขาตั้ง มีรางที่ทำมาเพื่อใส่ในแร็ค ส่วนระบบระบายความร้อนใช้รูปแบบเดียวกับทาวเวอร์ (ที่บางคนเรียกว่าที่ขูดชีส) ฮาร์ดแวร์ภายในเหมือนกับรุ่นทาวเวอร์ทุกอย่าง รุ่นแร็คมีราคาเริ่มต้นแพงกว่าทาวเวอร์อยู่ 15,000 บาท หากจัดเต็มสเป็กทุกอย่างสูงสุดตอนนี้ (Xeon W 28 คอร์, แรม 1.5TB, จีพียู Radeon Pro Vega II Duo สองตัว, SSD 8TB, การ์ด Apple Afterburner, Magic Mouse 2 และ Magic Trackpad 2) ราคาจะอยู่ที่ 2,105,690 บาท ที่มา: MacRumors และแอปเปิล
Google ซื้อกิจการ Pointy สตาร์ทอัพโซลูชันจัดการข้อมูล สำหรับร้านค้าปลีกรายย่อย
arjin
15 January 2020 - 07:09
[ "Google", "Acquisition", "Retail" ]
นอกจากจะประกาศซื้อกิจการ AppSheet แล้ว กูเกิลก็ยังประกาศบรรลุข้อตกลงเพื่อเข้าซื้อกิจการ Pointy สตาร์ทอัพจากไอร์แลนด์ โดยจะมีข้อสรุปของดีลภายในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า Pointy เป็นสตาร์ทอัพที่พัฒนาฮาร์ดแวร์ขนาดเล็ก เชื่อมต่อกับสแกนเนอร์บาร์โค้ดสำหรับร้านค้าปลีกรายย่อย ใช้จัดการสต็อกว่ามีสินค้าแต่ละรายการจำนวนเท่าใด จุดขายสำคัญคือนอกจากจะแสดงผลบนระบบภายในของร้านค้าแล้ว ยังสามารถเชื่อมต่อให้ไปแสดงผลบนกูเกิลว่าร้านค้ายังมีสินค้านั้นอยู่ เมื่อมีคนเสิร์ชหาแบบ Local Search ปัจจุบันให้บริการในไอร์แลนด์และอเมริกา Mark Cummins และ Charles Bibby สองผู้ก่อตั้ง Pointy กล่าวว่าบริษัทถือเป็นพาร์ทเนอร์สำคัญของกูเกิลมานานหลายปี และการเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของกูเกิลจะช่วยให้ธุรกิจค้าปลีกรายย่อยได้รับการสนับสนุนเพิ่มมากขึ้นไปอีก โดยบริการของ Pointy จะยังคงดำเนินงานต่อไปตามเดิม มีอีกเรื่องที่น่าสนใจคือ Pointy ถือเป็นการขายกิจการให้กับกูเกิลของ Mark Cummins ครั้งที่สอง โดยสตาร์ทอัพแรกที่เขาขายไปคือ Plink เมื่อปี 2010 ที่มา: Business Insider และ Pointy
Google ซื้อกิจการ AppSheet แพลตฟอร์มสำหรับสร้างแอปโดยไม่ต้องเขียนโค้ด
arjin
15 January 2020 - 06:45
[ "Google Cloud", "Google", "Acquisition", "No-Code" ]
กูเกิลประกาศเข้าซื้อกิจการ AppSheet แพลตฟอร์มสำหรับสร้างแอปที่ไม่ต้องเขียนโค้ด เน้นเจาะกลุ่มลูกค้าองค์กร ทั้งนี้ดีลดังกล่าวไม่มีการเปิดเผยมูลค่า แต่หากดูข้อมูลอดีต AppSheet เคยรับเงินเพิ่มทุนไปแล้วรวม 19.3 ล้านดอลลาร์ ทั้งนี้กูเกิลบอกว่า AppSheet จะเข้ามาเติมเต็มส่วนธุรกิจ Google Cloud ช่วยให้การพัฒนาแอปขึ้นมาใช้เฉพาะสำหรับองค์กรสะดวกง่ายมากขึ้น เชื่อมต่อบริการต่าง ๆ ของกูเกิลได้อย่างไม่มีข้อจำกัด รวมไปถึงแหล่งข้อมูลคลาวด์จากรายอื่นด้วย Praveen Sheshadri ซีอีโอ AppSheet กล่าวว่าบริการของ AppSheet จะยังให้บริการต่อไปตามปกติ โดยทีมงานทั้งหมดจะย้ายไปอยู่กับทีม Google Cloud รวมทั้งรองรับการทำงานข้ามแพลตฟอร์มอื่นเหมือนเดิม ที่มา: VentureBeat, กูเกิล และ AppSheet
NSA แจ้งเตือนช่องโหว่วินโดวส์ตรวจสอบใบรับรองผิดพลาด เปิดทางดักฟังการเชื่อมต่อทั้งหมด
lew
15 January 2020 - 02:51
[ "Windows", "Security Patch", "NSA" ]
NSA แจ้งเตือนถึงแพตช์ช่องโหว่ CVE-2020-0601 กระทบ Windows 10, Windows Server 2016, และ Windows Server 2019 ที่เป็นความผิดพลาดของฟังก์ชั่นเข้ารหัสลับ ส่งผลให้แฮกเกอร์สามารถปลอมตัวในการเชื่อมต่อ HTTPS, การส่งเมลเข้ารหัส, และการเซ็นโค้ดจากผู้ผลิต ผลกระทบช่องโหว่นี้มีตั้งแต่ เว็บเซิร์ฟเวอร์หรือพรอกซี่ที่เข้ารหัส, การเชื่อมต่อระหว่าง Domain Controller, การส่งโค้ดอัพเดต, การเชื่อมต่อ VPN ช่องโหว่นี้เป็นช่องโหว่ในกระบวนการ Elliptic Curve เท่านั้นทาง NSA แนะนำถึงการตรวจสอบการโจมตีว่าหากมีการใช้พารามิเตอร์การเข้ารหัส ไม่ตรงกับ curve ที่ประกาศไว้ ก็น่าสงสัยว่าจะเป็นการโจมตี ตอนนี้แพตช์ออกมาแล้ว และทุกคนควรติดตั้งโดยเร็ว ที่มา - Defense.gov
[ไม่ยืนยัน] Patch Tuesday เดือนนี้มีช่องโหว่ร้ายแรงพิเศษ, NSA เป็นผู้พบ
lew
14 January 2020 - 23:54
[ "Windows", "Microsoft", "Security", "NSA" ]
Brian Krebs อ้างแหล่งข่าวไม่เปิดเผยตัวตน ระบุว่าแพตช์รายเดือนของไมโครซอฟท์ หรือ Patch Tuesday ที่กำลังจะปล่อยออกมาคืนนี้ จะมีช่องโหว่ร้ายแรงเป็นพิเศษ (extraordinarily serious) ในโมดูล cypto32.dll หรือ CryptoAPI สำหรับการเข้าและถอดรหัสลับ ทางไมโครซอฟท์ตอบกลับ Krebs อย่างเป็นทางการว่าบริษัทไม่พูดถึงช่องโหว่ก่อนการปล่อยแพตช์ แต่ระบุว่าแพตช์นั้นมีการปล่อยให้พันธมิตรในโครงการ Security Update Validation Program (SVUP) เพื่อทดสอบความเข้ากันได้ล่วงหน้า โดยพันธมิตรในกลุ่มนี้ต้องใช้เพื่อการทดสอบเท่านั้น ห้ามแพตช์ระบบโปรดักชั่นก่อนคนอื่น ทาง NSA แถลงข่าวเกี่ยวกับช่องโหว่นี้ ระบุว่ามันเป็นช่องโหว่บน Windows 10 และ Windows Server 2016 และทาง NSA ค้นพบช่องโหว่นี้ด้วยตัวเอง โดยไมโครซอฟท์ยังไม่พบการโจมตีแต่อย่างใด ที่มา - Krebs on Security
Chrome OS เริ่มทดสอบระบบ gesture แบบใหม่สำหรับเปลี่ยนหน้าและกลับสู่หน้าโฮม
nutmos
14 January 2020 - 22:46
[ "ChromeOS", "Chrome" ]
เว็บไซต์ Android Police พบข้อมูลที่น่าสนใจใน Chrome OS 80 ซึ่งตอนนี้อยู่ในช่วงเบต้า โดยพบว่าเพิ่มระบบ gesture สำหรับใช้ในการ navigate เข้ามาแล้ว ลักษณะการใช้งาน gesture แบบใหม่บน Chrome OS ก็จะคล้ายกับ Android เช่น ลากขึ้นจากด้านล่างเพื่อเข้าหน้าโฮม, ลากขึ้นและค้างเพื่อเปิดหน้า overview, ลากจากซ้ายมาขวาเพื่อกลับหน้าเดิม เป็นต้น และยังมี gesture เพิ่มเติมอย่างเช่นการลากขึ้นสั้น ๆ จากด้านล่างเพื่อแสดง dock ด้วย นอกจาก gesture แล้ว Chrome OS 80 ยังเพิ่ม quick settings แบบหลายหน้าเข้ามาด้วย แต่ยังไม่สามารถปรับตำแหน่งของสิ่งต่าง ๆ ในหน้านี้ได้ ที่มา - Engadget, Android Police ภาพจากข่าวเก่า
GoPro ออกอัพเดตเฟิร์มแวร์โดรน Karma แก้ปัญหาโดรนใช้งานไม่ได้เมื่อเข้าสู่ปี 2020
nutmos
14 January 2020 - 22:27
[ "GoPro", "Drone" ]
เมื่อต้นปีที่ผ่านมา มีรายงานว่าโดรน Karma ของ GoPro ไม่สามารถใช้งานได้ ซึ่ง GoPro ได้รับทราบปัญหาและออกอัพเดตซอฟต์แวร์เพื่อแก้บั๊กนี้แล้ว สำหรับปัญหาที่เกิดขึ้นกับตัวโดรน ตอนแรกคาดกันว่าเป็นที่ปัญหาของ GPS และ GLONASS รีเซ็ทค่าเวลา (rollover) แต่ GoPro ได้ยืนยันว่าปัญหาจริง ๆ ของโดรนนั้นเกิดจากการเชื่อมต่อกับ World Magnetic Model ที่ GoPro ใช้เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการระบุตำแหน่ง ตอนนี้เฟิร์มแวร์ใหม่ของโดรน Karma พร้อมให้อัพเดตแล้ว โดยทาง GoPro ยืนยันว่าหลังจากอัพเดตเรียบร้อย ตัวโดรน Karma จะกลับมาใช้งานได้เช่นเดิม แต่จะยังมีบางพื้นที่ที่อิทธิพลของสนามแม่เหล็กทำให้การคาลิเบรตล้มเหลวได้ ซึ่งหากผู้ใช้พบปัญหาดังกล่าวสามารถรายงานเข้ามายัง GoPro ได้ทันที ที่มา - GoPro, The Verge
FF7 Remake เลื่อนวันขายเป็นเดือนเมษายน ชน RE 3 และ Cyberpunk 2077
nismod
14 January 2020 - 21:48
[ "Final Fantasy", "Games", "Square Enix", "PS4" ]
จากเดิมที่ Square Enix ประกาศวันวางจำหน่าย Final Fantasy 7 Remake เป็นวันที่ 3 มีนาคม 2020 ล่าสุดได้เลื่อนวันวางจำหน่ายเป็นวันที่ 10 เมษายนแล้ว Square Enix ให้เหตุผลว่าที่เลื่อนก็เพื่อให้คุณภาพเกมออกมาเป็นไปตามที่ทีมงานตั้งเป้าเอาไว้ (ก็คือทำไม่ทันนั่นแหละ) อย่างไรก็ตามเมื่อ Final Fantasy 7 Remake ถูกเลื่อนไปเป็นวันที่ 10 เมษายน ทำให้ในช่วงครึ่งเดือนแรกของเมษายนจะมีเกมระดับ AAA ออกมาไล่ ๆ กันถึง 3 เกมคือ Resident Evil 3 Remake วันที่ 3, Final Fantasy 7 Remake วันที่ 10 และ Cyberpunk 2077 วันที่ 16 เรียกได้ว่ามีเงินอย่างเดียวเล่นไม่ได้ ต้องมีเวลากันด้วย ทั้งนี้ Final Fantasy 7 Remake จะเป็น time exclusive บน PS4 นาน 1 ปี ก่อนจะไปลงแพลตฟอร์มอื่น ที่มา - VG247
พบข้อความ string ใน macOS Catalina พูดถึงโหมด Pro บน MacBook Pro
hinatasenjou
14 January 2020 - 21:13
[ "MacBook Pro", "Laptop", "Notebook", "macOS" ]
เว็บไซต์ข่าวแอปเปิ้ล 9to5Mac รายงานว่าพวกเขาเจอข้อความ string ในระบบปฏิบัติการ macOS Catalina 10.15.3 เบต้าที่พูดถึง Pro Mode ที่เร่งความสามารถในการประมวลผล ทำให้แอปทำงานได้เร็วขึ้น แต่กินแบตเตอรี่มากยิ่งขึ้น รวมถึงความเร็วพัดลมและเสียงของพัดลมจะเพิ่มขึ้นด้วย ข้อความที่พบในระบบเขียนว่า “Apps may run faster, but battery life may decrease and fan noise may increase” โดยทาง 9to5Mac เห็นว่าโหมด Pro นี้มีหลักการทำงานเหมือนโหมด Do Not Disturb ที่จะหยุดใช้งานเมื่อขึ้นวันใหม่โดยอัตโนมัติ และคาดว่าฟีเจอร์นี้จะมีให้ใช้ใน MacBook Pro 16 นิ้ว ที่ใช้ระบบระบายความร้อนแบบใหม่เท่านั้น ที่มา: 9to5Mac ภาพจาก Apple
Google สร้าง AI พยากรณ์อากาศได้ในเวลา "แทบจะทันที" โดยไม่ใช้สมการฟิสิกส์ช่วย
narok119
14 January 2020 - 20:46
[ "Google", "Machine Learning", "Climate Change" ]
วันนี้ Google ได้ตีพิมพ์งานวิจัยล่าสุด ที่อ้างว่าสามารถสร้าง AI ที่ทำนายปริมาณฝนได้อย่างแม่นยำมากสุดถึง 6 ชั่วโมงล่วงหน้า ในระดับความละเอียด 1 กิโลเมตร โดยใช้เวลาประมวลผลเพียง 5-10 นาทีเท่านั้น หากงานวิจัยนี้ถูกต้อง แปลว่า Google ได้สร้างเทคนิคการพยากรณ์อากาศแบบใหม่ ที่ทำงานเร็วกว่าเทคนิคที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันอย่างมหาศาล เพราะวิธีที่ดีที่สุดที่ใช้กันอยู่ทุกวันนี้ 2 วิธี ที่ชื่อ optical flow (OF) และ simulation forecasting ใช้ทั้งเวลา พลังงาน และ ข้อมูลในการประมวลผลมากกว่าวิธีของ Google หลายเท่า โดยกินเวลานานถึง 6 ชั่วโมงด้วยกัน Jason Hickey หนึ่งในนักวิจัยเรื่องนี้ของ Google บอกว่า "ถ้าเราต้องใช้เวลา 6 ชั่วโมงในการพยากรณ์อากาศ แปลว่าวันหนึ่งเราจะรันโปรแกรมพยากรณ์ได้แค่ 3-4 รอบเท่านั้น และ เป็นการพยากรณ์โดยอิงจากข้อมูลเมื่อ 6 ชั่วโมงที่แล้ว ซึ่งจะไม่สามารถทำนายเหตุการณ์ ปัจจุบัน ได้จริงๆ" นักวิจัยของ Google นั้นได้เทรน AI โมเดลใหม่นี้จากข้อมูลสภาพอากาศย้อนหลังที่เก็บไว้ตั้งแต่ปี 2017 จนถึง 2019 โดยหน่วยงาน National Oceanic and Atmospheric Administration (NOAA) ของอเมริกา โดยทีเด็ดที่สุดของเรื่องนี้คือ AI ของ Google ใช้เทคนิคแบบ data-driven ที่ทำนายจากข้อมูลจากภาพเรดาร์ล้วนๆ และไม่ได้ใช้การคำนวณทางฟิสิกส์เลย (physics-free) ซึ่งจะต่างกับวิธีที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันที่ต้องคำนวณโดยใช้สมการ และ แบบจำลองทางฟิสิกส์เข้าไปเกี่ยวด้วย แต่วิธีแบบ data-driven นี้กลับพยากรณ์ได้แม่นเทียบเท่า หรือ แม่นกว่าระบบพยากรณ์อากาศปัจจุบันที่ดีที่สุด 3 แบบที่ใช้กฎฟิสิกส์มาเกี่ยวด้วยเสียอีก โดยงานวิจัยในสายพยากรณ์อากาศนี้ นอกจาก Google แล้วยังมีบริษัทยักษ์ใหญ่อื่นๆ เข้ามาวิจัยเรื่องนี้เหมือนกัน เช่น IBM และ Monsato โดยงานวิจัยแนวนี้จะมีความสำคัญกับชีวิตพวกเรามากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่เราเริ่มได้รับผลกระทบจากปัญหาโลกร้อนมากขึ้นทุกวัน ป.ล. งานวิจัยนี้ของ Google ยังไม่ได้ระดับการ peer-review และยังไม่ได้เปิดให้ใช้จริง ที่มา - The Verge และ Google AI Blog ภาพข้อมูลย้อนหลัง และผลการทำนายล่วงหน้าของกูเกิล (แถวบน) เทียบกับกระบวนการทำนายด้วย Optical Flow (แถวล่าง)
ตลาด PC ปี 2019 กลับมาเติบโตเป็นครั้งแรก หลังลดลงต่อเนื่องมา 6 ปี
arjin
14 January 2020 - 18:47
[ "Gartner", "IDC", "PC", "Market Research", "IT Industry", "HP", "Dell", "Lenovo" ]
บริษัทวิจัยตลาด IDC และ Gartner ออกรายงานภาพรวมตลาดพีซีในไตรมาสที่ 4 ปี 2019 ที่ผ่านมา ซึ่งต่างบอกว่ามีการเติบโตเหมือนกัน โดย IDC ให้ภาพรวมโต 4.8% ยอดส่งมอบ 71.8 ล้านเครื่อง ขณะที่ Gartner ประเมินว่าเติบโต 2.3% ยอดส่งมอบ 70.6 ล้านเครื่อง เมื่อพิจารณาตัวเลขรวมตลอดปี 2019 ตลาดพีซีกลับมาเติบโตอีกครั้ง หลังลดลงต่อเนื่องมานานถึง 6 ปี ปัจจัยสำคัญหนึ่งมาจากการหยุดสนับสนุนของ Windows 7 ทำให้มีการอัพเกรดพีซีกันเป็นจำนวนมาก ส่วนปัญหาที่ซีพียูขาดตลาดนั้น ผู้ผลิตก็เปลี่ยนมาใช้ AMD ทดแทน ส่วนแบ่งการตลาดแยกตามผู้ผลิต อันดับ 1-2-3 ยังคงเป็น เลอโนโว, เอชพี และเดลล์ เช่นเดิม ตามด้วยแอปเปิลในอันดับที่ 4 ที่มา: VentureBeat, Gartner และ IDC
Satya Nadella แสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยที่อินเดียปิดกั้นชาวมุสลิมจากการขอสัญชาติ
sunnywalker
14 January 2020 - 18:22
[ "Satya Nadella", "Microsoft", "India" ]
Satya Nadella ซีอีโอไมโครซอฟท์ ออกมาชี้แจงเรื่องกฎหมายการให้สถานะพลเมือง (Citizenship Amendment Act-CAA) ของอินเดีย ที่ปิดกั้นผู้ลี้ภัยชาวมุสลิมจากการได้รับสัญชาติในอินเดีย ซึ่งจะกระทบผู้ลี้ภัยชาวบังกลาเทศ,ปากีสถาน,อัฟกานิสถาน การออกมาแสดงความเห็นประเด็นการเมืองนี้ถือเป็นกรณีหายากที่ผู้บริหารบริษัทไอทีออกมาแสดงจุดยืน โดยเฉพาะในเรื่องที่บริษัทไม่ได้รับผลกระทบจากประเด็นการเมืองนั้นๆ บัญชีทวิตเตอร์ไมโครซอฟท์อินเดีย เผยแพร่ถ้อยคำของ Nadella ระบุว่า แต่ละประเทศต้องนิยามขอบเขตดินแดนของตัวเอง ในขณะที่ปกป้องความปลอดภัยของประชาชน ก็ต้องมีนโยบายเกี่ยวกับผู้ลี้ภัยที่สอดคล้องกัน ตัวเขาเป็นคนอินเดีย โตมาพร้อมวัฒนธรรมที่หลากหลาย และยังเป็นผู้อพยพเข้ามาในสหรัฐฯด้วย ความหวังของเขาคือการได้เห็นผู้อพยพในอินเดียสร้างสิ่งใหม่ สตาร์ทอัพที่ประสบความสำเร็จอันเป็นประโยชน์ต่อสังคมอินเดียเอง Nadella ยังบอกกับ BuzzFeed ด้วยว่า กฎ CAA ของอินเดีย เป็นเรื่องที่น่าเศร้า ที่มา - BBC
ธนาคารกรุงศรีเตรียมเปิด API ให้เว็บอีคอมเมิร์ชตัดเงินผ่านบัตรเครดิต, ขอข้อมูลเครดิตลูกค้า
lew
14 January 2020 - 12:35
[ "Krungsri Bank", "Google Cloud" ]
วันนี้คุณสุรินทร์ อัศวชัยสิทธิกุล หัวหน้าฝ่าย Open API ของกรุงศรี คอนซูมเมอร์ เขียนบล็อกลง Google Cloud เล่าถึงประสบการณ์การใช้ Apigee สำหรับการจัดการ API เพื่อให้บริการพันธมิตรภายนอก พร้อมกับระบุถึงแผนการต่อไปของการให้บริการ API ในบล็อกคุณสุรินทร์ระบุว่าจะเปิด API ให้กับพันธมิตรที่เป็นบริการอีคอมเมิร์ชเพื่อตัดเงินจากบัตรเครดิตของกรุงศรี ไม่ว่าจะเป็นการจ่ายเต็มหรือการผ่อนจ่าย นอกจากนั้นยังมีแผนจะสร้างธุรกิจใหม่ด้วยการเปิดให้พันธมิตรเข้าไปตรวจสอบข้อมูลเครดิตของลูกค้าได้ทาง API ของธนาคาร การใช้งาน Apigee ของทางกรุงศรีนั้นมีหลายส่วน ตั้งแต่การรักษาความปลอดภัยด้วย OAuth2 ตรวจสอบการโจมตีด้วย Apigee Sense โดยเฉพาะการเก็บค่าบริการการเรียก API ที่เป็นเหตุผลหลักที่ทางกรุงศรีเลือก Apigee ที่มา - Google Cloud Blog
ผู้สร้างซีรีส์ The Witcher ยอมรับเป็นแฟน Star Wars, เราอาจได้เห็น Mark Hamill เป็น Vesemir
nismod
14 January 2020 - 12:29
[ "The Witcher", "Netflix" ]
อาจเป็นข่าวดีที่ทำให้กีค the Witcher และ Star Wars ได้กรี๊ด หลังจากก่อนหน้านี้มีกระแสแฟน ๆ เรียกร้องว่า Mark Hamill เหมาะกับบท Vesemir ซึ่งเป็นอาจารย์ของ Geralt ขณะที่ตัว Hamill เองก็เคยทวีตว่ายินดีรับบทแม้จะไม่รู้จักซีรีส์นี้เลยก็ตาม ล่าสุด Lauren S. Hissrich ผู้เขียนบทและผู้กำกับซีรีส์ The Witcher บน Netflix ออกมายอมรับว่าเป็นแฟน Star Wars และเจ้าตัวก็ตื่นเต้นมากหลังเห็นทวีตดังกล่าวของ Mark Hamill โดย Hissrich ยอมรับด้วยว่าเธอก็สนใจในตัวนักแสดงผู้รับบท Luke Skywalker คนนี้อยู่เหมือนกัน อย่างไรก็ตาม Hissrich ระบุว่ายังไม่มีการติดต่อใด ๆ เกิดขึ้น เพราะยังไม่มีการเรียกแคสต์ตัวละครใหม่ แม้จะมีการประกาศสร้างซีซันสองแล้วก็ตาม ที่มา - IGN
OnePlus เผยข้อมูลสมาร์ทโฟนรุ่นหน้าจะมาพร้อมหน้าจอ 120Hz
nismod
14 January 2020 - 11:59
[ "OnePlus", "Smartphone", "Display" ]
OnePlus 7 Pro เป็นหนึ่งในสมาร์ทโฟนกลุ่มแรกที่นำหน้าจอรีเฟรชเรท 90Hz มาใช้ ซึ่งก็ได้รับเสียงวิจารณ์ไปในทางบวก ซึ่งนอกจาก Oppo, Nubia, Pixel และ ASUS ROG Phone 2 แล้วยังมีแบรนด์ไหนนำหน้าจอรีเฟรชเรทสูงออกสู่ตลาดเลย อย่างไรก็ตาม OnePlus ประกาศว่าตัวเองจะกระโดดไปอีกขั้นแล้วด้วยหน้าจอ AMOLED รีเฟรชเรท 120Hz บนสมาร์ทโฟนที่จะเปิดตัวในปีนี้ (ไม่ OnePlus 8 ก็ 8T) โดยความสว่างจะสูงกว่า 1000nits ขณะที่อัตราการตอบสนองต่อการสัมผัสหน้าจอ (Touch Sampling Rate) จะสูงถึง 240Hz นอกจากนี้ OnePlus บอกด้วยว่าความเร็วในการเรนเดอร์ 1 เฟรมจะเร็วขึ้นอีก 7% ด้วย อย่างไรก็ตามคอนเทนต์ปัจจุบันส่วนใหญ่ยังอยู่ที่ 24fps, 30fps และ 60fps เป็นส่วนใหญ่เท่านั้น ทำให้หน้าจอรีเฟรชเรทสูง ๆ ไม่มีความหมายมากนักกับคอนเทนต์เหล่านี้ OnePlus ระบุว่าจะเอาเทคโนโลยีประมวลผลภาพ MEMC (Motion Estimation and Motion Compensation) มาใช้ ช่วยให้เล่นวิดีโอ 24fps ได้ที่ 60-120fps ได้ด้วยการเพิ่มเฟรมแทรกเข้าไปให้ ซึ่ง OnePlus นำมาใช้แล้วใน OnePlus TV ที่มา - OnePlus
Mark Hamill จาก Star Wars ประกาศลบ Facebook ไม่เห็นด้วยเรื่องโฆษณาการเมือง
sunnywalker
14 January 2020 - 11:37
[ "Facebook", "Star Wars" ]
Mark Hamill หรือผู้รับบท ลุค สกายวอล์กเกอร์จาก Star Wars คืออีกหนึ่งคนที่ไม่เห็นด้วยกับนโยบายไม่แบนโฆษณาการเมืองของ Facebook เขาโพสต์ทวิตเตอร์ว่าจะลบบัญชี Facebook ทิ้ง เขาบอกว่าผิดหวังที่ มาร์ก ซักเคอเบิร์ก เห็นแก่ผลกำไรมากกว่าคุณค่าของความจริง เขาตัดสินใจจะลบบัญชี Facebook ทิ้ง และมันคงทำให้เขานอนหลับสบายขึ้น Facebook ยังยืนกรานจะไม่แบนโฆษณาการเมือง แม้มันจะมีข้อมูลเท็จ ในขณะที่ Google จะจำกัดโฆษณาประเภทนี้ ,ทวิตเตอร์ ไม่โปรโมทโฆษณาการเมือง, Spotify และ TikTok ก็ประกาศไม่รับลงโฆษณาการเมืองไปเลย ภาพจาก Shutterstock ที่มา - Business Insider
Netflix ได้เข้าชิง 24 รางวัลออสการ์ จากเรื่อง The Irishman, Marriage Story
sunnywalker
14 January 2020 - 11:13
[ "Netflix", "Oscar" ]
ผลประกาศผู้ข้าชิงรางวัลออสการ์ออกมาแล้ว และ Netflix ก็ครองจำนวนรางวัลเข้าชิงถึง 24 รางวัล เป็นจำนวนมากกว่าสตูดิโอหนังอื่นๆ โดยรางวัลส่วนใหญ่มาจากหนังเรื่อง The Irishman และ Marriage Story ซึ่งได้เข้าชิงรางวัลใหญ่ทั้งคู่คือ Best Picture หรือภาพยนตร์ยอดเยี่ยม Netflix ในระยะหลังมีชื่อในเวทีประกาศรางวัลมากขึ้น ในเวทีลูกโลกทองคำที่ผ่านมาก็ได้เข้าชิง 16 สาขา แต่ชนะมาได้รางวัลเดียวคือ นักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมจาก Marriage Story หนังที่สร้างปรากฏการณ์มากมายอย่าง Joker ซึ่งเป็นหนังที่ได้เข้าชิงมากที่สุด 11 สาขา, Parasite ชนชั้นปรสิต หนังจากเกาหลีใต้เข้าชิง 6 สาขา ที่มา - Digital Trends